ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ 20 ความลับที่ซ่อนไว้

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ Chapter 20 ความลับที่ซ่อนไว้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูหนานอีสังเกตเห็นเบางสิ่งจากที่นางได้พบกับไท่เฟยก่อนหน้านี้

จวนอ๋องเป่ยลี้เป็นตระกูลระดับใดกัน? เหตุใดจึงต้องเห็นค่าตระกูลพ่อค้าเล็กๆเช่นตระกูลซูด้วย?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ซูหว่านเอ้อร์สร้างเรื่องอื้อฉาวเช่นนั้นขึ้นมา แต่ก็ยังเลือกนาง

บัดนี้ เมื่อฟังคำกล่าวของไท่เฟย นางจึงรู้ว่าตนเดามิผิด มันต้องมีเหตุผลแน่นอน

แท้จริงแล้ว มิว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใดก็ตาม ซูหนานอีเพียงแค่อยากอยู่กับหยุนจิ่ง ตอบแทนความใจดีของเขาและรักษาเขา

เมื่อไปถึงประตูความคิดก็หยุดลง โมโม่ที่เฝ้าประตูเอ่ยทักทายชด้วยรอยยิ้มทันที "ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ"

หยุนจิ่งพยักหน้าและชี้ไปที่ซูหนานอี "ถวายความเคารพแก่เหนียงจื่อของข้าด้วย"

โมโม่ตกใจ จากนั้นจึงได้ยิ้มและโค้งคำนับ "คุณหนูซู"

ซูหนานอีเอียงตัวเล็กน้อย "โมโม่มิต้องเป็นทางการเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ"

เมื่อหยุนหลิ่วเห็นฉากนี้ ความมืดมนในดวงตาของนางก็ฉายออกมา แล้วกล่าวด้วยเสียงหัวเราะว่า "คุณหนูซูคือพระชายาท่านอ๋องของเราในอนาคต สมควรที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้แล้ว การวางตัวตั้งแต่เนิ่นๆสามารถทำให้พวกนางรู้ว่าใครคือนาย"

หัวใจของซูหนานอีจมดิ่งลงเล็กน้อย แต่ใบหน้าของนางมิได้แปรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย "โมโม่คือคนของไท่เฟย ข้าจะวางตัวสูงส่งไปเพื่อสิ่งใด ข้าเพียงต้องการอยู่กับจิ่งเอ้อร์และดูแลเขาเท่านั้น"

ดวงตาของซูหนานอีหันมามองแม่นางข้างๆ "แม่นางผู้นี้……เป็นนายใดในจวนอ๋องเป่ยลี้กัน? มองดูแล้วน่าเกรงขามมิน้อย"

หยุนหลิ่วแทบสำลัก รอยยิ้มอันอ่อนโยนของนางกล่าวว่า "ข้าหรือจะเป็นนาย? คุณหนูซูอย่าได้ล้อข้าเล่นเลย"

ซูหนานอีมองดูนางด้วยรอยยิ้ม หยุนหลิ่วเพียงรู้สึกว่าดวงตาคู่นี้ช่างสว่างไสว ทำให้หัวใจของนางตึงเครียดขึ้นมา

"คุณหนูซูเจ้าคะ เชิญเข้ามาเร็วๆเถิด อย่าให้ไท่เฟยรอนาง"

หยุนจิ่งดึงซูหนานอีเข้าไปในเรือยโดยมิแม้แต่จะเหลียวมองหยุนหลิ่ว

"เสด็จแม่ พวกเรามาแล้ว" หยุนจิ่งตะโกนขึ้นทันทีที่ก้าวเข้าไปมายังประตู "เตรียมขนมไว้แล้วหรือยัง?"

ไท่เฟยได้ยินบทสนทนาที่เพิ่งเกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน นางรู้สึกประทับใจกับวลีของซูหนานอียิ่งนัก "ข้าแค่อยากจะใช้ชีวิตกับจิ่งเอ้อร์"

"จิ่งเอ้อร์หิวหรือไม่?" ไท่เฟยยิ้มและโบกมือเรียก "มาหาแม่สิ แม่เตรียมไว้ให้แล้ว"

หยุนจิ่งมองดูขนมบนโต๊ะท่าทางค่อนข้างพอใจ "มิใช่ว่าข้าหิวหรอกท่านแม่ แต่เหนียงจื่ออยากกิน"

ซูหนานอีรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ไท่เฟยกลับหัวเราะคิกคัก "เอาล่ะ ข้าฟังตามจิ่งเอ้อร์ต้องการ"

หยุนจิ่งแบ่งติ่มซำรสเลิศอย่างละครึ่งลงในจานแล้วส่งให้ซูหนานอี "เหนียงจื่อ เชิญชิมดู"

ซูหนานอีคารวะไท่เฟยก่อน ส่วนไท่เฟยก็ได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "คุณหนูซูมิต้องเกรงใจไป จิ่งเอ้อร์ให้ท่านแล้ว รับไว้เถิด"

ซูหนานอีหยิบจานขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง นางมิได้หิวจริงๆ แต่นางต้องชิมทุกอย่างเพราะสายตาของหยุนจิ่งที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

"เหนียงจื่อ อร่อยหรือไม่? เพียงพอหรือไม่?"

"อร่อยมาก สิ่งที่จิ่งเอ้อร์ให้มาล้วนอร่อยทั้งนั้น ข้าพอแล้วละ" ซูหนานอีพยักหน้า

ปากของหยุนจิ่งเปิดกว้างและยิ้มขึ้น ดวงตาของเขามีเพียงซูหนานอีเท่านั้น

ไท่เฟยมองไปอย่างมีความสุข "คุณหนูซู เมื่อใดที่มีเวลาว่างก็สามารถเดินทางมาเล่นกับหยุนจิ่งได้ที่นี่ จวนอ๋องเป่ยลี้ของเรามิได้มีกฎเกณฑ์ใดมากมายนัก ตราบใดที่ทำให้จิ่งเอ้อร์มีความสุขได้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็มิสำคัญ"

การวางตัวและนิสัยของไท่เฟยช่างเป็นที่พึงพอใจสำหรับซูหนานอียิ่ง นางจึงโค้งตัวกล่าวว่า "เพคะ หนานอีเข้าใจแล้ว"

ไท่เฟยชอบท่าทางอันตรงไปตรงมาของนาง ยิ่งมองยิ่งชอบ ดีกว่าซูหว่านเอ้อร์จอมเสแสร้งมากนัก

หยุนหลิ่วเดินไปยังโต๊ะน้ำชาและยิ้มขึ้นอย่างขมขื่น "ไท่เฟยเพคะ ชาเย็นหมดแล้ว ข้าน้อยจะทำมาให้อีกถ้วย"

"อืม" ไท่เฟยกล่าวกับซูหนานอีว่า "คุณหนูซูอาจจะมิรู้ ทักษะการชงชาของหยุนหลิ่วยอดเยี่ยมยิ่ง ประเดี๋ยวจงลองลิ้มรสดู"

คิ้วของซูหนานอีขมวดขึ้นอย่างมิรู้ตัว ชงชางั้นหรือ?

เมื่อหยุนหลิ่วได้ยินคำชมของไท่เฟยจึงยิ้มอย่างนุ่มนวล "ไท่เฟยชมกันเกินไปแล้วเพคะ เพียงแค่ทักษะเล็กน้อย กลับชมข้าเสียใหญ่ ข้าอายคุณหนูซูนะเพคะ"

ซูหนานอีหัวเราะเยาะอยู่ในใจ หยุนหลิ่วนี้ความสามารถสูงกว่าซูหว่านเอ้อร์มาก โจมตีนางโดยมิมีใครขัดขวางและมิส่งเสียงใดๆ

หยุนจิ่งดึงแขนเสื้อของซูหนานอี "เหนียงจื่อ รู้วิธีชงชาไหม?"

หยุนหลิ่วกะพริบตาเบาๆ นางได้ยินซูหนานอีหัวเราะ "เรียกว่าเป็นก็ย่อมได้"

"ถ้าอย่างนั้นเหนียงจื่อทำให้จิ่งเอ้อร์ได้หรือไม่? จิ่งเอ้อร์อยากดื่มชาที่ชงโดยเหนียงจื่อ" ดวงตาของหยุนจิ่งเป็นประกาย "ได้หรือไม่?"

ซูหนานอีมิลังเล "ย่อมได้ เพียงแต่ต้องรอข้าสักครู่"

"เพราะเหตุใด?" หยุนจิ่งสงสัย

ซูหนานอียิ้มและมองไปทางหยุนหลิ่ว "รอให้นางชงเสร็จก่อนสิ"

หยุนจิ่งขมวดคิ้วและมองไปทางหยุนหลิ่ว "เร็วเข้าสิ! หรือไม่ก็มิต้องชงแล้ว!"

เมื่อครู่หยุนหลิ่วยังคงภาคภูมิใจ นางมั่นใจว่าฝีมือการชงชาของนางอาจมิได้ดีที่สุดในเมืองหลวงนี้ แต่อย่างน้อยก็อยู่ในสามอันดับแรก!

ซูหนานอีเป็นเพียงบุตรสาวของพ่อค้าธรรมดาๆ นางจะไปเข้าใจอะไร?

จู่ๆหยุนจิ่งก็ดุดัน ทำให้มือของนางสั่น ถ้วยชาในมือเมื่อครู่เอนเอียง น้ำร้อนๆทะลักออกมา ความร้อนทำให้นางตื่นตระหนก

ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ ถ่านไฟในเตามิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางชัดเจนว่าควบคุมไฟให้เหมาะสมแล้ว แต่จู่ๆไฟกลับลุกลามขึ้นมาดื้อๆ บางอย่างในถ่านระเบิดออกดัง "โป๊ะ!" ประกายไฟปรากฏขึ้นและบางส่วนก็ตกลงที่ชายกระโปรงของนาง

"อ๊ะ!" นางอุทานด้วยความตกใจแล้วรีบลุกขึ้นยืน กระทืบเท้ากรีดร้อง แต่ประกายไฟที่กระโปรงกระโปรงยังคงมิลดน้อยลง

สาวใช้ที่อยู่ข้างๆนางก็กังวลเช่นกัน จึงหยิบชาที่เย็นแล้วซึ่งวางไว้บนโต๊ะเทลงไป

เมื่อไฟดับก แต่กระโปรงก็เปียก มีใบชาสองสามใบคงเปื้อนอยู่ตรงรูไหม้เกรียมสีดำน่าขัน

ไท่เฟยขมวดคิ้วจ้องมองมาที่นาง "ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ!"

หยุนหลิ่วกัดริมฝีปากด้วยความละอาย หลังจากทำความคารวะแล้วก็ได้เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ซูหนานอีก้มหน้าลง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏในดวงตาของนาง นิ้วของนางขยับเล็กน้อย ผงสีขาวตรงปลายนิ้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

"นางไปแล้ว เหนียงจื่อ เจ้าชงชาเลยได้หรือไม่?" หยุนจิ่งถามอย่างมีความสุข

ซูหนานอีพยักหน้า "เอาล่ะ หากจิ่งเอ้อร์ต้องการดื่ม เช่นนั้นข้าก็จะลองดู"

รอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้าของไท่เฟย เหยียนโมโม่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปลี่ยนชุดน้ำชา โดยมีซูหนานอีนั่งอยู่หน้าโต๊ะน้ำชา

ทันทีที่นางเริ่มต้น ไท่เฟยและเหยียนโมโม่ก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

ซูหนานอีเคลื่อนไหวออ่อนโยนดุจเมฆและธารน้ำไหล ไอน้ำจางๆ กลิ่นหอมลอยคลุ้ง ชาสีใสสะอาด เมื่อรินน้ำชาลงไปก็ปรากฏเหมือนดอกโบตั๋นกำลังเบ่งบาน

"นี่คือ……" ไท่เฟยประหลาดใจและตื่นเต้น "คุณหนูซูรู้วิธีนี้ได้อย่างไร?"

หยุนจิ่งปรบมือและหัวเราะ "เหนียงจื่อ! น่าทึ่งมากจริงๆ ชาที่ชงสามารถเบ่งบานได้ด้วย งดงามมาก!"

ซูหนานอียิ้มเบาๆ นางถือถ้วยชาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วยื่นให้ไท่เฟยก่อน "หม่อมฉันมิบังอาจ ความสามารถยังมินับว่าเป็นเลิศ ก่อนหน้านี้ได้บังเอิญพบเข้ากับท่านอาวุโสผู้หนึ่ง จึงได้ศึกษามาบ้างเล็กน้อยเพคะ"

ไท่เฟยจิบชาแล้วพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า "เพียงเล็กน้อยของเจ้า คาดว่าทำให้เมืองหลวงต้องตกตะลึงได้!"

ซูหนานอีคิดอยู่ในใจว่า แน่นอนอยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่อาจารย์ซิงฮั่นสอนข้าด้วยตนเอง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะชาหาได้ยากในรอบร้อยปีเชียว!

นางยื่นถ้วยชาให้หยุนจิ่ง ดวงตาของหยุนจิ่งก็เป็นประกาย "ชาที่เหนียงจื่อชงนั้นอร่อยยิ่ง! รสดีที่สุดในโลก!"

หลังจากดื่มชาและกินขนมเรียบร้อยแล้ว หยุนจิ่งก็มิสามารถนั่งนิ่งๆต่อไปได้ จึงพาซูหนานอีกล่าวลากับไท่เฟย พานางเดินเล่นไปทั่วจวน

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง เขาได้ส่งซูหนานอีกลับจวนซูอย่างมิเต็มใจ

"เหนียงจื่อ พรุ่งนี้ข้ายังสามารถมาเล่นกับท่านได้หรือไม่?" หยุนจิ่งถามขึ้นทันใดด้วยแววตาที่วาววับ

ซูหนานอีมิอยากปฏิเสธ แต่ในเวลานี้นางทำได้เพียงตัดใจ "พรุ่งนี้มิได้ เอาอย่างนี้ หากเจ้าทำตัวดี วันมะรืนข้าจะไปเล่นด้วย ดีหรือไม่?"

หยุนจิ่งรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินว่าวันมะรืนนางจะมาเล่นด้วย เขาก็มีความสุขขึ้นมา "ถ้าเช่นนั้น เหนียงจื่อ ข้าจะมารับเช้าตรู่ของวันมะรืน แล้วเราสองคนไปร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ตกลงหรือไม่?"

"อืม ตกลงตามนี้!"

ทันทีที่รถม้าของจวนอ๋องเป่ยลี้ขี่ออกไป ซูหว่านเอ้อร์ก็ได้รับข่าวเช่นกัน

ดวงตาของนางแดงก่ำด้วยความโกรธ "นางแพศยา หน้าด้าน! กล้าทำท่าทางหยอกล้อต่อกระซิกกับชายหนุ่มถึงหน้าจวน!"

ชุนหลิงสาวใช้ประจำตัวของนางเดินผ่านผ้าม่านเข้ามาพร้อมกระซิบที่หูของนางว่า "คุณหนูเจ้าคะ เสี่ยวชุยจือเดินทางมาที่นี่ กล่าวว่าพบสิ่งที่คุณหนูต้องการแล้ว"

"เร็วเข้า บอกให้เขาเข้ามา!" ซูหว่านเอ้อร์ยิ้มอย่างมีความสุข "ซูหนานอี ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะหยิ่งผยองได้อีกนานเท่าใด!"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด