ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ 93 โลภมากลาภหาย

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ Chapter 93 โลภมากลาภหาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่ซูหนานอีกับหยุนจิ่งออกจากจวน ก็ไม่ได้นั่งรถม้า แต่คือเดินทางที่ลับตาคนอย่างเดียว

แม้ว่าเมืองซินเยว่เป็นนครหลวง แต่หลายปีก่อนได้ทำสงครามกับรัฐเก้อโตทางเหนือตลอด ท้องพระคลังก็สูญเสียไปเยอะ รวมไปถึง”สงครามสามอ๋อง”ในเมื่อก่อนก็ทำให้ภายในของรัฐเสียหายไปมาก

การสงครามภายในครั้งนั้น เมืองซินเยว่ได้รับผลกระทบไม่น้อย โดยเฉพาะที่ใกล้ๆชานเมือง มีบ้านที่อยู่อาศัยที่ถูกทำลายมากมาย หลายคนย้ายออกจากที่นั่นไปหมด มองไปซบเซามาก

แต่ก็เป็นเพราะสงครามครั้งนี้ กู้ซีเฉินได้ขึ้นครองราชย์ ในมือเขามีพระบรมราชโองการท้ายสุดของฮ่องเต้องค์ก่อน และมีจวนเทียนอีมาสนับสนุนด้วย รวมทั้งมีขุนนางเก่าในราชสำนักอีกหลายคนและทหารในมือของแม่ทัพใหญ่ช่วยด้วย ถือได้ว่าได้เปรียบมากแล้ว

ซูหนานอีเดินในซอยที่เงียบสนิท ที่นี่มีต้นไม้เยอะเลยค่อนข้างจะเย็นสบาย พอนางได้เห็นกำแพงที่เก่าแก่และพังทลาย ก็รู้สึกน่ากลัวนิดๆ

“ภรรยา เจ้าเป็นอะไร?”รับรู้ถึงความเงียบของนาง หยุนจิ่งรู้สึกเป็นห่วง”ไม่สบายหรือ?”

“ไม่มี”ซูหนานอีส่ายหัว รอยยิ้มค่อนข้างจะแปลกปลอม เหมือนกับว่าสูญหายไปได้ตลอดเวลา

หยุนจิ่งจับมือของนาง”มือของเจ้าเย็นมากเลย ไม่ชอบเดินที่นี่ใช่ไหม?”

ซูหนานอีหลับตาลงเล็กน้อย”ไม่ใช่ แค่นึกถึงเรื่องไม่ค่อยมีความสุขของเมื่อก่อน”

หยุนจิ่งหยุดเดิน มือจับหน้าของนางเอาไว้ ก้มหน้า เอาหน้าผากไปติดกับหน้าผากของนาง ในปากยังได้พูดอะไรอยู่

ซูหนานอีแปลกใจ”จิ่งเอ้อร์ เจ้าทำอะไรเนี่ย?”

“เดี๋ยว……ภรรยาอย่าออกเสียง”หยุนจิ่งพูดเบาๆ แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ไปอีกสักพัก

ผ่านไปสักพักหนึ่ง หยุนจิ่งค่อยๆปล่อยซูหนานอีออก ถามว่า”ภรรยา เจ้าดีขึ้นยัง?”

“อะไรนะ?”ซูหนานอีไม่เข้าใจ รู้สึกงง

“เรื่องที่ไม่สบายใจไง บินไปที่อื่นหรือยัง?”ตาของหยุนจิ่งดำและสว่าง อยู่ใกล้ๆกับเขาซูหนานอียังสามารถรับรู้ได้ว่าขนตาที่เรียวยาวของเขากำลังกวาดหน้าของนางอยู่

“ใช่แล้ว”ซูหนานอียิ้ม”บินไปแล้ว”

“ข้าก็ว่าแล้ววิธีนี้ใช้ได้”ตาของหยุนจิ่งโค้งอย่างกับพระจันทร์เสี้ยว”ภรรยายิ้มแล้ว เรื่องไม่สบายใจบินมาที่จิ่งเอ้อร์เลย จิ่งเอ้อร์ไม่กลัว”

รอยยิ้มของซูหนายอีแข็งตัว”จิ่งเอ้อร์?”

หยุนจิ่งลูบหัวของตัวเอง”ไม่เป็นไร หัวของจิ่งเอ้อร์ใหญ่กว่าภรรยาเยอะ เก็บเรื่องได้หลายเรื่องอยู่ อีกอย่าง สมองของจิ่งเอ้อร์ไม่ฉลาด จำเรื่องที่ไม่มีความสุขไม่ได้”

ขอบตาซูหนานอีเปียกไปเลย นางหันหน้าไปอีกฝั่ง ไม่ให้หยุนจิ่งเห็น”ใครบอก? ใครว่าจิ่งเอ้อร์ของข้าสมองไม่ดี ไม่ฉลาด?”

นางหันหน้ากลับ พยายามระงับความขมขื่นในใจลงไป และไปจับหน้าของหยุนจิ่ง มองตาของเขา”จิ่งเอ้อร์มีใจที่สะอาดที่สุดและตาที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก……และข้าก็สาบานว่า จะให้จิ่งเอ้อร์ดีขึ้นมาแน่นอน”

“ภรรยา เจ้าร้องไห้?”หยุนจิ่งเช็ดน้ำตาให้นางอย่างเจ็บใจ”ภรรยา อย่าร้องเลย อย่างอื่นจิ่งเอ้อร์ไม่เอา แค่อยากให้ภรรยายิ้มเท่านั้น”

น้ำตาของซูหนานอีไหลลงมายิ่งแรง นางก้มหน้าพิงอยู่กับหน้าอกของหยุนจิ่ง น้ำตาทำให้เสื้อของเขาเปียกไปบริเวณหนึ่ง นี่คือครั้งแรกที่ซูหนานอีร้องไห้รุนแรงขนาดนี้หลังจากได้เกิดใหม่ พวกเรื่องที่กั้นอยู่ในใจ ล้วนผสมกันแล้วไหลออกมาทีเดียว

หยุนจิ่งไม่รู้จะเอายังไง ตอนแรกคือรีบร้อน ตอนหลังค่อยๆสงบลง สองมือประคองไหล่ของนาง ตบเบาๆ แล้วแต่นางจะระบายออกมา

ซูหนานอีได้ร้องไห้ไปอย่างแรงสักครั้งหนึ่ง รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย นางเงยหน้ามองหยุนจิ่ง แล้วยิ้มให้เขา

เดิมทีดวงตาของนางก็สะอาดมาก ตอนนี้ถูกน้ำตาเเช่ไป ก็ชุ่มชื้นราวกับน้ำค้างที่อยู่บนดอกบัว หยดลงมาอย่างไม่มีเสียง ค่อยๆหยดลงไปในใจของหยุนจิ่ง

หยุนจิ่งตะลึง ใจสั่นขึ้นมา ก้มหน้าไปจูบตาของนาง

ซูหนานอีหลับตา รู้สึกถึงปากที่อบอุ่นของเขาอยู่ที่ตาของนาง นางจึงยิ้มลึกกว่าเดิม

หยุนจิ่งรู้สึกหนังตาของนางสั่นเบาๆ มีความคันเล็กน้อย

สองคนเดินไปหยุดไป จากนั้นก็ได้มาถึงถนนหย่งติ้ง

ตอนที่เดินผ่านหน้าประตูของตระกูลหลี่ ครั้งนี้ไม่มีคนคุยอยู่หน้าบ้านแล้ว ประตูใหญ่ปิดสนิท มองไม่เห็นข้างในเกิดอะไรขึ้น

ซูหนานอีรู้สึกว่า น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร

พอมาถึงที่เรือนเล็ก หลี่จิ้งหว่านได้ยินซูหนานอีมา รีบออกมาทำความเคารพ

“คุณหนูซู ขอบคุณมากนะ ข้า……ข้าได้รู้แล้ว เจ้าเมืองจ้าวยกเลิกโอกาสสอบราชการของหลิวลี่ แล้วยังจะเขียนสาส์นที่กราบทูล ให้เขาอีกหลายสิบปีค่อยมาสอบ ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกลงโทษเช่นกัน เพราะนางให้หลี่จิ้งหมิ่นปลอมตัวเป็นข้าในการไปจุดธูป ยังบังคับข้าด้วย จึงถูกเฆี่ยนตีสามสิบที ส่วนรายละเอียดยังต้องรอแจ้งพระสนมเอกก่อนค่อยตัดสิน”

ซูหนานอีรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นที่นางกล่าวถึงก็คือคุณหญิงหลี่

ถ้าไปแจ้งพระสนมเอก เรื่องนี้จะใหญ่หรือเล็กก็ล้วนขึ้นอยู่ที่พระสนมเอกแล้ว อาจจะรอดไปได้ หรืออาจจะถูกลงโทษทั้งตระกูลล้วนมีโอกาส

แต่ไม่ว่ายังไง นี้ล้วนเป็นสิ่งที่ตระกูลหลี่สร้างเอาเอง จะไปโทษคนอื่นไม่ได้หรอก

หลี่จิ้งหว่านพูดจบก็จะคุกเข่าลง ซูหนานอีรีบจับนางเอาไว้”คุณหนูหลี่ไม่ต้องเกรงใจ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เจ้าประสบสิ่งไม่เป็นธรรมมามากมาย ตอนนี้พวกเขาล้วนถูกลงโทษตามกฎหมาย ก็ถือว่ายุติธรรมแล้ว”

หลี่จิ้งหว่านยิ้ม”พูดแบบนี้ก็จริง แต่ถ้าคุณหนูซูไม่ช่วย ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้จะเป็นยังไงเลย”

นางพูดจบก็ขอบคุณอีกรอบ”ถ้าคุณหนูซูไม่รังเกียจ ต่อไปก็ไม่ต้องเรียกข้าเป็นคุณหนูแล้ว ข้ายอมตามข้างกายของคุณหนูซู เป็นข้ารับใช้ตลอดไป”

ตอนแรกซูหนานอีคิดจะให้นางมาอยู่ข้างกายก็จริง เพราะว่าข้างกายมีแค่เสี่ยวเถา คนก็น้อยอยู่ แต่พอคิดดีๆแล้ว ก็ว่ามันไม่เหมาะ

“จิ้งหว่าน เจ้าไม่ควรเป็นข้ารับใช้ นิสัยของเจ้าเข้มแข็ง ใจของเจ้าก็แน่วแน่ ทำงานอะไรก็กล้าหาญและละเอียด ข้าจะเอาเจ้าเป็นข้ารับใช้ไม่ได้ เพราะจะเสียอนาคตของเจ้า”

หลี่จิ้งหว่านเม้มปาก ซูหนานอีพูด”เซี่ยหล่านเป็นคนค้าขาย มีร้านค้าบางอย่างข้าก็มีส่วนร่วมด้วย ส่วนตระกูลหลี่ก็ทำการค้าเช่นกัน เชื่อว่าเจ้าก็น่าจะเข้าใจในทางนี้บ้าง”

“ถ้าเจ้ายอม ข้าให้เซี่ยหล่านพาเจ้าออกจากเมืองได้ ไปตามกองค้าขาย ไปข้างนอกเดินดู มองดู ดินแดงอันกว้างใหญ่ เกินกว่าที่เราคิดแน่นอน”

ซูหนานอีจับมือนาง แล้วพูด”ผู้หญิงก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าจากบ้านเกิดย้ายไปอยู่บ้านสามี จำกัดอยู่ในเรือนเล็กๆไปตลอดชีวิต”

หลี่จิ้งหว่านเบิกตากว้าง นางสนใจมาก นางไม่อยากแข่งนุ้นแข่งนี่กับพวกผู้หญิงในเรือนหลังตั้งนานแล้ว แข่งกันเรื่องของกิน แข่งกันในเสื้อผ้าที่ใส่ ดูว่าใครจะเป็นจุดเด่น มันไม่มีความหมายอะไรเลย แต่นางไม่กล้าไปคิดสิ่ฝที่ซูหนานอีบอก ดินแดนอันกว้างใหญ่ โดนใจนางพอดีเลย

“ได้ ข้ายอม”หลี่จิ้งหว่านพยักหน้าอย่างแรง ไม่ได้คิดอะไรมาก”เมืองซินเยว่ข้าไม่มีอะไรที่เป็นของข้าอีกต่อไป ตระกูลหลี่ก็ไม่มีความสัมพันธ์กับข้าแล้ว”

“ได้”ซูหนานอีพยักหน้า”งั้นเจ้าก็รออย่างเดียว รอให้เซี่ยหล่านมาก่อน ข้าจะบอกกับเขา เวลานั้นเจ้าก็ฟังคำสั่งที่เขาสั่งมาก็พอ”

“ได้”

เห็นนางกลับเข้าห้อง ซูหนานอีก็วางใจลง รู้สึกผ่อนคลายลงมา

“ภรรยา เจ้าก็อยากออกไปเที่ยวดูข้างนอกหรือ?”หยุนจิ่งถาม

“อยากสิ”ซูหนานอีพยักหน้า”แต่ไม่ใช่ตอนนี้ พวกเรายังมีหลายเรื่องที่ต้องทำ รอทำเสร็จก่อน เราไปด้วยกัน”

“ดีๆ”หยุนจิ่งพยักหน้า”หลายปีนี้จิ่งเอ้อร์ไม่ค่อยออกไปข้างนอกเลย เสด็จแม่ชอบพูดว่าข้างนอกไม่ปลอดภัย ข้าไม่อยากให้นางเป็นห่วง แต่ว่ามีภรรยาอยู่ด้วยก็ไม่เหมือนกันแล้ว”

“ใช่ ไม่เหมือนกันแล้ว ต่อไปสิ่งทุกอย่างล้วนจะไม่เหมือนกัน”

ซูหนานอีเห็นเขาดีใจ ตัวเองก็รู้สึกดีใจเช่นกัน

นางเดินไปใต้ต้นไม้ ขุดหลุมหลายหลุมพร้อมกับหยุนจิ่ง”จิ่งเอ้อร์เล่นที่นี่ก่อนนะ ข้าไปคุยกับซือหยวนที่ระเบียงสักพัก ได้ไหม?”

“ได้”

ซูหนานอีหันหลังเดินไปทางระเบียง ลู่ซือหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น มองนางได้สักพักแล้ว

“วันนี้รู้สึกเป็นยังไง?”

ลู่ซือหยวนไม่ได้ออกเสียง แค่พยักหน้า

“แต่วันนี้จะฝังเข็มไม่ได้แล้ว”ซูหนานอีเอามือไปจับที่เข่าของเขา”เดี๋ยวข้าจะเปลี่ยนวิธีให้”

ลู่ซือหยวนมองหยุนจิ่งที่เล่นลูกแก้วอยู่ใต้ต้นไม้ ถามด้วยเสียงเบา”อาการของเขา เจ้ามีวิธียัง?”

ซูหนานอีกนั่งอยู่ข้างกายของเขา มองไปที่หยุนจิ่ง”มีนิดนึงแล้ว ตอนนี้ข้าให้เขากินยาทุกวัน แต่เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ ต้องค่อยๆมา”

“หนานอี”ลู่ซือหยวนเก็บสายตากลับมา แล้วมองไปทางซูหนานอี

“อะไร?”ซูหนานอีเผชิญหน้ากับเขา

ลู่ซือหยวนก้มหน้าลง”ไม่มีไร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ 93 โลภมากลาภหาย

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ Chapter 93 โลภมากลาภหาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่ซูหนานอีกับหยุนจิ่งออกจากจวน ก็ไม่ได้นั่งรถม้า แต่คือเดินทางที่ลับตาคนอย่างเดียว

แม้ว่าเมืองซินเยว่เป็นนครหลวง แต่หลายปีก่อนได้ทำสงครามกับรัฐเก้อโตทางเหนือตลอด ท้องพระคลังก็สูญเสียไปเยอะ รวมไปถึง”สงครามสามอ๋อง”ในเมื่อก่อนก็ทำให้ภายในของรัฐเสียหายไปมาก

การสงครามภายในครั้งนั้น เมืองซินเยว่ได้รับผลกระทบไม่น้อย โดยเฉพาะที่ใกล้ๆชานเมือง มีบ้านที่อยู่อาศัยที่ถูกทำลายมากมาย หลายคนย้ายออกจากที่นั่นไปหมด มองไปซบเซามาก

แต่ก็เป็นเพราะสงครามครั้งนี้ กู้ซีเฉินได้ขึ้นครองราชย์ ในมือเขามีพระบรมราชโองการท้ายสุดของฮ่องเต้องค์ก่อน และมีจวนเทียนอีมาสนับสนุนด้วย รวมทั้งมีขุนนางเก่าในราชสำนักอีกหลายคนและทหารในมือของแม่ทัพใหญ่ช่วยด้วย ถือได้ว่าได้เปรียบมากแล้ว

ซูหนานอีเดินในซอยที่เงียบสนิท ที่นี่มีต้นไม้เยอะเลยค่อนข้างจะเย็นสบาย พอนางได้เห็นกำแพงที่เก่าแก่และพังทลาย ก็รู้สึกน่ากลัวนิดๆ

“ภรรยา เจ้าเป็นอะไร?”รับรู้ถึงความเงียบของนาง หยุนจิ่งรู้สึกเป็นห่วง”ไม่สบายหรือ?”

“ไม่มี”ซูหนานอีส่ายหัว รอยยิ้มค่อนข้างจะแปลกปลอม เหมือนกับว่าสูญหายไปได้ตลอดเวลา

หยุนจิ่งจับมือของนาง”มือของเจ้าเย็นมากเลย ไม่ชอบเดินที่นี่ใช่ไหม?”

ซูหนานอีหลับตาลงเล็กน้อย”ไม่ใช่ แค่นึกถึงเรื่องไม่ค่อยมีความสุขของเมื่อก่อน”

หยุนจิ่งหยุดเดิน มือจับหน้าของนางเอาไว้ ก้มหน้า เอาหน้าผากไปติดกับหน้าผากของนาง ในปากยังได้พูดอะไรอยู่

ซูหนานอีแปลกใจ”จิ่งเอ้อร์ เจ้าทำอะไรเนี่ย?”

“เดี๋ยว……ภรรยาอย่าออกเสียง”หยุนจิ่งพูดเบาๆ แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ไปอีกสักพัก

ผ่านไปสักพักหนึ่ง หยุนจิ่งค่อยๆปล่อยซูหนานอีออก ถามว่า”ภรรยา เจ้าดีขึ้นยัง?”

“อะไรนะ?”ซูหนานอีไม่เข้าใจ รู้สึกงง

“เรื่องที่ไม่สบายใจไง บินไปที่อื่นหรือยัง?”ตาของหยุนจิ่งดำและสว่าง อยู่ใกล้ๆกับเขาซูหนานอียังสามารถรับรู้ได้ว่าขนตาที่เรียวยาวของเขากำลังกวาดหน้าของนางอยู่

“ใช่แล้ว”ซูหนานอียิ้ม”บินไปแล้ว”

“ข้าก็ว่าแล้ววิธีนี้ใช้ได้”ตาของหยุนจิ่งโค้งอย่างกับพระจันทร์เสี้ยว”ภรรยายิ้มแล้ว เรื่องไม่สบายใจบินมาที่จิ่งเอ้อร์เลย จิ่งเอ้อร์ไม่กลัว”

รอยยิ้มของซูหนายอีแข็งตัว”จิ่งเอ้อร์?”

หยุนจิ่งลูบหัวของตัวเอง”ไม่เป็นไร หัวของจิ่งเอ้อร์ใหญ่กว่าภรรยาเยอะ เก็บเรื่องได้หลายเรื่องอยู่ อีกอย่าง สมองของจิ่งเอ้อร์ไม่ฉลาด จำเรื่องที่ไม่มีความสุขไม่ได้”

ขอบตาซูหนานอีเปียกไปเลย นางหันหน้าไปอีกฝั่ง ไม่ให้หยุนจิ่งเห็น”ใครบอก? ใครว่าจิ่งเอ้อร์ของข้าสมองไม่ดี ไม่ฉลาด?”

นางหันหน้ากลับ พยายามระงับความขมขื่นในใจลงไป และไปจับหน้าของหยุนจิ่ง มองตาของเขา”จิ่งเอ้อร์มีใจที่สะอาดที่สุดและตาที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก……และข้าก็สาบานว่า จะให้จิ่งเอ้อร์ดีขึ้นมาแน่นอน”

“ภรรยา เจ้าร้องไห้?”หยุนจิ่งเช็ดน้ำตาให้นางอย่างเจ็บใจ”ภรรยา อย่าร้องเลย อย่างอื่นจิ่งเอ้อร์ไม่เอา แค่อยากให้ภรรยายิ้มเท่านั้น”

น้ำตาของซูหนานอีไหลลงมายิ่งแรง นางก้มหน้าพิงอยู่กับหน้าอกของหยุนจิ่ง น้ำตาทำให้เสื้อของเขาเปียกไปบริเวณหนึ่ง นี่คือครั้งแรกที่ซูหนานอีร้องไห้รุนแรงขนาดนี้หลังจากได้เกิดใหม่ พวกเรื่องที่กั้นอยู่ในใจ ล้วนผสมกันแล้วไหลออกมาทีเดียว

หยุนจิ่งไม่รู้จะเอายังไง ตอนแรกคือรีบร้อน ตอนหลังค่อยๆสงบลง สองมือประคองไหล่ของนาง ตบเบาๆ แล้วแต่นางจะระบายออกมา

ซูหนานอีได้ร้องไห้ไปอย่างแรงสักครั้งหนึ่ง รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย นางเงยหน้ามองหยุนจิ่ง แล้วยิ้มให้เขา

เดิมทีดวงตาของนางก็สะอาดมาก ตอนนี้ถูกน้ำตาเเช่ไป ก็ชุ่มชื้นราวกับน้ำค้างที่อยู่บนดอกบัว หยดลงมาอย่างไม่มีเสียง ค่อยๆหยดลงไปในใจของหยุนจิ่ง

หยุนจิ่งตะลึง ใจสั่นขึ้นมา ก้มหน้าไปจูบตาของนาง

ซูหนานอีหลับตา รู้สึกถึงปากที่อบอุ่นของเขาอยู่ที่ตาของนาง นางจึงยิ้มลึกกว่าเดิม

หยุนจิ่งรู้สึกหนังตาของนางสั่นเบาๆ มีความคันเล็กน้อย

สองคนเดินไปหยุดไป จากนั้นก็ได้มาถึงถนนหย่งติ้ง

ตอนที่เดินผ่านหน้าประตูของตระกูลหลี่ ครั้งนี้ไม่มีคนคุยอยู่หน้าบ้านแล้ว ประตูใหญ่ปิดสนิท มองไม่เห็นข้างในเกิดอะไรขึ้น

ซูหนานอีรู้สึกว่า น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร

พอมาถึงที่เรือนเล็ก หลี่จิ้งหว่านได้ยินซูหนานอีมา รีบออกมาทำความเคารพ

“คุณหนูซู ขอบคุณมากนะ ข้า……ข้าได้รู้แล้ว เจ้าเมืองจ้าวยกเลิกโอกาสสอบราชการของหลิวลี่ แล้วยังจะเขียนสาส์นที่กราบทูล ให้เขาอีกหลายสิบปีค่อยมาสอบ ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกลงโทษเช่นกัน เพราะนางให้หลี่จิ้งหมิ่นปลอมตัวเป็นข้าในการไปจุดธูป ยังบังคับข้าด้วย จึงถูกเฆี่ยนตีสามสิบที ส่วนรายละเอียดยังต้องรอแจ้งพระสนมเอกก่อนค่อยตัดสิน”

ซูหนานอีรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นที่นางกล่าวถึงก็คือคุณหญิงหลี่

ถ้าไปแจ้งพระสนมเอก เรื่องนี้จะใหญ่หรือเล็กก็ล้วนขึ้นอยู่ที่พระสนมเอกแล้ว อาจจะรอดไปได้ หรืออาจจะถูกลงโทษทั้งตระกูลล้วนมีโอกาส

แต่ไม่ว่ายังไง นี้ล้วนเป็นสิ่งที่ตระกูลหลี่สร้างเอาเอง จะไปโทษคนอื่นไม่ได้หรอก

หลี่จิ้งหว่านพูดจบก็จะคุกเข่าลง ซูหนานอีรีบจับนางเอาไว้”คุณหนูหลี่ไม่ต้องเกรงใจ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เจ้าประสบสิ่งไม่เป็นธรรมมามากมาย ตอนนี้พวกเขาล้วนถูกลงโทษตามกฎหมาย ก็ถือว่ายุติธรรมแล้ว”

หลี่จิ้งหว่านยิ้ม”พูดแบบนี้ก็จริง แต่ถ้าคุณหนูซูไม่ช่วย ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้จะเป็นยังไงเลย”

นางพูดจบก็ขอบคุณอีกรอบ”ถ้าคุณหนูซูไม่รังเกียจ ต่อไปก็ไม่ต้องเรียกข้าเป็นคุณหนูแล้ว ข้ายอมตามข้างกายของคุณหนูซู เป็นข้ารับใช้ตลอดไป”

ตอนแรกซูหนานอีคิดจะให้นางมาอยู่ข้างกายก็จริง เพราะว่าข้างกายมีแค่เสี่ยวเถา คนก็น้อยอยู่ แต่พอคิดดีๆแล้ว ก็ว่ามันไม่เหมาะ

“จิ้งหว่าน เจ้าไม่ควรเป็นข้ารับใช้ นิสัยของเจ้าเข้มแข็ง ใจของเจ้าก็แน่วแน่ ทำงานอะไรก็กล้าหาญและละเอียด ข้าจะเอาเจ้าเป็นข้ารับใช้ไม่ได้ เพราะจะเสียอนาคตของเจ้า”

หลี่จิ้งหว่านเม้มปาก ซูหนานอีพูด”เซี่ยหล่านเป็นคนค้าขาย มีร้านค้าบางอย่างข้าก็มีส่วนร่วมด้วย ส่วนตระกูลหลี่ก็ทำการค้าเช่นกัน เชื่อว่าเจ้าก็น่าจะเข้าใจในทางนี้บ้าง”

“ถ้าเจ้ายอม ข้าให้เซี่ยหล่านพาเจ้าออกจากเมืองได้ ไปตามกองค้าขาย ไปข้างนอกเดินดู มองดู ดินแดงอันกว้างใหญ่ เกินกว่าที่เราคิดแน่นอน”

ซูหนานอีจับมือนาง แล้วพูด”ผู้หญิงก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าจากบ้านเกิดย้ายไปอยู่บ้านสามี จำกัดอยู่ในเรือนเล็กๆไปตลอดชีวิต”

หลี่จิ้งหว่านเบิกตากว้าง นางสนใจมาก นางไม่อยากแข่งนุ้นแข่งนี่กับพวกผู้หญิงในเรือนหลังตั้งนานแล้ว แข่งกันเรื่องของกิน แข่งกันในเสื้อผ้าที่ใส่ ดูว่าใครจะเป็นจุดเด่น มันไม่มีความหมายอะไรเลย แต่นางไม่กล้าไปคิดสิ่ฝที่ซูหนานอีบอก ดินแดนอันกว้างใหญ่ โดนใจนางพอดีเลย

“ได้ ข้ายอม”หลี่จิ้งหว่านพยักหน้าอย่างแรง ไม่ได้คิดอะไรมาก”เมืองซินเยว่ข้าไม่มีอะไรที่เป็นของข้าอีกต่อไป ตระกูลหลี่ก็ไม่มีความสัมพันธ์กับข้าแล้ว”

“ได้”ซูหนานอีพยักหน้า”งั้นเจ้าก็รออย่างเดียว รอให้เซี่ยหล่านมาก่อน ข้าจะบอกกับเขา เวลานั้นเจ้าก็ฟังคำสั่งที่เขาสั่งมาก็พอ”

“ได้”

เห็นนางกลับเข้าห้อง ซูหนานอีก็วางใจลง รู้สึกผ่อนคลายลงมา

“ภรรยา เจ้าก็อยากออกไปเที่ยวดูข้างนอกหรือ?”หยุนจิ่งถาม

“อยากสิ”ซูหนานอีพยักหน้า”แต่ไม่ใช่ตอนนี้ พวกเรายังมีหลายเรื่องที่ต้องทำ รอทำเสร็จก่อน เราไปด้วยกัน”

“ดีๆ”หยุนจิ่งพยักหน้า”หลายปีนี้จิ่งเอ้อร์ไม่ค่อยออกไปข้างนอกเลย เสด็จแม่ชอบพูดว่าข้างนอกไม่ปลอดภัย ข้าไม่อยากให้นางเป็นห่วง แต่ว่ามีภรรยาอยู่ด้วยก็ไม่เหมือนกันแล้ว”

“ใช่ ไม่เหมือนกันแล้ว ต่อไปสิ่งทุกอย่างล้วนจะไม่เหมือนกัน”

ซูหนานอีเห็นเขาดีใจ ตัวเองก็รู้สึกดีใจเช่นกัน

นางเดินไปใต้ต้นไม้ ขุดหลุมหลายหลุมพร้อมกับหยุนจิ่ง”จิ่งเอ้อร์เล่นที่นี่ก่อนนะ ข้าไปคุยกับซือหยวนที่ระเบียงสักพัก ได้ไหม?”

“ได้”

ซูหนานอีหันหลังเดินไปทางระเบียง ลู่ซือหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น มองนางได้สักพักแล้ว

“วันนี้รู้สึกเป็นยังไง?”

ลู่ซือหยวนไม่ได้ออกเสียง แค่พยักหน้า

“แต่วันนี้จะฝังเข็มไม่ได้แล้ว”ซูหนานอีเอามือไปจับที่เข่าของเขา”เดี๋ยวข้าจะเปลี่ยนวิธีให้”

ลู่ซือหยวนมองหยุนจิ่งที่เล่นลูกแก้วอยู่ใต้ต้นไม้ ถามด้วยเสียงเบา”อาการของเขา เจ้ามีวิธียัง?”

ซูหนานอีกนั่งอยู่ข้างกายของเขา มองไปที่หยุนจิ่ง”มีนิดนึงแล้ว ตอนนี้ข้าให้เขากินยาทุกวัน แต่เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ ต้องค่อยๆมา”

“หนานอี”ลู่ซือหยวนเก็บสายตากลับมา แล้วมองไปทางซูหนานอี

“อะไร?”ซูหนานอีเผชิญหน้ากับเขา

ลู่ซือหยวนก้มหน้าลง”ไม่มีไร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+