อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 765 ครอบครัวอบอุ่น(1)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 765 ครอบครัวอบอุ่น(1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไป๋ซู่เย่ไม่รู้จุดประสงค์ที่คุณนายเย่มาหาตน แต่คิดว่าต้องเกี่ยวข้องกับเย่เซียวแน่แท้

เธอเปลี่ยนเป็นชุดเรียบร้อย คิดอยากจะสร้างความประทับใจแก่คุณแม่ของเย่เซียว

ใบหน้าคุณแม่เย่ยังคงแต้มด้วยรอยยิ้มจางๆ ดูเป็นมิตรและเข้าหาง่าย

 “คุณหญิง ไม่รู้ว่าคุณหญิงมาหาหนูเพราะมีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่า?”

ระหว่างที่เดินเข้าลิฟต์พร้อมกับคุณหญิงเย่ ไป๋ซู่เย่ชิงถามก่อน

 “ความจริงไม่มีธุระสำคัญอะไรหรอก แค่ได้ยินพวกหยูอันคุยกันถึงรู้ว่าคุณยังไม่ไปจากเมืองเยียว วันนี้ผ่านโรงแรมพอดีเลยคิดอยากจะมาหาคุณสักหน่อย” คุณหญิงเย่ไล่สายตาปรีดาผ่านตัวไป๋ซู่เย่ เธอชอบเด็กคนนี้จากใจ คนที่ทำให้ลูกชายเธอถูกใจได้ย่อมเป็นเด็กสาวที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกันใบหน้าอีกฝ่ายคงรอยยิ้มบางๆ เป็นกันเองแต่ก็ไม่เสียมารยาท จากจุดนี้เมื่อเทียบกันแล้วน่าหลันออกจะอ่อนด้อยกว่าหน่อย อาจจะด้วยความที่อยากทำตัวให้ดี ตั้งแต่ครั้งแรกที่น่าหลันพบเธอก็ตื่นเต้นจนแทบพูดไม่รู้เรื่อง เคอะเขินไปหมด

“ความจริงน่าจะเป็นหนูที่ไปหาคุณนายถึงจะถูก แต่ว่า…” ไป๋ซู่เย่เอ่ยปากเบาๆ พูดถึงนี่ก็หยุดชะงักไม่พูดต่อ

คุณหญิงเย่กล่าว “เข้าใจได้”

คฤหาสน์ไฟเข้าไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ แต่ว่า… “ก็ไม่ต้องรีบร้อนหรอก จากนี้ไปน่ะเรามีโอกาสได้คุยกันอีกเยอะ”

ทั้งคู่คุยกันพร้อมลงจากชั้น 88 รอถึงหน้าประตูโรงแรมรถยนต์ได้รออยู่หน้าประตูแล้ว

 “คุณไป๋ ถ้าไม่รังเกียจไปทานข้าวเย็นกับฉันดีมั้ย? ความจริงฉันอยากเจอคุณมากมาตั้งนานแล้ว อยากทำความเข้าใจคุณให้ดีสักหน่อย” ผู้หญิงที่ลูกชายชื่นชอบ เธอเองก็แปลกใจเช่นกัน

ไป๋ซู่เย่ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธคำเชื้อเชิญที่เป็นมิตรของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเลยไม่ได้บอกปัด พยักหน้าตอบรับไป

บอดี้การ์ดเปิดประตูรถ ไป๋ซู่เย่ก้าวขึ้นรถตามคุณหญิงเย่

………………

 “ฉันได้ยินว่าเมื่อก่อนคุณเคยคบกับเย่เซียวของเรามาแล้ว ใช่มั้ย?” คุณหญิงเย่ยิ้มถาม

เมื่อก่อน…

นั่นน่าจะนับสินะ อย่างน้อยในใจเธอ เธอคิดว่าช่วงเวลานั้นเป็นความรักที่งดงามที่สุดมาโดยตลอด

เธอหยักหน้า “ค่ะ หลายปีก่อนแล้ว ตอนนั้นหนูกับเย่เซียวเจอกันที่เมืองเยียวนี่แหละค่ะ–สิบปีก่อน”

 “ที่แท้ก็นานขนาดนั้นแล้วเชียว…” คุณหญิงเย่กล่าว “แบบนี้แล้วพวกคุณก็คือคนที่รักยาวนานกันทั้งคู่ สิบปีไม่สั้นนะ พวกคุณยังกลับมาพบเจอกันได้ พรหมลิขิตนี้ต้องรักษาไว้ดีๆ ชีวิตคนเราไม่มีเวลาที่เหลือเฟือให้วัยรุ่นอย่างพวกคุณไปฟุ่มเฟือยหรอก”

ไป๋ซู่เย่ยิ้มขมขื่นทีหนึ่ง

หากเป็นไปได้เธอเองก็อยากรักษาไว้นี่นา…

 “เย่เซียวของเราใกล้จะอายุสามสิบเอ็ดแล้ว เปลี่ยนเป็นคนอื่นที่มาถึงอายุอย่างเขาคงไม่รู้ว่าลูกโตขนาดไหนแล้ว แต่เขาน่ะ…แม้แต่เรื่องแต่งงานยังทำเอาฉันปวดหัวเหลือเกิน”

ไป๋ซู่เย่ได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบรับใดๆ

จะไม่ปวดหัวได้อย่างไร?

แต่งงานกับน่าหลันไปสองครั้งที่สุดท้ายก็มีจุดจบอันน่าเศร้า

 “คุณไป๋ คุณอย่าเห็นว่าก่อนหน้านี้เย่เซียวของเราใกล้ชิดสนิทสนมกับน่าหลัน ความจริงในใจเขามีแต่คุณทั้งนั้น คำพูดนี้ออกมาจากปากคนนอกอย่างฉันอาจจะไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ แต่เด็กนั่นชอบเก็บทุกอย่างไว้ในใจ ถ้าฉันไม่พูดแทนเขา เขาต้องไม่พูดสักประโยคแน่ๆ ฉันเห็นสภาพที่เขาเสียใจก็ปวดใจเลยอดไม่ได้ที่จะมาหาคุณ มาบอกเรื่องนี้ให้คุณ”

ความจริงไป๋ซู่เย่รู้ใจเย่เซียวดี คนอย่างเย่เซียวหากชอบใครคนหนึ่งอย่างแท้จริงจะไม่ใช้ปากในการบอกแต่มักใช้การกระทำบอกให้คุณรู้ เมื่อตอนที่เขาเสี่ยงชีวิตไปทะเลทรายซ่าเหยียน เธอก็รู้ใจเขาอย่างดีแล้ว

เพียงแต่พอมาได้ฟังจากปากคุณหญิงเย่ในตอนนี้ก็อดรู้สึกอุ่นใจไม่ได้

จากนั้น…

ทั้งคู่นั่งอยู่ในรถ คุณหญิงเย่เล่าเรื่องวัยเด็กของเย่เซียวให้เธอมากมาย คุณหญิงเย่เล่าอย่างมีความสุข ไป๋ซู่เย่เองก็ฟังอย่างสนอกสนใจ แต่เรื่องที่พวกเธอคุยกลับไม่เคยเอ่ยถึงคุณพ่อของเย่เซียว นั่นเป็นความเจ็บปวดตลอดไปของคุณหญิงเย่ แน่นอนว่าไป๋ซู่เย่ไม่มีวันไปแตะต้องมัน มักจะหลีกเลี่ยงอย่างหวังดีและระมัดระวัง

รถยนต์ขับไปเรื่อยๆ เมื่อเทียบจอดอย่างจริงจังนั้นไป๋ซู่เย่ก็นิ่งงันไปเมื่อเห็นคฤหาสน์ข้างนอก

