มรรคาสู่สวรรค์ 116 จุดเริ่มต้นของฮ่องเต้เลอะเลือน (1)

Now you are reading มรรคาสู่สวรรค์ Chapter 116 จุดเริ่มต้นของฮ่องเต้เลอะเลือน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ๋งจิ่วมองนางเงียบๆ

องค์หญิงน้อยก็มองเขาเงียบๆ

คนสองคนจ้องมองดวงตาของอีกฝ่ายเช่นนี้ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ คงเป็นเพราะองค์หญิงน้อยนั่งขัดสมาธิจนเมื่อยล้า สองมือไม่อาจยันไว้ได้ จึงล้มลงไปอยู่ในอ้อมอกของจิ๋งจิ่ว

ภายในตำหนักพลันมีเสียงถกเถียงดังขึ้นมา ไม่รู้ฮ่องเต้ทั้งสองพระองค์กำลังทะเลาะอะไรกัน

องค์หญิงน้อยรวบรวมความกล้า จุมพิตไปที่แก้มเข้าที่หนึ่ง จากนั้นคล้ายโดนน้ำร้อนลวก กระเด้งตัวกลับมานั่งลง พลางหัวเราะแห้งๆ ให้จิ๋งจิ่วเล็กน้อย

จิ๋งจิ่วไม่มีเพลิงกระบี่ จึงได้แต่ต้องใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำลายที่อยู่บนใบหน้าแทน พลางกล่าวว่า “หากเจ้าจำคนผิดจะทำอย่างไร?”

องค์หญิงน้อยตกใจ ใช้มือเล็กๆ ปิดใบหน้าเอาไว้ พลางกล่าวอย่างเขินอายว่า “ท่าน…. ท่านรู้หรือว่าข้าเป็นใคร?”

จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “ข้าเคยบอกแล้วว่าหากได้พบกัน ข้าจะจำเจ้าได้”

องค์หญิงน้อยมองดูเขาผ่านทางซอกนิ้วอย่างน่ารัก กล่าวว่า “ท่านก็… ท่านก็แสร้งทำเป็นว่าจำข้าไม่ได้มิได้หรือ?”

การเจรจาของฮ่องเต้แคว้นฉู่และฮ่องเต้แคว้นฉินจบสิ้นลง ประตูตำหนักเปิดออก นางกำนัลและนางกำนัลอาวุโสเดินเข้ามา

องค์หญิงน้อยคล้ายได้รับการนิรโทษกรรม รีบไถลตัวลงมายังด้านล่างตั่ง จากนั้นจูงมือฮ่องเต้แคว้นฉินเดินออกไปด้านนอกตำหนัก

เมื่อมองดูเด็กหญิงที่เดินเตาะแตะๆ คนนั้น จากนั้นคิดถึงท่าทางที่เงียบขรึมและอ่อนแอของนางเวลาที่อยู่ด้านนอก จิ๋งจิ่วจึงคิดในใจว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

เขาหมุนตัวมองออกไปทางด้านนอกหน้าต่าง กล่าวกับนกชิงเหนี่ยวที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ตัวนั้นว่า “ตรงนี้ข้าไม่อยากให้คนอื่นเห็น แล้วข้าก็เชื่อว่านางก็คงไม่อยากให้คนอื่นเห็นเช่นกัน”

……

……

ภาพที่ผู้คนที่อยู่ด้านนอกหุบเขาหุยอินมองเห็นล้วนแต่เลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนที่สภาวะสูงส่งก็พอจะมองเห็นได้เพียงคร่าวๆ เท่านั้น พวกเขาจะมองเห็นรายละเอียดอะไร ทุกอย่างล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการเลือกของดวงจิตคันฉ่องฟ้ากระจ่าง หรือพูดอีกอย่างก็คือขึ้นอยู่กับว่านกชิงเหนี่ยวที่บินไปเป็นมาตัวนั้นอยากจะให้พวกเขามองเห็นอะไร

นกชิงเหนี่ยวก็คือชิงเอ๋อร์ นางสนิทกับไป๋เจ่า แล้วก็มีความรู้สึกใกล้ชิดกับจิ๋งจิ่วอย่างที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ดังนั้นนางจึงฟังความเห็นของจิ๋งจิ่ว มิได้แสดงภาพอันไร้เดียงสาของเด็กสองคนที่อยู่ในวังแคว้นฉู่ออกมาให้คนอื่นเห็น

เรื่องราวอันน่ารันทดของเหอจานถูกแสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็นจนหมด ถึงแม้จะไม่มีภาพรายละเอียดในตอนที่ถูกตัดอัณฑะออก แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน

เซ่อเซ่อกำปลาแห้งเอาไว้แน่น จ้องมองฉากลำแสงในท้องฟ้าแล้วกล่าวถามว่า “เด็กที่อยู่หมู่บ้านตะวันออกผู้นั้นคือใคร?”

หญิงสาวจากสำนักแม่ชีสุ่ยเยวี่ยส่ายศีรษะ กล่าวว่า “เหมือนจะเป็นผู้บำเพ็ญพรตไร้สำนัก เหอจานน่าจะรู้จัก”

เซ่อเซ่อยกปลาแห้งขึ้นมากัดแรงๆ คำหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าจะฆ่าเขา”

หญิงสาวจากสำนักแม่ชีสุ่ยเยวี่ยได้ยินเช่นนั้นพลันรู้สึกตกใจเล็กน้อย กล่าวเตือนว่า “นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งความฝัน ไม่อาจนำออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้”

เซ่อเซ่อออกแรงเคี้ยวปลาแห้ง สองแก้มปูดนูนขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวเสียงแข็งกร้าวว่า “หรือว่าข้าฆ่าเขาไม่ได้?”

หญิงสาวจากสำนักแม่ชีสุ่ยเยวี่ยกล่าวว่า “ถูกต้อง นี่คือกฎ”

ปลาแห้งแข็งมาก เซ่อเซ่อเคี้ยวอย่างยากลำบาก จึงถุยมันลงบนพื้น กล่าวว่า “อย่างนั้นข้าก็แอบฆ่าเขา”

……

……

ฮ่องเต้แคว้นฉินพักอยู่ที่วังของฮ่องเต้แคว้นฉู่อีกหลายวัน

ทุกวันองค์หญิงน้อยจะร้องไห้ขอไปพบองค์ชายเก้า นางกำนัลและนางกำนัลอาวุโสที่ติดตามต่างรู้สึกไม่เข้าใจ ในใจครุ่นคิดว่าปกติองค์หญิงน้อยจะน่ารักเชื่อฟัง ไฉนหลายวันนี้ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้? จริงอยู่ที่องค์ชายเก้าแห่งแคว้นฉู่ผู้นั้นหน้าตางดงาม แต่กลับมีดีเพียงเปลือก น่าเบื่อไร้รสชาติ เหตุใดองค์หญิงถึงยินดีที่จะเล่นกับเขา?

ความจริงองค์หญิงน้อยและจิ๋งจิ่วมิได้เล่นเกม แล้วก็มิได้เล่นหมากล้อมหรือเล่านิทาน

เนื่องเพราะมีคนคอยอยู่ข้างกายตลอด นางจึงมิได้โผเข้าไปกอดจิ๋งจิ่วเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีก เพียงแค่ยิ้มๆ มองดูเขาเท่านั้น

บางครั้งนางจะจูงมือเขาไปเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ภายในวัง พูดกับเขาเสียงเบาๆ ว่าภายในวังทางเหนือมิได้มีดอกไม้ สวยงามมากมายขนาดนี้

จิ๋งจิ่วมิใช่ว่าตามใจนาง หากแต่เป็นเพราะตัวนางในตอนนี้มิได้มีร่างกายอ่อนแอมาแต่กำเนิดเหมือนอย่างตอนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอีก หากแต่มีเรี่ยวแรงอย่างมาก เขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้เลย

ก็เหมือนกับเด็กน้อยที่ไม่อาจปฏิเสธการป้อนนม หรือเหมือนกับคนธรรมดาที่ไม่อาจปฏิเสธความตายได้

เมื่อพบเจอก็ต้องมีแยกจาก ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่งความเป็นจริงหรือว่าดินแดนแห่งความฝัน สุดท้ายก็มาถึงวันที่คณะทูตของแคว้นฉินต้องเดินทางกลับ

ฮ่องเต้แคว้นฉู่กับฮ่องเต้แคว้นฉินจับมือพูดอะไรบางอย่าง ห่างจากพวกเขาไม่ไกล องค์หญิงน้อยแห่งแคว้นฉินจูงมือองค์ชายเก้าแห่งแคว้นฉู่พลางพูดอะไรบางอย่างเช่นกัน

เมื่อเห็นภาพนี้ ประชาชนและขุนนางของทั้งสองแคว้นต่างอมยิ้มขึ้นมา

“ข้ากลัวว่า… หลังจากนี้จะจำท่านไม่ได้ ก็เลยอยากมาเจอท่านก่อน”

องค์หญิงน้อยมองดวงตาขององค์ชายเก้า พลางกล่าวอย่างจริงจังว่า “ต่อไปพวกเราก็เป็นคู่ต่อสู้กันแล้ว อย่าได้ออมมือให้ข้าเด็ดขาด”

องค์ชายเก้ากล่าวว่า “ตกลง”

……

……

ในช่วงเวลาหลายวันหลังจากนั้น นางกำนัลและนางกำนัลอาวุโสภายในวังมักจะชอบมาหยอกล้อกับองค์ชายเก้า — องค์หญิงน้อยจากไปแล้ว พระองค์ทรงคิดถึงนางหรือเปล่าเพคะ? ถ้ายังไงพระองค์ไปทูลเสด็จพ่อ ขอให้แต่งนางเข้ามาในวังดีไหมเพคะ?

แต่ในวันหนึ่ง การหยอกล้อเหล่านี้ก็หายไป นางกำนัลอาวุโสลูบหลังขององค์ชายเก้าเบาๆ พลางถอนใจไม่หยุด บางครั้งก็จะเช็ดหยดน้ำตาตรงหางตา

องค์ชายเก้าลืมตา มองนางเงียบๆ

เขารู้ว่าตนเองไม่ต้องถาม เพียงแค่มองดู นางกำนัลอาวุโสก็จะพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นที่นี่หรือว่าโลกที่อยู่ภายนอกก็ล้วนแต่เหมือนกัน

แล้วก็เป็นจริงดั่งว่า ผ่านไปครู่หนึ่งนางกำนัลอาวุโสก็พูดออกมาว่า “องค์ชายผู้น่าสงสาร พระองค์ทรงรู้หรือไม่เพคะว่าองค์หญิงน้อยที่ชื่นชอบพระองค์ผู้นั้น ในเวลานี้น่าสงสารยิ่งนัก…”

หลังจากคณะทูตของแคว้นฉินเดินทางผ่านเมืองชางโจวไป จู่ๆ พวกเขาก็หายตัวไป จนกระทั่งกองทัพของทั้งสองแคว้นรีบทำการค้นหา ถึงได้พบว่าคณะทูตถูกซุ่มโจมตี ทุกที่ภายในป่าล้วนแต่เต็มไปด้วยซากศพ แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นใคร ได้แต่ต้องอาศัยชุดฮ่องเต้และตำหนิพิเศษบางอย่างถึงจะสามารถยืนยันได้ว่าฮ่องเต้แคว้นฉินถูกลอบปลงพระชนม์แล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าองค์หญิงน้อยตายหรือยัง

ผ่านไปไม่นาน เพ่ยกั๋วกงซึ่งเป็นน้องชายของฮ่องเต้แคว้นฉินได้พากองทัพทหารม้าสองหมื่นนาย เดินทางจากแนวหน้าในสนามรบซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเป่ยหูกลับมายังเสียนหยางซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นฉิน

ในคืนวันเดียวกันนั้น เมืองเสียนหยางได้เกิดการฆ่าฟันนองเลือด วันที่สองเพ่ยกั๋วกงก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้

ในวันที่ขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้แคว้นฉินพระองค์ใหม่ได้ประกาศว่าพี่ชายของเขาถูกจิ้งอ๋องแห่งแคว้นฉู่ลอบสังหารอย่างไร้ยางอาย

เขาขอให้ทางแคว้นฉู่มอบตัวฆาตกรออกมา แล้วก็แบ่งอาณาจักรครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นการชดเชย

การกล่าวหาของฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นฉินไม่มีหลักฐานใดๆ แต่เรื่องราวต่างๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคล้ายจะแสดงให้เห็นว่าเขาต่างหากที่เป็นฆาตกรตัวจริง — ตลอดชีวิตเขาก็ไม่เคยส่งกองทัพบุกโจมตีแคว้นฉู่เช่นกัน มีแต่ส่งคนออก ตามหาเบาะแสขององค์หญิงน้อยผู้นั้น

คนแคว้นฉินนั้นมีระเบียบวินัย แต่มิได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมรับคำสั่งที่เหลวไหลและไร้เหตุผลได้ ในช่วงเวลาหลายสิบวัน ภายในแคว้นฉินได้มีการกองทัพกบฏปรากฏขึ้นมาสิบกว่ากอง เปิดฉากบุกโจมตีเมืองเสียนหยางโดยอ้างว่าเพื่อแก้แค้นให้ฮ่องเต้องค์ก่อนและช่วยองค์หญิงทวงบัลลังก์กลับมา ไม่ว่าความคิดที่แท้จริงของกองทัพกบฏเหล่านั้นจะเป็นเช่นไร แต่พวกเขาจะหาตัวองค์หญิงน้อยมาได้ทันเวลาอย่างนั้นหรือ?

จิ๋งจิ่วไม่คาดหวังในเรื่องนี้

นางอายุยังน้อย ไม่ว่าจะบำเพ็ญพรตอย่างไรก็ไม่สามารถสู้กับผู้ใหญ่ได้ ศิษย์สำนักจงโจว คนอื่นๆ ก็ยากจะปลีกตัวออกมาจากโลกอันวุ่นวายได้ สิ่งที่เขาไม่ค่อยเข้าใจก็คือ ในเมื่อนางเป็นองค์หญิงของแคว้นฉิน รัฐทายาทของจิ้งอ๋องก็น่าจะเป็นถงเหยียน เหตุใดถงเหยียนถึงไม่ได้คาดการณ์ถึงเรื่องนี้และวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า

จิ๋งจิ่วไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้นานนัก เขายังคงนอนหลับอยู่ในวัง หรือก็คือบำเพ็ญเพียร

ตามหลักแล้ว เขาควรจะได้รับการศึกษาตามระบบอย่างที่องค์ชายควรจะได้รับ อย่างเช่นการเรียนรู้เรื่องมารยาทและความรู้ในม้วนหนังสือเหล่านั้น

เขาเคยเป็นองค์ชายมาก่อน มีประสบการณ์ในการบอกปัดเรื่องเหล่านี้มามากมาย แต่เขาไม่อยากจะเอาเวลาไปใช้กับเรื่องเหล่านี้ จึงมิได้สนใจแม้แต่น้อย

ดังนั้นชื่อเสียงความโง่เขลาของเขาจึงยิ่งแผ่กระจายไปไกลยิ่งขึ้น

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *