อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 652 รักและทะนุถนอมเธอ (2)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 652 รักและทะนุถนอมเธอ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 652 รักและทะนุถนอมเธอ (2)

“ตอนนี้ฉันเจ็บเพราะคุณขนาดนี้ คุณจะทรมานฉันอีกไหม?” เธอถามเสียงแหบพร่า ดวงตาฉ่ำวาวมีน้ำใสชั้นบางๆ คล้ายเครื่องแก้วของเหล่าเทพเซียน คล้ายนางมารที่สุดแสนจะเย้ายวน

เย่เซียวผ่อนหายใจหนักๆ “ไม่”

เขาไม่ได้ต่ำทรามขนาดนั้นแต่ก็มักถูกเธอกระตุ้นให้โกรธจนหลุดการควบคุมทุกครั้งไป หากเมื่อคืนไม่ใช่เพราะเธอจู๋จี๋กับผู้ชายคนนั้น เขาจะคิดลงโทษเธอเพราะโกรธได้อย่างไร?

ได้ยินคำตอบนี้ของเขาเธอจึงนั่งหลังตรงเล็กน้อยงับปากล่างเขาแล้วขบกัดแรงๆ เย่เซียวหลุดเสียงครางฮึมเพราะความเจ็บ เบิกตาถลึงจ้องเธอ เธอที่เหมือนได้รับคำมั่นสัญญาแล้วจึงไม่หวาดกลัวใดๆ ผละออกจากปากเขาก่อนจะเลื่อนลงไปกัดคางเขาแรงๆ อีกคำ เขาหลุดเสียงหนักๆ เรียกให้เธอรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้น ก่อนหน้านี้เขามักเป็นฝ่ายทรมานตัวเอง ตอนนี้ควรเป็นเขาบ้างที่เป็นฝ่ายได้รับบทเรียน

หลังศีรษะเธอมีบาดแผลเย่เซียวไม่กล้าแตะต้องเธอ ไม่กล้ากระชากเธอลงมา สุดท้ายเธอยิ่งได้ใจ ฝังรอยฟันตั้งแต่ลำคอของเขาจนถึงไหปลาร้าเหมือนทุกทีที่เขาทำกับเธอ

เธออยากเอาคืนเขาทุกอย่างที่เขาได้กระทำไว้ แต่การกระทำเช่นนี้กลับเป็นการยั่วยวนที่โหดร้ายยิ่งกว่าบทลงโทษเสียอีก

“ไป๋ซู่เย่ หยุดนะ! อื้อ”

สิ่งที่ตอบโต้กลับมาเป็นรอยฟันรอยใหม่

ลมหายใจของเขาหนักหน่วงกว่าเดิม ยัยผู้หญิงบ้านี่! ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียแล้ว!

ขณะนั้นเองโทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงดังลั่น เขาไม่มีอารมณ์จะรับโทรศัพท์สักนิด แต่โทรศัพท์เครื่องนั้นกลับดังไม่หยุด สร้างความหงุดหงิดแก่คนได้ยิน เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า พบว่าเป็นสายจากถังซ่งจึงกดรับพร้อมปุ่มลำโพงแล้วโยนไว้ข้างๆ กลับมา ‘ดื่มด่ำ’ กับความรู้สึกที่ถูกเธอจุดไฟอย่างเอาแต่ใจต่อ โดยขณะเดียวกันก็ตะคอกเสียงต่ำ “อะไร!”

“ฉันว่า ความจริงไม่ใช่ว่าฉันอยากขัดอารมณ์พวกนายหรอกนะ แต่พวกนายคิดจะเล่นหนังสดกันบนรถในโรงจอดรถส่วนตัวฉันจริงๆ เหรอ?”

บ้าเอ๊ย!

เย่เซียวสบถในใจที

ไป๋ซู่เย่เองก็ได้ยิน ร่างสะท้านเฮือกแทบผละใบหน้าเงยมองหากล้องวงจรปิดทันที ใบหน้าแดงเถือกเพียงเพราะคิดว่านี่เป็นโรงจอดรถส่วนตัวไม่มีคนนอก ใครจะรู้ว่าถังซ่งจะจับตามองอยู่

เย่เซียวคว้ามีดสั้นที่ไว้ป้องกันตัวบนรถ

“อย่านะ! ฉันไม่ดูแล้ว ไม่ดูแล้ว! นายอย่าแตะต้องกล้องฉันนะ!”

เพิ่งสิ้นเสียงเขาก็ได้ยินเพียง ‘เพล้ง!’ ดังขึ้น กล้องวงจรปิดแตกละเอียด

“บ้าเอ๊ย! ไอ้เลว!” ถังซ่งที่อยู่อีกฟากสบถเสียงต่ำอย่างบ้าคลั่ง

ทางนี้ไป๋ซู่เย่ได้ตัดสายแทนเย่เซียวอย่างรวดเร็ว จากนั้นภายในโรงจอดรถก็กลับสู่ความสงบดังเดิม

ไป๋ซู่เย่หน้ายังแดงระเรื่อ เธอปล่อยเย่เซียวออกนั่งหลังตรง เย่เซียวยันสองมือไว้เบาะที่นั่งไม่ขยับตัวไปไหนและระยะประชิดเธออย่างมาก เธอรู้สึกร้อนผ่าวจึงใช้มือดันเขาไปที “ขึ้นรถ ไปกันเถอะ”

“ไม่เล่นแล้วเหรอ?” ความต้องการในแววตาของเย่เซียวยังไม่หายไปไหน มองเธออย่างเจ้าเล่ห์

เธอเบนสายตาหนีก็เห็นรอยบนลำคอเขา ไหปลาร้ารวมถึงหน้าอกแกร่งที่ปลดกระดุมออกมีรอยฟันหลายรอย มุมปากยกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว “ครั้งนี้กัดพอแล้ว คราวหน้าค่อยว่ากันใหม่”

“ครั้งนี้ก็พอแล้วเหรอ?” เย่เซียวจงใจกดเสียงต่ำทำให้น้ำเสียงฟังดูคลุมเครือจนคนฟังหายใจไม่ทั่วท้อง “คราวหน้าจะทำให้คุณยิ่งพอใจกว่านี้…”

ไป๋ซู่เย่หน้าแดงหูแดง ผลักเขาออกไป เธอย่อมรู้ความหมายแอบแฝงในประโยคของเขา แต่ว่า…

“คุณไม่ทำให้ฉันเจ็บอีกฉันจะขอบคุณมาก”

“อยู่ที่ตัวคุณแล้วล่ะ” เย่เซียวโน้มตัวดึงสายเข็มขัดมารัดให้เธอทันที

ปิดประตูฝั่งเบาะข้างคนขับกลับไปยังตำแหน่งคนขับ ไป๋ซู่เย่คิดครู่หนึ่งแล้วถาม “เย่เซียว สิบปีมานี้คุณเคยมีแฟนกี่คน?”

เย่เซียวถอยรถออกจากโรงจอดรถส่วนตัวของถังซ่งอย่างคล่องแคล้ว ตีเป็นเส้นโค้งสวยงามถึงหันมามองเธอ “ทำไม?”

“ยังไงน่าหลันก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ก็เป็นปกติที่คุณจะไม่มีประสบการณ์มาจากเธอได้” เธอหยุดชะงักไปอึดใจ มองเขาอย่างสงสัย “แต่สิบปีนี้คุณไม่น่ามีแฟนแค่น่าหลันคนเดียวสินะ?”

เย่เซียวเข้าใจความหมายของเธอแล้ว

กำลังพูดอ้อมๆ ว่าฝีมือบนเตียงเขาห่วยแตก!

เขาเม้มปากบางแน่นพูดเสียงเย็นชา “มีมาโหลหนึ่งแล้ว!”

โหลบ้าอะไร!

เขาไม่เคยสัมผัสผู้หญิงจริงๆ มาก่อน

อยากจะสัมผัสอยู่หรอกแต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้าตาเขาจริงๆ สักคน น่าหลันเป็นเพียงคนเดียวที่เขายอมเก็บไว้ข้างกาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการเธอ

“เคยมีโหลหนึ่งแล้วคุณยังเป็นแบบนี้อีกเหรอ?” ไป๋ซู่เย่พยายามทำให้น้ำเสียงตัวเองฟังดูสบายๆ คล้ายกำลังพูดเล่นกับเขาก็ไม่ปาน

เดิมทีเธอเองยังคิดว่าจะสามารถคุยเรื่องนี้กับเขาเล่นๆ อย่างสบายๆ แต่พอได้ยินคำตอบนี้ในใจก็แอบเจ็บแปลบ…รู้สึกแย่

อาจเป็นเพราะสิบปีที่ผ่านมา…ชีวิตของเธอแทบว่างเปล่าล่ะมั้ง ต่อให้เคยคบกันระยะสั้นๆ ก็จบความสัมพันธ์ลงเพราะสุดท้ายก็ก้าวออกจากเงาของเขาไม่ได้

“กอดกับผู้หญิงคนอื่นมีแต่เขาจะมาเอาใจผม ผมต้องเรียนรู้การเอาใจคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?” เย่เซียวแค่นเสียงเย็นชาที“กลับเป็นคุณ…ในบรรดาผู้หญิงทุกคนที่ผมเคยนอนมา ฝีมือของคุณ…แย่ที่สุด!”

ทั้งที่หัวข้อนี้ตนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแท้ๆ

แต่ความอึดอัดเริ่มสุมในอก เธอเลื่อนกระจกลงหวังสูดอากาศ ลมพัดเข้ามาเธอถึงหายใจได้คล่องหน่อย ตอบกลับเขา “เดิมทีฉันอยากเรียนรู้เทคนิคจากคุณสักหน่อย แต่ตอนนี้ท่าทางต้องพึ่งคนถัดไปแล้ว”

เย่เซียวกำพวงมาลัยแน่น

แน่นจนเส้นเลือดบนแขนปูดโปน เขาตวัดตามา “ไม่ต้องรีบ ยังมีเวลา อีกไม่กี่วันที่เหลือผมไม่รังเกียจที่จะยกเวลาทั้งหมดเพื่อให้คุณเรียนรู้เทคนิคบนเตียงดีๆ!”

ไป๋ซู่เย่ดูออกว่าเขาจะโกรธอีกแล้ว เลยไม่ได้โต้กลับเป็นการกระตุ้นอารมณ์เขาอีก

อย่างไรเสียตอนนี้ตัวเองยังถือว่าเป็นคนป่วยอยู่ กำลังต่อสู้เทียบเขาไม่ได้อยู่แล้ว

เธออยากนอนจึงปรับเบาะลงราบและเพื่อไม่ให้ทับโดนแผลจำต้องนอนหันข้างเท่านั้น หน้าหันไปทางกระจกและหันแผ่นหลังให้เขา สองนาทีจากนั้นเย่เซียวเอ่ยปาก “หันกลับมา!”

ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบโต้

“หันกลับมา ผมไม่ชอบให้คนอื่นหันหลังให้ผม!”

คนเอาแต่ใจ!

ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ต่อปากต่อคำกับเขาต่อเพราะความง่วงที่จู่โจมมาอย่างหนัก หดตัวน้อยๆ โดยมีลมอ่อนๆ พัดเข้ามาจากกระจกให้ผมปรกข้างแก้มเธอปลิวไสวอย่างสวยงาม

เย่เซียวก้มมองแวบหนึ่งและกำลังจะเลื่อนกระจกฝั่งเธอขึ้นเงียบๆ คิ้วเรียวของเธอย่นเข้าหากันเบาๆ “อย่าปิดเลย ฉันอยากสูดอากาศหายใจหน่อย”

“…” เขาชะงักมือ ปลายนิ้วกดบนปุ่มแต่ไม่ขยับ

สักพักเธอก็นอนหลับไป

ดวงตาปิดลงเบาๆ หายใจเป็นจังหวะ เส้นผมถูกลมข้างนอกพัดให้ยุ่งเหยิงปรกดวงหน้าเล็กของเธอ เผยให้เห็นใบหน้าขาวเนียนวับๆ แวมๆ ผ้าก๊อซบนศีรษะทำให้เธอดูน่าสงสารจับใจ

ชั่วขณะ…

เย่เซียวพานนึกถึงหญิงสาวตัวน้อยที่ชอบซุกตัวนอนบนอกตัวเองเมื่อสิบปีก่อนอย่างห้ามไม่ได้…

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด