อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 784 การเลือกครั้งสุดท้าย (1)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 784 การเลือกครั้งสุดท้าย (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 “แกรู้สึกมั้ยว่าเธอในวันนี้ผิดปกติมาก?” ไฟเรนเซ่ถามเฉิงหมิง “ปกติตอนฉันพูดหาเรื่องเธอ เธอจะแก้ตัวอยู่บ้าง ฝีปากคมเชียว วันนี้ไม่สนใจฉันเลย”

 “ผมก็ว่าผิดปกติไป” เฉิงหมิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ทะเลาะกับนายน้อยหรือเปล่าครับ?”

 “ทะเลาะ?” ไฟเรนเซ่ขบคิดทีก็พยักหน้า “วัยรุ่นทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ”

จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปพร้อมทั้งกล่าว“ทะเลาะกันยิ่งดี!ทางที่ดีทะเลาะแล้วรีบเลิกกันซะ เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วฉันรำคาญใจ ผู้หญิงคนไหนไม่ว่ากลับไปชอบผู้หญิงที่เคยทรยศเขาคนนี้!”

เฉิงหมิงได้แต่ยิ้มจางๆ ไม่ตอบรับ

รำคาญใจจริงหรือไม่นั้นเกรงว่าตอนนี้มีเพียงคุณไฟจะรู้อยู่แก่ใจดีที่สุดแล้ว

………………

ผ่านไปครู่หนึ่งไป๋ซู่เย่ล้างผลไม้ออกมาหั่นให้เขาเป็นชิ้นเล็กขนาดเท่ากัน ใช้ส้อมจิ้มแล้วส่งมาตรงหน้าไฟเรนเซ่

ไฟเรนเซ่กำลังดื่มด่ำกับการปรนนิบัตินี้อยู่เลยไม่ได้หาข้อตำหนิเธออีก พอชิมผลไม้ไปคำหนึ่งจึงยื่นร้องขอ“พรุ่งนี้มาเช้าหน่อย แล้วก็เตรียมเนื้อซี่โครงเผือกมาด้วย”

 “หืม?” ไป๋ซู่เย่ที่กำลังเก็บอุปกรณ์ทานอาหารเสสายตามองมาหน่อยๆ หลังได้ยินคำพูดของเขา

 “หืมอะไร? เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดแล้วหรือไง? เนื้อซี่โครงเผือก” หยุดเว้นช่วงไปแล้วพูดเสริมอย่างนึกใจดี “ถ้ารู้สึกลำบาก น้ำซุปไก่ก็ไม่ต้องทำมาชั่วคราวแล้วก็ได้”

ไป๋ซู่เย่นิ่งชะงักไปวูบหนึ่ง

สายตาหยุดค้างไว้บนหน้าไฟเรนเซ่พักหนึ่งถึงเลื่อนมาที่มือตัวเอง เงียบไปครู่ใหญ่ถึงกล่าวเสียงเรียบ “พรุ่งนี้…หนูยุ่งนิดหน่อย น่าจะไม่มีเวลาเตรียมของพวกนี้”

 “งั้นก็วันมะรืน มะรืนก็ได้” นานทีไฟเรนเซ่จะคุยง่ายแบบนี้

วันมะรืน…

ไป๋ซู่เย่พึมพำสองพยางค์นี้เสียงแผ่ว หายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วกล่าวอย่างยากลำบากหลังเงียบไปพักใหญ่ “คุณไฟ หลังจากวันนี้หนูจะไม่มาอีกแล้ว…”

ไฟเรนเซ่เปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน รอได้สติกลับมาอีกทีก็สะบัดช้อนทิ้งอย่างแรงจนช้อนกระแทกขอบถ้วยส่งเสียงดัง“แกร๊ง–” สนั่นเรียกให้คนรับใช้ข้างๆ ถอยกรูดด้วยความตกใจ ไม่กล้าเงยหน้า เขาถลึงตาจ้องไป๋ซู่เย่อย่างขุ่นเคือง “ทำไม? เพิ่งให้เธอทำน้ำซุปมาสองวันก็เริ่มหมดความอดทนแล้วงั้นเหรอ? ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ อย่างเธอแบบนี้ยังคาดหวังให้ฉันอนุญาตให้เธอรักกับเย่เซียวงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!”

ไป๋ซู่เย่สภาพจิตใจไม่ค่อยดีนัก เธอไม่โต้เถียงกลับแม้แต่ประโยคเดียวแม้จะถูกไฟเรนเซ่ตำหนิชุดใหญ่ แค่หยิบกระดาษทิชชูเช็ดหยดน้ำซุปที่กระเด็นเกลื่อนโต๊ะเล็กจนสะอาดพร้อมเอ่ยเตือนเขาไปด้วย“คุณหมอข่ายปินบอกว่าสุขภาพของท่านตอนนี้จะโกรธไม่ได้ ฉะนั้นก็อย่าโกรธบ่อยเลยค่ะ ว่าแต่…”

กล่าวถึงนี่เธอก็ชะงักท่วงท่าที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่ พักหนึ่งถึงพูดเสริมเสียงเรียบ“หลังจากนี้หนูจะไม่มาอีกแล้ว ก็ไม่มีใครทำท่านโกรธได้อีก สุขภาพท่านจะกลับมาแข็งแรงได้ดีกว่าเดิม”

หลังจากนี้เธอคงไม่มาอีกแล้ว ไฟเรนเซ่รู้สึกว่าตัวเองควรดีใจแท้ๆ แต่เดิมรู้สึกรำคาญใจยามพบเห็นเธอ ที่ไม่ได้ใช้ปืนขับไล่เธอจริงจังเพราะเห็นแก่เย่เซียว

เพียงแต่ขณะนี้ยามได้ยินเธอบอกว่าจะไม่ปรากฏตัวอีก เขากลับไม่รู้สึกดีใจสักนิด

ได้แต่ดันถ้วยน้ำซุปไก่ไปข้างๆ พร้อมพูดอย่างรำคาญใจ “เก็บไป!เก็บไป!รีบเก็บไป!ผลไม้ก็ยกออกไป!”

เฉิงหมิงที่ยืนข้างๆ ส่งสายตาให้คนรับใช้ อีกฝ่ายไม่กล้าพูดมากอะไรรีบยกถ้วยน้ำซุปไก่ออกไป ความอึดอัดเริ่มก่อตัวขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย

ไป๋ซู่เย่มองไฟเรนเซ่แวบหนึ่ง ลุกขึ้นยืน “น้ำซุปทานแล้ว ผลไม้ทานแล้ว งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”

 “รอเดี๋ยว!” ไฟเรนเซ่ตะโกนเรียก ใช้สายตากวาดมองเธอหัวจรดเท้าหลายทีถึงถามด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “เธอ…ที่เธอบอกว่าจะไม่มาอีกแล้วหมายความว่ายังไง? หลังจากนี้จะไม่อยู่เมืองเยียวอีกแล้วเหรอ?”

 “…ค่ะ” ไป๋ซู่เย่หยักหน้าตอบรับหลังเงียบไปชั่ววูบ

 “ทะเลาะกับเย่เซียวเหรอ?” ไฟเรนเซ่ถามหยั่งเชิง

 “เปล่าค่ะ”

 “งั้น…เย่เซียวทิ้งเธอเหรอ? เจ้าหมอนี่ไม่มีทางคิดได้ตอนนี้หรอก?”

ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบ กล่าวเพียง “ท่านพักผ่อนเถอะ หนูไปก่อนนะคะ”

ไฟเรนเซ่อ้าปากกำลังจะพูดบางอย่างแต่เจ้าตัวกลับเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว

ไฟเรนเซ่เงียบไปชั่วขณะ พลางพูดต่อเฉิงหมิงว่า “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน”

เฉิงหมิงยื่นโทรศัพท์ไป ไฟเรนเซ่โทรออกไปยังเบอร์ของเย่เซียว

————

เย่เซียวในเวลานี้อยู่ในห้องทำงานบนตึกใหญ่ของบริษัท

ห้องทำงานอันกว้างนี้คละคลุ้งด้วยควันบุหรี่

เขาเคยสัญญากับเธอว่าจะไม่สูบบุหรี่อีก แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่าทุกคำสัญญาก็แค่ลมปาก!ไม่มีค่าแม้แต่แดงเดียว!

แต่เดิมเขาหลงคิดว่าหากถูกเธอวางแผนใส่หรือทรยศหักหลังอีกเขาจะเจ็บเจียนตาย แต่ครั้งนี้กลับใจเย็นเหลือเกิน เย็นจนผิดปกติ…

ภายในใจไม่เหลือคลื่นความรู้สึกใดๆ อีกต่อไป

เคยชินหรือ? หรือเพราะเตรียมใจมาเพียงพอแล้ว?

ความจริง ไม่ใช่หรอก…

หากพูดให้ถูกคือหัวใจได้ตายไปแล้ว…ตายโดยสิ้นเชิง…

แค่หัวใจที่ไร้ความรู้สึกแล้วจะเกิดหยาดอารมณ์ได้อย่างไรอีก?

เขาเปิดกระเป๋าเงินดึงภาพถ่ายติดบัตรข่าวดำใบนั้นออกมาแล้วจ้องอยู่นานถึงสิบวินาทีเต็ม

แค่นหัวเราะ…

จากนั้น‘แกร๊ก’ เสียงจุดไฟแช็ก เพลิงไฟสีฟ้าพุ่งขึ้นจนเปลวไฟกลืนกินรูปใบนั้น ใบหน้าดวงเล็กแสนดูดีในรูปถูกไฟแผดเผาจนเหลืองค่อยเปลี่ยนเป็นสีดำ ไม่นาน…หายไปจนมองไม่เห็นอีกต่อไป…

กลายเป็นขี้เถ้า…

เปลวไฟลามมาปลายนิ้วเขา เขากลับทำเหมือนไม่รู้สึกและไม่เจ็บสักน้อย

ชินชาแล้ว…

ไฟดับมอด

เศษเถ้ากระดาษปลิวว่อนในอากาศติดไปทั่วตัว

อดีตสิ่งที่เปรียบเสมือนของรักของหวงที่ตนไม่อาจลืม…บัดนี้ ก็ได้กลายเป็นเพียงเศษขี้เถ้า…

ร้องขอกลับมาไม่ได้อีก…

โทรศัพท์สั่นครืด ฟังดูเสียดหูเป็นพิเศษเมื่ออยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดนี้

เขาฉุดสติกลับมา ดับปลายบุหรี่แรงๆ

คว้าโทรศัพท์มองหน้าจอทีก็กดรับสายขึ้นแนบหู

 “ครับ”

 “พวกแกสองคนเป็นอะไร?” เสียงไฟเรนเซ่ดังแว่วมาจากอีกฟากของสาย “ทะเลาะกันเหรอ?”

 “…เปล่าครับ”

 “คิดจะโกหกใคร? น้ำเสียงพวกแกสองคนนี่เหมือนกันไม่มีผิด!ฟังดูไม่มีเรี่ยวแรง”

เย่เซียวสูดหายใจลึก “พ่อครับ ท่านโทรมาคงไม่ใช่เพื่อถามถึงเธอโดยเฉพาะหรอกมั้งครับ?”

“ก็ใช่น่ะสิ ยายนั่นเมื่อกี้มาหาฉันแล้วบอกฉันว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเธอจะไม่มาหาฉันอีกแล้ว บอกว่าจะกลับไป จะไม่มาเมืองเยียวอีก”

เย่เซียวแค่นหัวเราะที

หากเธอกลับไปจริงๆ นับว่าเธอยังรู้จักเจียมตัวอยู่บ้าง

 “ถ้าเพราะเรื่องพวกนี้ ผมวางสายก่อนนะครับ”

 “อะไรเรียกว่าเรื่องพวกนี้?” ไฟเรนเซ่เงียบไปอึดใจแล้วปรับสีหน้าให้จริงจัง “หรือว่า…เธอยังคิดถึงเรื่องสัญญาอยู่?”

มือที่กำแน่นของเย่เซียวสั่นระริก

ลมหายใจหนักอึ้งขึ้นมาก

สุดท้าย…

 “ยังคิดอยู่หรือไม่เป็นเรื่องของเธอ แต่จะมีชีวิตให้คิดอยู่หรือเปล่ามันขึ้นอยู่กับผม”

ประโยคสั้นๆ ของเขาทั้งเฉื่อยชา หนักอึ้งและโหดร้าย

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด