มรรคาสู่สวรรค์ 161 ใช่ขอรับ อาจารย์อา

Now you are reading มรรคาสู่สวรรค์ Chapter 161 ใช่ขอรับ อาจารย์อา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดวงตา​ที่​เหมือน​จาน​หยก​ใน​เงามืด​นั้น​ก็​คือ​สัตว์​เทพ​ของ​สำนัก​จงโจว​ กิเลน​ฉีหลิน​

เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ของ​นักพรต​ไป๋​ สายตา​ของ​กิเลน​ฉีหลิน​ก็​ยิ่ง​เย็นยะเยือก​ จิต​สังหาร​รุนแรง​คล้าย​จับต้อง​ได้​จริง​ เห็นได้ชัด​ว่า​ต้อง​การสังหาร​จิ๋งจิ่ว​

“ยันต์​เซียน​ไม่อาจ​ถูก​หลอมละลาย​ได้​ เจ้าไม่ต้อง​ลงมือ​”

นักพรต​ไป๋​กล่าว​อย่าง​เฉยชา​ “เจ้ากับ​ข้า​ทำเป็น​ไม่รู้เรื่อง​นี้​ก็แล้วกัน​”

“ดวงจิต​คันฉ่อง​มีปัญหา​ จะเรียก​ออกมา​ถามหน่อย​ไหม​?” ฉีหลิน​พูด​ผ่าน​ทางจิต​

“จะกลายเป็น​ปีศาจ​แล้ว​ ไย​ต้อง​ถามอีก​?”

นักพรต​ไป๋​ยื่นมือ​ไป​คว้า​จับ​บางสิ่ง​ใน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​

ของ​สิ่งนั้น​ก็​คือ​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​นาง​ใช้วิธี​อะไร​ถึงทำให้​มัน​หด​เล็ก​ลง​จน​กลายเป็น​จาน​วงกลม​เล็ก​ๆ ใบ​หนึ่ง​ สามารถ​ถือ​เอาไว้​ใน​มือ​ได้​

พลัง​ที่​เย็นยะเยือก​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ไหล​ออก​มาจาก​นิ้วมือ​ของ​นักพรต​ไป๋​ ผิว​ของ​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ค่อยๆ​ จับตัว​เป็น​น้ำแข็ง​

น้ำแข็ง​ลี้ลับ​นี้​ดูเหมือน​จะบาง​ แต่​ความจริง​แล้ว​กลับ​แข็งแกร่ง​เป็นอย่างมาก​ ต่อให้​เป็น​กระบี่​เซียน​ก็​ยาก​ที่จะ​ทำลาย​ได้​

นาง​โบกมือ​ ฝังคันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ที่​ถูก​น้ำแข็ง​ปิดผนึก​ลง​ไป​ใน​เส้น​ปราณ​แผ่นดิน​ที่อยู่​ใน​ส่วนลึก​ใต้ดิน​ของ​เขา​อวิ๋นเมิ่ง​

หลังจากนี้​อีก​หลาย​ร้อย​ปี​ เมื่อ​ดวงจิต​คันฉ่อง​สูญสลาย​ไป​ ดินแดน​แห่ง​ความฝัน​เริ่ม​เดิน​ใหม่​อีกครั้ง​ บางที​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​อาจจะ​ได้​ออกมา​เห็น​เดือน​เห็น​ตะวัน​อีกครั้ง​ก็​เป็นได้​

เมื่อ​เห็นภาพ​นี้​ ใน​ดวงตา​ของ​ฉีหลิน​ก็​มีแววตา​พึงพอใจ​ปรากฏ​ขึ้น​มา มัน​คิด​ว่าการ​จัดการ​เช่นนี้​เหมาะสม​ที่สุด​

นักพรต​ไป๋​ออก​ไป​จาก​ถ้ำ มายัง​ด้านบน​ของ​เขา​อวิ๋นเมิ่ง​ อากาศ​ค่อยๆ​ เย็น​ลง​ คล้าย​จะกลายเป็น​ภูเขา​หิมะ​ที่​เย็นยะเยือก​และ​ไม่อาจ​สั่นคลอน​ได้​

งาน​ชุมนุม​แสวง​มรรคา​ครั้งนี้​ เป้าหมาย​ของ​สำนัก​จงโจว​ก็​คือ​หา​ผู้สืบทอด​ให้​แก่​ยันต์​เซียน​ ขอ​เพียง​แข็งแกร่ง​พอ​ จะเป็น​ใคร​ก็​ล้วนแต่​ได้​ทั้งนั้น​

แต่​ใน​เมื่อ​คน​ที่​ได้​ยันต์​เซียน​ไป​คือ​ศิษย์​ของ​ชิงซาน​ผู้​นั้น​ เช่นนั้น​จาก​ผู้สืบทอด​ก็​จะกลายเป็น​ผู้​แบกรับ​

ผู้สืบทอด​และ​ผู้​แบกรับ​มีความหมาย​ใกล้เคียง​กัน​ แต่​สิ่งที่​ต้อง​พบ​เจอ​กลับ​แตก​ต่างกัน​ราว​ฟ้ากับ​ดิน​

ก็​เหมือน​อย่าง​ที่​นาง​กล่าว​กับ​กิเลน​ฉีหลิน​ คน​ผู้​นั้น​จะถูก​ยันต์​เซียน​ควบคุม​ กลายเป็น​หุ่นเชิด​ นอก​เสีย​จาก​อีก​ฝ่าย​จะสามารถ​หลอม​ยันต์​เซียน​ได้​

แต่​หาก​มอง​ไป​ทั่ว​ทั้งโลก​นี้​ ยังมี​ใคร​ที่​สามารถ​หลอม​ยันต์​เซียน​ได้​อีก​ล่ะ​?

เมื่อ​คิดถึง​ปัญหา​นี้​ ใน​ส่วนลึก​ของ​ดวงตา​นาง​ก็​มีความรู้สึก​ระแวดระวัง​ปรากฏ​ขึ้น​มาให้​เห็น​จางๆ

เงาที่​หลบหนี​ออกมา​จาก​คุก​สะกด​มาร​ จักรพรรดิ​แห่ง​หมิง​ที่​ถูก​ปล่อย​ออกมา​ แสวง​มรรคา​อยู่​หลาย​สิบ​ปี​ แต่​คิด​เพียง​จะบำเพ็ญ​เพียร​เพื่อ​บรรลุ​สภาวะ​ ยอดเขา​ปู้​โจว​ที่​ถูก​ทำลาย​จน​ราบเป็นหน้ากลอง​

หรือว่า​จะเป็น​เจ้าจริงๆ​?

เจ้ายัง​มีชีวิต​อยู่​หรือ​นี่​?

อย่างนั้น​ครั้งนี้​เจ้าคงจะ​ตาย​ได้​แล้ว​สินะ​?

……

……

บน​พื้น​ ผนัง​ และ​กรอบประตู​ของ​เรือน​ลอกคราบ​ล้วนแต่​ถูก​แกะสลัก​เป็น​ร่องรอย​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ ดู​แล้ว​เหมือน​อักขระ​ยันต์​ เมื่อ​ต้อง​แสงอาทิตย์​ก็​จะสะท้อน​ออกมา​เป็น​แสงรูปร่าง​แปลกประหลาด​

จิ๋งจิ่ว​นอน​อยู่​บน​เก้าอี้​ไม้ไผ่​ นิ้วชี้​มือขวา​ไล้​ไป​บน​ขอบ​ประตู​อย่าง​ช้าๆ รับรู้​ถึงสัมผัส​ที่​มหัศจรรย์​นั้น​ มองดู​แผ่น​หลัง​ของ​หนาน​ว่าง​ ไม่รู้​ว่า​กำลัง​คิด​อะไร​อยู่​

บริเวณ​หน้าผา​พลัน​มีลม​พัด​ขึ้น​มา พัดพา​หมู่​เมฆให้​กระจาย​ตัว​ออก​ไป​ เกิด​เป็น​ช่องว่าง​ที่​คล้าย​มีคล้าย​ไม่มี จากนั้น​คล้าย​มองเห็น​ชุด​สีเขียว​เคลื่อนไหว​อย่าง​รวดเร็ว​

หนาน​ว่าง​ลุกขึ้น​คารวะ​

เจ้าสำนัก​ชิงซาน​หลิ่ว​ฉือ​เดิน​เข้า​มาจาก​ด้านนอก​หน้าผา​

เขา​คือ​ยอด​คน​ที่​ยืน​อยู่​ใน​จุดสูงสุด​ของ​แผ่นดิน​เฉาเทียน​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ แต่​นอกจาก​รูปร่าง​ที่​สูงใหญ่​แล้ว​ ก็​ไม่มีอะไร​อย่าง​อื่น​ที่​ดู​พิเศษ​

เขา​สวม​เสื้อผ้า​ธรรมดา​ คิ้ว​ทั้งสอง​ดู​นุ่มนวล​ สีหน้า​อ่อนโยน​ เหมือน​ดั่ง​กระบี่​ใน​ฝัก​ ไร้​ซึ่งเหลี่ยม​คม​

แต่​แน่นอน​ พลัง​ของ​เขา​เอง​ก็​กว้างใหญ่​และ​โอบอ้อม​ เหมือน​ดั่ง​ฝัก​กระบี่​ที่​สามารถ​แบกรับ​ทุกสิ่ง​เอาไว้​ได้​

หลิ่ว​ฉือ​โบกมือ​เพื่อ​บอก​ให้​หนาน​ว่าง​ออก​ไป​

หนาน​ว่าง​เลิกคิ้ว​เล็กน้อย​ กระบี่​พิณ​วิจิตร​ขยับ​ เก็บ​เอา​สาย​พิณ​กระบี่​ทั้งหมด​กลับมา​ จากนั้น​หมุนตัว​เดิน​ออก​ไป​พลาง​ส่งเสียง​เหอะ​ออกมา​ที่หนึ่ง​

เมื่อ​เห็น​ท่าทาง​ที่​นาง​เดิน​ออก​ไป​อย่าง​โมโห​ หลิ่ว​ฉือ​จึงยิ้ม​อย่าง​เอ็นดู​ จากนั้น​สังเกตเห็น​ว่า​บน​ใบหน้า​ของ​จิ๋งจิ่ว​เอง​ก็​มีรอยยิ้ม​จางๆ อยู่​เช่นกัน​

หลิ่ว​ฉือ​ค่อนข้าง​ตกใจ​ เพราะ​รอยยิ้ม​จางๆ เช่นนี้​ สำหรับ​จิ๋งจิ่ว​แล้ว​ถือว่า​เป็นความ​เอ็นดู​อย่าง​มาก​แล้ว​

ดู​แล้ว​เวลา​เจ็ดสิบ​ปี​ใน​คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​ เหมือน​จะมีการเปลี่ยนแปลง​อะไร​ไป​บ้าง​

หลิ่ว​ฉือ​สะบัด​แขน​เสื้อ​เล็กน้อย​ เจตน์​กระบี่​ของ​กระบี่​แบก​สวรรค์​แผ่​กระจาย​ออกมา​ กลายเป็น​ข่าย​พลัง​ที่​ไร้​รูปร่าง​ปกคลุม​เรือน​ลอก​คาบ​เอาไว้​

ต่อให้​กิเลน​ของ​เขา​อวิ๋นเมิ่ง​แอบ​เข้ามา​ใกล้​ ก็​ไม่มีทาง​ได้ยิน​บทสนทนา​ระหว่าง​เขา​กับ​จิ๋งจิ่ว​หลังจากนี้​

“ยัน​เซียน​วัฒนะ​มิใช่ยันต์​รอง​ หาก​เป็น​ยันต์​หลัก​”

ไม่มีการ​เกริ่น​นำ​และ​ไม่มีการทักทาย​ จิ๋งจิ่ว​กล่าว​ออกมา​ตรงๆ​

หลิ่ว​ฉือ​กล่าวว่า​ “ใน​อดีต​ท่าน​บรรพ​จารย์​ไป๋​ได้​ทิ้ง​ยันต์​รอง​และ​ยันต์​หลัก​เอาไว้​อย่าง​ละ​สามแผ่น​ ภายหลัง​ตอนที่​สะกด​จัก​รพ​รรดิ์​แห่ง​หมิง​ได้​ใช้ยันต์​หลัก​ไป​หนึ่ง​แผ่น​ ใน​งาน​ชุมนุม​แสวง​มรรคา​ก็​ยัง​เอา​ยันต์​หลัก​ออกมา​ใช้อีก​ พวกเขา​คิด​จะทำ​อะไร​?”

ยันต์​เซียน​เป็น​ของ​วิเศษ​ของ​เซียน​อย่าง​แท้จริง​ บน​โลก​ใน​ตอนนี้​มีเพียง​สำนัก​จงโจว​เท่านั้น​ที่​มี นั่น​คือ​มรดก​ที่​เซียน​ไป๋​เริ่น​ทิ้ง​เอาไว้​ใน​ตอนที่​บรรลุ​กลายเป็น​เซียน​

พลัง​เซียน​ใน​ยันต์​รอง​หาก​คนธรรมดา​ได้รับ​ไป​ ก็​เพียง​พอที่จะ​ชำระล้าง​ร่างกาย​และ​ก้าวเดิน​ไป​บน​เส้นทาง​แห่ง​การ​บำเพ็ญ​เพียร​ได้​ หาก​ผู้​บำเพ็ญพรต​ได้​ไป​ก็​จะสามารถ​ต่อ​ชีวิต​ไป​ได้​อีก​หลาย​สิบ​ปี​ พลัง​เซียน​ใน​ยันต์​หลัก​นั้น​มีมากกว่า​ และ​ที่​สำคัญ​กว่า​นั้น​ก็​คือ​ด้านใน​อาจจะ​มีเจตน์​แห่ง​เซียน​ของ​บรรพ​จารย์​ไป๋​เหลือ​ทิ้ง​เอาไว้​อยู่​ สำหรับ​ผู้​บำเพ็ญพรต​แล้ว​ นั่น​คือ​วิธี​ที่​ดี​ที่สุด​ที่จะ​รู้แจ้ง​ใน​สัจธรรม​และ​บรรลุ​ไป​สู่วิถี​ธรรม​

เดิม​หลิ่ว​ฉือ​ไม่เข้าใจ​ ต่อให้​สำนัก​จงโจว​คิด​อยาก​จะเป็น​ผู้นำ​แห่ง​สำนัก​ฝ่าย​ธรรมะ​ เหตุใด​ถึงกับ​ต้อง​เอา​ยันต์​เซียน​มาเป็น​รางวัล​ใน​งาน​ชุมนุม​แสวง​มรรคา​

ตอนนี้​เมื่อ​รู้​ว่า​เป็น​ยันต์​หลัก​ เขา​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​แปลกใจ​

หาก​เปลี่ยนเป็น​เขา​ เกรง​ว่า​คง​ไม่มีทาง​ตัดใจ​เอา​ออกมา​ใช้แน่​

สำนัก​จงโจว​คิด​จะทำ​อะไร​กัน​แน่​?

เซียน​ไม่อยู่​ใน​โลก​ ไม่มีใคร​ที่จะ​สัมผัส​กับ​ยันต์​เซียน​ได้​ ตาม​หลัก​แล้ว​ไม่มีใคร​ที่จะ​สามารถ​คาดเดา​ความคิด​ของ​สำนัก​จงโจว​ได้​ แต่​จิ๋งจิ่ว​คือ​ข้อยกเว้น​

เขา​กล่าวว่า​ “เจตน์​แห่ง​เซียน​ก็​คือ​จิต​เซียน​ที่​ไป๋​เริ่น​ทิ้ง​เอาไว้​ นาง​อาจจะ​ใช้วิชา​บางอย่าง​พา​ตัวเอง​กลับ​มาจาก​นอก​โลก​”

หลิ่ว​ฉือ​คิดถึง​ภาพ​ตอนที่​จักรพรรดิ​แห่ง​หมิง​ถูก​สยบ​ สีหน้า​พลัน​คร่ำเคร่ง​ขึ้น​มา กล่าวว่า​ “สิงร่าง​?”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “ถูกต้อง​ คล้ายๆ​ กับ​ความคิด​ของ​อาจารย์​ของ​เจ้าใน​อดีต​ ดังนั้น​สำนัก​จงโจว​จึงจำเป็นต้อง​เลือก​ร่าง​เต๋า​ที่​แข็งแกร่ง​ที่​้สุด​และ​เหมาะสม​ที่สุด​ ใช้จิต​เซียน​แอบ​ควบคุม​ร่าง​ก่อน​ จากนั้น​รอคอย​ให้​เวลา​นั้น​มาถึงอย่าง​เงียบๆ​”

หลิ่ว​ฉือ​รู้สึก​ประหลาดใจ​ กล่าวว่า​ “ไม่ง่าย​เลย​กว่า​จะออก​ไป​ได้​ จะกลับมา​ทำไม​?”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “แค่​จิต​เซียน​สวน​หนึ่ง​เท่านั้น​ สิ่งที่​กลับมา​ไม่แน่​ว่า​จะต้อง​เป็น​ตัวนาง​ทั้งหมด​”

หลิ่ว​ฉือ​มอง​ไป​ยัง​เขา​อวิ๋น​เมิงที่อยู่​ด้านนอก​หน้าผา​ ส่าย​ศีรษะ​พลาง​กล่าวว่า​ “วิถี​ของ​จงโจว​ มักจะ​ไม่เด็ดขาด​เช่นนี้​เสมอ​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “สำหรับ​จงโจว​แล้ว​ นี่​คือ​สายฟ้า​ที่​แอบซ่อน​เอาไว้​แต่​ไม่ยอม​ปล่อย​ออกมา​ ภายหลัง​หาก​เกิดเรื่อง​ขึ้น​จริงๆ​ สายฟ้า​ฟาด​กระหน่ำ​ลงมา​ จะไม่มีใคร​สามารถ​ต้านทาน​ได้​”

ต่อให้​เซียน​ไป๋​เริ่น​ที่​ใช้ยันต์​เซียน​กลับ​มายัง​แผ่นดิน​เฉาเทียน​จะเป็น​เพียง​ร่าง​แยก​ แต่​นั่น​ก็​มิใช่สิ่งที่​ผู้​บำเพ็ญพรต​บน​แผ่นดิน​จะสามารถ​ต่อกร​ได้​

เซียน​ก็​คือ​เซียน​ แม้จะเป็นหนึ่ง​ใน​ร้อย​ก็​ยัง​เป็น​เซียน​

หลิ่ว​ฉือ​กล่าวว่า​ “อยาก​จะเห็น​จริงๆ​ ว่า​ตอนที่​สายฟ้า​ฟาด​ลงมา​มัน​จะรุนแรง​แค่​ไหน​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “ฟาด​ลงมา​ไม่ได้​ เพราะ​โชค​ของ​นาง​ไม่ดี​ ยันต์​เซียน​อยู่​ใน​มือ​ของ​ข้า​แล้ว​”

หลิ่ว​ฉือ​กล่าวว่า​ “ท่าน​คิด​จะทำ​อย่างไร​?”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “ก็​ต้อง​หลอม​ยันต์​เซียน​นี้​ ให้​นาง​ไม่สามารถ​กลับมา​ได้​”

หลิ่ว​ฉือ​มองดู​ดวงตา​ของ​เขา​ พลาง​กล่าวว่า​ “ท่าน​รู้​ว่า​นี่​เป็นเรื่อง​ยาก​”

จิ๋งจิ่ว​มองดู​กำปั้น​ข้าง​ซ้าย​ กล่าวว่า​ “ใน​เมื่อ​มัน​อยู่​ใน​มือ​ข้า​ เช่นนั้น​ก็​มีแต่​ต้อง​ทำ​เช่นนี้​”

หลิ่ว​ฉือ​กล่าวว่า​ “หาก​ท่าน​สามารถ​หลอม​ยันต์​เซียน​นี้​ได้​จริงๆ​ เขา​อวิ๋นเมิ่ง​จะต้อง​คาดเดา​ได้​แน่​ว่า​ท่าน​เป็น​ใคร​”

จิ๋งจิ่ว​ถามด้วย​น้ำเสียง​เรียบ​เฉย​ “ข้า​เป็น​คนเลว​?”

หลิ่ว​ฉือ​กล่าว​อย่าง​เฉยชา​ “ไม่ใช่คนดี​ แต่​ก็​ไม่ใช่คนเลว​เช่นกัน​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ต่อให้​คน​ทั้งโลก​คาดเดา​ได้​ว่า​ข้า​เป็น​ใคร​ แล้​วจะ​เป็น​อย่างไร​?”

คน​ที่​รู้​ตัวตน​ที่​แท้จริง​ของ​เขา​บน​โลก​นี้​มีอยู่​แค่​ไม่กี่​คน​

เจ้าล่า​เยวี่ย​คล้าย​จะคาดเดา​ได้​ แต่​ใน​เมื่อ​นาง​ไม่ยอม​ถามออกมา​ตรงๆ​ เขา​ก็​คิด​เสีย​ว่า​นาง​ไม่รู้​

ก็​เหมือนกับ​คน​ที่อยู่​ใน​สำนัก​แม่ชีสุ่ยเยวี่ยคน​นั้น​

ตัวตน​ที่​แท้จริง​ของ​เขา​ถูก​เปิดเผย​ สิ่งที่จะ​ได้รับ​ผลกระทบ​จริงๆ​ ก็​คือ​ชื่อเสียง​ของ​ชิงซาน​

ปรมาจารย์​อา​ที่​บรรลุ​กลายเป็น​เซียน​ได้​สำเร็จ​กับ​ปรมาจารย์​อา​ที่​บรรลุ​กลายเป็น​เซียน​ล้มเหลว​แล้ว​กลับมา​บำเพ็ญ​เพียร​ใหม่​บน​โลก​ นี่​เป็น​สอง​สิ่งที่​มีความหมาย​แตก​ต่างกัน​

หลิ่ว​ฉือ​กล่าวว่า​ “ท่าน​คิด​เอาไว้​หรือยัง​ว่า​จะหลอม​ยันต์​เซียน​นี้​อย่างไร​?”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “กำลัง​คิด​อยู่​”

หลิ่ว​ฉือ​กล่าวว่า​ “ใน​ระหว่าง​ที่​ท่าน​กำลัง​คิด​ จิต​เซียน​นั้น​ก็​จะยึดครอง​ร่าง​เต๋า​ของ​ท่าน​ ควบคุม​ใจแห่ง​เต๋า​ของ​ท่าน​ แล้​วจะ​หยุดยั้ง​มัน​ได้​อย่างไร​?”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “หาก​ไม่ได้​ ข้า​จะตัด​มือซ้าย​ทิ้ง​”

หลิ่ว​ฉือ​มองดู​มือซ้าย​ของ​เขา​ กล่าวว่า​ “ความจริง​แล้ว​ข้า​มีวิธี​ที่​ดีมาก​วิธี​หนึ่ง​ เอา​ของ​บางอย่าง​มาหุ้ม​มือ​ของ​ท่าน​เอาไว้​ รับรอง​ได้​ว่า​จะไม่มีทาง​เกิดเรื่อง​”

จิ๋งจิ่ว​หรี่ตา​มองดู​เขา​พลาง​กล่าวว่า​ “เจ้าก็​รู้​ว่า​ข้า​ไม่มีทาง​ตกลง​”

หลิ่ว​ฉือ​ยิ้ม​เล็กน้อย​ กล่าวว่า​ “ข้า​ก็​แค่​พูด​ๆ ไป​เท่านั้น​ ท่าน​จะร้อนใจ​ทำไม​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “รีบ​ส่งข้า​กลับ​ชิงซาน​”

สายตา​ของ​หลิ่ว​ฉือ​มอง​ไป​ที่​มือซ้าย​ของ​เขา​อีกครั้ง​ รู้​ว่า​ความจริง​แล้ว​เขา​ไม่มีความมั่นใจ​เลย​ว่า​จะหลอม​ยันต์​เซียน​ได้​สำเร็จ​หรือไม่​

รอยแตก​ที่อยู่​บน​พื้น​ของ​เรือน​ลอกคราบ​พลัน​สั่นสะเทือน​ขึ้น​มา จากนั้น​ค่อยๆ​ ลอย​ขึ้น​ กลายเป็น​เส้น​ที่​สามารถ​มองเห็น​ได้​ด้วย​ตาเปล่า​

สายตา​ของ​หลิ่ว​ฉือ​สงบนิ่ง​ แต่กลับ​มีสมาธิ คล้าย​บึง​น้ำ​ที่​ชั่วชีวิต​นี้​ไม่มีลม​พัดผ่าน​

จิ๋งจิ่ว​รู้​ว่า​เขา​กำลังจะ​ทำ​อะไร​ จึงเลิกคิ้ว​เล็กน้อย​ แต่​มิได้​ปฏิเสธ​

เจตน์​กระบี่​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ตกลง​ไป​บน​มือซ้าย​ของ​เขา​ ห่อหุ้ม​เป็นชั้นๆ​ เอาไว้​อย่าง​แน่นหนา​ คล้าย​กับ​ถุงมือ​ที่​มองไม่เห็น​

ต่อให้​เป็น​พลัง​เซียน​ที่​เล็ก​ละเอียด​แค่​ไหน​ก็​ไม่สามารถ​เล็ด​รอด​ออก​มาจาก​ซอก​นิ้วมือ​ของ​จิ๋งจิ่ว​ได้​ ต่อให้​เป็น​สัตว์​เทพ​ที่​มีความ​ไว​ต่อ​พลัง​เซียน​แค่​ไหน​ก็​ไม่มีทาง​ได้กลิ่น​

นี่​คือ​เพลง​กระบี่​แบก​สวรรค์​ของ​เจ้าสำนัก​ชิงซาน​ แล้วก็​เป็น​ข่าย​พลัง​ใน​ระดับ​สูงสุด​ของ​แผ่นดิน​เฉาเทียน​ มองไม่เห็น​ แต่กลับ​มีอยู่​จริง​

จิ๋งจิ่ว​ยอมรับ​ว่า​ไม่ว่า​จะเป็นตัว​เขา​หรือว่า​ศิษย์​พี่​ก็​ล้วนแต่​ใช้เพลง​กระบี่​แบก​สวรรค์​ได้​ไม่ดี​เท่า​หลิ่ว​ฉือ​ พรสวรรค์​ของ​กู้​ชิงขาด​อีก​นิดหน่อย​ ได้​แต่​ต้อง​ดู​ว่า​มีวิธี​อื่น​หรือไม่​

เขา​ถามว่า​ “เรื่อง​ชิงกระถาง​สัมฤทธิ์​ไม่ตรง​ตาม​กฎ​แก้ไข​แล้ว​หรือ​?”

หลิ่ว​ฉือ​กล่าวว่า​ “ไม่อย่างนั้น​ข้า​จะมาที่นี่​ทำไม​? เพราะ​รู้​อยู่แล้ว​ว่า​ท่าน​ไม่เคย​เดิน​บน​เส้นทาง​ปกติ​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “ใน​เมื่อ​สำนัก​จงโจว​เอา​ยันต์​เซียน​ออกมา​ด้วย​ความคิด​เช่นนี้​ พวกเขา​ย่อม​ไม่มีทาง​ขัดขวาง​แน่​ ส่วน​เส้นทาง​ที่​ข้า​เลือก​นั้น​ล้วนแต่​เป็น​เส้นทาง​เพียง​หนึ่งเดียว​ หา​ใช่ข้า​จงใจเลือก​ไม่”

หลิ่ว​ฉือ​ส่าย​ศีรษะ​พลาง​กล่าวว่า​ “ใน​อดีต​ตอนที่​เล่นไพ่​นกกระจอก​ อาจารย์​เคย​กล่าว​เอาไว้​ว่า​เส้นทาง​ที่​ท่าน​เลือก​นั้น​ไม่เหมือน​คนอื่น​ ค่อนข้าง​ตายตัว​”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “พวกเรา​ไม่ได้​เล่นไพ่​ด้วยกัน​มาสามร้อย​กว่า​ปี​แล้ว​สินะ​?”

หลิ่ว​ฉือ​นิ่งเงียบ​ไป​ครู่​ ก่อน​จะคารวะ​พลาง​กล่าวว่า​ “ใช่ขอรับ​ อาจารย์​อา​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด