ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ 34 พวกเจ้าไม่มีใครเป็นคนดีสักคน

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ Chapter 34 พวกเจ้าไม่มีใครเป็นคนดีสักคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่หยุนจิ่งเดินออกมาจากข้างในห้อง ซูซืออวี้รู้สึกว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ใบหน้าของเขาซีดเผือด ตะลึงงันไม่รู้จะพูดอะไรดี

เซี่ยชื่อที่ทั้งร้องไห้ทั้งพูดอยู่ก็หุบปากลง

สถานการณ์ที่วุ่นวายเมื่อสักครู่ แค่พริบตาก็ตกอยู่ในภวังค์ความเงียบ

สีหน้าหยุนจิ่งที่นิ่งเรียบ ริมฝีปากชิดกันเชิดขึ้นจนเห็นชัดจัด แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์

ซูหนานอีถอนหายใจอยู่ภายในใจ ถ้าหากหยุนจิ่งรักษาหายก็คงดี นี่ก็คงจะเป็นท่าทีแต่เดิมของเขา

"ท่าน……ท่านอ๋อง? " ในที่สุดซูซืออวี้ก็ตั้งสติได้ รีบทำความคาระวะ

หยุนจิ่งยังไม่สั่งให้ลุกขึ้น ให้เขาอยู่อย่างนั้น "พวกเจ้ารังแกเหนียงจื่อของข้าอีกแล้ว"

"……" ทุกคนต่างเงียบ

ตอนนี้ตามหน้าของนักพรตจินก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถือว่ายังโชคดีอยู่บ้างจากร้ายเป็นดี ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นแง่กับคุณหนูซูคนนี้ต่อไป

ทว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้มาจากที่ไหนกันแน่

เซี่ยชื่อที่ทั้งพยุงซูหว่านเอ้อร์พร้อมทั้งกับคาระวะอย่างลำบาก

หยุนจิ่งร้องหึออกมา "ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดว่ายังไง พวกเจ้าต้องทำปฎิบัติต่อเหนียงจื่อของข้าอย่างดี แล้วทำไมถึงยังมารังแกนางอีก"

ซูซืออวี้เหงื่อไหลออกมา พูดไม่ออก ส่วนเซี่ยชื่อที่อยู่ด้านหลังเขาก็เอ่ยขึ้น "ตอบท่านอ๋อง พวกเราจะไปรังแกนางได้อย่างไร เพียงแต่รู้สึกว่าช่วงนี้ที่จวน……เกิดเรื่องแปลกขึ้นไม่หยุด เกรงว่าจะส่งผลต่อตัวนาง เมื่อถึงวันอภิเษกสมรสแล้วจะส่งผลกระทบไปถึงท่านอ๋องกับไท่เฟย ถ้าเป็นเช่นนั้น……จะไม่ใช่ถือว่ากระทำผิดหรอกหรือ"

ซูหนานอีหรี่ตาลง เซี่ยชื่อผู้นี้ช่างฉลาดพูดยิ่งนัก!

น้ำเสียงของหยุนจิ่งนิ่งลงไปมาก "ข้าไม่กลัว ข้ากับเสด็จแม่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ พวกเจ้าต่างหากที่ทำเรื่องไม่ดีเลยทำให้เกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้น เกี่ยวอะไรกับเหนียงจื่อของข้าด้วย"

ซูหนานอีแอบปรบมืออยู่ในใจ  เยี่ยมยอด!

เซี่ยชื่อเหมือนยังจะเอ่ยอะไร แต่ถูกหยุนจิ่งเอ่ยเสียงเย็นชาออกมาก่อน: "เจ้าเป็นใครกัน แค่ป้าคนหนึ่ง บังอาจมาเสวนากับข้า! พวกเจ้าตระกูลซูไม่มีกฎเกณฑ์ มิน่าล่ะถึงได้เกิดเรื่องแปลกขึ้นไม่หยุดหย่อน ข้าคิดว่านะ นอกจากเหนียงจื่อแล้ว ไม่มีใครดีสักคน!"

ซุหนานอีก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ หันหน้าไปมองหยุนจิ่งแล้วยิ้มให้เขา พร้อมยกนิ้วโป้งให้

หยุนจิ่งก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีพร้อมกับยิ้มตาหยี

คนอื่นล้วนถวายบังคมอยู่ ต่างก็มองไม่เห็น มิเช่นนั้นคงโมโหจนกระอักเลือดออกมาแน่

ซูชืออวี้รู้สึกว่าหลังของเขาตอนนี้ใกล้จะหักแล้ว แต่หยุนจิ่งก็ยังไม่เรียกให้ลุกขึ้น เขาก็ไม่กล้าขยับ มองกลับไปข้างหลัง "หุบปาก! ต่อหน้าท่านอ๋องเจ้ามีสิทธิพูดหรือไง"

วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเซี่ยชื่อ เรื่องก็คงไม่บานปลายจนกลายเป็นแบบนี้

หยุนจิ่งที่มองสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเร็วกว่าเปิดหนังสือเสียอีก "ในเมื่อพวกเจ้าเชิญนักพรตตามล่าหาวิญญาณชั่วร้ายแล้ว งั้นก็หาให้เจอ ถ้าหากทำไม่ได้ ข้าจะถือว่าพวกเจ้าตั้งใจจะรังแกเหนียงจื่อของข้า! ทำไมนางถูกใส่ร้ายได้ แล้วกับพวกเจ้าไม่ได้ล่ะ นี่มันยุติธรรมแล้วหรือ"

ตอนนี้ซูซืออวี้ใจเต้นจนจะหลุดออกมาแล้ว ไม่ใช่บอกว่าท่านอ๋องเป่ยลี้สมองเลอะเลือนหรอกหรือ เขาพูดทุกอย่างล้วนมีเหตุผลไม่ใช่หรือ

ตอนนี้เซี่ยชื่อหน้าซีดกัดริมฝีปากแน่นไม่กล้าจะเอ่ยเถียง

"นั่นใคร" หยุนจิ่งชี้ไปทางนักพรตจิน "เจ้า ที่ถือที่ดักแมลงวัน ทำให้ดีล่ะ ข้างนอกจวนก็ต้องทำด้วย เข้าใจไหม"

นักพรตจินใจเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว "……พะยะค่ะ"

เซี่ยชื่อก็เกือบจะเป็นลมไปอีกคน นอกจวนก็ต้องทำเหมือนกันหรือ ก็ไม่เท่ากับว่าทุกคนในจวนต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมดเลยหรือ แม้แต่คนภายนอกก็ต้องรู้เรื่องด้วย!

หยุนจิ่งโบกมืออย่างมีอารมณ์ นั่งค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อยจะตาย "พอแล้วๆ ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้ารีบไปซะ ควรทำอะไรก็ไปทำ วุ่นวายเสียจริง ข้ากับเหนียงจื่อจะกินข้าวเย็นด้วยกันแล้ว"

"พะยะค่ะ" ซูซืออวี้พยักหน้า "ผู้น้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้พะยะค่ะ"

พวกเขาเดินเซไปเซมาออกจากจวนไป หยุนจิ่งก็กระโดดดีใจเข้าไปใกล้ซูหนานอี บอกอยากได้รางวัล "เหนียงจื่อ ข้าทำดีไหม"

"ดี" ซูหนานอีก็ชมออกมาไม่หยุด "เยี่ยมมาก จิ่งเอ้อร์เก่งมาก"

"งั้น ข้าอยากได้จูบหวานๆ " หยุนจิ่งทำตาแวววาว เข้ามาใกล้ตรงหน้านางทันที หยุนจิ่งลูบหน้าของนาง หน้าของนางดูตื่นตระหนก "โอ๊ะ เหนียงจื่อ ทำไมหน้าเจ้า ไม่สบายหรือว่าป่วยหรือเปล่า"

ซุหนานอียิ่งรู้สึกประหม่า "ไม่ ไม่มีอะไร ไม่ต้องกังวล เพียงเพราะว่าข้า……ตื่นเต้นเท่านั้น"

นางพูดจบก็เขย่งเท้าขึ้นและจุ๊บลงไปที่ปากของหยุนจิ่งราวกับแมงปอบินลงจิบน้ำ หยุนจิ่งถึงกับนิ่งงัน

เขาจับเข้าที่หน้าของซูหนานอีเพราะยังต้องการอีก ซูหนานอีตบที่มือเขาเบาๆ "จะทำอย่างนี้บ่อยๆ ไม่ได้ ต้องหลังจากอภิเษกแล้วถึงจะทำได้"

ถึงแม้หยุนจิ่งจะอยากทำอีก แต่ซูหนานอีบอกว่าไม่ได้ เขาก็ไม่บังคับ นั่งลงกินข้าวอย่างว่าง่าย

ไม่รู้ว่าซูซืออวี้จะจัดการยังไง หยุนจิ่งก็มากะทันหัน เขาต้องไม่ทันได้เตรียมการไว้แน่ แต่ก็ได้นำอาหารที่ควรนำมาถวายก็นำมาถวายแล้ว จนตอนนี้เต็มโต๊ะไปหมด

ซูหนานอีคิดว่าเขาคงไม่กล้าวางยาในอาหารหรอก ก็ตักอาหารให้เขา และบอกให้เขากินเยอะๆ

ทั้งสองกินข้าวไปคุยกันไป ซูหนานอีถามเขาเกี่ยวกับอาการป่วยของเขา ว่ามีการได้ทานยาอะไรหรือไม่ เพื่อที่จะเตรียมการรักษา

หลังจากที่กินกันอย่างเงียบๆ ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว มีแสงดาวแลแสงจันทร์จ้าส่องสว่างบนนภาช่างเป็นค่ำคืนที่งดงามนัก

ความร้อนจากเมื่อกลางวันก็เริ่มคลายแล้ว ตอนนี้ลมเย็นๆ พัดมา ซูหนานอีนั่งอยู่ในจวนโดยมีหยุนจิ่งนั่งพิงนางอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ พลันถามขึ้นว่า "เหนี่ยงจื่อ ข้าพาเจ้าไปที่สนุกๆ ดีไหม ที่นั่นมีเพียงตอนกลางคืนถึงจะสนุก"

"ดีเลย" ซูหนานอีตอบอย่างดีใจทันที "ทว่า ข้าต้องเปลี่ยนชุดก่อน"

"ได้! ข้ารอเจ้าอยู่ที่นี่"

ซูหนานอีเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดผู้ชาย เป็นชุดที่นางเอามาจากเซี่ยหล่าน ผมมัดรวบไว้บนหัวแล้วสวมหมวกให้แน่น ในมือมีพัดหนึ่งอัน กลายเป็นหนุ่มรูปงาม

ซูหนานอีก็ไม่ได้ตั้งใจแต่งเป็นชาย เพียงแต่เพื่อความสะดวกก็เท่านั้น

หยุนจิ่งที่เห็นนางแต่งตัว ตาลุกวาว "ว๊าว เหนียงจื่อหล่อมาก ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ดูดี ข้าชอบ!"

ซูหนานอีหน้าแดงระเรื่อ "แน่นอน อยู่กับจิ่งเอ้อร์จะทำขายหน้าไม่ได้"

ซูหนานอีให้เสี่ยวเถาอยู่เฝ้าประตู ถึงยังไงคืนนี้ก็คงไม่มีใครเข้ามาก่อเรื่องที่จวนตระกูลซูแล้ว

จากนั้นนางกับหยุนจิ่งก็ออกไปข้างนอก โดยขึ้นรถม้าของจวนอ๋องไป

ม่านของรถม้าถูกแทนที่ด้วยผ้าม่านบางๆ และลูกปัดที่ร้อยเรียงอย่างสวยงาม

แต่ก่อนซูหนานอีเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยออกไปไหน ออกไปข้างนอกก็มีเพียงต้องไปทำธุระให้กับกู้ซีเฉิน และยังต้องปลอมตัวแอบไปอย่างลับๆ จะมีเวลามาชื่นชมความงดงามยามคืนได้อย่างไรกัน

ตอนนี้พอนึกถึงขึ้นมา ก็รู้สึกว่าตัวเองโง่เขลานัก

"เหนียงจือ เหนียงจื่อ" หยุนจิ่งเขย่าแขนนาง "เป็นอะไรไป"

"ไม่มีอะไร คิดว่าได้ออกมาเที่ยวกับจิ่งเอ้อร์ ข้ามีความสุขมาก" ซูหนานหยุดคิดแล้วเอ่ยตอบ

"เหนียงจื่อ จิ่งเอ้อร์ก็มีความสุข" หยุนจิ่งกุมมือนางไว้ มือนางนุ่มยิ่งนัก

หยุนจิ่งพาซูหนานอีมาที่ริมฝั่งแม่น้ำหลิว สมชื่อจริงๆเพราะริมแม่น้ำเต็มไปด้วยต้นหลิว ลมพัดโชยยามค่ำคืนกิ่งหลิวโบกสะบัดไปมา ช่างสวยงามนัก

และสิ่งที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจก็คือมีเรือบุปผาอยู่ไม่ไกล บนเรือมีแสงไฟระยิบระยับ เชื่อมกับแสงสว่างของดาวบนฟ้า เสียงเสียดสีของไผ่ก็ดังมาจากเรือ ราวกับตำหนักบนสวรรค์

หยุนจิ่งรู้สึกตื่นเต้นมาก พูดอวดกับซูหนานอี "เหนียงจื่อ เจ้าดูนั่น! สวยไหม"

ซูหนานอีกลับรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้แสดงออกมา ได้แต่ยิ้มบาง "สวย จิ่งเอ้อร์รู้จักที่นี่ได้ยังไง"

หยุนจิ่งชี้ไปที่เรือที่อยู่ไม่ไกล "ข้าเคยขึ้นไปบนนั้น บนนั้นมีของอร่อยๆ เยอะมาก และยังมีสุรามีคนร้องเพลง แต่บนตัวพวกเขามีกลิ่นเหม็น ข้าไม่ชอบ"

ซูหนานอีมองไปที่มีแสงไฟด้วยสายตานิ่งดุจน้ำแข็ง ค่อยๆ ละลายกลายเป็นไอ ดีเลย นางก็อยากจะไปดูสักหน่อย ว่าใครเป็นคนพาหยุนจิ่งมาที่อย่างนี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด