อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 722 ไม่ทอดทิ้งกัน (1)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 722 ไม่ทอดทิ้งกัน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 722 ไม่ทอดทิ้งกัน (1)

ให้หัวใจที่ระทึกของเธอในตอนแรกผ่อนคลายลงในพริบตา

เธอคิด…

ถ้าตนตายตรงนี้ในตอนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเสียดายอีก…

เย่เซียว…

ไม่เจอกันนาน…

หลังเสียงปืนดังหลายครั้งจนผู้ชายนวดเฟิ้มรอบพื้นที่ล้มตัวแน่นิ่ง

เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ลดตัวลง เย่เซียวเหยียบรองเท้าคอนแบทมาทางเธอนิ่งๆ ทีละก้าว แสงอาทิตย์เหนือศีรษะแยงตาปกคลุมตัวเขาให้เกิดแสงสีทองรอบตัว แต่กลับมีความเยือกเย็นน่าขนลุกแผ่ออกมาจากตัวเขา

ตลอดทางที่เดินมาสายตาของเขาถลึงตาจ้องเธออย่างดุดันไม่เคยหันหนี คล้ายจะถลกหนังเธอให้ได้

ไป๋ซู่เย่กังวลใจนักว่าวินาทีต่อจากนี้เขาจะยกปืนฆ่าเธอหรือเปล่า

ไม่ต่างจากที่คิดเมื่อเย่เซียวเข้าใกล้เธอก็สะบัดตัวเธอใส่ลำต้นไม้ด้านหลังแรงๆ ร่างเขากักตัวเธอไว้แน่นกดทับเธอจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้หายใจ “ไป๋ซู่เย่ คุณอยากตายขนาดนั้นเลยเหรอ? คุณรู้ไหมว่าถ้าเมื่อกี้ผมมาช้าก้าวเดียว ตอนนี้คุณตัวพรุนไปแล้ว!”

เสียงซักถามของเขาเย็นชาเข้ากระดูก เส้นเสียงกลับเปลี่ยนโทนและแหบเล็กน้อย

ในแววตาแหลมคมที่เขาใช้จ้องเธอ ไล่ตั้งแต่ความหงุดหงิดเกลียดชัง โกรธเคือง เผยให้เห็นความหวาดกลัวขวัญเสียช้าๆ

ไป๋ซู่เย่ใช้สายตาสงสัยมองเขา หัวใจสั่นไหว

หวาดกลัว?

เย่เซียวถูกฝึกอย่างโหดเหี้ยมมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยแสดงท่าทีหวาดกลัวเมื่อตนเผชิญหน้ากับความตาย ภาพอย่างวันนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาที่ผ่านสนามรบมามาก

แต่ว่า…

ณ เวลานี้ดวงตาเขากลับฉายแววหวาดกลัวอย่างชัดเจน เป็นความหวาดกลัวอย่างสุดหัวใจ

เขากำลังกลัวอะไร?

 “เย่เซียว คุณกลัวอะไรอยู่?”

ตัวเย่เซียวสะท้านอย่างแรง

จู่ๆ ใช้มือข้างที่ว่างจับปลายคางเธอ กระชากตัวเธอเข้าไปหาด้วยการกระทำที่ดิบเถื่อน

ใบหน้าทั้งคู่ห่างกันเพียงคืบ เธอถูกเขาเชิดใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นและซีดเซียวไร้สีเลือดฝากขึ้น—เธอไม่เคยตกอยู่ในสภาพโทรมขนาดนี้มาก่อน!

เย่เซียวจดจ่อสายตามองพลางรู้สึกแค่หัวใจวูบไหว นึกถึงภาพเสี่ยงอันตรายเมื่อกี้ขอบตาก็แดงก่ำ จากนั้นเขาโน้มหน้ากัดปากเธอแรงๆ เขาเกลียดนักเลยใช้แรงมากกว่าปกติ เธอเจ็บจนหอบหายใจเผลอกอดแขนเขาไว้ พึมพำเสียงด้วยความรู้สึกอยากร้องไห้ “เย่เซียว…”

เดิมทีคิดว่าเขาจะกัดปากจนแผลปริถึงยอมรามือ แต่กับผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าอย่างไรเย่เซียวก็ทำโหดไม่ลง ครู่นานที่กว่าจะผละใบหน้าออกจากกัน พูดเสียงทุ้มต่ำอย่างนึกโกรธทั้งที่ยังแนบปากเธออยู่ “คราวหลังถ้าคุณยังกล้ารับภารกิจที่ไม่เจียมตัวแบบนี้อีก ต่อให้พวกเขาไม่ฆ่าคุณ ผมก็จะเอาคุณให้ตาย!”

สิ้นเสียงเขาภาพตรงหน้าไป๋ซู่เย่พร่ามัว เธอเงยหน้ามองเขาทั้งอย่างนั้น น้ำตาร่วงเผาะลงมาอย่างไม่บอกกล่าวล่วงหน้า

น้ำตาหยดนั้นทำให้เย่เซียวสะท้านตัวเฮือก

เขามองนิ่งๆ เริ่มทำตัวไม่ถูก

ชั่วขณะหนึ่งเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบปีก่อน กลับไปเมื่อที่ไป๋ซู่เย่จะอ้อนเขา เผยมุมที่อ่อนแอร้องไห้ต่อหน้าเขา…

แต่เขากลับลืมว่าต้องปลอบผู้หญิงที่ร้องไห้อย่างไร สิบปีแล้ว ในสิบปีนี้เขาไม่เคยมอบความอ่อนโยน การปลอบโยนของเขาให้ผู้หญิงคนใดนอกจากเธอมาก่อน ดังนั้นพอไม่คุ้นเคยก็ควรได้รับการให้อภัยใช่ไหม?

“ร้องทำไม?” เย่เซียวดึงสติกลับมาถามเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้นมาก แต่ก็ยังหน้าตึงเหมือนเดิม

ไป๋ซู่เย่อยากกลั้นน้ำตาไหวแต่ตอนนี้น้ำตาเหมือนก๊อกน้ำที่แตก พอได้เผยด้านที่อ่อนแอต่อหน้าเขาก็เสแสร้งเข้มแข็งไม่ได้อีก อย่างน้อยเธอในตอนนี้ทำไม่ได้…

เย่เซียวพบว่าตนยังเหมือนสิบปีก่อนที่ทนดูเธอร้องไห้ไม่ได้—อดีตเขาเคยหวังให้ผู้หญิงคนนี้ยอมอ่อนโอนต่อเขา ร้องไห้ในอ้อมกอดเขา แต่พอน้ำตาเธอไหลจริงๆ เขากลับพบว่าตัวเขาสนใจน้ำตาเธอมากกว่าที่คิด

ทำตัวไม่ถูก ลนลาน เขาตัดสินใจโอบแขนรั้งเธอมากอดไว้แน่น

 “กลัวใช่ไหม?” เขากดเสียงต่ำ ปลายคางวางซ้อนเหนือศีรษะเธอ “ตอนนี้มีผมอยู่ คุณไม่ต้องกลัว ต่อให้ตาย คุณก็ไม่มีทางไปอย่างโดดเดี่ยว”

เขาไม่พูดยังดีพอเขาพูดเข้าไป๋ซู่เย่กลับร้องไห้หนักกว่าเดิม สองมือกำเสื้อทหารบนตัวเขาแน่น น้ำตาชุ่มไปทั้งแผ่นอกเขา เพราะอารมณ์ตื่นตระหนกเกินไปเลยตัวสั่นระริกอย่างรุนแรง

 “เย่เซียว คุณจะมาที่นี่ทำไม?”

 “คุณถามผม? ถ้าจะถามก็น่าจะเป็นผมถามคุณ!” เย่เซียวนึกโกรธ “ไม่อยู่ประเทศ S ดีๆ คุณมารนหาที่ตายที่นี่!”

 “ใช่ ทั้งที่คุณรู้ว่าที่นี่อันตรายขนาดไหน ทั้งที่รู้ว่าคุณมาแล้วเราอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปทั้งหมด คุณจะมาทำไม?” ไป๋ซู่เย่เริ่มรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตนแต่แรก ถ้าเธอรู้ว่าเย่เซียวจะมาที่นี่ เธอไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองต้องไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด

คำถามของเธอทำให้เย่เซียวเงียบไป ปากบางเม้มแน่นไม่พูด

 “ทำไมคุณโง่ขนาดนี้?” ไป๋ซู่เย่ยังพึมพำไม่หยุด แอ่นตัวโดยสองมือจับเสื้อเขาแน่น แขนเปียกเพราะน้ำตา ไม่อาจหักห้ามและควบคุมอารมณ์ได้เลย

 “ใช่ ผมมันโง่แบบนี้แหละ!ผู้หญิงที่ปั่นหัวผมเหมือนคนโง่เมื่อสิบปีก่อนตอนนี้ใกล้ตายแล้ว ผมไม่ได้จุดพลุฉลองแต่ยังมารนหาที่ตายกับเธอ ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองโง่สิ้นดี!แต่ว่า…” เย่เซียวหยุดชะงักไปอึดใจเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ สายตาก้มมองเธอนิ่ง กัดฟันพูด “ถ้าคุณกล้าตาย ผมจะพังนรกให้หมด!”

ไป๋ซู่เย่อ้าแขนกอดเขาแน่น

เธอไม่ควรมาเลย…

ไม่ควรเป็นภาระเขา…

เย่เซียว เจ้าโง่!!

……………………

หยูอันยืนอยู่ข้างเฮลิคอปเตอร์มองสองคนที่กอดกันอยู่ไม่ไกลนัก ชั่วขณะก็ไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไรดี

ความจริงเขารู้ดีกว่าใครเรื่องความรักที่เย่เซียวมีต่อเธอ แต่ชีวิตยี่สิบห้าชีวิตในอดีตใครก็ไม่สามารถมองข้ามมันไปได้ อีกทั้งต่อให้เวลานี้แล้วเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะต้องระแวงไป๋ซู่เย่ไว้ด้วย

ผู้หญิงที่เก่งเรื่องการแสดงและเก่งเรื่องโกหกเรื่องความรัก สิ่งที่เธอเคยหลอกลวงมาไม่เพียงแค่เย่เซียวแต่รวมถึงกลุ่มคนอย่างพวกเขาที่เห็นเธอเป็นเพื่อนจริงๆ!

ขณะที่เขาเผลอเหม่อลอยได้ยินเสียงเคลื่อนไหว หยูอันหันกลับไปมองแวบหนึ่งก็รีบตะโกนขัดพวกเขา“นายท่าน ต้องรีบไปแล้ว!คนของเยียวหมิงตามมาแล้ว!”

เย่เซียวหันไปมองตามแวบหนึ่งด้วยสีหน้าจริงจัง

เขาก้มมองหญิงสาวที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าในอ้อมแขนวูบหนึ่ง ไม่พูดพร่ำทำเพลงพลางช้อนตัวเธอขึ้นมาทันที อกแกร่งของชายหนุ่มคล้ายเป็นที่ที่เธอรู้สึกปลอดภัยมากที่สุด ไป๋ซู่เย่โอบลำคอเขาไว้ด้วยสัญชาตญาณ ปล่อยให้เขาอุ้มเธออยู่อย่างนั้น

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด