อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 679 รักจนหลงทาง (2)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 679 รักจนหลงทาง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“วันสุดท้าย เราคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ?” ดวงตาเป็นประกายของเธอจ้องมองเขา

 

 

“ผมไม่เคยให้โอกาสคุณได้พูดดีๆ เหรอ?” เย่เซียวขบกัดลำคอเธออย่างแรง มือเอาแต่ใจบนเรือนร่างของเธอไปมาอย่างรุนแรงอย่างโดยไม่คิดจะออมแรง “แต่คุณกลับมีความสามารถที่จะทำผมเป็นบ้าได้ง่ายๆ เสมอ!”

 

 

“เย่เซียว คุณหยุดก่อน…”

 

 

นอกจากเย่เซียวจะไม่หยุดแล้วกลับยิ่งทวีความเอาแต่ใจมากขึ้น เขาคำถามเสียงต่ำ “คุณเกิดมาให้ยั่วยวนขนาดนี้ได้ยังไง? คุณรู้มั้ยไหมว่าตอนนี้ผมอยากจะบีบคุณให้แหลกคามือ อยากกัดคุณให้ตาย กลืนกินคุณไปทั้งตัว…”

 

 

ไป๋ซู่เย่ถูกเขาทำจัดการจนหัวสมองพร่าเบลอ ตัวสั่นรุนแรง เธอรู้สึกตัวเองใกล้ถูกเขาบีบจนร่างแตกเป็นชิ้นๆ รอมร่อ แต่กลับหวังว่าเขาจะไม่หยุดอย่างน่าแปลกด้วยเช่นกัน…

 

 

ริมฝีปากถูกเย่เซียวประกบเข้าอีกครั้ง ครานี้เธอไม่ได้ขัดขืนอีกแต่เริ่มต้นจูบเขาก่อน จูบดำเนินไปอย่างร้อนแรง เย่เซียวตะลึงก่อนจะตามด้วยเพิ่มหนักหน่วงให้จูบครั้งนี้

 

 

มือของเขาไล่สัมผัสไปทั่วร่างกายของเธอ

 

 

“เย่เซียว คุณปล่อยฉัน…” ไม่รู้ว่าจูบไปนานเท่าไร เธอนอนอยู่ใต้ร่างเขาพลางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “คุณอยากฟังฉันขอร้องคุณ ฉันจะขอร้องคุณ…ขอร้องล่ะปล่อยฉันที ได้มั้ยไหม?”

 

 

ฉันอยากกอดคุณ

 

 

อยาก อยากมากๆ…

 

 

ถ้าคืนนี้ไม่ได้กอดคุณดีๆ บางที…ตลอดชีวิตนี้อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว…

 

 

ขอบตาไป๋ซู่เย่มีน้ำตาชั้นบางๆ เอ่อคลอ เธอรู้สึกได้ว่าคำขอร้องเสียงนี้ของเธอได้ทำให้เย่เซียวร่างสะท้านแรงๆ

 

 

เป็นครั้งแรกที่เธอยอมอ่อนข้อต่อหน้าเขา บางทีนี่ก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเช่นกัน…

 

 

“คุณอยากให้ฉันเอาใจคุณไม่ใช่เหรอ? คุณปล่อยฉัน ให้ฉันได้เอาใจคุณดีๆ…”

 

 

มือใหญ่ของเย่เซียวประคองท้ายทอยของเธอไว้และจดจ้องเธอนิ่งคล้ายกำลังเจาะเข้าไปภายในหัวใจของเธอ ผู้หญิงคนนี้ เหตุผลที่ทำให้เขาลุ่มหลงจนลืมตัวตนไปอาจเป็นเพราะเขาไม่มีทางมองเธอออกได้ตลอดกาล

 

 

สิบปีก่อนเขามองเธอไม่ออก

 

 

สิบปีหลังขณะที่ทุกอย่างควรจบสิ้นลง เขายังคงเดาใจเธอไม่ทะลุปรุโปร่ง

 

 

สุดท้ายปลายนิ้วยาวกระตุกพลางแกะเนกไทที่มัดแขนเธอออกได้อย่างง่ายดาย สองมือได้อิสระ เธอกึ่งคุกเข่าลงโอบลำคอเขาพร้อมประกบจูบเขาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

เย่เซียวชอบให้เธอเป็นฝ่ายนำแบบนี้ เสียงหายใจของเธอเบาหวิวและกระเส่าขนาดนั้น เหมือนปีศาจ

 

 

ปีศาจที่ดูดพลังชีวิตของผู้ชายไปอย่างหมดจด

 

 

มือใหญ่ประคองบั้นท้ายสีระเรื่อของเธอไว้ให้เธอตัวเอนมาทางตน สองขาขาวผ่องคุกเข่าอยู่ระหว่างขาของเขา โน้มใบหน้าเล็กลงจูบเขาอย่างกระตือรือร้น

 

 

ความจริง…

 

 

ค่ำคืนนี้ไม่เพียงแค่เขาที่หวังให้เธอจดจำไปตลอดชีวิต

 

 

เช่นเดียวกัน เธอเองก็หวังให้เขาจดจำคืนนี้ไปตลอดชีวิต…

 

 

จดจำไปตลอดกาล…

 

 

ต่อให้อนาคตบนเตียงเขาจะมีผู้หญิงคนอื่นนอนอยู่ อนาคตเขาจะกอดผู้หญิงคนอื่น เธอก็หวังว่าสักชั่ววูบในฝันกลางดึกเขาจะจำได้เสมอว่าเคยกอดผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อไป๋ซู่เย่อย่างแนบแน่น…

 

 

ยังไม่ทันไปจากเขาก็เริ่มหวนนึกถึงอย่างลึกซึ้งปนบ้าคลั่ง เพราะเธอรู้ดีว่าพรุ่งนี้…พวกเขาจะไปจากกันอยู่ดี…

 

 

ฟ้าสว่างก็เท่ากับลาจากกันสักที…

 

 

ไม่มีวันเจออีก…

 

 

…………………………

 

 

เย่เซียวกระทำกับเธออย่างแรง

 

 

ตลอดทั้งคืน

 

 

ตั้งแต่เวลาอาหารเย็นช่วงหนึ่งทุ่มของคืนก่อนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น สิบชั่วโมงเต็มๆ เขาเสร็จสมกับเธอไปเจ็ดครั้ง แรงกระแทกหนักหน่วงทุกทีเหมือนได้ใส่จิตวิญญาณลงไปด้วย ทั้งคู่คล้ายเดินอยู่ในวังวนแห่งความสิ้นหวัง ต่างคว้าอีกฝ่ายไว้เพื่อการจมดิ่งเป็นครั้งสุดท้าย…

 

 

เย่เซียวอดคิดไม่ได้ว่าปล่อยให้ทรมานกันและกันไปทั้งชีวิตดีกว่า ลงนรกไปพร้อมกันแล้วเกิดใหม่พร้อมกัน

 

 

ชาติหน้า…

 

 

จนถึงชาติหน้า พวกเขาค่อยไว้ชีวิตกันและกันอีก…

 

 

ตลอดคืนนั้นโทรศัพท์ของเธอที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างๆ แผดเสียงดังแต่ไม่มีใครสนใจ เธอทำเหมือนไม่ได้ยิน จมดิ่งอยู่กับแรงอารมณ์ที่เขามอบให้ตน

 

 

เขาทำได้อย่างที่ว่าจริงๆ ตลอดชีวิตนี้…เธอไม่มีวันลืมค่ำคืนนี้ได้…

 

 

ความบ้าคลั่งของเขา ความแข็งแกร่งของเขา ความแก่งแย่งของเขา ความพึงพอใจและจุดสุดยอดที่เขามอบให้เธอ รวมถึงความอิ่มเอมระหว่างพวกเขา เธอคงไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิต

 

 

หลังจากนี้ไป…

 

 

หากวันใดในอนาคตเธอแต่งงานกับคนอื่นจริงๆ เธอไม่รู้เลยว่าเรื่องบนเตียงนี้จะสามารถเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายได้อย่างบริสุทธิ์ใจหรือไม่…

 

 

………………

 

 

ตามใจตลอดคืนที่ตามใจ ให้ทั่วทุกมุมห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายคลุมเครือ ไม่จางหายไปได้อยู่นานครู่ใหญ่

 

 

บนผ้าปูที่ยับยู่ยี่ ทั้งรอยเปียกเป็นดวงๆ ทั้งของเขาและของเธอ ต่อให้หนึ่งคืนผ่านพ้นก็ยังไม่แห้ง

 

 

ไป๋ซู่เย่นอนอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างเหนื่อยอ่อน สองขาสั่นระริกรุนแรง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนยังมีแรงลงจากเตียงอีกไหม ทั้งที่ไม่ได้หลับมาทั้งคืนแต่วินาทีนี้กลับไม่รู้สึกง่วงสักนิด

 

 

เย่เซียวนอนอยู่ข้างเธอ หลับตาคล้ายนอนไปแล้ว

 

 

เธอฝืนยันร่างขึ้นลุกจากเตียงสวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำ หยิบโทรศัพท์ตนมาเดินไปทางประตู

 

 

มือจับด้ามจับประตูแน่น

 

 

เธออยากหันกลับไป…

 

 

มองเขาสักนิด…

 

 

วูบสุดท้าย…

 

 

ปลายนิ้วจิกเข้าฝ่ามือ สุดท้ายเธอกลั้นไว้หักห้ามใจไม่ให้หันกลับไป เธอกลัวว่าหากหันกลับไป ความอาลัยที่มากกว่านั้นจะแผ่ออกมาให้เธอไม่อาจก้าวเดินได้แม้แต่ก้าวเดียว

 

 

………………

 

 

‘ปัง!–’ เสียงประตูถูกปิดลง

 

 

ทั้งที่เป็นเสียงเบามากแต่ชั่วขณะนี้พอเกิดเสียงดังในห้องนี้ กลับเหมือนมีหินก้อนใหญ่กระแทกใส่หน้าอกเขาแรงๆ

 

 

เย่เซียวลืมตาขึ้นช้าๆ สองตาแดงก่ำ

 

 

เมื่อคืนพวกเขาทั้งคู่รุนแรงกันขนาดไหน บ้าบิ่นกันขนาดไหน ตอนนี้ก็เหลือความเยือกเย็น ความใจร้ายหลงเหลือมากเท่านั้น

 

 

เขาลุกขึ้นย่างกรายเข้าไปในห้องอาบน้ำ

 

 

น้ำร้อนเทลงมา สิ่งที่สัมผัสได้กลับเป็นความหนาวเหน็บที่พุ่งสูง

 

 

…………………………

 

 

เธอมีสภาพที่แย่มาก

 

 

ระยะทางที่ห่างกันเพียงไม่กี่ห้อง เธอกลับต้องคลำกำแพงถึงจะเดินกลับไปได้

 

 

เจ้าตัวเหมือนเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ ทุกย่างก้าวอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง

 

 

เธอทิ้งตัวลงอ่างอาบน้ำ แช่น้ำอย่างเหนื่อยล้า

 

 

ไม่รู้ว่าการอาบน้ำในครั้งนี้ จะสามารถชะล้างกลิ่นอายของเขาออกได้หมดจดหรือไม่…

 

 

แต่จะมัวคำนึงถึงไม่ได้อีกแล้ว…

 

 

ไม่ได้ทั้งชีวิต…

 

 

โทรศัพท์ดังขึ้นอีกทีพร้อมการสั่นเครือ

 

 

เธอหลับตาลงคว้าโทรศัพท์มากดรับสายแนบหู

 

 

“ซู่ซู่ ลูกรับโทรศัพท์สักที!” ฮูหยินคุณหญิงไป๋พูดอย่างร้อนรน “ลูกไปไหนกันแน่ ตามหาไม่เจอเลย! เราใกล้จะบ้าอยู่แล้ว!”

 

 

“หนูอยู่ในห้อง…” เธอไม่มีแม้แต่แรงจะพูดมากไปกว่านี้อีกแล้ว

 

 

“ในห้อง? เมื่อคืนเราเคยเข้าไปหาแล้ว ลูกไม่อยู่นี่นา!”

 

 

ไป๋ซู่เย่ไร้คำอธิบาย กล่าวเพียง “เดี๋ยวในกระทรวงมีงานสำคัญ หนูกลับก่อนนะคะ หนูจะให้คนขับรถมารับพวกคุณแม่”

 

 

“เราไม่เป็นไรหรอก ตระกูลอวิ๋นยวิ๋นช่วยจัดการได้ แต่ตอนนี้แม่เป็นห่วงลูกต่างหาก ซู่ซู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลูกหรือเปล่า ถ้าลูกมีอะไรต้องบอกแม่นะ!” น้ำเสียงอ่อนแรงปนโศกเศร้าของเธอ ทำให้คุณหญิงฮูหยินไป๋ร้อนใจอย่างมาก

 

 

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด