บัลลังก์หมอยาเซียน 934 นั่นเป็นทางกลับบ้าน

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 934 นั่นเป็นทางกลับบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนชิงหลิงคิดแล้วก็เอ่ย “พฤติกรรมของคนคนหนึ่ง บางครั้งก็พัวพันอยู่กับวัยเด็ก เจ้าต้องให้คนไปสืบเรื่องของหงเย่ทุกอณู” ถ้าอยากมองคนหนึ่งให้กระจ่างก็ต้องรู้ทุกเรื่องของเขา แล้ววิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของเขาจากเรื่องที่เขาประสบ

“หลายวันก่อนข้าให้ท่านชายสี่ไปจัดการแล้ว อีกไม่กี่วันคงได้เรื่อง” ความคิดของหยู่เหวินเห้าเหมือนกับนางแบบไม่ได้นัดหมาย

หยวนชิงหลิงพยักหน้า “งั้นก็ให้พวกเขาไปจัดการก่อนแล้วกัน ยังไงช่วงนี้หงเย่ก็ไม่แน่ว่าจะมาเมืองหลวง จริงสิ หนานเจียงทางนั้นยังไม่ถึงเหรอ?”

ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าคนหนานเจียงที่สืบเข้าเมืองหลวงมาแล้ว ทำไมจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอีกล่ะ? หยวนชิงหลิงรู้สึกเหมือนทุกเรื่องอัดอั้นอยู่ในหัว พร้อมจะระเบิด

“มีคนที่เป็นสายสืบอยู่ทั่วเมืองหลวง แต่ถูกคนของเราจับตาตรวจสอบฐานะอย่างละเอียดแล้ว สำหรับคนหนานเจียงที่มาเมืองหลวงหลังจากมีข่าวแพร่สะพัด ข้าได้ตั้งด่านไว้ที่เมืองลวี่ คนที่เข้าเมืองหลวงต้องถูกตรวจตรงนั้นก่อน ฉะนั้นแค่มีคนหนานเจียงที่ฐานะไม่แน่ชัดมาก็จะถูกกักตัวไว้ รอตรวจสอบแน่ชัดแล้วค่อยปล่อยตัวไป ตอนนี้คนที่กักตัวไว้ส่วนมากก็เป็นคนเจียงเป่ย ทางเจียงหนานมีเหมือนกัน แต่ไม่มาก ”

แผนของหยู่เหวินเห้าคือกักตัวไว้ก่อน ให้เจ้าหยวนคลอดให้เรียบร้อย จะได้ไม่เกิดเรื่องตอนที่นางคลอดลูก ช่วงนี้หัวใจเขาก็ไม่ค่อยดี รับความกระทบกระเทือนไม่ไหว

พอถามถึงสถานการณ์ทางซาลาเปาที่กลับมาบอก หยวนชิงหลิงก็พูดแค่ว่าปกติทุกอย่าง อย่างอื่นไม่ได้พูดถึง ช่วงนี้เขายุ่งจนหัวหมุน นางไม่อยากให้เขากังวลเรื่องนี้อีก อีกอย่าง ตอนนี้สถานการณ์ก็เหมือนจะไปในทิศทางที่ดี

รอให้นักพรตฟางหยวนพักผ่อนหายดีแล้ว หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงก็เชิญเขามานั่งที่ศาลา ถวายน้ำ ถวายขนม ถึงสีหน้านักพรตฟางหยวนยังขาวซีดอยู่ แต่ก็ดีกว่าตอนที่มาถึงจวนใหม่ๆ มากแล้ว

“ท่านนักพรตดีขึ้นแล้วหรือยัง?” หยวนชิงหลิงมองเขาแล้วถาม ไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์อาของนักพรตยู่ซวีจริงๆ

“ขายหน้ากับพระชายาแล้ว” นักพรตฟางหยวนเคอะเขินเล็กน้อย หนทางมาเมืองหลวงไม่ไกล แต่เมาหนักมาก น่าขายหน้าจริงๆ

หยวนชิงหลิงหัวเราะ แล้วรินชาให้เขา “ไม่หรอกค่ะ หลายๆ คนก็เมารถเหมือนกัน ไม่น่าอายอะไร”

นักพรตฟางหยวนมองหยวนชิงหลิง เก็บกิริยา “ได้ยินหลานชายกระหม่อมว่าพระชายาสนใจเรื่องทะเลสาบจิ้งมากหรือพ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่าพระชายาทราบเรื่องทะเลสาบจิ้งมากน้อยแค่ไหน?”

