มรรคาสู่สวรรค์ 171 เสียงของใครที่ดังมาจากในสายลม

Now you are reading มรรคาสู่สวรรค์ Chapter 171 เสียงของใครที่ดังมาจากในสายลม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อ​เปิด​ประตู​เข้าไป​ อิน​ซาน​ไม่พบ​หลิ่ว​สือซุ่ย​ มีเพียง​เสี่ยว​เห​อ​ เขา​ยิ้ม​เล็กน้อย​พลาง​กล่าวว่า​ “มาขอ​ข้าว​กับ​สุรา​กิน​หน่อย​”

เสี่ยว​เห​อ​รู้สึก​แปลกใจ​ รีบ​เชิญเขา​เข้ามา​นั่ง​ จากนั้น​รีบ​ไป​จัดการ​ นาง​มิได้​ระแวง​ผู้อาวุโส​ที่​ลึกลับ​ผู้​นี้​เหมือน​ครั้งก่อน​อีก​ เพราะ​ตอนนี้​นาง​มีหลาย​เรื่อง​ให้​ต้อง​กังวลใจ​ อย่างเช่น​เรื่อง​สุขภาพ​ของ​หลิ่ว​สือซุ่ย​ อย่างเช่น​จิ๋งจิ่ว​ที่​ตอนนี้​อยู่​ใน​วัด​กั่วเฉิง​

อาหาร​ยังคง​เต็มโต๊ะ​ แต่​สุรา​กลับ​ไม่เหมือนเดิม​

อิน​ซาน​วาง​ชามสุรา​ลง​ ยิ้ม​เล็กน้อย​พลาง​กล่าว​ “สุรา​ร้อนแรง​บน​เกาะ​สายฟ้า​นั้น​หา​ได้​ไม่ง่าย​”

เสี่ยว​เห​อ​ยืน​อยู่​ด้าน​ข้าง​ มือ​กำ​ชาย​เสื้อ​เอาไว้​แน่น​

การ​ที่​จู่ๆ บน​โต๊ะ​ภายในบ้าน​ก็​มีสุรา​ชั้นดี​ปรากฏ​ขึ้น​มา นอกจาก​เพราะว่า​มีสหาย​เดินทาง​มาเยือน​แล้ว​ ความเป็นไปได้​อีก​อย่างหนึ่ง​ก็​คือ​ต้อง​การขอร้อง​ให้​คนอื่น​ช่วยเหลือ​

อิน​ซาน​เป็น​คน​ง่ายๆ​ เขา​ดื่ม​สุรา​ลง​ไป​อย่าง​สบาย​ๆ กิน​กับข้าว​ พลาง​พูดคุย​เรื่อยเปื่อย​

“สักวัน​เขา​ต้อง​กลับ​ไป​ชิงซาน​ สถานะ​ปีศาจ​จิ้งจอก​ของ​เจ้าจะจัดการ​อย่างไร​?”

เสี่ยว​เห​อ​นิ่งเงียบ​ไป​ครู่​ ก่อน​กล่าวว่า​ “หาก​ไม่ได้​จริงๆ​ ข้า​ก็​แค่​จากไป​”

อิน​ซาน​กล่าว​ “ปีศาจ​จิ้งจอก​รัก​ง่าย​ ถนัด​วางแผน​ตัดสินใจ​ รู้​หนัก​เบา​ ใน​เมื่อ​เจ้ายินดี​จากไป​ สิ่งที่​ต้องการ​ย่อม​มิใช่เรื่องเล็ก​แน่​ เจ้าอยาก​ให้​เขา​เป็น​เจ้าสำนัก​?”

เสี่ยว​เห​อ​รู้​ว่า​มิอาจ​ปิด​บังคน​ผู้​นี้​ได้​ จึงกล่าวว่า​ “ผู้อาวุโส​ปราดเปรื่อง​”

อิน​ซาน​ส่าย​ศีรษะ​กล่าวว่า​ “ชั่วชีวิต​นี้​เขา​ไม่มีทาง​เป็น​เจ้าสำนัก​ได้​”

ใบหน้า​เสี่ยว​เห​อ​ขาวซีด​เล็กน้อย​ กล่าวถาม​ว่า​ “เพราะเหตุใด​”

“ข้า​รู้จัก​ชิงซาน​ดี​ คน​ที่​เคย​มีประสบการณ์​เหมือน​เขา​ล้วนแต่​เป็น​เจ้าสำนัก​ไม่ได้​ นอก​เสีย​จาก​เขา​จะทำ​เหมือน​อย่าง​ข้า​ได้​ แต่​เขา​ทำได้​ไหม​ล่ะ​?”

อิน​ซาน​มองดู​ปลา​ตุ๋น​ที่อยู่​ใน​ชามใหญ่​ตัว​หนึ่ง​ ก่อน​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​เรียบ​เฉย​ว่า​ “เขา​ไม่ทำ​ ดังนั้น​เขา​เป็น​ไม่ได้​”

เสี่ยว​เห​อ​ใบหน้า​ขาวซีด​ แต่กลับ​สงบนิ่ง​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​ คล้าย​รู้สึก​โล่งใจ​หลังจากนี้​สิ้นหวัง​ นาง​กล่าว​เสียง​เบา​ๆ ว่า​ “เขา​บอ​กว่า​อาจารย์​เซียน​จิ๋งจิ่ว​ก็​คิด​เช่นนี้​เหมือนกัน​”

อิน​ซาน​ได้ยิน​ชื่อ​นี้​ มุมปาก​ยิ้ม​ขึ้น​เล็กน้อย​ กล่าวว่า​ “อย่าง​น้อย​เขา​ก็​ไม่ลืม​เรื่อง​นี้​”

เสี่ยว​เห​อก​ล่า​ว​ถามว่า​ “ท่าน​มีอะไร​ชี้แนะ​หรือไม่​?”

ตาม​ความคิด​ของ​นาง​ ใน​เมื่อ​หลิ่ว​สือซุ่ย​เป็น​เจ้าสำนัก​ชิงซาน​ไม่ได้​ เช่นนั้น​สู้ใช้ชีวิต​อย่าง​เรียบง่าย​อยู่​ที่​สวนผัก​แห่ง​นี้​ไม่ดีกว่า​หรือ​ แต่​นาง​ก็​รู้​เช่นกัน​ว่า​นี่​เป็น​เพียง​ความคิด​เพ้อฝัน​ สักวัน​หลิ่ว​สือซุ่ย​ต้อง​จาก​ที่นี่​ไป​ หรือ​กระทั่ง​อาจจะ​จาก​นาง​ไป​

“โลก​กว้างใหญ่​ ไย​ต้อง​จำกัด​อยู่​แค่​ชิงซาน​? ต่อให้​ในอนาคต​พวก​เจ้าจาก​ที่นี่​ไป​ พวก​เจ้าก็​ไป​ที่อื่น​ได้​ หรือ​อาจจะ​ไป​ยัง​แผ่นดิน​อื่น​ได้​”

นี่​เป็น​ความคิด​จริงๆ​ ของ​อิน​ซาน​

หาก​มิเป็น​เพราะ​ผูกพัน​กับ​ชิงซาน​ ตอนนั้น​เขา​คง​จากไป​นาน​แล้ว​

เมื่อ​คิดถึง​เรื่องราว​ใน​อดีต​ เขา​ก็​ยื่น​ตะเกียบ​แทง​เข้าไป​ใน​ผักโขม​สีเขียว​ที่​กอง​อยู่​ใน​ชาม เหมือนกับ​กระบี่​ที่​แทง​ทะลุ​เข้าไป​ใน​ภูเขา​สีเขียว​

“หลัง​อาจารย์​เซียน​จิ๋งจิ่ว​มาที่วัด​ เขา​ก็ตาม​ออก​ไป​ทุกวัน​ เหมือนกับ​ใน​อดีต​อย่างไร​อย่างนั้น​ ต่อไป​ขอ​เพียง​อาจารย์​เซียน​จิ๋งจิ่ว​พูด​มาประโยค​เดียว​ เขา​ก็​ต้อง​กลับ​ชิงซาน​ แล้ว​แบบนี้​ยัง​จะไป​ที่ไหนได้​อีก​?”

เสี่ยว​เห​อ​คิด​ถึงชีวิต​ใน​หลาย​วัน​มานี้​ ใน​ใจรู้สึก​ขมขื่น​ขึ้น​มา

ตะเกียบ​ของ​อิน​ซาน​พลัน​หยุด​ค้าง​อยู่​กลางอากาศ​ เขา​กล่าวว่า​ “ข้า​ไม่ชอบ​กิน​ผักโขม​มาก​ที่สุด​ มัน​ขม​เกินไป​”

เสี่ยว​เห​อ​ไม่เข้าใจ​ความหมาย​ของ​เขา​ แต่กลับ​รู้สึก​ได้​ว่า​ภายในบ้าน​พลัน​เย็นยะเยือก​ขึ้น​มาอย่าง​มาก​

ความ​เย็นยะเยือก​นี้​มาจาก​ร่างกาย​ของ​อิน​ซาน​

เสี่ยว​เห​อ​คุกเข่า​ลง​ไป​กับ​พื้น​ทันที​ ใบหน้า​ขาวซีด​ ร่างกาย​สั่นเทา​ขึ้น​มาเบา​ๆ

พลัง​ของ​อิน​ซาน​มิได้​แข็งแกร่ง​อะไร​ แต่กลับ​ทำให้​นาง​รู้สึก​หวาดกลัว​ถึงขีดสุด​

เหมือน​อย่าง​ตอน​ที่อยู่​ใน​ศาลเจ้า​เทพ​ทะเล​ด้าน​นอกเมือง​ไห่​โจว​เมื่อ​ใน​อดีต​ ตอนที่​ไหล่​ซ้าย​ของ​นาง​ถูก​กระบี่​ของ​จิ๋งจิ่ว​แทง​ทะลุ​

……

……

ใน​สวน​ด้านหลัง​ของวัด​ส่วนหน้า​ของวัด​กั่วเฉิง​ ภายนอก​ยังมี​ที่นา​ขนาดใหญ่​ ริม​ทาง​มีเพิง​ตั้ง​เรียงราย​ไม่ขาดสาย​

วัด​ส่วนหน้า​สามารถ​จุด​ธูป​ ไหว้พระ​ ทำ​พิธีกรรม​ต่างๆ​ ได้​ ส่วน​สวน​ด้านหลัง​เป็น​ที่พักผ่อน​บำเพ็ญ​เพียร​ของ​เหล่า​สมณะ

ป่า​เจดีย์​เงียบสงัด​ อีก​ทั้ง​ยังอยู่​ค่อนข้าง​ห่างไกล​ เนื่องเพราะ​สีของ​เจดีย์​ที่​บรรจุ​กระดูก​ส่วนใหญ่​เป็น​สีขาว​หม่น​ ดังนั้น​ตำหนัก​ฌาน​ที่อยู่​ใกล้​ป่า​เจดีย์​แห่ง​นี้​มาก​ที่สุด​จึงมีชื่อว่า​ไป๋​ซาน​[1]

อิน​ซาน​นั่ง​อยู่​บน​บันได​หิน​ของ​ตำหนัก​ฌาน​ไป๋​ซาน​ มองดู​เจดีย์​หิน​เหล่านั้น​ นิ่งเงียบ​อยู่​เป็นเวลา​นาน​

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​เดิน​เช็ด​ปาก​กลับ​มาจาก​ด้านนอก​ เมื่อ​เห็นภาพ​นี้​จึงรู้สึก​แปลกใจ​เล็กน้อย​

อิน​ซาน​มักจะ​นั่ง​อาบแดด​อยู่​บน​บันได​หิน​ แต่​วันนี้​ไม่มีแดด​

ยิ่งไปกว่านั้น​ด้วย​สภาวะ​ของ​ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ เขา​ย่อม​ต้อง​มองออก​ว่า​วันนี้​อารมณ์​ของ​อิน​ซาน​ดู​แปลก​ไป​

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ถามอย่าง​ระมัดระวัง​ “นักพรต​ มีเรื่อง​อะไร​หรือ​?”

เสียง​อิน​ซาน​แหบ​พร่า​เล็กน้อย​ “ข้า​ไม่รู้​เลย​ว่า​จิ๋งจิ่ว​มาอยู่​ใน​วัด​กั่วเฉิง”​

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​คาดเดา​มาโดยตลอด​ว่า​ใคร​กัน​แน่​ที่​เป็น​สาย​ให้​อิน​ซาน​อยู่​ใน​วัด​กั่วเฉิง​ ตอนนี้​ดูเหมือน​คน​ผู้​นั้น​น่าจะ​ตาม​หัวหน้า​อาราม​หลี่ว์​ถังไป​ทางเหนือ​แล้ว​

จากนั้น​…เขา​ถึงได้สติ​ขึ้น​มา รู้​แล้ว​ว่า​ตนเอง​ได้ยิน​อะไร​เข้า​ จึงตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบ​ ปลายจมูก​ยิ่ง​แดง​ขึ้น​กว่า​เดิม​

ใน​ส่วนลึก​ของป่า​เจดีย์​มีเสียง​อีกา​ดัง​มา

“เขา​มาทำ​อะไร​?”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ถามเสียง​เบา​

“ยันต์​เซียน​นั้น​มีปัญหา​”

อิน​ซาน​กล่าวว่า​ “เขา​อยู่​ที​่ิชิงซาน​แก้ไข​ไม่ได้​ ดังนั้น​เลย​มาที่นี่​เพื่อ​ขอให้​ธรรมะ​ช่วย​ปลดปล่อย​…เหมือน​อย่าง​ข้า​”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​นิ่งเงียบ​ไป​ครู่​ จู่ๆ พลัน​เดิน​เข้าไป​ใน​ตำหนัก​ฌาน​แล้ว​กล่าวว่า​ “มีคัมภีร์​สอง​สามม้วน​ที่​ข้า​ยัง​ไม่เคย​อ่าน​ เดี๋ยว​เอา​ไป​อ่าน​ระหว่างทาง​”

อิน​ซาน​เงยหน้า​ขึ้น​มามองดู​อีกา​สอง​สามตัว​ที่​บิน​ออก​ไป​จาก​ป่า​เจดีย์​ กล่าวถาม​อย่าง​เฉยชา​ว่า​ “ทำไม​ต้อง​ไป​?”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​หยุด​ฝีเท้า​ กล่าวว่า​ “ไม่ว่า​จะหลบ​หรือ​จะฆ่า สุดท้าย​ก็​ต้อง​ไป​อยู่ดี​”

คำพูด​ประโยค​นี้​มีเหตุผล​อย่าง​มาก​

อิน​ซาน​กล่าวว่า​ “ข้า​มาที่นี่​เพื่อ​ขอให้​ธรรมะ​ช่วย​ปลดปล่อย​ข้า​ ตอนนี้​ยัง​ไม่ได้​ธรรมะ​ที่​แท้จริง​ จะไป​ได้​อย่างไร​?”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​เดิน​กลับมา​ข้าง​กาย​เขา​ กล่าวถาม​หยั่งเชิง​ว่า​ “อย่างนั้น​ก็​ฆ่า?”

อิน​ซาน​กล่าว​ “เดิม​ข้า​ก็​อยาก​จะฆ่าเขา​อยู่แล้ว​ ตอนนี้​เขา​มาหา​ถึงที่​ เหตุใด​ไม่ฆ่า?”

“คำพูด​ประโยค​นี้​ดู​หยาบกระด้าง​ ไม่สมกับ​สถานะ​ของ​ท่าน​นักพรต​เลย​”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​หยั่งเชิง​ว่า​ “ท่าน​เคย​บอก​มิใช่หรือว่า​เขา​มิใช่จิ่งหยาง​ เช่นนั้น​จะฆ่าเขา​ทำไม​?”

อิน​ซาน​กล่าว​ “เขา​ไม่ใช่จิ่งหยาง​ ก็​ต้อง​ตาย​เหมือนกัน​”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​สีหน้า​ค่อยๆ​ เย็นยะเยือก​ กล่าวว่า​ “เพราะเหตุใด​?”

หาก​เป็นเรื่อง​อื่น​ ขอ​เพียง​อิน​ซาน​พูด​มาคำ​เดียว​ เขา​จะเห่า​โฮ่งๆ รับ​คำสั่ง​เหมือน​สุนัข​อย่างไร​อย่างนั้น​ แต่​เรื่อง​นี้​ไม่ได้​จริงๆ​ เขา​ต้องการ​เหตุผล​

ตอนนี้​ฉาน​จึไป​เมือง​ไป๋​เฉิง เจ้าอาวาส​เก็บตัว​ไม่ออกมา​ ใน​วัด​กั่วเฉิง​ไม่มีใคร​ที่​สามารถ​รับมือ​กับ​วิชา​มาร​เสวียน​อิน​ของ​เขา​ได้​ แต่​ต่อให้​เขา​ฆ่าจิ๋งจิ่ว​ตาย​แล้ว​ ตัวตน​ของ​เขา​ก็​จะต้อง​ถูก​เปิดเผย​อย่าง​แน่นอน​ ยอด​คน​ของ​ชิงซาน​ทั้งสอง​คน​จะต้อง​ไล่ล่า​เขา​ หรือว่า​เขา​จะต้อง​หลบ​ลง​ไป​ใต้ดิน​ไม่ได้​เห็น​เดือน​เห็น​ตะวัน​อีก​?

อิน​ซาน​กล่าว​ “ข้า​ไม่ถูกชะตา​กับ​เขา​ เหตุผล​นี้​เป็น​อย่างไร​?”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ส่าย​ศีรษะ​ กล่าว​อย่าง​จริงจัง​ว่า​ “ไม่ค่อย​เท่าไร​”

อิน​ซาน​พลัน​ลุกขึ้น​ยืน​ เดิน​ไป​ใน​ป่า​เจดีย์​แล้ว​พูด​ทิ้งท้าย​เอาไว้​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​

“ล้อเล่น​น่ะ​ ด้วย​นิสัย​ของ​เขา​แล้ว​ เขา​จะต้อง​พา​แมว​ตัว​นั้น​มาด้วย​แน่​ ไหน​เลย​จะฆ่าได้​ง่ายๆ​?”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​มอง​แผ่น​หลัง​ของ​เขา​ กล่าวถาม​ว่า​ “อย่างนั้น​ตอนนี้​หลบ​ก่อน​?”

อิน​ซาน​มิได้​หยุด​ฝีเท้า​ กล่าวว่า​ “ดูก่อน​แล้วกัน​”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​พลัน​เกิด​ความคิด​ที่​ไม่ดี​อย่าง​มากขึ้น​มา เขา​กล่าว​เสียง​เบา​ว่า​ “นักพรต​จะไปดู​เขา​?”

อิน​ซาน​ไม่ได้​กล่าว​อะไร​ หาก​แต่​หยุด​ฝีเท้า​อยู่​ใน​ป่า​เจดีย์​

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​โล่งใจ​

อิน​ซาน​หยิบ​เอา​ขลุ่ย​กระดูก​ออกมา​ ขีด​ๆ เขียน​ๆ เส้น​หลาย​สิบ​เส้น​ลง​ตรงหน้า​เจดีย์​หิน​สอง​สามองค์​

เส้น​เหล่านั้น​กลายเป็น​ภาพ​ที่​ดู​ซับซ้อน​อย่าง​มาก​ ดู​แล้ว​น่าจะเป็น​ข่าย​พลัง​อะไร​บางอย่าง​

เสียง​อีกา​ดัง​อยู่​บน​ฟ้า ลมหนาว​พัด​เอื่อย​ ใบไม้​ปลิว​เข้า​มาจาก​ทาง​ด้านนอก​ป่า​เจดีย์​ ปกปิด​เส้น​เหล่านั้น​เอาไว้​จน​มองไม่เห็น​อีก​

……

……

วันนี้​ตำหนัก​แสดง​ธรรม​ไม่มีไต้​ซือ​มาสาธยาย​ธรรม​ จิ๋งจิ่ว​อยู่​ใน​สวน​จิ้งหยวน​

เขา​นอน​หลับตา​อยู่​บน​เก้าอี้​ไม้ไผ่​ ฟังเสียง​ที่​ลอย​มาตาม​ลม​ หู​ทั้งสอง​ข้าง​ไหว​เล็กน้อย​

หู​คู่​นี้​สามารถ​ฟังเสียง​ทุก​เสียง​ที่​ลอย​มาตาม​ลมหนาว​ได้​

นั่น​คือ​เสียง​ทั้งหมด​ใน​ฟ้าดิน​ รวมไปถึง​เสียง​สวดมนต์​ของ​เหล่า​สมณะ เสียง​ศีรษะ​ที่​โขก​ลง​ไป​กับ​พื้น​ของ​เหล่า​สาวก​ที่อยู่​ใน​ตำหนัก​ส่วนหน้า​ เสียง​เผาไหม้​ของ​ธูป​เทียน​

ตาม​หลัก​แล้ว​ หู​ที่​กาง​ออก​ของ​เขา​คู่​นี้​น่าจะ​สะดุดตา​เป็นอย่างมาก​ แต่​ทุกคน​ที่​มองเห็น​เขา​ล้วนแต่​จะถูก​ใบหน้า​เขา​ดึงดูด​เอาไว้​ จึงยาก​จะสังเกตเห็น​ถึงจุด​นี้​ได้​

เขา​ฟังเสียง​ที่อยู่​ใน​ลม​ มือขวา​ของ​เขา​วาง​อยู่​บน​มือจับ​ของ​เก้าอี้​ เคาะ​เบา​ๆ เป็นจังหวะ​

หลิ่ว​สือซุ่ย​นั่ง​อยู่​ข้าง​เก้าอี้​ไม้ไผ่​ จ้อง​มองดู​นิ้วมือ​ของ​เขา​ ปรับ​การ​โคจร​ปราณ​ก่อกำเนิด​ภายใน​ร่างกาย​ตาม​จังหวะ​ของ​เขา​

ริม​บึง​น้ำ​ใน​หมู่บ้าน​เมื่อ​ยี่สิบ​ปีก่อน​ ภาพ​แบบนี้​เคย​เกิดขึ้น​บ่อยครั้ง​

นิ้วมือ​ของ​จิ๋งจิ่ว​พลัน​หยุด​ลง​ จากนั้น​ลืมตา​ขึ้น​มา มองออก​ไปนอก​สวน​จิ้งหยวน​

เสียง​ที่อยู่​ใน​ลม​ค่อนข้าง​วุ่นวาย​ ถึงแม้จะเพียงแค่​พริบตา​ แต่​ก็​ถูก​เขา​รับรู้​เอาไว้​ได้​

นิ้วมือ​ของ​เขา​ขยับ​อีกครั้ง​ เพียงแต่​ครั้งนี้​เร็ว​ขึ้น​กว่า​เดิม​ เกิด​เป็นเงา​ลาง​ๆ จำนวน​นับไม่ถ้วน​

หลิ่ว​สือซุ่ย​ไม่ได้​สังเกตว่า​เขา​ลืมตา​แล้ว​ หาก​แต่​ยังคง​คิด​ว่า​นั่น​คือ​จังหวะ​ ปราณ​ก่อกำเนิด​ของ​เขา​ปั่นป่วน​ขึ้น​มาทันที​ จึงรีบ​หยุด​ลง​

จิ่งจิ่ว​มอง​ไป​ด้านนอก​สวน​จิ้งหยวน​ สายตา​ดู​แปลก​ไป​

ถึงแม้จะเป็นเรื่อง​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​ยันต์​เซียน​วัฒนะ​ แต่​เขา​ก็​ยัง​สามารถ​คาดการณ์​ออกมา​คร่าวๆ​ ได้​ แต่​เหตุใด​วันนี้​กลับ​คำนวณ​อะไร​ไม่ได้​เลย​

หลิ่ว​สือซุ่ย​คิด​ว่า​เขา​กำลัง​กังวล​เรื่อง​ยันต์​เซียน​ จึงกล่าวว่า​ “ข้า​รู้จัก​ไต้​ซือ​ที่วัด​กั่วเฉิง​รูป​หนึ่ง​ ไม่รู้​ว่า​เป็น​คนรู้จัก​ของ​คุณชาย​หรือเปล่า​”

จิ๋งจิ่ว​ดึง​สายตา​กลับมา​ ยก​ถ้วย​ชาขึ้น​ดื่ม​ไป​คำ​หนึ่ง​พลาง​ส่าย​ศีรษะ​

เขา​มีคน​ที่​สนิท​อยู่​ที่วัด​กั่วเฉิง​เพียงแค่​คนเดียว​ จดจำ​สมณะสูงศักดิ์​ได้​สอง​สามคน​ แต่​จิ๋งจิ๋ว​ไม่รู้จัก​ใคร​สัก​คน​

หลิ่ว​สือซุ่ย​คิดในใจ​ ที่แท้​เป็น​ความช่วยเหลือ​จาก​ฉาน​จึ จึงกล่าวว่า​ “ไต้​ซือ​รูป​นั้น​มีความรู้​ทางธรรม​ล้ำลึก​ ช่วย​อธิบาย​ธรรมะ​ที่​เข้าใจ​ได้​ยาก​ให้​ข้า​ฟังหลายครั้ง​ ให้​ข้า​เชิญมาดี​หรือเปล่า​ขอรับ​?”

จิ๋งจิ่ว​วาง​ถ้วย​ชาลง​บน​โต๊ะ​ ส่าย​ศีรษะ​อีกครั้ง​

ใน​ระเบียง​ทางเดิน​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ เจ้าล่า​เยวี่ย​กำลัง​ทบทวน​ธรรมะ​ที่​ได้​ฟังมาเมื่อวันก่อน​ ครุ่น​คิดถึง​ความ​ยากเย็น​บน​วิถี​กระบี่​ ฝ่ามือ​พลัน​ลูบ​ไป​บน​แมว​ขาว​ที่อยู่​บน​หัวเข่า​ บางครั้ง​ก็​จะไป​เกา​ที่​ท้อง​ของ​มัน​ ครั้น​ได้ยิน​คำพูด​ของ​หลิ่ว​สือซุ่ย​ นาง​จึงกล่าวว่า​ “คน​ที่​อวดดี​เหมือน​อย่าง​เขา​จะไป​คิด​ว่า​บน​โลก​นี้​จะมีคน​ที่​มีคุณสมบัติ​พอที่จะ​ชี้แนะ​เขา​ได้​อย่างไร​ล่ะ​?”

ระยะห่าง​ก่อเกิด​ความงาม​ แล้วก็​ก่อเกิด​ความ​ยำเกรง​

หาก​คุ้นเคย​มากเกินไป​ ความงาม​ไม่มี ความ​ยำเกรง​ก็​ไม่มี

หลัก​เหตุผล​นี้​ใช้ได้​กับ​แมว​ แล้วก็​ใช้ได้​กับ​คน​

ท่าที​ที่​นาง​มีต่อ​จิ๋งจิ่ว​ยิ่ง​เป็นกันเอง​มากขึ้น​ ใกล้​จะกลับ​ไป​เป็น​เหมือน​เมื่อ​สอง​ปี​แรก​

แมว​ขาว​ไม่ได้​รู้สึก​ว่า​ถูก​ลบหลู่​ มัน​คราง​ออกมา​อย่าง​สบาย​ จากนั้น​ส่งเสียงกรน​ฟู่วๆ​ สุดท้าย​ก็​พลิกตัว​กลับมา​ หงาย​ท้องขึ้น​ฟ้า

จิ๋งจิ่ว​ไม่ได้​พูด​อะไร​ เขา​ยก​ถ้วย​ชาขึ้น​มา ก่อน​จะนึก​ขึ้น​มาได้​ว่า​เพิ่ง​ดื่ม​หมด​ไป​เมื่อ​ครู่​

หลิ่ว​สือซุ่ย​รีบ​เติม​

……

……

ฟ้าเริ่ม​มืด​ลง​ ดู​แล้ว​ถึงเวลา​ที่จะ​ต้อง​กลับบ้าน​ อิน​ซาน​ลุกขึ้น​ยืน​จาก​บันได​หิน​ ปัดฝุ่น​บน​ร่างกาย​ เตรียม​จะไป​สวนผัก​เพื่อ​ขอ​ข้าว​และ​สุรา​กิน​สัก​มื้อ​

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​กล่าวว่า​ “เวลานี้​ยัง​จะไป​ไหน​อีก​?”

อิน​ซาน​กล่าว​ “ไปดู​หน่อย​”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​กล่าว​ “หาก​ได้​เจอ​ที่นั่น​จริงๆ​ ท่าน​เตรียม​จะลงมือ​ฆ่าเขา​?”

อิน​ซาน​ส่าย​ศีรษะ​พลาง​กล่าวว่า​ “ใน​ใจเขา​คิด​ว่า​ตัวเอง​คือ​จิ่งหยาง​ เช่นนั้น​ก็​ไม่มีทาง​ไป​สวนผัก​ เพราะ​การ​ไป​ที่นั่น​มัน​เป็นเรื่อง​ที่​ไม่มีความหมาย​อะไร​สำหรับ​จิ่งหยาง​ ดังนั้น​ข้า​ไม่มีทาง​เจอ​เขา​”

ปรมาจารย์​สำนัก​เสวียน​อิน​ถาม “อย่างนั้น​ท่าน​จะไป​ทำไม​?”

อิน​ซาน​ไม่ได้​อธิบาย​ เขา​เดิน​ออกจาก​วัด​กั่วเฉิง​ไป​ยัง​สวนผัก​

เวลา​ที่​เขา​เลือก​นั้น​ดีมาก​ หลิ่ว​สือซุ่ย​กำลัง​กินข้าว​อยู่​ใน​บ้าน​กับ​เสี่ยว​เห​อ​

ใน​เมื่อ​เขา​มิใช่ผู้อาวุโส​ที่​คุณชาย​เชิญมา หลิ่ว​สือซุ่ย​ย่อม​ไม่มีทาง​พูด​เรื่อง​คุณชาย​กับ​เขา​ แต่กลับ​คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​อิน​ซาน​จะเป็น​คน​เอ่ย​ขึ้น​มา

อิน​ซาน​ดื่ม​สุรา​ไป​ชามหนึ่ง​ จากนั้น​กล่าวว่า​ “ข้า​รู้​ว่า​จิ๋งจิ่ว​กำลัง​ทำ​อะไร​ ข้า​อาจจะ​มีวิธี​ เจ้าไป​ถามเขา​ดู​ว่า​อยาก​เรียน​หรือไม่​”

หลิ่ว​สือซุ่ย​รู้สึก​ระแวง​เล็กน้อย​ กล่าวว่า​ “ข้า​ไม่รู้เรื่อง​เท่าไร​นัก​ แต่​จะไป​ถามให้​”

อิน​ซาน​หยิบ​เอา​กระดาษ​สอง​สามแผ่น​ส่งให้​เขา​ พลาง​กล่าวว่า​ “อย่า​บอก​เขา​ว่า​ข้า​เป็น​ใคร​ หาก​เจ้าไม่เชื่อ​ช้า ก็​ไม่ต้อง​พูด​ หาก​เขา​ไม่เชื่อ​ข้า​ ก็​ไม่ต้อง​ใช้”

รุ่งเช้า​วัน​ที่สอง​ หลิ่ว​สือซุ่ย​เอา​ชาชั้นดี​ที่​ตระกูล​ของ​กู้​ชิงส่งคน​ให้​นำมา​ให้​และ​กระดาษ​สอง​สามแผ่น​จาก​อิน​ซาน​เข้าไป​ใน​วัด​กั่วเฉิง​

จิ๋งจิ่ว​รับเอา​กระดาษ​สอง​สามแผ่น​นั้น​มาดู​ พบ​ว่า​ลายมือ​ดู​แปลกตา​ แต่​คำพูด​ที่อยู่​ใน​กระดาษ​กลับ​มีความรู้สึก​คุ้นเคย​

ที่​สำคัญ​กว่า​นั้น​ก็​คือ​วิธี​ของ​คน​ผู้​นั้น​มีเหตุผล​อยู่​ทีเดียว​

นี่​มิใช่การอธิบาย​ธรรมะ​ใน​คัมภีร์​ หาก​แต่​เป็น​การหลอม​ยันต์​เซียน​

บน​โลก​นี้​มีกี่​คน​ที่​สามารถ​ทำ​เช่นนี้​ได้​?

……………………………………………………

[1]ไป๋​ซาน​ แปล​ว่า​ เขา​สีขาว​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด