ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม 275 การเผชิญหากับศัตรูของเฉียวไท่กู

Now you are reading ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม Chapter 275 การเผชิญหากับศัตรูของเฉียวไท่กู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การมาของซูฉีไห่ก็ทำให้ชูชีเชิงประหลาดใจ

ทั้งสองตระกูลแข่งขันกันอย่างลับๆมาเป็นเวลานาน พวกเค้าไม่เคยปะทะกันแบบตัวต่อตัวเลย

ส่วนการเยี่ยมเยือนนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

“คุณซู?” ชูชีเชิงก็ทักทายเค้าด้วยรอยยิ้ม

ซูฉีไห่ก็พยักหน้า เค้าเดินตรงไปที่โซฟาของชูชีเชิงแล้วนั่งลง คนที่อยู่ข้างๆเค้าก็หยิบซิการ์ให้เค้าในทันที

ซูฉีไห่พ่นควันออกมา จากนั้นแววตาของเค้าก็จ้องมองไปที่ชูชีเชิง

“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆนี้นายติดต่อกับฉินเฉิงอย่างใกล้ชิด” ซูฉีไห่พูดอย่างตรงไปตรงมา “ทำไมกัน อยากจะดึงฉินเฉิงเข้ามาในพวกของนายอย่างงั้นเหรอ?”

ชูชีเชิงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณซู คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมขอให้เค้ามาเพียงเพื่อรักษาพ่อของผมก็เท่านั้น”

“ทำไม ครอบครัวชูไม่สนอะไรเลยอย่างงั้นเหรอ?” ซูฉีไห่หัวเราะเยาะขึ้นมา “ใช่แล้ว มันคือหลักประกัน สถานะก็คงไม่สำคัญอะไรสินะ”

หลังจากที่ชูชีเชิงได้ยินแบบนี้ เค้าก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที

เค้าสำลักแล้วพูดว่า: “ใช่แล้ว มันน่าจะเทียบไม่ได้กับตระกูลซูสายที่แปดเลย สายแปดนี้น่าจะเป็นสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลซูใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของซูฉีไห่ก็ค่อยๆเย็นชาลง

ชูชีเชิงก็พูดต่อว่า: “ตอนนี้ฉันก็กำลังได้รับบทบาทสำคัญในตระกูลชูกรุ๊ป ฉันเป็นสมาชิกหลักของตระกูลชู คุณซู แล้วคุณล่ะ? ขอถามหน่อยนายท่านซูให้คุณเข้าไปในซูกรุ๊ปแล้วหรือยัง? ”

สีหน้าของซูฉีไห่ดูไม่ได้เลย

อันที่จริงแล้ว ตระกูลซูให้ความสนใจเพียงเล็กน้อยกับศิลปะการต่อสู้และซูฉีไห่ก็เป็นผู้ดูแลศิลปะการต่อสู้ของตระกูลซู

นายท่านซูยังรู้สึกว่าผู้คนในวงการศิลปะการต่อสู้มักจะประมาทแล้วก็ไม่มีสมอง เค้าแทบไม่เคยปล่อยให้ซูฉีไห่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจหลักของตระกูลซูเลย

“คุณซู ถ้าคุณจะมาที่นี่เพื่อข่มขู่ฉัน ฉันขอโทษด้วยนะ คุณคิดผิดแล้ว” แม้ว่าชูชีเชิงจะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้มากนักแล้วก็ยังไม่ใช่นักศิลปะการต่อสู้ แต่เค้าเต็มไปด้วยอำนาจแล้วก็ไม่ด้อยไปกว่าซูฉีไห่เลย

ซูฉีไห่พยักหน้า เค้าลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ดูเหมือนว่าเรื่องความสงบสุขระหว่างตระกูลชูและตระกูลซูกำลังจะพังสลายไปนะ”

“แล้วแต่เลย” ชูชีเชิงก็พูดอย่างเย็นชา

ซูฉีไห่เลิกพูดอะไรมาก เค้าลุกขึ้นแล้วหันหลังเดินออกไป

หลังจากขึ้นรถ ซูฉีไห่ก็โวยวายว่า: “มันกล้าที่จะมาเยาะเย้ยฉัน มันคิดว่ามันเป็นใครกัน!”

ซูฉีไห่เป็นจอมยุทธ์ที่แท้จริง เค้าคือคนที่อยู่เบื้องหลังอำนาจของตระกูลซู ซูฉีไห่คนนี้ มันก็บอกได้เลยว่าเค้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด

“เดี๋ยวมันก็จะได้รู้ว่าตัวมันเองโง่มากแค่ไหนกัน” ซูฉีไห่กัดฟันพูด

คนขับรถข้างหน้าก็ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลย

เวลามันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น มันก็ผ่านมาสามวันแล้ว

วันนี้เป็นวันที่เฉียวไท่กูนัดประลองกับฉินเฉิง

เฉียวไท่กูไม่สามารถเป็นตัวแทนของตระกูลชูได้ การกระทำทั้งหมดของเค้ามันเป็นตัวเค้าเองที่ส่งตัวเองมา ตระกูลชูจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น

สถานที่ๆทั้งสองมาเจอกันก็คือห้องฝึกของตระกูลชู

ตระกูลชูให้ความสำคัญกับศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก พวกเค้ามีสถานที่ฝึกเฉพาะทางหลายแห่งในเมืองจิงตูและที่นี่ก็เป็นสถานที่ของชูเห้า น้องชายของตระกูลชู

ในสถานที่แห่งนี้ มันก็มีลูกหลานของตระกูลชูอยู่มากมาย หลังจากสืบสานมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ตระกูลชูรุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 ก็มีญาติพี่น้องหลายร้อยคน

“ตระกูลชูคนเยอะมากจริงๆ” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา ในตอนนี้เองเค้าก็มองไปที่สถานที่ขนาดใหญ่นี่

พวกเค้ามีลูกหลานหลายร้อยคน นี่มันไม่ต้องบอกเลยว่าผู้ติดตามของพวกเค้ามันจะมีจำนวนที่น่ากลัวมากขนาดไหนกัน?

วันนี้ทั้งชูชีเชิงกับชูเสียวก็ไม่ได้มาด้วย มีเพียงแค่เฉียวไท่กูเท่านั้นที่รออยู่ที่สนามฝึก

“คุณชายชู คนนั้นคือฉินเฉิง” หลังจากมองเห็นฉินเฉิงแล้ว เฉียวไท่กูก็รีบมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ

ชายหนุ่มเหลือบมองเค้าแล้วพูดว่า: “ฉันจำได้ว่าเด็กคนนี้อยู่อันดับที่ 38 ใช่ไหม?”

“ใช่” เฉียวไท่กูพยักหน้าขึ้นมา “ต่ำกว่าคุณสิบตำแหน่ง”

ชูเห้าก็ยิ้มแล้วพูดว่า: “ไท่กู ฉันเองยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายเลย นี่มันก็ไม่ต้องพูดถึงเค้าเลย? ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่กล้าท้าทายจอมยุทธ์ นี่มันเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ”

เฉียวไท่กูกัดฟันแล้วพูดว่า: “เด็กคนนี้ มันโอหังมาก ว่ากันว่ามันได้รับการสนับสนุนจากตำหนักเทพโอสถ มันก็เลยไม่มองใครอยู่ในสายตาเลย!”

“อืม ด้วยการสนับสนุนของตำหนักเทพโอสถ ฉินเฉิงนี่มันก็หยิ่งยโสมากจริงๆ” ชูเห้าก็พยักหน้าเล็กน้อย “แต่ว่าอย่าฆ่ามันก็แล้วกัน ตำหนักเทพโอสถมันไม่ง่ายเลยนะที่จะสู้ด้วย”

“เข้าใจแล้วครับ คุณชายชูไม่ต้องห่วง” เฉียวไท่กูพยักหน้า

ในตอนที่พูดนี้เอง ฉินเฉิงก็เดินเข้ามาแล้ว

เค้ายืนอยู่ตรงหน้าเฉียวไท่กู ก่อนที่เค้าจะพูดอะไร ชูเห้าที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “นายคือฉินเฉิงอย่างงั้นเหรอ?”

“นายเป็นใครกัน?” ฉินเฉิงถามอย่างไม่ใส่ใจ

“นี่ก็คือคุณชายตระกูลชูของเรา ชูเห้า!” เฉียวไท่กูก็พูดขึ้นมา

ชูเห้าโบกมือแล้วพูดว่า: “อันที่จริงฉันเองก็สนใจในตัวนาย นายเป็นคนแรกเลยนะที่กล้าจะท้าทายตระกูลซู แต่อันดับของนายก็ด้อยกว่าฉัน แม้แต่ฉันเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไท่กูเลย เกรงว่านายก็ยิ่งไม่น่าจะเทียบอะไรกับเค้าได้เลย?”

คนที่อยู่ข้างๆเค้าก็พูดว่า: “คุณชายชู คุณลืมไปแล้วเหรอ เค้าเป็นสมาชิกของ ตำหนักเทพโอสถ ตราบใดที่เค้าไม่ตาย ยังไงตำหนักเทพโอสถก็รักษาเค้าได้”

“ใช่แล้ว การบาดเจ็บของเค้ามันก็ไม่สำคัญอะไรเลย”

หลังจากฟังจบ ชูเห้าก็ดูเหมือนว่าจะมองว่ามันก็มีเหตุผล

เค้าเอามือลูบไปที่คางแล้วพยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า: “อืม ตำหนักเทพโอสถนี่มันจองหองจริงๆ”

ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า: “อันดับที่พูดถึงนั่นดูเหมือนว่ามันจะไม่ถูกต้องซะเท่าไหร่นะ พวกเค้าแบ่งแยกกันตามอันดับอย่างงั้นเหรอ”

“โอ้?” ชูเห้าก็มองไปที่ฉินเฉิงด้วยความสนใจ “จะว่าไปแล้ว นายคิดว่าอันดับของนายมันต่ำไปกว่าที่ควรจะเป็นอย่างงั้นเหรอ?”

“มันต่ำมากเกินไป” ฉินเฉิงส่ายหัว

ชูเห้าหัวเราะ “งั้นนายคิดว่านายควรอยู่ตรงไหนกันหละ”

“อย่างน้อยก็สิบอันดับแรก” ฉินเฉิงพยักหน้าขึ้นมาอย่างจริงจัง

“พัฟ!” ชูเห้าที่กำลังดื่มน้ำอยู่ เค้าก็พ่นน้ำออกมาในทันที

คนอื่นๆ ในสนามฝึกต่างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“ฉินเฉิง คุณรู้ไหมว่าคนที่อยู่ในสิบอันดับแรกล้วนแล้วแต่เป็นปีศาจ? พวกเค้าล้วนแต่เป็นจอมยุทธ์” ชูเห้าก็พูดว่า “ตอนนี้นายก็เป็น…ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นแปดสินะ?”

“อันดับ มันไม่สามารถแสดงทุกอย่างได้หรอกนะ” ฉินเฉิงหัวเราะ “เช่นเดียวกับเฉียวไท่กู เค้าก็เป็นจอมยุทธ์เหมือนกัน แต่เค้าจะไม่สามารถเอาชนะฉันที่เป็นแค่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นแปดได้”

“พูดมาก!” เฉียวไท่กูโกรธจัด “แกคิดว่าฉันฆ่าแกไม่ได้อย่างงั้นเหรอ!”

ฉินเฉิงเยาะเย้ย: “ความแข็งแกร่งของนาย เมื่อเทียบกับหนานหวาง มันเป็นยังไงกัน?”

“หนานหวัง?” เฉียวไท่กูขมวดคิ้วเล็กน้อย เค้ากับหนานหวางต่างก็เป็นจอมยุทธ์เหมือนกัน แต่หนานหวางเป็นจอมยุทธ์มาสองสามปีแล้ว ส่วนเฉียวไท่กูพึ่งจะมาเป็นจอมยุทธ์ได้ไม่นาน ความแตกต่างระหว่างพวกเค้ามันเยอะมากจริงๆ

“ฉันไม่เคยประลองกับเค้า” ต่อหน้าผู้คนมากมาย เฉียวไท่กูจะไม่พูดว่าตัวเองอ่อนแอ

ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “แม้แต่หนานหวางก็ยังไม่สามารถเอาชนะนายได้ อย่างงั้นเหรอ?”

เฉียวไท่กูก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “แกจะบอกว่าแกสามารถเอาชนะหนานหวังได้? นี่มันตลกมากจริงๆ!”

“น้องชาย นายนี่ปากดีเหลือเกินนะ? ตอนนี้ฉันก็สงสัยซะแล้วสิว่าแกจะทำได้อย่างที่พูดไหม” คนอื่นๆก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม 275 การเผชิญหากับศัตรูของเฉียวไท่กู

Now you are reading ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม Chapter 275 การเผชิญหากับศัตรูของเฉียวไท่กู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การมาของซูฉีไห่ก็ทำให้ชูชีเชิงประหลาดใจ

ทั้งสองตระกูลแข่งขันกันอย่างลับๆมาเป็นเวลานาน พวกเค้าไม่เคยปะทะกันแบบตัวต่อตัวเลย

ส่วนการเยี่ยมเยือนนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

“คุณซู?” ชูชีเชิงก็ทักทายเค้าด้วยรอยยิ้ม

ซูฉีไห่ก็พยักหน้า เค้าเดินตรงไปที่โซฟาของชูชีเชิงแล้วนั่งลง คนที่อยู่ข้างๆเค้าก็หยิบซิการ์ให้เค้าในทันที

ซูฉีไห่พ่นควันออกมา จากนั้นแววตาของเค้าก็จ้องมองไปที่ชูชีเชิง

“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆนี้นายติดต่อกับฉินเฉิงอย่างใกล้ชิด” ซูฉีไห่พูดอย่างตรงไปตรงมา “ทำไมกัน อยากจะดึงฉินเฉิงเข้ามาในพวกของนายอย่างงั้นเหรอ?”

ชูชีเชิงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณซู คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมขอให้เค้ามาเพียงเพื่อรักษาพ่อของผมก็เท่านั้น”

“ทำไม ครอบครัวชูไม่สนอะไรเลยอย่างงั้นเหรอ?” ซูฉีไห่หัวเราะเยาะขึ้นมา “ใช่แล้ว มันคือหลักประกัน สถานะก็คงไม่สำคัญอะไรสินะ”

หลังจากที่ชูชีเชิงได้ยินแบบนี้ เค้าก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที

เค้าสำลักแล้วพูดว่า: “ใช่แล้ว มันน่าจะเทียบไม่ได้กับตระกูลซูสายที่แปดเลย สายแปดนี้น่าจะเป็นสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลซูใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของซูฉีไห่ก็ค่อยๆเย็นชาลง

ชูชีเชิงก็พูดต่อว่า: “ตอนนี้ฉันก็กำลังได้รับบทบาทสำคัญในตระกูลชูกรุ๊ป ฉันเป็นสมาชิกหลักของตระกูลชู คุณซู แล้วคุณล่ะ? ขอถามหน่อยนายท่านซูให้คุณเข้าไปในซูกรุ๊ปแล้วหรือยัง? ”

สีหน้าของซูฉีไห่ดูไม่ได้เลย

อันที่จริงแล้ว ตระกูลซูให้ความสนใจเพียงเล็กน้อยกับศิลปะการต่อสู้และซูฉีไห่ก็เป็นผู้ดูแลศิลปะการต่อสู้ของตระกูลซู

นายท่านซูยังรู้สึกว่าผู้คนในวงการศิลปะการต่อสู้มักจะประมาทแล้วก็ไม่มีสมอง เค้าแทบไม่เคยปล่อยให้ซูฉีไห่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจหลักของตระกูลซูเลย

“คุณซู ถ้าคุณจะมาที่นี่เพื่อข่มขู่ฉัน ฉันขอโทษด้วยนะ คุณคิดผิดแล้ว” แม้ว่าชูชีเชิงจะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้มากนักแล้วก็ยังไม่ใช่นักศิลปะการต่อสู้ แต่เค้าเต็มไปด้วยอำนาจแล้วก็ไม่ด้อยไปกว่าซูฉีไห่เลย

ซูฉีไห่พยักหน้า เค้าลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ดูเหมือนว่าเรื่องความสงบสุขระหว่างตระกูลชูและตระกูลซูกำลังจะพังสลายไปนะ”

“แล้วแต่เลย” ชูชีเชิงก็พูดอย่างเย็นชา

ซูฉีไห่เลิกพูดอะไรมาก เค้าลุกขึ้นแล้วหันหลังเดินออกไป

หลังจากขึ้นรถ ซูฉีไห่ก็โวยวายว่า: “มันกล้าที่จะมาเยาะเย้ยฉัน มันคิดว่ามันเป็นใครกัน!”

ซูฉีไห่เป็นจอมยุทธ์ที่แท้จริง เค้าคือคนที่อยู่เบื้องหลังอำนาจของตระกูลซู ซูฉีไห่คนนี้ มันก็บอกได้เลยว่าเค้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด

“เดี๋ยวมันก็จะได้รู้ว่าตัวมันเองโง่มากแค่ไหนกัน” ซูฉีไห่กัดฟันพูด

คนขับรถข้างหน้าก็ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลย

เวลามันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น มันก็ผ่านมาสามวันแล้ว

วันนี้เป็นวันที่เฉียวไท่กูนัดประลองกับฉินเฉิง

เฉียวไท่กูไม่สามารถเป็นตัวแทนของตระกูลชูได้ การกระทำทั้งหมดของเค้ามันเป็นตัวเค้าเองที่ส่งตัวเองมา ตระกูลชูจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น

สถานที่ๆทั้งสองมาเจอกันก็คือห้องฝึกของตระกูลชู

ตระกูลชูให้ความสำคัญกับศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก พวกเค้ามีสถานที่ฝึกเฉพาะทางหลายแห่งในเมืองจิงตูและที่นี่ก็เป็นสถานที่ของชูเห้า น้องชายของตระกูลชู

ในสถานที่แห่งนี้ มันก็มีลูกหลานของตระกูลชูอยู่มากมาย หลังจากสืบสานมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ตระกูลชูรุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 ก็มีญาติพี่น้องหลายร้อยคน

“ตระกูลชูคนเยอะมากจริงๆ” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา ในตอนนี้เองเค้าก็มองไปที่สถานที่ขนาดใหญ่นี่

พวกเค้ามีลูกหลานหลายร้อยคน นี่มันไม่ต้องบอกเลยว่าผู้ติดตามของพวกเค้ามันจะมีจำนวนที่น่ากลัวมากขนาดไหนกัน?

วันนี้ทั้งชูชีเชิงกับชูเสียวก็ไม่ได้มาด้วย มีเพียงแค่เฉียวไท่กูเท่านั้นที่รออยู่ที่สนามฝึก

“คุณชายชู คนนั้นคือฉินเฉิง” หลังจากมองเห็นฉินเฉิงแล้ว เฉียวไท่กูก็รีบมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ

ชายหนุ่มเหลือบมองเค้าแล้วพูดว่า: “ฉันจำได้ว่าเด็กคนนี้อยู่อันดับที่ 38 ใช่ไหม?”

“ใช่” เฉียวไท่กูพยักหน้าขึ้นมา “ต่ำกว่าคุณสิบตำแหน่ง”

ชูเห้าก็ยิ้มแล้วพูดว่า: “ไท่กู ฉันเองยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายเลย นี่มันก็ไม่ต้องพูดถึงเค้าเลย? ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่กล้าท้าทายจอมยุทธ์ นี่มันเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ”

เฉียวไท่กูกัดฟันแล้วพูดว่า: “เด็กคนนี้ มันโอหังมาก ว่ากันว่ามันได้รับการสนับสนุนจากตำหนักเทพโอสถ มันก็เลยไม่มองใครอยู่ในสายตาเลย!”

“อืม ด้วยการสนับสนุนของตำหนักเทพโอสถ ฉินเฉิงนี่มันก็หยิ่งยโสมากจริงๆ” ชูเห้าก็พยักหน้าเล็กน้อย “แต่ว่าอย่าฆ่ามันก็แล้วกัน ตำหนักเทพโอสถมันไม่ง่ายเลยนะที่จะสู้ด้วย”

“เข้าใจแล้วครับ คุณชายชูไม่ต้องห่วง” เฉียวไท่กูพยักหน้า

ในตอนที่พูดนี้เอง ฉินเฉิงก็เดินเข้ามาแล้ว

เค้ายืนอยู่ตรงหน้าเฉียวไท่กู ก่อนที่เค้าจะพูดอะไร ชูเห้าที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “นายคือฉินเฉิงอย่างงั้นเหรอ?”

“นายเป็นใครกัน?” ฉินเฉิงถามอย่างไม่ใส่ใจ

“นี่ก็คือคุณชายตระกูลชูของเรา ชูเห้า!” เฉียวไท่กูก็พูดขึ้นมา

ชูเห้าโบกมือแล้วพูดว่า: “อันที่จริงฉันเองก็สนใจในตัวนาย นายเป็นคนแรกเลยนะที่กล้าจะท้าทายตระกูลซู แต่อันดับของนายก็ด้อยกว่าฉัน แม้แต่ฉันเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไท่กูเลย เกรงว่านายก็ยิ่งไม่น่าจะเทียบอะไรกับเค้าได้เลย?”

คนที่อยู่ข้างๆเค้าก็พูดว่า: “คุณชายชู คุณลืมไปแล้วเหรอ เค้าเป็นสมาชิกของ ตำหนักเทพโอสถ ตราบใดที่เค้าไม่ตาย ยังไงตำหนักเทพโอสถก็รักษาเค้าได้”

“ใช่แล้ว การบาดเจ็บของเค้ามันก็ไม่สำคัญอะไรเลย”

หลังจากฟังจบ ชูเห้าก็ดูเหมือนว่าจะมองว่ามันก็มีเหตุผล

เค้าเอามือลูบไปที่คางแล้วพยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า: “อืม ตำหนักเทพโอสถนี่มันจองหองจริงๆ”

ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า: “อันดับที่พูดถึงนั่นดูเหมือนว่ามันจะไม่ถูกต้องซะเท่าไหร่นะ พวกเค้าแบ่งแยกกันตามอันดับอย่างงั้นเหรอ”

“โอ้?” ชูเห้าก็มองไปที่ฉินเฉิงด้วยความสนใจ “จะว่าไปแล้ว นายคิดว่าอันดับของนายมันต่ำไปกว่าที่ควรจะเป็นอย่างงั้นเหรอ?”

“มันต่ำมากเกินไป” ฉินเฉิงส่ายหัว

ชูเห้าหัวเราะ “งั้นนายคิดว่านายควรอยู่ตรงไหนกันหละ”

“อย่างน้อยก็สิบอันดับแรก” ฉินเฉิงพยักหน้าขึ้นมาอย่างจริงจัง

“พัฟ!” ชูเห้าที่กำลังดื่มน้ำอยู่ เค้าก็พ่นน้ำออกมาในทันที

คนอื่นๆ ในสนามฝึกต่างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

“ฉินเฉิง คุณรู้ไหมว่าคนที่อยู่ในสิบอันดับแรกล้วนแล้วแต่เป็นปีศาจ? พวกเค้าล้วนแต่เป็นจอมยุทธ์” ชูเห้าก็พูดว่า “ตอนนี้นายก็เป็น…ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นแปดสินะ?”

“อันดับ มันไม่สามารถแสดงทุกอย่างได้หรอกนะ” ฉินเฉิงหัวเราะ “เช่นเดียวกับเฉียวไท่กู เค้าก็เป็นจอมยุทธ์เหมือนกัน แต่เค้าจะไม่สามารถเอาชนะฉันที่เป็นแค่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นแปดได้”

“พูดมาก!” เฉียวไท่กูโกรธจัด “แกคิดว่าฉันฆ่าแกไม่ได้อย่างงั้นเหรอ!”

ฉินเฉิงเยาะเย้ย: “ความแข็งแกร่งของนาย เมื่อเทียบกับหนานหวาง มันเป็นยังไงกัน?”

“หนานหวัง?” เฉียวไท่กูขมวดคิ้วเล็กน้อย เค้ากับหนานหวางต่างก็เป็นจอมยุทธ์เหมือนกัน แต่หนานหวางเป็นจอมยุทธ์มาสองสามปีแล้ว ส่วนเฉียวไท่กูพึ่งจะมาเป็นจอมยุทธ์ได้ไม่นาน ความแตกต่างระหว่างพวกเค้ามันเยอะมากจริงๆ

“ฉันไม่เคยประลองกับเค้า” ต่อหน้าผู้คนมากมาย เฉียวไท่กูจะไม่พูดว่าตัวเองอ่อนแอ

ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “แม้แต่หนานหวางก็ยังไม่สามารถเอาชนะนายได้ อย่างงั้นเหรอ?”

เฉียวไท่กูก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “แกจะบอกว่าแกสามารถเอาชนะหนานหวังได้? นี่มันตลกมากจริงๆ!”

“น้องชาย นายนี่ปากดีเหลือเกินนะ? ตอนนี้ฉันก็สงสัยซะแล้วสิว่าแกจะทำได้อย่างที่พูดไหม” คนอื่นๆก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+