ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม 297 ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

Now you are reading ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม Chapter 297 ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สีหน้าของเจ้าสำนักหวงก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

กำไลข้อมือเพชรพระสูตรนี่! มันพึ่งจะพ่ายแพ้! แม้แต่กำไลเองก็ยังถูกคนอื่นเอาไปด้วย!

ฉินเฉิงลูบไปที่กำไลข้อมือแล้วพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า: “กำไลข้อมือนี้เป็นของดี แต่น่าเสียดายที่มันแตก ถ้าสามารถซ่อมแซมได้ มันจะกลายเป็นอาวุธที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอย่างแน่นอน”

เจ้าสำนักหวงที่อยู่ไม่ไกลก็กัดฟัน เค้าหันหลังแล้วคิดที่จะวิ่งหนี

แต่ฉินเฉิงก็ใช้วิชาย่นระยะทาง ความเร็วของเค้ามันก็เร็วมาก ภายในเวลาแค่ชั่วพริบตา เค้าก็เข้ามาถึงตัวของเจ้าสำนักหวงในทันที

ด้วยคลื่นจากฝ่ามือนี้เอง เค้าก็ตบจนเจ้าสำนักหวงกระเด็นออกไปในทันที!

เจ้าสำนักหวงถูกทุบตีจนใบหน้าของเค้ามันเต็มไปด้วยเลือด เค้าร้องของความเมตตาอย่างสยดสยอง: “ฉินเฉิง เจ้าสำนักฉิน ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ผมยังไม่อยากตาย … ”

“ไม่อยากตายเหรอ?” ฉินเฉิงเยาะเย้ย “ไม่อยากตายแล้วมาที่นี่ทำไม?”

“ผม…ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ไปผมจะไม่ล่วงเกินสำนักฉินอีก! ไม่ ไม่ ชีวิตนี้ผมจะไม่มาเหยียบที่เมืองหยินอีกเลย ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ!” เจ้าสำนักหวงอ้อนวอนร้องขอความเมตตา

“ในสำนักของผมมีทรัพย์สินมากมายหลายสิบล้านแล้วก็ยังมีทองคำฝังอยู่ใต้ดิน ทั้งหมดนี่ผมจะยกให้คุณ!”

ฉินเฉิงเยาะเย้ยแล้วพูดว่า: “ฆ่าแกแล้ว ฉันก็ได้มันเหมือนกันหนิ”

หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็เหวี่ยงฝ่ามือพร้อมแสงสีทองของเค้าขึ้นไปในทันที มันทุบเข้าไปที่หัวของฉินเฉิงโดยตรง!

ลูกศิษย์ของสำนักอูยาก็มองหน้ากัน พวกเค้าต้องการหนี แต่ก็หนีไม่พ้น พวกเค้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ในตอนนี้เอง สายตาของฉินเฉิงก็กวาดมองไปที่ทุกคน

“ฉิน…ท่านเจ้าสำนักฉิน นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย…” ในตอนนี้เอง ก็มีใครบางคนที่พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ

ฉินเฉิงเงียบไปซักพักแล้วพูดว่า: “ฉันจะให้พวกแกเลือกแค่สองทางเท่านั้น ถ้าหากว่าพวกนายต้องการไป ฉันก็จะไม่ขวาง แน่นอน พวกนายสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมกับสำนักฉินได้”

เมื่อได้แบบนี้ คนส่วนมากก็เตรียมที่จะจากไป

“คนที่อยู่จะได้รับส่วนแบ่งจากทรัพย์สินของเจ้าสำนักหวง” ฉินเฉิงก็พูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค

หลังจากได้ยินประโยคนี้ ทุกคนที่กำลังจะจากไปก็หยุด

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา นี่ก็ไม่รู้เลยว่าเจ้าสำนักหวงสามารถทำเงินได้แล้วเท่าไหร่กัน ถ้าหากว่าพวกเค้าได้รับส่วนแบ่งนี้ มันคงจะเป็นจำนวนเงินมหาศาล!

