ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ 62 เสียดายที่เจ้าต้องเผชิญกับข้า

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ Chapter 62 เสียดายที่เจ้าต้องเผชิญกับข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเวลานี้บรรยากาศแบบนี้ จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะส่งมา ทำให้คนรู้สึกขนลุก!ซูหนานอีมองไปดูห้องในทิศเหนือห้องนั้น กระดาษบนหน้าต่างที่ทรุดโทรมก็ขาดรุ่งริ่งเช่นกัน สามารถเห็นร่างข้างในได้อยู่ คนนั้นใช้มือปิดปากไว้ ปิ่นปักผมบนศีรษะของคนนั้นส่งแสงเจิดจ้าในท่ามกลางความมืด ไม่เข้ากับเรือนที่ทรุดโทรมนี้เลย

หยุนหลิ่ว ซูหนานอีหรี่ตาเล็กน้อย นางเตรียมจะเดินขึ้นหน้าไป เสี่ยวชีดึงนางเอาไว้ และส่ายหน้าใส่นาง

ซูหนานอีชี้ไปที่เรือน และพูดแบบไร้เสียง”ข้างหลังเรือน”

เสี่ยวชีทำอะไรไม่ได้ มีแต่ต้องเดินตาม หน้าต่างของข้างหลังเรือนก็ขาดรุ่งริ่งเช่นกัน สามารถมองเห็นฉากในข้างในได้พอดี

หยุนหลิ่วยืนอยู่กลางห้อง ในห้องไม่มีเครื่องเรือนเครื่องใช้เลย แม้กระทั่งเก้าอี้ยังไม่มี มีคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในมุมห้อง และมองหยุนหลิ่วด้วยความโกรธ

ผมของนางยุ่งเหยิงไปหมด ใบหน้าก็สกปรกอยู่ สิ่งสกปรกเติมหน้า มองไม่ออกว่าหน้าตาเดิมเป็นอย่างไร รู้แค่ว่าอายุไม่มาก ดวงตาก็สว่างมาก ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วบความโกรธอยู่ มือของนางกำลังจับฟางที่อยู่ข้างล่างอย่างแน่น ยืดขาตรง เหมือนขยับไม่ได้เลย

หยุนหลิ่วยิ้มอย่างภูมิใจ ภายในดวงตาเต็มไปด้วยแสงที่โหดเหี้ยม”อุ้ย เจ้าใช้สายตาแบบนี้มองข้าทำไม?เจ้ารู้สึกว่าเจ้ามองข้าแบบนี้ ข้าจะจะกลัวเจ้าหรือ?”

ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้พูด เสียงของหยุนหลิ่วเปลี่ยนเป็นโหดร้ายอำมหิตทันที”เชื่อไหมว่าข้าจะขุดดวงตาของเจ้าออกมา!”

ผู้หญิงยังคงไม่เอ่ยเสียงใดๆ แค่จ้องนางอย่างโหดเหี้ยม จู่ๆหยุนหลิ่วก็ใช้ผ้าปิดจมูกแล้วหัวเราะขึ้นมา”กลัวหรือ?ฮ่าๆ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ใช่เจ้ากลายเป็นคนตาบอดหรอก ข้าจะให้ข้าเป็นใบ้ ให้เจ้าเดินไม่ได้ แต่ไม่มีวันให้เจ้าตาบอดหรอก เจ้าต้องดูให้ดี ดูสิว่าข้าจะทดแทนเจ้ามีชีวิตที่สุขสบายในจวนอ๋องยังไง”

“แค้นไหม?”หยุนหลิ่วก้มหน้าเล็กน้อย ใช้ผ้าปิดจมูกด้วยความรังเกียจ”เหม็นจริงๆเลย หลิวซาง ตอนนั้นที่เจ้ามาโอ้อวดต่อหน้าข้า เคยคิดหรือเปล่าว่าจะมีวันนี้?”

“ฮือ……”น้ำเสียงของหลิวซางแหบแห้ง เปล่งเสียงออกมาไม่ได้เลย นางพยายามจะลุกขึ้นมา แต่ไม่มีผลใดๆ

“ฮ่าๆ เจ้าอย่าเสียแรงเปล่าๆเลย!”น้ำเสียงของหยุนหลิ่วเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม”เจ้าดูลักษณะในตอนนี้ของเจ้าสิ ข้าเห็นแล้วรู้สึกสะใจมาก!เจ้ารู้ไหมว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ข้าเริ่มเกลียดเจ้า?ข้าต้องคิดก่อน คือตั้งแต่ตอนที่เจ้าได้รับรางวัลที่ไท่เฟยพระราชทานให้ แล้วทำเป็นใจดีแบ่งให้ข้าหน่อยนึง?หรือเป็นตอนนั้นที่เจ้าได้รับการชื่นชมจากไท่เฟย ก็เลยกลับมาโอ้อวดกับข้า?”

หลิวซางร้องไห้ออกมา หยุนหลิ่วยกมือไปหยิบพู่ที่ตกลงสู่พื้น”ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร ข้าก็แค่อยากจะพูดว่าเจ้าไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น แค่อยากจะแบ่งปันให้ข้าด้วยความหวังดี แค่อยากจะดูแลข้าในฐานะที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า”

“แต่ว่าหลิวซาง ข้าจะยอมได้อย่างไรเล่า?เจ้าเทียบกับข้าไม่ได้สักอย่าง ไปๆมาๆก็เป็นแค่คนใช้เท่านั้น พยายามขนาดไหนก็เป็นแค่บ่าวทาสเท่านั้น ส่วนข้า ถูกไท่เฟยพระราชทานนามสกุลให้ ไม่แตกต่างจากคุณหนูในจวนนี้เลย”น้ำเสียงของหยุนหลิ่วสูงบ้างต่ำบ้าง โหดเหี้ยมบ้างยิ้มบ้าง ราวกับผี

ซูหนานอีคิดในใจว่า ใจของคนนั้นน่ากลัวกว่าผีจริงๆ

หยุนหลิ่วเดินหน้าขึ้นไปก้าวหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ”หลิวซาง ข้าจะบอกข่าวดีให้เจ้า วันนี้ไท่เฟยมีใจที่จะให้ข้าแต่งงานกับท่ายอ๋อง รอหลังจากท่านอ๋องเสร็จงานอภิเษกสมรสแล้ว ข้าก็จะได้เป็นเมียน้อยของท่านอ๋อง กลายเป็นเจ้านายที่แท้จริง เจ้าต้องมีชีวิตอยู่อย่างดี พอดีเวลาข้าจะประทานอาหารอร่อยๆมื้อหนึ่งให้เจ้า”

หลิวซางส่ายหน้าและร้องไห้ ดวงตาเกือบจะพ่นไฟออกมา แต่หยุนหลิ่วกลับหัวเราะอย่างสะใจ พอหัวเราะเสร็จก็จากไป

หญิงแก่รับใช้สองคนนั้นทำความเคารพและประจบสอพลอต่อหยุนหลิ่ว ส่งนางออกไปจากเรือน สายตาของซูหนานอีเต็มไปด้วยความเย็นชา ค่อยๆแข็งตัว เมียน้อยหรือ?หยุนหลิ่วมีความคิดแบบนี้จริงด้วย  เสี่ยวชีมองไปดูสีหน้าของนาง พูดกระซิบว่า”คุณหนูอย่าไปสนใจ ที่หยุนหลิ่วพูดนั้นจริงไม่จริงยังไม่แน่ หากนางสามารถเป็นเมียน้อยได้คงเป็นตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ”

ซูหนานอีโบกมือ”ไป ไปดูท่านอ๋องสิ”

เสี่ยวชีไม่เข้าใจความคิดของนาง มีแต่ต้องพานางเดินไปข้างหน้า หยุนจิ่งยังไม่ได้หลับ มองผ่านหน้าต่างไปก็เห็นเงาคน กำลังก้มหน้าทำอะไรสักอย่างอยู่

คนใช้โน้มน้าวใจอยู่ข้างๆ”ท่านอ๋อง ท่านอย่าทำเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าบ่าวไปหาช่างไม้ ให้เขาทำให้ท่านหลายอันเลย ดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้าออกไปสิ!อย่ามาพูดอีกเลย น่ารำคาญจริงๆ!”หยุนจิ่งรู้สึกรำคาญมาก”บอกกับเจ้ากี่ครั้งแล้ว ข้าจะทำอันนี้เองไง”

คนใช้รู้สึกเป็นห่วง”งั้นบ่าวมาช่วยท่าน ได้ไหม?ท่านพักผ่อนสักครู่เถอะ”

“ไม่ได้ เจ้าอย่าพูดอีกเลย ไม่งั้นข้าจะไล่เจ้าออกไป”หยุนจิ่งไม่รู้ว่าโยนอะไรมา เสียงดังมาก

คนใช้ไม่กล้าพูดเยอะอีก หยิบของขึ้นมาวางไว้ข้างๆ หยุนจิ่งพึมพำว่า”นี่เป็นกล่องที่ทำให้ภรรยา คืนนี้ทำเสร็จ พรุ่งนี้นางก็ใช้ได้แล้ว ข้าบอกว่าจะเอาของข้าให้นาง นางก็ไม่ยอม ดังนั้นข้าต้องรีบทำออกมาให้ได้ พรุ่งนี้เอาไปให้นาง”

คนใช้ถอนหายใจออกมา”แต่ว่าท่านอ๋อง ท่านก็ทำงานไม้ไม่เป็น……ไม่งั้นบ่าวไปหาช่างไม้มา ให้เขาทำคืนนี้?”

“ไม่ได้!รังแกช่างไม้ไม่ได้ ไม่ได้……”หยุนจิ่งหยุดสักพักหนึ่ง”ยังไงภรรยาก็เคยพูดว่า ห้ามเพราะว่าตัวเองมีฐานะที่สูงก็ไปรังแกคนอื่น เจ้าไม่รู้หรอก อย่าพูดเลย”

ซูหนานอีฟังอยู่ข้างนอกอย่างชัดเจน รู้สึกทั้งอบอุ่นและน่าขำ หยุนจิ่งน่ารักจริงๆ ความจริงใจล้วนมอบให้กับนาง

ซูหนานอีมองไปที่เสี่ยวชี ให้นางดึงดูดความสนใจของคนใช้นั้น ส่วนนางก็ซ่อนอยู่ในพื้นที่ดอกไม้ใต้หน้าต่าง

ไม่นานคนใช้ก็ออกไป ซูหนานอีก็เลยเดินเข้าไปในห้อง

ในห้องสว่างมาก หนุนจิ่งกำลังจดจ่ออยู่กับแผ่นไม้ ในมือยังได้ถือตะปูและค้อนเล็กๆอยู่ เขาได้เปลี่ยนเป็นเสื้อธรรมดาของปกติ เม้มปากไว้ แสงไฟที่อบอุ่นตกอยู่บริเวณแก้มของเขา และกระจายออกมาทำให้ห้องสว่างมาก

ซูหนานอีรู้สึกอบอุ่นใจ เดินหน้าไปสองก้าวเบาๆ จู่ๆหยุนจิ่งก็สั่งน้ำมูก เงยหน้าขึ้นมามองนาง เบิกตากว้างทันที”ภรรยา?!ทำไมเป็นเจ้าล่ะ?”

หยุนจิ่งวิ่งมาอย่างเร็ว ในมือยังได้ถือค้อนและตะปูมาด้วย รีบวางลงและเช็ดมือ ยิ้มอย่างหวาน”ภรรยา ทำไมเจ้าถึงมาในเวลานี้ล่ะ?ข้าฝันอยู่หรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ จิ่งเอ้อร์ จ้ามาจริงๆ ข้าคิดถึงเจ้าแล้ว ก็เลยมาดู”ซูหนานอียิ้มและพูด

“ข้าก็คิดถึงภรรยาเช่นกัน”หยุนจิ่งให้นางนั่งลง ให้ซูหนานอีดูของที่เขากำลังทำอยู่ รู้สึกละอายใจ”ข้าอยากจะทำกล่องให้เจ้า แต่ยังทำไม่เสร็จเลย”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ”ซูหนานอีเช็ดเหงื่อให้เขา”น้ำใจของจิ่งเอ้อร์ข้ารู้แล้ว ถ้าเป็นเพราะสิ่งนี้ทำให้เหนื่อย ข้าก็จะเสียใจนะ!จิ่งเอ้อร์สำคัญที่สุดแล้ว”

ดวงตาของหยุนจิ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สะท้อนแสงในห้อง สว่างจัดจ้าน

“เอ๊ะ ภรรยา”หยุนจิ่งหยิบกล่องๆหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะของห้องข้างนอกมา”นี่เป็นสิ่งที่ข้าเหลือให้เจ้า จวนอ๋องมีแม่ครัวมาใหม่คนหนึ่งมาจากเมืองเจียงหนาน ทำขนมได้อร่อยมาก เค้กอัลมอนด์นี้อร่อยมากๆ ข้ากินชิ้นหนึ่งเองก็อยากจะเหลือไว้ให้เจ้า”

เมื่อเห็นสายตาที่ตั้งตารอคอยของเขา ซูหนานอีก็เปิดกล่อง นำเค้กสีขาวนุ่มๆไว้ในมือ ภายใต้แสงไฟมันเกือบจะโปร่งใสหมด กลิ่นหอมจางๆ

นางกินลงไปคำใหญ่”เออ อร่อยจริงๆ ขอบใจจิ่งเอ้อร์นะ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ของดีก็ต้องเหลือไว้ให้ภรรยา”หยุนจิ่งเร่งนาง”รีบกินสิ กินเยอะหน่อย”

“ได้”ซูหนานอีกินติดต่อกันหลายคำ สายตามองผ่านบริเวณเอวของเขา ไม่มีถุงหอม

พอนางกินเค้กเสร็จ ก็พูดกับหยุนจิ่งว่า”หยุนจิ่ง เจ้าอยู่ในสวนบ่อยๆ เคยเห็นงูพิษหรือแมลงอย่างอื่นหรือเปล่า?หรือว่าเคยเห็นในบริเวณอื่นหรือเปล่า?”

หยุนจิ่งครุ่นคิดสักพักหนึ่ง จากนั้นพยักหน้า พูดอย่างตกใจ”ภรรยา เจ้ารู้ได้อย่างไรล่ะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ 62 เสียดายที่เจ้าต้องเผชิญกับข้า

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ Chapter 62 เสียดายที่เจ้าต้องเผชิญกับข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเวลานี้บรรยากาศแบบนี้ จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะส่งมา ทำให้คนรู้สึกขนลุก!ซูหนานอีมองไปดูห้องในทิศเหนือห้องนั้น กระดาษบนหน้าต่างที่ทรุดโทรมก็ขาดรุ่งริ่งเช่นกัน สามารถเห็นร่างข้างในได้อยู่ คนนั้นใช้มือปิดปากไว้ ปิ่นปักผมบนศีรษะของคนนั้นส่งแสงเจิดจ้าในท่ามกลางความมืด ไม่เข้ากับเรือนที่ทรุดโทรมนี้เลย

หยุนหลิ่ว ซูหนานอีหรี่ตาเล็กน้อย นางเตรียมจะเดินขึ้นหน้าไป เสี่ยวชีดึงนางเอาไว้ และส่ายหน้าใส่นาง

ซูหนานอีชี้ไปที่เรือน และพูดแบบไร้เสียง”ข้างหลังเรือน”

เสี่ยวชีทำอะไรไม่ได้ มีแต่ต้องเดินตาม หน้าต่างของข้างหลังเรือนก็ขาดรุ่งริ่งเช่นกัน สามารถมองเห็นฉากในข้างในได้พอดี

หยุนหลิ่วยืนอยู่กลางห้อง ในห้องไม่มีเครื่องเรือนเครื่องใช้เลย แม้กระทั่งเก้าอี้ยังไม่มี มีคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในมุมห้อง และมองหยุนหลิ่วด้วยความโกรธ

ผมของนางยุ่งเหยิงไปหมด ใบหน้าก็สกปรกอยู่ สิ่งสกปรกเติมหน้า มองไม่ออกว่าหน้าตาเดิมเป็นอย่างไร รู้แค่ว่าอายุไม่มาก ดวงตาก็สว่างมาก ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วบความโกรธอยู่ มือของนางกำลังจับฟางที่อยู่ข้างล่างอย่างแน่น ยืดขาตรง เหมือนขยับไม่ได้เลย

หยุนหลิ่วยิ้มอย่างภูมิใจ ภายในดวงตาเต็มไปด้วยแสงที่โหดเหี้ยม”อุ้ย เจ้าใช้สายตาแบบนี้มองข้าทำไม?เจ้ารู้สึกว่าเจ้ามองข้าแบบนี้ ข้าจะจะกลัวเจ้าหรือ?”

ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้พูด เสียงของหยุนหลิ่วเปลี่ยนเป็นโหดร้ายอำมหิตทันที”เชื่อไหมว่าข้าจะขุดดวงตาของเจ้าออกมา!”

ผู้หญิงยังคงไม่เอ่ยเสียงใดๆ แค่จ้องนางอย่างโหดเหี้ยม จู่ๆหยุนหลิ่วก็ใช้ผ้าปิดจมูกแล้วหัวเราะขึ้นมา”กลัวหรือ?ฮ่าๆ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ใช่เจ้ากลายเป็นคนตาบอดหรอก ข้าจะให้ข้าเป็นใบ้ ให้เจ้าเดินไม่ได้ แต่ไม่มีวันให้เจ้าตาบอดหรอก เจ้าต้องดูให้ดี ดูสิว่าข้าจะทดแทนเจ้ามีชีวิตที่สุขสบายในจวนอ๋องยังไง”

“แค้นไหม?”หยุนหลิ่วก้มหน้าเล็กน้อย ใช้ผ้าปิดจมูกด้วยความรังเกียจ”เหม็นจริงๆเลย หลิวซาง ตอนนั้นที่เจ้ามาโอ้อวดต่อหน้าข้า เคยคิดหรือเปล่าว่าจะมีวันนี้?”

“ฮือ……”น้ำเสียงของหลิวซางแหบแห้ง เปล่งเสียงออกมาไม่ได้เลย นางพยายามจะลุกขึ้นมา แต่ไม่มีผลใดๆ

“ฮ่าๆ เจ้าอย่าเสียแรงเปล่าๆเลย!”น้ำเสียงของหยุนหลิ่วเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม”เจ้าดูลักษณะในตอนนี้ของเจ้าสิ ข้าเห็นแล้วรู้สึกสะใจมาก!เจ้ารู้ไหมว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ข้าเริ่มเกลียดเจ้า?ข้าต้องคิดก่อน คือตั้งแต่ตอนที่เจ้าได้รับรางวัลที่ไท่เฟยพระราชทานให้ แล้วทำเป็นใจดีแบ่งให้ข้าหน่อยนึง?หรือเป็นตอนนั้นที่เจ้าได้รับการชื่นชมจากไท่เฟย ก็เลยกลับมาโอ้อวดกับข้า?”

หลิวซางร้องไห้ออกมา หยุนหลิ่วยกมือไปหยิบพู่ที่ตกลงสู่พื้น”ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร ข้าก็แค่อยากจะพูดว่าเจ้าไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น แค่อยากจะแบ่งปันให้ข้าด้วยความหวังดี แค่อยากจะดูแลข้าในฐานะที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า”

“แต่ว่าหลิวซาง ข้าจะยอมได้อย่างไรเล่า?เจ้าเทียบกับข้าไม่ได้สักอย่าง ไปๆมาๆก็เป็นแค่คนใช้เท่านั้น พยายามขนาดไหนก็เป็นแค่บ่าวทาสเท่านั้น ส่วนข้า ถูกไท่เฟยพระราชทานนามสกุลให้ ไม่แตกต่างจากคุณหนูในจวนนี้เลย”น้ำเสียงของหยุนหลิ่วสูงบ้างต่ำบ้าง โหดเหี้ยมบ้างยิ้มบ้าง ราวกับผี

ซูหนานอีคิดในใจว่า ใจของคนนั้นน่ากลัวกว่าผีจริงๆ

หยุนหลิ่วเดินหน้าขึ้นไปก้าวหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ”หลิวซาง ข้าจะบอกข่าวดีให้เจ้า วันนี้ไท่เฟยมีใจที่จะให้ข้าแต่งงานกับท่ายอ๋อง รอหลังจากท่านอ๋องเสร็จงานอภิเษกสมรสแล้ว ข้าก็จะได้เป็นเมียน้อยของท่านอ๋อง กลายเป็นเจ้านายที่แท้จริง เจ้าต้องมีชีวิตอยู่อย่างดี พอดีเวลาข้าจะประทานอาหารอร่อยๆมื้อหนึ่งให้เจ้า”

หลิวซางส่ายหน้าและร้องไห้ ดวงตาเกือบจะพ่นไฟออกมา แต่หยุนหลิ่วกลับหัวเราะอย่างสะใจ พอหัวเราะเสร็จก็จากไป

หญิงแก่รับใช้สองคนนั้นทำความเคารพและประจบสอพลอต่อหยุนหลิ่ว ส่งนางออกไปจากเรือน สายตาของซูหนานอีเต็มไปด้วยความเย็นชา ค่อยๆแข็งตัว เมียน้อยหรือ?หยุนหลิ่วมีความคิดแบบนี้จริงด้วย  เสี่ยวชีมองไปดูสีหน้าของนาง พูดกระซิบว่า”คุณหนูอย่าไปสนใจ ที่หยุนหลิ่วพูดนั้นจริงไม่จริงยังไม่แน่ หากนางสามารถเป็นเมียน้อยได้คงเป็นตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ”

ซูหนานอีโบกมือ”ไป ไปดูท่านอ๋องสิ”

เสี่ยวชีไม่เข้าใจความคิดของนาง มีแต่ต้องพานางเดินไปข้างหน้า หยุนจิ่งยังไม่ได้หลับ มองผ่านหน้าต่างไปก็เห็นเงาคน กำลังก้มหน้าทำอะไรสักอย่างอยู่

คนใช้โน้มน้าวใจอยู่ข้างๆ”ท่านอ๋อง ท่านอย่าทำเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าบ่าวไปหาช่างไม้ ให้เขาทำให้ท่านหลายอันเลย ดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้าออกไปสิ!อย่ามาพูดอีกเลย น่ารำคาญจริงๆ!”หยุนจิ่งรู้สึกรำคาญมาก”บอกกับเจ้ากี่ครั้งแล้ว ข้าจะทำอันนี้เองไง”

คนใช้รู้สึกเป็นห่วง”งั้นบ่าวมาช่วยท่าน ได้ไหม?ท่านพักผ่อนสักครู่เถอะ”

“ไม่ได้ เจ้าอย่าพูดอีกเลย ไม่งั้นข้าจะไล่เจ้าออกไป”หยุนจิ่งไม่รู้ว่าโยนอะไรมา เสียงดังมาก

คนใช้ไม่กล้าพูดเยอะอีก หยิบของขึ้นมาวางไว้ข้างๆ หยุนจิ่งพึมพำว่า”นี่เป็นกล่องที่ทำให้ภรรยา คืนนี้ทำเสร็จ พรุ่งนี้นางก็ใช้ได้แล้ว ข้าบอกว่าจะเอาของข้าให้นาง นางก็ไม่ยอม ดังนั้นข้าต้องรีบทำออกมาให้ได้ พรุ่งนี้เอาไปให้นาง”

คนใช้ถอนหายใจออกมา”แต่ว่าท่านอ๋อง ท่านก็ทำงานไม้ไม่เป็น……ไม่งั้นบ่าวไปหาช่างไม้มา ให้เขาทำคืนนี้?”

“ไม่ได้!รังแกช่างไม้ไม่ได้ ไม่ได้……”หยุนจิ่งหยุดสักพักหนึ่ง”ยังไงภรรยาก็เคยพูดว่า ห้ามเพราะว่าตัวเองมีฐานะที่สูงก็ไปรังแกคนอื่น เจ้าไม่รู้หรอก อย่าพูดเลย”

ซูหนานอีฟังอยู่ข้างนอกอย่างชัดเจน รู้สึกทั้งอบอุ่นและน่าขำ หยุนจิ่งน่ารักจริงๆ ความจริงใจล้วนมอบให้กับนาง

ซูหนานอีมองไปที่เสี่ยวชี ให้นางดึงดูดความสนใจของคนใช้นั้น ส่วนนางก็ซ่อนอยู่ในพื้นที่ดอกไม้ใต้หน้าต่าง

ไม่นานคนใช้ก็ออกไป ซูหนานอีก็เลยเดินเข้าไปในห้อง

ในห้องสว่างมาก หนุนจิ่งกำลังจดจ่ออยู่กับแผ่นไม้ ในมือยังได้ถือตะปูและค้อนเล็กๆอยู่ เขาได้เปลี่ยนเป็นเสื้อธรรมดาของปกติ เม้มปากไว้ แสงไฟที่อบอุ่นตกอยู่บริเวณแก้มของเขา และกระจายออกมาทำให้ห้องสว่างมาก

ซูหนานอีรู้สึกอบอุ่นใจ เดินหน้าไปสองก้าวเบาๆ จู่ๆหยุนจิ่งก็สั่งน้ำมูก เงยหน้าขึ้นมามองนาง เบิกตากว้างทันที”ภรรยา?!ทำไมเป็นเจ้าล่ะ?”

หยุนจิ่งวิ่งมาอย่างเร็ว ในมือยังได้ถือค้อนและตะปูมาด้วย รีบวางลงและเช็ดมือ ยิ้มอย่างหวาน”ภรรยา ทำไมเจ้าถึงมาในเวลานี้ล่ะ?ข้าฝันอยู่หรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ จิ่งเอ้อร์ จ้ามาจริงๆ ข้าคิดถึงเจ้าแล้ว ก็เลยมาดู”ซูหนานอียิ้มและพูด

“ข้าก็คิดถึงภรรยาเช่นกัน”หยุนจิ่งให้นางนั่งลง ให้ซูหนานอีดูของที่เขากำลังทำอยู่ รู้สึกละอายใจ”ข้าอยากจะทำกล่องให้เจ้า แต่ยังทำไม่เสร็จเลย”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบ”ซูหนานอีเช็ดเหงื่อให้เขา”น้ำใจของจิ่งเอ้อร์ข้ารู้แล้ว ถ้าเป็นเพราะสิ่งนี้ทำให้เหนื่อย ข้าก็จะเสียใจนะ!จิ่งเอ้อร์สำคัญที่สุดแล้ว”

ดวงตาของหยุนจิ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สะท้อนแสงในห้อง สว่างจัดจ้าน

“เอ๊ะ ภรรยา”หยุนจิ่งหยิบกล่องๆหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะของห้องข้างนอกมา”นี่เป็นสิ่งที่ข้าเหลือให้เจ้า จวนอ๋องมีแม่ครัวมาใหม่คนหนึ่งมาจากเมืองเจียงหนาน ทำขนมได้อร่อยมาก เค้กอัลมอนด์นี้อร่อยมากๆ ข้ากินชิ้นหนึ่งเองก็อยากจะเหลือไว้ให้เจ้า”

เมื่อเห็นสายตาที่ตั้งตารอคอยของเขา ซูหนานอีก็เปิดกล่อง นำเค้กสีขาวนุ่มๆไว้ในมือ ภายใต้แสงไฟมันเกือบจะโปร่งใสหมด กลิ่นหอมจางๆ

นางกินลงไปคำใหญ่”เออ อร่อยจริงๆ ขอบใจจิ่งเอ้อร์นะ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ของดีก็ต้องเหลือไว้ให้ภรรยา”หยุนจิ่งเร่งนาง”รีบกินสิ กินเยอะหน่อย”

“ได้”ซูหนานอีกินติดต่อกันหลายคำ สายตามองผ่านบริเวณเอวของเขา ไม่มีถุงหอม

พอนางกินเค้กเสร็จ ก็พูดกับหยุนจิ่งว่า”หยุนจิ่ง เจ้าอยู่ในสวนบ่อยๆ เคยเห็นงูพิษหรือแมลงอย่างอื่นหรือเปล่า?หรือว่าเคยเห็นในบริเวณอื่นหรือเปล่า?”

หยุนจิ่งครุ่นคิดสักพักหนึ่ง จากนั้นพยักหน้า พูดอย่างตกใจ”ภรรยา เจ้ารู้ได้อย่างไรล่ะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+