ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม 390 การหลอมรวมของซูหยู่

Now you are reading ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม Chapter 390 การหลอมรวมของซูหยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เธอคิดว่าไง?” ทันทีที่พูดจบ ฉินเฉิงก็ยกมือขึ้นมาแล้วตบหน้าเสียวหยูเชี้ยน

เสียง “ผั๊วะ” ที่ดังขึ้นมา มันก็ทำลายความเย่อหยิ่งของเสียวหยูเชี้ยนลงในทันที

ก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอยังคิดอยู่เลยว่าเธอจะเหยียบย้ำฉินเฉิงยังไงดี แต่ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นเอง ทุกสิ่งมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน

“ผั๊วะ!”

เค้าตบไปที่หน้าของเสียวหยูเชี้ยนอีกครั้ง แม้ว่ามันจะไม่แรงมากนัก แต่มันก็ทำให้ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนแดงขึ้นมา

เมื่อตบเข้าไปครั้งที่สาม ซูฉีไห่ก็ยกมือขึ้นมาแล้วคว้ามือของฉินเฉิงเอาไว้

เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ฉินเฉิงอย่าทำรุนแรงเกินไป”

ฉินเฉิงหรี่ตาลงแล้วพูดว่า: “ซูฉีไห่ ในใจของนายก็น่าจะแน่ชัดอยู่แล้ว ฉันอยากฆ่าแก เดิมทีแกก็ไม่มีโอกาสได้โต้กลับเลยด้วยซ้ำ”

สีหน้าของซูฉีไห่เปลี่ยนไปในทันที แม้ว่าเค้าจะไม่ต้องการยอมรับมันก็ตาม แต่มันก็เป็นความจริง

รอบๆนี่มันก็ไม่มีใครแล้ว ไม่ว่าตระกูลซูจะมีเกียรติมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นกลัวแล้วตกตะลึงอะไรมากขนาดนั้น

“ปล่อยฉัน” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

ซูฉีไห่กัดฟันแล้วปล่อยมือออก

การตบนี้ มันก็ตบไปที่ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนในทันที

เสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งป่าบนภูเขาฉี “ผั๊วะ ผั๊วะ” มันเป็นเสียงที่ดังและคมชัด

การตบกว่าสิบแปดครั้ง ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนก็บวมผิดรูปไปหมด

“การตบสิบแปดครั้งนี้มันก็น่าจะเพียงพอแล้วนะ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

สีหน้าของเสียวหยูเชี้ยนดูไม่ได้เลย แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร

หลังจากนั้นฉินเฉิงก็มองไปที่ซูฉีไห่

ซูฉีไห่ไม่พูดอะไร แต่ในใจเค้าเองก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย

อันที่จริง พลังศิลปะการต่อสู้ของตระกูลซูนั้นอ่อนแอมาก แม้ว่าพวกเค้าจะสามารถเชิญจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่มาได้ แต่การที่จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่จะคอยช่วยปกป้องพวกเค้าอยู่ตลอดเวลานั้น มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

และฉินเฉิงก็เป็นเด็กที่สาบานว่าเค้าจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ถ้าฉินเฉิงยังคงตามล่าฆ่าไปเรื่อยๆแบบนี้จริง ตระกูลซูทั้งหมดอาจจะต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัว

ฉินเฉิงถอนหายใจแล้วพูดว่า: “แต่การฆ่าพวกแกแบบนี้ มันก็ไม่ใช่จุดจบที่ฉันอยากเห็น กลับไปบอกตระกูลซูไอ่ที่สมควรตายนั่นซะ ว่าเรื่องความแค้นระหว่างเราให้ลืมๆมันไปซะ”

ซูฉีไห่พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ฉินเฉิง นี่มันมากเกินไปแล้วนะ ถ้าตระกูลซูสายเลือดที่แปดต้องพ่ายแพ้จริงๆมันก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลซูทั้งหมดจะต้องพ่ายแพ้แก”

“ฉันต้องการให้แกเอาข่าวไปส่งพวกมันก็เท่านั้น” ฉินเฉิงยกมือขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยน

“นายจะทำอะไร?” เสียวหยูเชี้ยนเอามือลูบไปที่หน้าผากของเธอย่างสยดสยอง

“ไม่ต้องห่วง ถ้าหากว่าฉันจะฆ่าแก ฉันก็แค่ยกมือขึ้นก็เท่านั้น” ฉินเฉิงหัวเราะแล้วพูดว่า “พวกแกไสหัวออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”

ซูฉีไห่สูดหายใจเข้าลึกๆ เค้าจ้องมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ในตอนที่แกมีอำนาจ แกก็ไม่รู้จักให้อภัยคน ฉินเฉิง  “ฉันไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับตัวเองแล้วเชื่อคำพูดของแก” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

ซูฉีไห่ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเค้าก็หันหลังแล้วเดินจากไป

หลังจากที่พวกเค้าจากไปแล้ว ฉินเฉิงก็แทบทนรอไม่ไหวที่จะหยิบยาเม็ดสีทองนี้ออกมา

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่ามันจะมีสถานที่ๆมหัศจรรย์แบบนี้อยู่” ฉินเฉิงคิดอยู่ในใจ “ราชาผานคนนี้ก็มีพรสวรรค์เหมือนกัน ด้วยพลังของคนเพียงคนเดียว มันก็สามารถสร้างผู้ฝึกตนได้… จะว่าไปแล้วฉันก็ต้องขอบคุณนายจริงๆ”

หลังจากนั้น ฉินเฉิงก็โยนยาเม็ดสีทองเข้าไปในกระเป๋าแล้วเดินกลับไปที่อพาร์ทเม้น

 

“พ่อครับ ผมแพ้แล้ว” ซูฉีไห่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก้มหน้าลง

โชคดีที่นายท่านซูไม่ได้สนใจอะไรมากกับพลังของศิลปะการต่อสู้นี้จริงๆ ดังนั้นเค้าเลยถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา

“ช่วงนี้ก็อย่างพึ่งเข้าไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลซู ออกไปพักผ่อนซะ” น้ำเสียงของนายท่านซูก็ดูไม่อะไรซะเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เค้าพูดมันก็ทำให้รู้สึกมืดมน

หลังจากทำงานหนักมาเป็นเวลานาน มันไม่ง่ายเลยที่เค้าจะได้รับความชื่นชมจากนายท่านซู

เมื่อเห็นว่ามันสามารถเข้าถึงแกนกลางของตระกูลซูได้แล้ว ตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว

“ถ้าฆ่าฉินเฉิงได้ตั้งแต่แรก เรื่องมันก็คงจะไม่มาถึงจุดนี้ …” ซูฉีไห่รู้สึกเศร้าใจ

“พ่อครับ ผมมีอีกเรื่องจะบอก” ซูฉีไห่เงยหน้าขึ้นมองนายท่านซูแล้วพูดว่า “พ่อครับ สำหรับตระกูลซูแล้ว จะต้องไม่มีฉินเฉิงอยู่อีกต่อไป!”

สีหน้าของนายท่านซูดูเย็นชาเป็นอย่างมาก เค้าถอนหายใจแล้วพูดว่า: “ตั้งแต่วันนี้ไป เรื่องของตระกูลซู เธอไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับมัน ไปซะ”

“พ่อครับ ฉินเฉิงมันอันตรายมากนะครับ เก็บมันไว้ไม่ได้นะครับ!” ซูฉีไห่กัดฟันแล้วพูดออกมา

จู่ๆ นายท่านซูก็โกรธจัดแล้วพูดว่า “หุบปากซะ! ตระกูลซูมีเกียรติ ฉันจะต้องมากลัวกับคนที่ไม่มีตัวตนแบบนี้ได้ยังไงกัน! ถ้าแกยังพูดมากอยู่อีก ฉันจะขับไล่แกออกไปจากตระกูลซูซะ!”

สีหน้าของซูฉีไห่ก็กลายเป็นสีเทาราวกับจะตาย เค้าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ในตอนนี้เอง จู่ๆก็มีแสงแวบวาบขึ้นมาบนคิ้วของเสียวหยูเชี้ยน

หลังจากนั้น ก็เห็นแสงของพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยออกมาจากคิ้วของเสียวหยูเชี้ยน

พลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือฉินเฉิง!

ฉินเฉิงลอยไปในอากาศ เค้ากวาดมองไปรอบๆ เค้าหัวเราะแล้วพูดว่า: “ว่ากันว่าสถานะของซูฉีไห่ในตระกูลซูมันต่ำมาก วันนี้เมื่อได้มาเห็น มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”

นายท่านซูก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ไอ่เดรัจฉาน แกคิดจะทำอะไร?”

ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันแค่จะมาบอกแกสองสามอย่าง คุณเห็นไหมว่าตระกูลซูที่ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ฉันก็ยังสามารถบุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แกคิดว่าถ้าหากฉันอยากจะเอาชีวิตของแก มันจะยากขนาดนั้นเหรอ?”

สีหน้าของนายท่านซูก็เปลี่ยนไป เค้าพูดขึ้นมาด้วยความโกรธว่า: “ไอ่เดรัจฉาน แกกำลังจะขู่ฉันอย่างงั้นเหรอ?”

“หึหึ กลับไปคิดเอาเอง” ฉินเฉิงหัวเราะแล้วพูดออกมา

ในตอนนี้เอง ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆนายท่านซูก็ยื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปคว้าพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์

ที่อพาร์ทเม้นที่อยู่ไม่ไกลออกไป ฉินเฉิงก็ลืมตาขึ้นมาในทันที

“คนที่มีฝีมือ?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา คนที่มีฝีมือคนนี้มันไม่ง่ายเลย ความแข็งแกร่งของเค้ามันอาจมีมากกว่าราชาผาน

“ดูเหมือนว่าไอ่แก่ที่ไม่ยอมตายนี่มันจะระวังตัวเป็นอย่างมากนะ” ฉินเฉิงเอามือลูบไปที่คางแล้วพลางคิดกับตัวเอง

ที่อีกด้านหนึ่ง นายท่านซูก็กำลังหายใจแรงด้วยความกลัว

“อนายท่าน ไม่ต้องตกใจไปหรอกครับ” ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมจะอยู่ข้างกายท่านตลอด24ชั่วโมง”

นายท่านซูเหลือบมองไปที่ผู้จัดการ จากนั้นเค้าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

จากนั้นเค้าก็โบกมือขึ้นมาอย่างไม่สนใจ: “พวกเธอสองคน ไปซะ”

“ครับ” ซูฉีไห่ลุกขึ้นมา เค้าพาเสียวหยูเชี้ยนเดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง

หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว ซูฉีไห่ก็ทรุดตัวลงบนโซฟาด้วยความทุกข์ใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย

เค้าเอามือลูบหน้าผากของตัวเองแล้วพูดเบาๆขึ้นมาว่า: “การที่ฉันยังอยู่ที่บ้านตระกูลซู เกรงว่าฉันจะไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากอย่างแน่นอน”

“พ่อครับ ฉินเฉิง… ตายแล้วยัง…”

ในตอนนี้เอง มันก็มีเสียงแปลกๆเสียงหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลดังขึ้นมา

เสียงนั้นแปลกมาก มันแหบแห้งและคมชัด มันดูราวกับว่าเป็นเสียงสองเสียงมารวมกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม 390 การหลอมรวมของซูหยู่

Now you are reading ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม Chapter 390 การหลอมรวมของซูหยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เธอคิดว่าไง?” ทันทีที่พูดจบ ฉินเฉิงก็ยกมือขึ้นมาแล้วตบหน้าเสียวหยูเชี้ยน

เสียง “ผั๊วะ” ที่ดังขึ้นมา มันก็ทำลายความเย่อหยิ่งของเสียวหยูเชี้ยนลงในทันที

ก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอยังคิดอยู่เลยว่าเธอจะเหยียบย้ำฉินเฉิงยังไงดี แต่ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นเอง ทุกสิ่งมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน

“ผั๊วะ!”

เค้าตบไปที่หน้าของเสียวหยูเชี้ยนอีกครั้ง แม้ว่ามันจะไม่แรงมากนัก แต่มันก็ทำให้ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนแดงขึ้นมา

เมื่อตบเข้าไปครั้งที่สาม ซูฉีไห่ก็ยกมือขึ้นมาแล้วคว้ามือของฉินเฉิงเอาไว้

เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ฉินเฉิงอย่าทำรุนแรงเกินไป”

ฉินเฉิงหรี่ตาลงแล้วพูดว่า: “ซูฉีไห่ ในใจของนายก็น่าจะแน่ชัดอยู่แล้ว ฉันอยากฆ่าแก เดิมทีแกก็ไม่มีโอกาสได้โต้กลับเลยด้วยซ้ำ”

สีหน้าของซูฉีไห่เปลี่ยนไปในทันที แม้ว่าเค้าจะไม่ต้องการยอมรับมันก็ตาม แต่มันก็เป็นความจริง

รอบๆนี่มันก็ไม่มีใครแล้ว ไม่ว่าตระกูลซูจะมีเกียรติมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นกลัวแล้วตกตะลึงอะไรมากขนาดนั้น

“ปล่อยฉัน” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

ซูฉีไห่กัดฟันแล้วปล่อยมือออก

การตบนี้ มันก็ตบไปที่ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนในทันที

เสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งป่าบนภูเขาฉี “ผั๊วะ ผั๊วะ” มันเป็นเสียงที่ดังและคมชัด

การตบกว่าสิบแปดครั้ง ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนก็บวมผิดรูปไปหมด

“การตบสิบแปดครั้งนี้มันก็น่าจะเพียงพอแล้วนะ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

สีหน้าของเสียวหยูเชี้ยนดูไม่ได้เลย แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร

หลังจากนั้นฉินเฉิงก็มองไปที่ซูฉีไห่

ซูฉีไห่ไม่พูดอะไร แต่ในใจเค้าเองก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย

อันที่จริง พลังศิลปะการต่อสู้ของตระกูลซูนั้นอ่อนแอมาก แม้ว่าพวกเค้าจะสามารถเชิญจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่มาได้ แต่การที่จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่จะคอยช่วยปกป้องพวกเค้าอยู่ตลอดเวลานั้น มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

และฉินเฉิงก็เป็นเด็กที่สาบานว่าเค้าจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ถ้าฉินเฉิงยังคงตามล่าฆ่าไปเรื่อยๆแบบนี้จริง ตระกูลซูทั้งหมดอาจจะต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัว

ฉินเฉิงถอนหายใจแล้วพูดว่า: “แต่การฆ่าพวกแกแบบนี้ มันก็ไม่ใช่จุดจบที่ฉันอยากเห็น กลับไปบอกตระกูลซูไอ่ที่สมควรตายนั่นซะ ว่าเรื่องความแค้นระหว่างเราให้ลืมๆมันไปซะ”

ซูฉีไห่พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ฉินเฉิง นี่มันมากเกินไปแล้วนะ ถ้าตระกูลซูสายเลือดที่แปดต้องพ่ายแพ้จริงๆมันก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลซูทั้งหมดจะต้องพ่ายแพ้แก”

“ฉันต้องการให้แกเอาข่าวไปส่งพวกมันก็เท่านั้น” ฉินเฉิงยกมือขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยน

“นายจะทำอะไร?” เสียวหยูเชี้ยนเอามือลูบไปที่หน้าผากของเธอย่างสยดสยอง

“ไม่ต้องห่วง ถ้าหากว่าฉันจะฆ่าแก ฉันก็แค่ยกมือขึ้นก็เท่านั้น” ฉินเฉิงหัวเราะแล้วพูดว่า “พวกแกไสหัวออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”

ซูฉีไห่สูดหายใจเข้าลึกๆ เค้าจ้องมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ในตอนที่แกมีอำนาจ แกก็ไม่รู้จักให้อภัยคน ฉินเฉิง  “ฉันไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับตัวเองแล้วเชื่อคำพูดของแก” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

ซูฉีไห่ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเค้าก็หันหลังแล้วเดินจากไป

หลังจากที่พวกเค้าจากไปแล้ว ฉินเฉิงก็แทบทนรอไม่ไหวที่จะหยิบยาเม็ดสีทองนี้ออกมา

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่ามันจะมีสถานที่ๆมหัศจรรย์แบบนี้อยู่” ฉินเฉิงคิดอยู่ในใจ “ราชาผานคนนี้ก็มีพรสวรรค์เหมือนกัน ด้วยพลังของคนเพียงคนเดียว มันก็สามารถสร้างผู้ฝึกตนได้… จะว่าไปแล้วฉันก็ต้องขอบคุณนายจริงๆ”

หลังจากนั้น ฉินเฉิงก็โยนยาเม็ดสีทองเข้าไปในกระเป๋าแล้วเดินกลับไปที่อพาร์ทเม้น

 

“พ่อครับ ผมแพ้แล้ว” ซูฉีไห่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก้มหน้าลง

โชคดีที่นายท่านซูไม่ได้สนใจอะไรมากกับพลังของศิลปะการต่อสู้นี้จริงๆ ดังนั้นเค้าเลยถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา

“ช่วงนี้ก็อย่างพึ่งเข้าไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลซู ออกไปพักผ่อนซะ” น้ำเสียงของนายท่านซูก็ดูไม่อะไรซะเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เค้าพูดมันก็ทำให้รู้สึกมืดมน

หลังจากทำงานหนักมาเป็นเวลานาน มันไม่ง่ายเลยที่เค้าจะได้รับความชื่นชมจากนายท่านซู

เมื่อเห็นว่ามันสามารถเข้าถึงแกนกลางของตระกูลซูได้แล้ว ตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว

“ถ้าฆ่าฉินเฉิงได้ตั้งแต่แรก เรื่องมันก็คงจะไม่มาถึงจุดนี้ …” ซูฉีไห่รู้สึกเศร้าใจ

“พ่อครับ ผมมีอีกเรื่องจะบอก” ซูฉีไห่เงยหน้าขึ้นมองนายท่านซูแล้วพูดว่า “พ่อครับ สำหรับตระกูลซูแล้ว จะต้องไม่มีฉินเฉิงอยู่อีกต่อไป!”

สีหน้าของนายท่านซูดูเย็นชาเป็นอย่างมาก เค้าถอนหายใจแล้วพูดว่า: “ตั้งแต่วันนี้ไป เรื่องของตระกูลซู เธอไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับมัน ไปซะ”

“พ่อครับ ฉินเฉิงมันอันตรายมากนะครับ เก็บมันไว้ไม่ได้นะครับ!” ซูฉีไห่กัดฟันแล้วพูดออกมา

จู่ๆ นายท่านซูก็โกรธจัดแล้วพูดว่า “หุบปากซะ! ตระกูลซูมีเกียรติ ฉันจะต้องมากลัวกับคนที่ไม่มีตัวตนแบบนี้ได้ยังไงกัน! ถ้าแกยังพูดมากอยู่อีก ฉันจะขับไล่แกออกไปจากตระกูลซูซะ!”

สีหน้าของซูฉีไห่ก็กลายเป็นสีเทาราวกับจะตาย เค้าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ในตอนนี้เอง จู่ๆก็มีแสงแวบวาบขึ้นมาบนคิ้วของเสียวหยูเชี้ยน

หลังจากนั้น ก็เห็นแสงของพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยออกมาจากคิ้วของเสียวหยูเชี้ยน

พลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือฉินเฉิง!

ฉินเฉิงลอยไปในอากาศ เค้ากวาดมองไปรอบๆ เค้าหัวเราะแล้วพูดว่า: “ว่ากันว่าสถานะของซูฉีไห่ในตระกูลซูมันต่ำมาก วันนี้เมื่อได้มาเห็น มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”

นายท่านซูก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ไอ่เดรัจฉาน แกคิดจะทำอะไร?”

ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันแค่จะมาบอกแกสองสามอย่าง คุณเห็นไหมว่าตระกูลซูที่ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ฉันก็ยังสามารถบุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แกคิดว่าถ้าหากฉันอยากจะเอาชีวิตของแก มันจะยากขนาดนั้นเหรอ?”

สีหน้าของนายท่านซูก็เปลี่ยนไป เค้าพูดขึ้นมาด้วยความโกรธว่า: “ไอ่เดรัจฉาน แกกำลังจะขู่ฉันอย่างงั้นเหรอ?”

“หึหึ กลับไปคิดเอาเอง” ฉินเฉิงหัวเราะแล้วพูดออกมา

ในตอนนี้เอง ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆนายท่านซูก็ยื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปคว้าพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์

ที่อพาร์ทเม้นที่อยู่ไม่ไกลออกไป ฉินเฉิงก็ลืมตาขึ้นมาในทันที

“คนที่มีฝีมือ?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา คนที่มีฝีมือคนนี้มันไม่ง่ายเลย ความแข็งแกร่งของเค้ามันอาจมีมากกว่าราชาผาน

“ดูเหมือนว่าไอ่แก่ที่ไม่ยอมตายนี่มันจะระวังตัวเป็นอย่างมากนะ” ฉินเฉิงเอามือลูบไปที่คางแล้วพลางคิดกับตัวเอง

ที่อีกด้านหนึ่ง นายท่านซูก็กำลังหายใจแรงด้วยความกลัว

“อนายท่าน ไม่ต้องตกใจไปหรอกครับ” ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมจะอยู่ข้างกายท่านตลอด24ชั่วโมง”

นายท่านซูเหลือบมองไปที่ผู้จัดการ จากนั้นเค้าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

จากนั้นเค้าก็โบกมือขึ้นมาอย่างไม่สนใจ: “พวกเธอสองคน ไปซะ”

“ครับ” ซูฉีไห่ลุกขึ้นมา เค้าพาเสียวหยูเชี้ยนเดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง

หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว ซูฉีไห่ก็ทรุดตัวลงบนโซฟาด้วยความทุกข์ใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย

เค้าเอามือลูบหน้าผากของตัวเองแล้วพูดเบาๆขึ้นมาว่า: “การที่ฉันยังอยู่ที่บ้านตระกูลซู เกรงว่าฉันจะไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากอย่างแน่นอน”

“พ่อครับ ฉินเฉิง… ตายแล้วยัง…”

ในตอนนี้เอง มันก็มีเสียงแปลกๆเสียงหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลดังขึ้นมา

เสียงนั้นแปลกมาก มันแหบแห้งและคมชัด มันดูราวกับว่าเป็นเสียงสองเสียงมารวมกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+