“พวกเรายินดีที่จะเข้าร่วมกับสำนักฉิน!” ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนแรกที่ตะโกนขึ้นมา จากนั้นคนอื่นๆก็เดินตามเสียงตะโกนเข้ามาจนแน่น

ฉินเฉิงพอใจเล็กน้อย เขายิ้มแล้วพูดว่า: “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกนายทั้งหมดจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของรองเจ้าสำนักหยาน หยานรัวหยู!”

“ครับ! ท่านเจ้าสำนัก!” ฝูงชนก็คุกเข่าลงแล้วโค้งคำนับให้หยานรัวหยูสามครั้ง

หยานรัวหยูไม่เคยเห็นฉากนี้มาก่อน เธอเอามือปิดปากแล้วตกตะลึงอยู่ซักพัก

ฉินเฉิงเดินเข้าไปหาเธอแล้วพูดว่า: “สำนักฉิน ตอนนี้ก็เป้นหน้าที่ของเธอแล้วนะ”

หยานรัวหยูกลับมาได้สติอีกครั้ง เธอร้องอ๊าแล้วพยักหน้าอย่างแรง

“ฉันจะเอากำไลข้อมือเพชรพระสูตรนี่ไป” ฉินเฉิงจับไปที่กำไลข้อมือเพชรพระสูตรแล้วพูดว่า “ถ้าวันหนึ่งฉันสามารถซ่อมแซมมันได้ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะมอบมันให้กับเธอ ให้มันเป็นสมบัติของสำนักฉินต่อไป”

“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก!” หยานรัวหยูรีบพยักหน้าขึ้นมา

หลังจากนั้น ภายใต้การนำของหยานรัวหยู เธอพาตัวทุกคนไปที่สำนักอูยาแล้วแบ่งบันทรัพย์สินของเจ้าสำนักหวง

แต่ฉินเฉิงยังคงยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของสำนักฉิน เค้ามองดูพื้นที่รอบๆอยู่อย่างเงียบๆ

“ต้นเชียนเทียน กำไลเพชรพระสูตร บ่อน้ำพุร้อนแห่งจิตวิญญาณล้วนอยู่ที่เดียวกัน” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “หรือว่าที่นี่มันจะเคยเป็นสำนักยุทธ์โบราณ?”

ของมีค่าจำนวนมากมาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวมกันอยู่ที่เดียวกัน เว้นเสียแต่อย่างที่ฉินเฉิงคิดเอาไว้ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสำนักมาก่อน ต่อมามันก็เสื่อมไปแล้วทรัพย์สินทั้งหมดก็จมอยู่ที่นี่

ฉินเฉิงยืนอยู่ที่นี่ ในใจของเค้า เค้าก็กำลังคิดอะไรหลายอย่าง

แต่ในท้ายที่สุด เค้าก็ไม่สนใจอะไรกับมัน ไม่ว่ามันจะเป็นสำนักยุทธ์โบราณหรือไม่ก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉินเฉิง มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสำรวจมัน

“ถ้าเป็นสำนักยุทธ์โบราณจริงๆ สำนักยุทธ์โบราณแห่งนี้อาจเคยครอบครองเมืองหยินทั้งหมดนี่” ฉินเฉิงถอนหายใจออกมา

วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ในวันนี้ฉินเฉิงก็วางแผนที่จะออกจากเมืองหยินแล้วกลับไปที่มณฑลปินโจว

หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมงต่อมา หยานรัวหยูก็กลับไปที่สำนักฉิน

“จัดการเสร็จแล้วเหรอ?” ฉินเฉิงก็ถามขึ้นมา

หยานรัวหยูก็เอนหลังแล้วพูดว่า: “เจ้าสำนักหวงมีทรัพย์สินทั้งหมดเกือบร้อยล้านชิ้น พวกมันทั้งหมดถูกแบ่งแล้ว”

ฉินเฉิงพยักหน้า เค้าลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ฉันควรจะกลับไปฉลองปีใหม่แล้ว”

“จะกลับแล้วเหรอ?” หยานรัวหยูก็พูดขึ้นมาอย่างเงียบๆ

ฉินเฉิงก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “แน่นอนปีใหม่ฉันก็ต้องกลับบ้านสิ”

หยานรัวหยูก็กัดริมฝีปากของเธอ มันดูราวกับว่าเธอมีอะไรอยากจะพูด

“ฉันไปหละ” ฉินเฉิงหยิบต้นเชียนเทียนกับกำไลเพรชพระสูตรมา จากนั้นเค้าก็เตรียมที่จะจากไป

“ช้าก่อน!”

ในตอนนี้เอง หยานรัวหยูก็ตะโกนเรียกฉินเฉิง

เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดด้วยความสับสนขึ้นมาว่า: “ท่านเจ้าสำนัก ฉัน… ขอกลับไปฉลองปีใหม่กับคุณด้วย จะได้ไหม?”

ฉินเฉิงตกตะลึง เค้าส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ไม่ได้”

หยานรัวหยูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาอย่างขมขื่น เค้าปฎิเสธโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ

“เอาหละดูแลตัวเองดีๆ” ฉินเฉิงพูดออกมาแบบนี้ จากนั้นเค้าก็ออกจากสำนักฉินไป

การกลับไปคราวนี้ ฉินเฉิงกำลังจะเผชิญหน้ากับซูหยู่ มันก็บอกไม่ได้เลยว่าเค้ากำลังจะแพ้หรือชนะ

ทุกเทศกาลวันหยุด ฉินเฉิงก็ทำแบบเดียวกัน ในความคิดของเค้ามันมีหลายคนที่เค้ากำลังคิดถึง: ซูวาน นายท่านซู นายท่านหลินและพ่อของเค้า

“ไม่รู้เลยว่าแม่ของฉันหน้าตาเป็นยังไงกัน” ฉินเฉิงก็คิดขึ้นมาในใจ “ฉันหล่อมากขนาดนี้ คิดๆดูแล้วแม่ของฉันจะต้องสวยมากแน่ๆ”

หลังจากมาถึงสนามบิน รถบัสสนามบินก็พักกลับบ้านไปฉลองปีใหม่กันหมดแล้ว

ฉินเฉิงคิดอยู่ครู่ซักพักหนึ่ง จากนั้นเค้าก็โทรหาจินฮู่เพื่อให้มารับตัวเอง

แต่เค้าโทรไปสามสายก็ไม่มีใครรับเลย

ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา

“ไอ่จินฮู่นี่มันไปไหนของมัน?” ฉินเฉิงบ่นขึ้นมา จากนั้นเค้าก็ไม่โทรบอก

ในตอนนี้เอง คนขับรถแท็กซี่ก็ขับรถมา

เค้าตะโกนไปหาฉินเฉิงแล้วพูดว่า: “พ่อหนุ่ม จะไปไหม?”

ฉินเฉิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เค้ารีบเดินเข้าไปแล้วพูดว่า: “ไป”

“ช่วงนี้เป็นช่วงปีใหม่ ผมอาจจะต้องเพิ่มเงินนะ” คนขับก็เตือนขึ้นมา

ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่มีปัญหา”

รถแล่นเข้าไปในเมืองปีนัง ระหว่างทางคนขับก็คุยกับฉินเฉิงอย่างเป็นกันเอง: “พ่อหนุ่ม ทำไมเธอถึงมาที่เมืองปีนัง เธอเองก็มาตามหาฉินเฉิงอย่างงั้นเหรอ?”

“ตามหาฉินเฉิง?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

คนขับเหลือบมองไปที่ฉินเฉิง เค้าโบกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้หลายคนก็มาที่ปีนัง พวกเค้าทั้งหมดมาตามหาฉินเฉิง ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะอยากเรียนกังฟู”

ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”

ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ต้องการเห็นความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉินเฉิง

“ใช่แล้ว คนที่เก่งกาจมากที่สุดเค้าก็คือหลิวเจิ้งหลง” คนขับก็พูดต่อว่า “เธอรู้จักพี่จินฮู่ในเมืองปีนังใช่ไหม? ที่เค้าเป็นเจ้าถิ่นหนะ”

ฉินเฉิงตกใจแล้วพูดว่า: “ฉันรู้ เกิดอะไรขึ้น?”

“เจ็บตัว จินฮู่โดนหลิวเจิ้งหลงสั่งสอน ฉันได้ยินมาว่าเค้าโดนตบจนเข้าห้อง ICU ตอนนี้ยังนอนไม่ได้สติไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย” คนขับยิ้มอย่างเป็นกันเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม 297 ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

Now you are reading ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม Chapter 297 ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สีหน้าของเจ้าสำนักหวงก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

กำไลข้อมือเพชรพระสูตรนี่! มันพึ่งจะพ่ายแพ้! แม้แต่กำไลเองก็ยังถูกคนอื่นเอาไปด้วย!

ฉินเฉิงลูบไปที่กำไลข้อมือแล้วพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า: “กำไลข้อมือนี้เป็นของดี แต่น่าเสียดายที่มันแตก ถ้าสามารถซ่อมแซมได้ มันจะกลายเป็นอาวุธที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอย่างแน่นอน”

เจ้าสำนักหวงที่อยู่ไม่ไกลก็กัดฟัน เค้าหันหลังแล้วคิดที่จะวิ่งหนี

แต่ฉินเฉิงก็ใช้วิชาย่นระยะทาง ความเร็วของเค้ามันก็เร็วมาก ภายในเวลาแค่ชั่วพริบตา เค้าก็เข้ามาถึงตัวของเจ้าสำนักหวงในทันที

ด้วยคลื่นจากฝ่ามือนี้เอง เค้าก็ตบจนเจ้าสำนักหวงกระเด็นออกไปในทันที!

เจ้าสำนักหวงถูกทุบตีจนใบหน้าของเค้ามันเต็มไปด้วยเลือด เค้าร้องของความเมตตาอย่างสยดสยอง: “ฉินเฉิง เจ้าสำนักฉิน ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ผมยังไม่อยากตาย … ”

“ไม่อยากตายเหรอ?” ฉินเฉิงเยาะเย้ย “ไม่อยากตายแล้วมาที่นี่ทำไม?”

“ผม…ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ไปผมจะไม่ล่วงเกินสำนักฉินอีก! ไม่ ไม่ ชีวิตนี้ผมจะไม่มาเหยียบที่เมืองหยินอีกเลย ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ!” เจ้าสำนักหวงอ้อนวอนร้องขอความเมตตา

“ในสำนักของผมมีทรัพย์สินมากมายหลายสิบล้านแล้วก็ยังมีทองคำฝังอยู่ใต้ดิน ทั้งหมดนี่ผมจะยกให้คุณ!”

ฉินเฉิงเยาะเย้ยแล้วพูดว่า: “ฆ่าแกแล้ว ฉันก็ได้มันเหมือนกันหนิ”

หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็เหวี่ยงฝ่ามือพร้อมแสงสีทองของเค้าขึ้นไปในทันที มันทุบเข้าไปที่หัวของฉินเฉิงโดยตรง!

ลูกศิษย์ของสำนักอูยาก็มองหน้ากัน พวกเค้าต้องการหนี แต่ก็หนีไม่พ้น พวกเค้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ในตอนนี้เอง สายตาของฉินเฉิงก็กวาดมองไปที่ทุกคน

“ฉิน…ท่านเจ้าสำนักฉิน นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย…” ในตอนนี้เอง ก็มีใครบางคนที่พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ

ฉินเฉิงเงียบไปซักพักแล้วพูดว่า: “ฉันจะให้พวกแกเลือกแค่สองทางเท่านั้น ถ้าหากว่าพวกนายต้องการไป ฉันก็จะไม่ขวาง แน่นอน พวกนายสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมกับสำนักฉินได้”

เมื่อได้แบบนี้ คนส่วนมากก็เตรียมที่จะจากไป

“คนที่อยู่จะได้รับส่วนแบ่งจากทรัพย์สินของเจ้าสำนักหวง” ฉินเฉิงก็พูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค

หลังจากได้ยินประโยคนี้ ทุกคนที่กำลังจะจากไปก็หยุด

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา นี่ก็ไม่รู้เลยว่าเจ้าสำนักหวงสามารถทำเงินได้แล้วเท่าไหร่กัน ถ้าหากว่าพวกเค้าได้รับส่วนแบ่งนี้ มันคงจะเป็นจำนวนเงินมหาศาล!

“พวกเรายินดีที่จะเข้าร่วมกับสำนักฉิน!” ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนแรกที่ตะโกนขึ้นมา จากนั้นคนอื่นๆก็เดินตามเสียงตะโกนเข้ามาจนแน่น

ฉินเฉิงพอใจเล็กน้อย เขายิ้มแล้วพูดว่า: “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกนายทั้งหมดจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของรองเจ้าสำนักหยาน หยานรัวหยู!”

“ครับ! ท่านเจ้าสำนัก!” ฝูงชนก็คุกเข่าลงแล้วโค้งคำนับให้หยานรัวหยูสามครั้ง

หยานรัวหยูไม่เคยเห็นฉากนี้มาก่อน เธอเอามือปิดปากแล้วตกตะลึงอยู่ซักพัก

ฉินเฉิงเดินเข้าไปหาเธอแล้วพูดว่า: “สำนักฉิน ตอนนี้ก็เป้นหน้าที่ของเธอแล้วนะ”

หยานรัวหยูกลับมาได้สติอีกครั้ง เธอร้องอ๊าแล้วพยักหน้าอย่างแรง

“ฉันจะเอากำไลข้อมือเพชรพระสูตรนี่ไป” ฉินเฉิงจับไปที่กำไลข้อมือเพชรพระสูตรแล้วพูดว่า “ถ้าวันหนึ่งฉันสามารถซ่อมแซมมันได้ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะมอบมันให้กับเธอ ให้มันเป็นสมบัติของสำนักฉินต่อไป”

“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก!” หยานรัวหยูรีบพยักหน้าขึ้นมา

หลังจากนั้น ภายใต้การนำของหยานรัวหยู เธอพาตัวทุกคนไปที่สำนักอูยาแล้วแบ่งบันทรัพย์สินของเจ้าสำนักหวง

แต่ฉินเฉิงยังคงยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของสำนักฉิน เค้ามองดูพื้นที่รอบๆอยู่อย่างเงียบๆ

“ต้นเชียนเทียน กำไลเพชรพระสูตร บ่อน้ำพุร้อนแห่งจิตวิญญาณล้วนอยู่ที่เดียวกัน” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “หรือว่าที่นี่มันจะเคยเป็นสำนักยุทธ์โบราณ?”

ของมีค่าจำนวนมากมาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวมกันอยู่ที่เดียวกัน เว้นเสียแต่อย่างที่ฉินเฉิงคิดเอาไว้ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสำนักมาก่อน ต่อมามันก็เสื่อมไปแล้วทรัพย์สินทั้งหมดก็จมอยู่ที่นี่

ฉินเฉิงยืนอยู่ที่นี่ ในใจของเค้า เค้าก็กำลังคิดอะไรหลายอย่าง

แต่ในท้ายที่สุด เค้าก็ไม่สนใจอะไรกับมัน ไม่ว่ามันจะเป็นสำนักยุทธ์โบราณหรือไม่ก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉินเฉิง มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสำรวจมัน

“ถ้าเป็นสำนักยุทธ์โบราณจริงๆ สำนักยุทธ์โบราณแห่งนี้อาจเคยครอบครองเมืองหยินทั้งหมดนี่” ฉินเฉิงถอนหายใจออกมา

วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ในวันนี้ฉินเฉิงก็วางแผนที่จะออกจากเมืองหยินแล้วกลับไปที่มณฑลปินโจว

หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมงต่อมา หยานรัวหยูก็กลับไปที่สำนักฉิน

“จัดการเสร็จแล้วเหรอ?” ฉินเฉิงก็ถามขึ้นมา

หยานรัวหยูก็เอนหลังแล้วพูดว่า: “เจ้าสำนักหวงมีทรัพย์สินทั้งหมดเกือบร้อยล้านชิ้น พวกมันทั้งหมดถูกแบ่งแล้ว”

ฉินเฉิงพยักหน้า เค้าลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ฉันควรจะกลับไปฉลองปีใหม่แล้ว”

“จะกลับแล้วเหรอ?” หยานรัวหยูก็พูดขึ้นมาอย่างเงียบๆ

ฉินเฉิงก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “แน่นอนปีใหม่ฉันก็ต้องกลับบ้านสิ”

หยานรัวหยูก็กัดริมฝีปากของเธอ มันดูราวกับว่าเธอมีอะไรอยากจะพูด

“ฉันไปหละ” ฉินเฉิงหยิบต้นเชียนเทียนกับกำไลเพรชพระสูตรมา จากนั้นเค้าก็เตรียมที่จะจากไป

“ช้าก่อน!”

ในตอนนี้เอง หยานรัวหยูก็ตะโกนเรียกฉินเฉิง

เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดด้วยความสับสนขึ้นมาว่า: “ท่านเจ้าสำนัก ฉัน… ขอกลับไปฉลองปีใหม่กับคุณด้วย จะได้ไหม?”

ฉินเฉิงตกตะลึง เค้าส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ไม่ได้”

หยานรัวหยูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาอย่างขมขื่น เค้าปฎิเสธโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ

“เอาหละดูแลตัวเองดีๆ” ฉินเฉิงพูดออกมาแบบนี้ จากนั้นเค้าก็ออกจากสำนักฉินไป

การกลับไปคราวนี้ ฉินเฉิงกำลังจะเผชิญหน้ากับซูหยู่ มันก็บอกไม่ได้เลยว่าเค้ากำลังจะแพ้หรือชนะ

ทุกเทศกาลวันหยุด ฉินเฉิงก็ทำแบบเดียวกัน ในความคิดของเค้ามันมีหลายคนที่เค้ากำลังคิดถึง: ซูวาน นายท่านซู นายท่านหลินและพ่อของเค้า

“ไม่รู้เลยว่าแม่ของฉันหน้าตาเป็นยังไงกัน” ฉินเฉิงก็คิดขึ้นมาในใจ “ฉันหล่อมากขนาดนี้ คิดๆดูแล้วแม่ของฉันจะต้องสวยมากแน่ๆ”

หลังจากมาถึงสนามบิน รถบัสสนามบินก็พักกลับบ้านไปฉลองปีใหม่กันหมดแล้ว

ฉินเฉิงคิดอยู่ครู่ซักพักหนึ่ง จากนั้นเค้าก็โทรหาจินฮู่เพื่อให้มารับตัวเอง

แต่เค้าโทรไปสามสายก็ไม่มีใครรับเลย

ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา

“ไอ่จินฮู่นี่มันไปไหนของมัน?” ฉินเฉิงบ่นขึ้นมา จากนั้นเค้าก็ไม่โทรบอก

ในตอนนี้เอง คนขับรถแท็กซี่ก็ขับรถมา

เค้าตะโกนไปหาฉินเฉิงแล้วพูดว่า: “พ่อหนุ่ม จะไปไหม?”

ฉินเฉิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เค้ารีบเดินเข้าไปแล้วพูดว่า: “ไป”

“ช่วงนี้เป็นช่วงปีใหม่ ผมอาจจะต้องเพิ่มเงินนะ” คนขับก็เตือนขึ้นมา

ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่มีปัญหา”

รถแล่นเข้าไปในเมืองปีนัง ระหว่างทางคนขับก็คุยกับฉินเฉิงอย่างเป็นกันเอง: “พ่อหนุ่ม ทำไมเธอถึงมาที่เมืองปีนัง เธอเองก็มาตามหาฉินเฉิงอย่างงั้นเหรอ?”

“ตามหาฉินเฉิง?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

คนขับเหลือบมองไปที่ฉินเฉิง เค้าโบกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้หลายคนก็มาที่ปีนัง พวกเค้าทั้งหมดมาตามหาฉินเฉิง ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะอยากเรียนกังฟู”

ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”

ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ต้องการเห็นความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉินเฉิง

“ใช่แล้ว คนที่เก่งกาจมากที่สุดเค้าก็คือหลิวเจิ้งหลง” คนขับก็พูดต่อว่า “เธอรู้จักพี่จินฮู่ในเมืองปีนังใช่ไหม? ที่เค้าเป็นเจ้าถิ่นหนะ”

ฉินเฉิงตกใจแล้วพูดว่า: “ฉันรู้ เกิดอะไรขึ้น?”

“เจ็บตัว จินฮู่โดนหลิวเจิ้งหลงสั่งสอน ฉันได้ยินมาว่าเค้าโดนตบจนเข้าห้อง ICU ตอนนี้ยังนอนไม่ได้สติไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย” คนขับยิ้มอย่างเป็นกันเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+