“ไม่ทราบเลย!” หยวนชิงหลิงกล่าว

นักพรตฟางหยวนชะงัก ร้อนใจขึ้นเล็กน้อย เดิมเขาก็มาเพื่อขอคำชี้แนะ “ไม่ทราบเลย? แต่ยู่ซวีบอกว่าพระชายาสนใจเรื่องที่กระหม่อมหายไปจากทะเลสาบจิ้ง แล้วก็กลับมาจากที่นั่น แถมยังเหมือนทราบอะไรด้วย”

หยวนชิงหลิงจึงถาม “ท่านนักพรตเคยลงทะเลสาบจิ้งไปกี่ครั้งแล้วหรือ?”

“สองครั้งพ่ะย่ะค่ะ!”

หยวนชิงหลิงถามอีก “แล้วสองครั้งนี้ท่านไปที่ใดมา? หรือว่าไปปีไหนมา?”

นักพรตฟางหยวนตะลึง “พระชายาทรงทราบ! ทรงทราบความลับของทะเลสาบจิ้ง ท่านทราบใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?!”

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่ทราบ ข้าไม่เคยลงทะเลสาบจิ้งมาก่อน”

“เช่นนั้นท่านรู้เรื่องพวกนี้มาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” นักพรตฟางหยวนฉงนใจ “หรือว่ายังมีที่อื่นที่ไปได้?”

หยวนชิงหลิงส่ายหน้าเหมือนกัน “ท่านนักพรตบอกข้าก่อนดีกว่า ว่าสองครั้งที่ลงทะเลสาบจิ้งไปที่ใดมา และปีไหนบ้าง?”

นักพรตฟางหยวนลังเลแพล็บหนึ่ง “เออ…กระหม่อมไม่ได้มุสาหลอกลวง เพียงแต่…มีเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้จริงๆ แน่นอนว่าพูดแบบนี้คงไม่มีใครเชื่อ และองค์รัชทายาทกับพระชายาก็อาจไม่รู้จักสถานที่พวกนี้ด้วย กระหม่อมขอพูดตามตรงแล้วกัน ครั้งแรกไปที่เมืองก่วง ปี1998 อยู่มาสิบวัน ครั้งที่สองก็ไปเมืองก่วง เป็นปี 2008 อยู่มาเจ็ดวัน”

หยู่เหวินเห้าตะลึงงัน “เมืองก่วงปีอะไรนะ?!”

นักพรตฟางหยวนอธิบายไปแบบเงอะๆ งะๆ “คือปีอะนะ เป็นปีที่พวกเขาเรียกกัน ที่จริงกระหม่อมก็ไม่ค่อยทราบเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงมองหยู่เหวินเห้า “เรื่องนี้ไว้ข้าค่อยอธิบายให้ฟัง ข้ารู้ว่าคืออะไร”

ครั้นแล้วนางก็มองท่านนักพรตอีก “งั้นสองครั้งนี้ท่านกลับมาอย่างไรหรือ?”

หากจะไปมิติเวลาอื่น ก็ต้องออกทางทะเลสาบจิ้ง แต่กลับมาล่ะ? หยวนชิงหลิงอยากรู้เรื่องนี้ อีกอย่าง สถานที่ที่เขาไปทั้งสองครั้งก็ไม่เปลี่ยน เปลี่ยนแต่เวลา

นักพรตฟางหยวนก็อยากเล่าเรื่องอัศจรรย์ที่เขาพบเจอมาเหมือนกัน “พอกระหม่อมถึงที่นั่นแล้ว ก็พบว่าโลกเปลี่ยนไปหมด ตกใจมาก แต่ด้วยกระหม่อมเป็นศิษย์ในเต๋า จึงสอบถามอารามใกล้ๆ ได้ยินว่าเขาที่เขาซีเฉียวมีฝ่ายลัทธิเต๋าบูชาลื่อโจ้วอยู่เรียกว่าหอน้ำตกเซียน ก็เลยไปที่นั่น สำรวจบริเวณนั้นอยู่หลายวัน ก็ไปที่ที่เรียกว่าผานางแอ่น

เขาลูกนั้นไม่สูงมาก แต่ทิวทัศน์งดงาม ทั้งหนทางก็สร้างเป็นบันไดหินเรียบร้อย เดินทางสะดวก ในผานางแอ่นมีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง มีทะเลสาบอยู่ในนั้น ทะเลสาบลึกถึงพันฟุต น้ำใสจนเห็นถึงเบื้องล่าง พายเรือเข้าไปได้ งดงามดั่งแดนเซียน

กลางวันมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่นั่น กลางคืนไม่มีคน กระหม่อมไม่ได้พบเงินไปด้วย ก็เลยแอบปีนขึ้นเขาไป กลางคืนไม่กล้าออกไปไหน กลัวว่าวันถัดมาจะต้องปีนอีกครั้ง ก็เลยหลบอยู่ที่ผานางแอ่น

ที่นั่นมีถ้ำเล็กๆ ตกกลางคืนพอพระจันทร์ขึ้น แสงจันทร์ก็สาดเข้าไปในทะเลสาบพอดี จากนั้นทะเลสาบก็ทอแสง แสงเหล่านี้ถูกถ้ำเล็กที่อยู่ด้านข้างบดทับหมด พอพระจันทร์เคลื่อนไปอยู่กลางฟ้าแล้ว กระหม่อมก็ลงน้ำไป ปีนขึ้นอีกครั้งก็เป็นทะเลสาบจิ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เขาซีเฉียวผานางแอ่น?” หยวนชิงหลิงรู้จักที่แห่งนี้ นางเคยไป เขาซีเฉียวเป็นเขตทิวทัศน์แห่งหนึ่ง อยู่ชานเมืองก่วง ที่เขาซีเฉียวมีลัทธิขงจื้อ ลัทธิเต๋า กับศาสนาพุทธ หอน้ำตกเซียนบูชาลื่อโจ้วจริงๆ และภูมิภาพของผานางแอ่นก็เป็นซากของเหมืองหินในสมัยโบราณ

นางจำได้ว่าที่ทำงานเคยรวมกลุ่มไปเที่ยวที่นั่น เคยไปผานางแอ่นมาครั้งหนึ่ง มีทะเลสาบในถ้ำจริงๆ แต่ถ้าบอกว่าข้างนอกยังมีถ้ำเล็กๆ อีกแห่ง นี่กลับไม่อยู่ในหัว

หรือที่นั่นจะเป็นทางเข้ามิติเวลา?

พอนักพรตฟางหยวนเห็นท่าทางหยวนชิงหลิงเหมือนคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ ดวงตาก็ลุกวาว “ทรงรู้จักที่แห่งนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“รู้จัก ท่านบอกว่าแสงจันทร์ส่องเข้าไปในทะเลสาบ? แต่…ทะเลสาบนี้อยู่ในถ้ำ แล้วแสงจันทร์จะส่องเข้าถึงได้ยังไง?”

หยวนชิงหลิงไม่ค่อยรู้ภูมิศาสตร์ที่นั่นเท่าไหร่ แต่ตามหลักแล้วผานางแอ่นอยู่ระหว่างเอวเขา ทั้งสามด้านของภูเขาก็ถูกบังมิด ถึงแสงจันทร์จะส่องเข้าไปถึงผานางแอ่น แต่ก็ไม่แน่ว่าจะส่องถึงทะเลสาบ

“ตอนนั้น…” ความทรงจำของนักพรตฟางหยวนก็ไม่ชัดเหมือนกัน “ตอนนั้นอย่างกับฝัน กระหม่อมจำไม่ค่อยชัด แต่ดูแล้วก็น่าจะเป็นแสงจันทร์ส่องเข้ามานั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน เอ่ยถาม “แล้วหลังจากที่ท่านกระโดดลงไป ก็ปรากฏตัวที่เมืองก่วงเลยหรือ?”

ถ้าพูดว่าผานางแอ่นกับทะเลสาบจิ้งเป็นจุดเชื่อมมิติเวลา เช่นนั้นเขาก็น่าจะปรากฏตัวที่ผานางแอ่น ไม่ใช่ที่เมืองก่วง

“พ่ะย่ะค่ะ บนเขาเมฆขาวเมืองก่วง” นักพรตฟางหยวนกล่าว

หยวนชิงหลิงตะลึง เกิดอะไรขึ้น? ผิดพลาด? หักเห? หรือว่ามิติเวลาเป็นเส้นโค้ง?

“ทั้งสองครั้งก็ที่เขาเมฆขาวหรือ?”

นักพรตฟางหยวนพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ นอกจากเวลาที่ไม่เหมือนกันแล้ว สถานที่ก็เหมือนเดิม”

สถานที่เดิม เวลาไม่เหมือนเดิม เช่นนั้นก็เป็นพิกัดที่แน่ชัดไม่ได้ “งั้นตอนที่ท่านกระโดดลงทะเลสาบ เวลาหรือสถานที่ต่างกันหรือไม่?”

“เวลาที่กระโดดลงไปน่าจะไม่เหมือนกัน แต่จุดที่ลงทะเลสาบเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ”

ดูท่าทางเข้าของทะเลสาบจิ้งจะถูกแล้ว แต่ความต่างของเวลา…ถ้าจะให้แน่ชัดก็ต้องปรับเวลาที่กระโดดลงทะเลสาบให้สอดคล้องกับปีที่ข้ามไป

นี่เป็นการคำนวณที่ยากมาก ต้องคำนวณการทับซ้อนของเวลาหรือเส้นโค้งหักเห ในนั้นมีอยู่สามจุด นางต้องคำนวณออกมาให้ได้ เพราะนั่นเป็นหนทางกลับบ้าน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บัลลังก์หมอยาเซียน 934 นั่นเป็นทางกลับบ้าน

Now you are reading บัลลังก์หมอยาเซียน Chapter 934 นั่นเป็นทางกลับบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนชิงหลิงคิดแล้วก็เอ่ย “พฤติกรรมของคนคนหนึ่ง บางครั้งก็พัวพันอยู่กับวัยเด็ก เจ้าต้องให้คนไปสืบเรื่องของหงเย่ทุกอณู” ถ้าอยากมองคนหนึ่งให้กระจ่างก็ต้องรู้ทุกเรื่องของเขา แล้ววิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของเขาจากเรื่องที่เขาประสบ

“หลายวันก่อนข้าให้ท่านชายสี่ไปจัดการแล้ว อีกไม่กี่วันคงได้เรื่อง” ความคิดของหยู่เหวินเห้าเหมือนกับนางแบบไม่ได้นัดหมาย

หยวนชิงหลิงพยักหน้า “งั้นก็ให้พวกเขาไปจัดการก่อนแล้วกัน ยังไงช่วงนี้หงเย่ก็ไม่แน่ว่าจะมาเมืองหลวง จริงสิ หนานเจียงทางนั้นยังไม่ถึงเหรอ?”

ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าคนหนานเจียงที่สืบเข้าเมืองหลวงมาแล้ว ทำไมจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอีกล่ะ? หยวนชิงหลิงรู้สึกเหมือนทุกเรื่องอัดอั้นอยู่ในหัว พร้อมจะระเบิด

“มีคนที่เป็นสายสืบอยู่ทั่วเมืองหลวง แต่ถูกคนของเราจับตาตรวจสอบฐานะอย่างละเอียดแล้ว สำหรับคนหนานเจียงที่มาเมืองหลวงหลังจากมีข่าวแพร่สะพัด ข้าได้ตั้งด่านไว้ที่เมืองลวี่ คนที่เข้าเมืองหลวงต้องถูกตรวจตรงนั้นก่อน ฉะนั้นแค่มีคนหนานเจียงที่ฐานะไม่แน่ชัดมาก็จะถูกกักตัวไว้ รอตรวจสอบแน่ชัดแล้วค่อยปล่อยตัวไป ตอนนี้คนที่กักตัวไว้ส่วนมากก็เป็นคนเจียงเป่ย ทางเจียงหนานมีเหมือนกัน แต่ไม่มาก ”

แผนของหยู่เหวินเห้าคือกักตัวไว้ก่อน ให้เจ้าหยวนคลอดให้เรียบร้อย จะได้ไม่เกิดเรื่องตอนที่นางคลอดลูก ช่วงนี้หัวใจเขาก็ไม่ค่อยดี รับความกระทบกระเทือนไม่ไหว

พอถามถึงสถานการณ์ทางซาลาเปาที่กลับมาบอก หยวนชิงหลิงก็พูดแค่ว่าปกติทุกอย่าง อย่างอื่นไม่ได้พูดถึง ช่วงนี้เขายุ่งจนหัวหมุน นางไม่อยากให้เขากังวลเรื่องนี้อีก อีกอย่าง ตอนนี้สถานการณ์ก็เหมือนจะไปในทิศทางที่ดี

รอให้นักพรตฟางหยวนพักผ่อนหายดีแล้ว หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงก็เชิญเขามานั่งที่ศาลา ถวายน้ำ ถวายขนม ถึงสีหน้านักพรตฟางหยวนยังขาวซีดอยู่ แต่ก็ดีกว่าตอนที่มาถึงจวนใหม่ๆ มากแล้ว

“ท่านนักพรตดีขึ้นแล้วหรือยัง?” หยวนชิงหลิงมองเขาแล้วถาม ไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์อาของนักพรตยู่ซวีจริงๆ

“ขายหน้ากับพระชายาแล้ว” นักพรตฟางหยวนเคอะเขินเล็กน้อย หนทางมาเมืองหลวงไม่ไกล แต่เมาหนักมาก น่าขายหน้าจริงๆ

หยวนชิงหลิงหัวเราะ แล้วรินชาให้เขา “ไม่หรอกค่ะ หลายๆ คนก็เมารถเหมือนกัน ไม่น่าอายอะไร”

นักพรตฟางหยวนมองหยวนชิงหลิง เก็บกิริยา “ได้ยินหลานชายกระหม่อมว่าพระชายาสนใจเรื่องทะเลสาบจิ้งมากหรือพ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่าพระชายาทราบเรื่องทะเลสาบจิ้งมากน้อยแค่ไหน?”

“ไม่ทราบเลย!” หยวนชิงหลิงกล่าว

นักพรตฟางหยวนชะงัก ร้อนใจขึ้นเล็กน้อย เดิมเขาก็มาเพื่อขอคำชี้แนะ “ไม่ทราบเลย? แต่ยู่ซวีบอกว่าพระชายาสนใจเรื่องที่กระหม่อมหายไปจากทะเลสาบจิ้ง แล้วก็กลับมาจากที่นั่น แถมยังเหมือนทราบอะไรด้วย”

หยวนชิงหลิงจึงถาม “ท่านนักพรตเคยลงทะเลสาบจิ้งไปกี่ครั้งแล้วหรือ?”

“สองครั้งพ่ะย่ะค่ะ!”

หยวนชิงหลิงถามอีก “แล้วสองครั้งนี้ท่านไปที่ใดมา? หรือว่าไปปีไหนมา?”

นักพรตฟางหยวนตะลึง “พระชายาทรงทราบ! ทรงทราบความลับของทะเลสาบจิ้ง ท่านทราบใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?!”

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่ทราบ ข้าไม่เคยลงทะเลสาบจิ้งมาก่อน”

“เช่นนั้นท่านรู้เรื่องพวกนี้มาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” นักพรตฟางหยวนฉงนใจ “หรือว่ายังมีที่อื่นที่ไปได้?”

หยวนชิงหลิงส่ายหน้าเหมือนกัน “ท่านนักพรตบอกข้าก่อนดีกว่า ว่าสองครั้งที่ลงทะเลสาบจิ้งไปที่ใดมา และปีไหนบ้าง?”

นักพรตฟางหยวนลังเลแพล็บหนึ่ง “เออ…กระหม่อมไม่ได้มุสาหลอกลวง เพียงแต่…มีเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้จริงๆ แน่นอนว่าพูดแบบนี้คงไม่มีใครเชื่อ และองค์รัชทายาทกับพระชายาก็อาจไม่รู้จักสถานที่พวกนี้ด้วย กระหม่อมขอพูดตามตรงแล้วกัน ครั้งแรกไปที่เมืองก่วง ปี1998 อยู่มาสิบวัน ครั้งที่สองก็ไปเมืองก่วง เป็นปี 2008 อยู่มาเจ็ดวัน”

หยู่เหวินเห้าตะลึงงัน “เมืองก่วงปีอะไรนะ?!”

นักพรตฟางหยวนอธิบายไปแบบเงอะๆ งะๆ “คือปีอะนะ เป็นปีที่พวกเขาเรียกกัน ที่จริงกระหม่อมก็ไม่ค่อยทราบเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงมองหยู่เหวินเห้า “เรื่องนี้ไว้ข้าค่อยอธิบายให้ฟัง ข้ารู้ว่าคืออะไร”

ครั้นแล้วนางก็มองท่านนักพรตอีก “งั้นสองครั้งนี้ท่านกลับมาอย่างไรหรือ?”

หากจะไปมิติเวลาอื่น ก็ต้องออกทางทะเลสาบจิ้ง แต่กลับมาล่ะ? หยวนชิงหลิงอยากรู้เรื่องนี้ อีกอย่าง สถานที่ที่เขาไปทั้งสองครั้งก็ไม่เปลี่ยน เปลี่ยนแต่เวลา

นักพรตฟางหยวนก็อยากเล่าเรื่องอัศจรรย์ที่เขาพบเจอมาเหมือนกัน “พอกระหม่อมถึงที่นั่นแล้ว ก็พบว่าโลกเปลี่ยนไปหมด ตกใจมาก แต่ด้วยกระหม่อมเป็นศิษย์ในเต๋า จึงสอบถามอารามใกล้ๆ ได้ยินว่าเขาที่เขาซีเฉียวมีฝ่ายลัทธิเต๋าบูชาลื่อโจ้วอยู่เรียกว่าหอน้ำตกเซียน ก็เลยไปที่นั่น สำรวจบริเวณนั้นอยู่หลายวัน ก็ไปที่ที่เรียกว่าผานางแอ่น

เขาลูกนั้นไม่สูงมาก แต่ทิวทัศน์งดงาม ทั้งหนทางก็สร้างเป็นบันไดหินเรียบร้อย เดินทางสะดวก ในผานางแอ่นมีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง มีทะเลสาบอยู่ในนั้น ทะเลสาบลึกถึงพันฟุต น้ำใสจนเห็นถึงเบื้องล่าง พายเรือเข้าไปได้ งดงามดั่งแดนเซียน

กลางวันมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่นั่น กลางคืนไม่มีคน กระหม่อมไม่ได้พบเงินไปด้วย ก็เลยแอบปีนขึ้นเขาไป กลางคืนไม่กล้าออกไปไหน กลัวว่าวันถัดมาจะต้องปีนอีกครั้ง ก็เลยหลบอยู่ที่ผานางแอ่น

ที่นั่นมีถ้ำเล็กๆ ตกกลางคืนพอพระจันทร์ขึ้น แสงจันทร์ก็สาดเข้าไปในทะเลสาบพอดี จากนั้นทะเลสาบก็ทอแสง แสงเหล่านี้ถูกถ้ำเล็กที่อยู่ด้านข้างบดทับหมด พอพระจันทร์เคลื่อนไปอยู่กลางฟ้าแล้ว กระหม่อมก็ลงน้ำไป ปีนขึ้นอีกครั้งก็เป็นทะเลสาบจิ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เขาซีเฉียวผานางแอ่น?” หยวนชิงหลิงรู้จักที่แห่งนี้ นางเคยไป เขาซีเฉียวเป็นเขตทิวทัศน์แห่งหนึ่ง อยู่ชานเมืองก่วง ที่เขาซีเฉียวมีลัทธิขงจื้อ ลัทธิเต๋า กับศาสนาพุทธ หอน้ำตกเซียนบูชาลื่อโจ้วจริงๆ และภูมิภาพของผานางแอ่นก็เป็นซากของเหมืองหินในสมัยโบราณ

นางจำได้ว่าที่ทำงานเคยรวมกลุ่มไปเที่ยวที่นั่น เคยไปผานางแอ่นมาครั้งหนึ่ง มีทะเลสาบในถ้ำจริงๆ แต่ถ้าบอกว่าข้างนอกยังมีถ้ำเล็กๆ อีกแห่ง นี่กลับไม่อยู่ในหัว

หรือที่นั่นจะเป็นทางเข้ามิติเวลา?

พอนักพรตฟางหยวนเห็นท่าทางหยวนชิงหลิงเหมือนคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ ดวงตาก็ลุกวาว “ทรงรู้จักที่แห่งนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“รู้จัก ท่านบอกว่าแสงจันทร์ส่องเข้าไปในทะเลสาบ? แต่…ทะเลสาบนี้อยู่ในถ้ำ แล้วแสงจันทร์จะส่องเข้าถึงได้ยังไง?”

หยวนชิงหลิงไม่ค่อยรู้ภูมิศาสตร์ที่นั่นเท่าไหร่ แต่ตามหลักแล้วผานางแอ่นอยู่ระหว่างเอวเขา ทั้งสามด้านของภูเขาก็ถูกบังมิด ถึงแสงจันทร์จะส่องเข้าไปถึงผานางแอ่น แต่ก็ไม่แน่ว่าจะส่องถึงทะเลสาบ

“ตอนนั้น…” ความทรงจำของนักพรตฟางหยวนก็ไม่ชัดเหมือนกัน “ตอนนั้นอย่างกับฝัน กระหม่อมจำไม่ค่อยชัด แต่ดูแล้วก็น่าจะเป็นแสงจันทร์ส่องเข้ามานั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน เอ่ยถาม “แล้วหลังจากที่ท่านกระโดดลงไป ก็ปรากฏตัวที่เมืองก่วงเลยหรือ?”

ถ้าพูดว่าผานางแอ่นกับทะเลสาบจิ้งเป็นจุดเชื่อมมิติเวลา เช่นนั้นเขาก็น่าจะปรากฏตัวที่ผานางแอ่น ไม่ใช่ที่เมืองก่วง

“พ่ะย่ะค่ะ บนเขาเมฆขาวเมืองก่วง” นักพรตฟางหยวนกล่าว

หยวนชิงหลิงตะลึง เกิดอะไรขึ้น? ผิดพลาด? หักเห? หรือว่ามิติเวลาเป็นเส้นโค้ง?

“ทั้งสองครั้งก็ที่เขาเมฆขาวหรือ?”

นักพรตฟางหยวนพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ นอกจากเวลาที่ไม่เหมือนกันแล้ว สถานที่ก็เหมือนเดิม”

สถานที่เดิม เวลาไม่เหมือนเดิม เช่นนั้นก็เป็นพิกัดที่แน่ชัดไม่ได้ “งั้นตอนที่ท่านกระโดดลงทะเลสาบ เวลาหรือสถานที่ต่างกันหรือไม่?”

“เวลาที่กระโดดลงไปน่าจะไม่เหมือนกัน แต่จุดที่ลงทะเลสาบเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ”

ดูท่าทางเข้าของทะเลสาบจิ้งจะถูกแล้ว แต่ความต่างของเวลา…ถ้าจะให้แน่ชัดก็ต้องปรับเวลาที่กระโดดลงทะเลสาบให้สอดคล้องกับปีที่ข้ามไป

นี่เป็นการคำนวณที่ยากมาก ต้องคำนวณการทับซ้อนของเวลาหรือเส้นโค้งหักเห ในนั้นมีอยู่สามจุด นางต้องคำนวณออกมาให้ได้ เพราะนั่นเป็นหนทางกลับบ้าน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+