 “คุณหญิง?” เธอหันไปมองคุณหญิงเย่อย่างสงสัยแวบหนึ่ง

เดิมทีเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะพาตนไปร้านอาหารสักร้านของเมืองเยียวถึงจะถูก

แต่…กลับมาที่คฤหาสน์ไฟ

 “ไม่ได้บอกคุณล่วงหน้าแต่พาคุณมาที่นี่โดยพลการก็ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ฉันเองก็อยากให้คุณไป๋มาลองชิมอาหารฝีมือฉันด้วยตัวเอง คุณไป๋คงไม่รังเกียจสินะ?” คุณหญิงเย่อมยิ้มน้อยๆ แล้วพูดเสริม “คุณสบายใจได้ ช่วงนี้พ่อบุญธรรมของเขาพักฟื้นอยู่ต่างประเทศ ไม่กลับมาชั่วคราว”

ไป๋ซู่เย่ไม่อยากประจันหน้ากับไฟเรนเซ่จริงๆ ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนแก่เย่เซียวหรือคุณแม่เย่

คุณแม่เย่เชื้อเชิญอย่างอบอุ่น เธอไม่ได้ปฏิเสธเลยลงจากรถตามคุณหญิงเย่ก่อนจะเดินเข้าเรือนรองของคฤหาสน์ไฟ

……………………

มาถึงคฤหาสน์ไฟเป็นเวลาสี่โมงเย็นกว่าแล้ว

คุณแม่เย่เปลี่ยนชุดออกมาบอกเธอ “คุณไป๋ คุณนั่งรอสักครู่สิ ฉันจะไปเตรียมอาหารเย็นที่ครัว”

 “คุณหญิง เรียกหนูว่าซู่ซู่เถอะ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกค่ะ”

คุณหญิงเย่ยิ้มกว้างกว่าเดิม“ความจริงฉันก็อยากเรียกคุณว่าซู่ซู่ ดูสนิทสนม คุณก็อย่าเรียกฉันว่าคุณหญิงเลย คนอื่นเรียกแบบนี้ฉันยังไม่ชินเท่าไหร่ คุณเรียกฉันว่าคุณป้าแล้วกัน!”

ไป๋ซู่เย่อมยิ้มและไม่ออดแอด“คุณป้า”

 “ใช่แล้ว!” คุณหญิงเย่ตอบรับเสียงใส ยิ่งประทับใจเธอที่ใจกว้างเป็นมิตรนี้มากขึ้นไปอีก “หนูไปนั่งที่ห้องของเย่เซียวก่อนสิ ค่ำๆ จะให้คนไปเรียกหนูมาทานข้าว”

 “หนูเข้าไปได้หรือคะ?” ไป๋ซู่เย่นึกถึงใบหน้าเย็นชาของเย่เซียว “ปกติเขาไม่ชอบให้ใครแตะต้องของในห้อง ถ้าหนูเข้าไปอย่างนั้น เขารู้เข้าจะต้องโกรธหนูแน่ๆ”

คุณแม่เย่ยิ้ม “ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่กล้าปล่อยให้เข้าห้องง่ายๆ หรอก แต่เป็นหนู—หนูวางใจได้เลย เขาโกรธไม่ลงหรอก”

ได้ยินถ้อยคำนี้ของคุณหญิงเย่ไป๋ซู่เย่ก็อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ ความจริงเธอมีวิธีจัดการอารมณ์ของเย่เซียว

เธอไม่กลัวเขา

……

เธอขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้องของเย่เซียวเดินเข้าไปช้าๆ ในอากาศมีกลิ่นมิ้นต์จางๆ ตลบอบอวลเต็มห้อง

เฟอร์นิเจอร์เรียบง่าย การตกแต่งจัดวางก็เรียบง่าย

ผ้าปูที่นอนสีเทาลายขวางสีขาวถูกครอบเตียงไว้อย่างสะอาด ไป๋ซู่เย่ไล้ปลายนิ้วยาวบนเตียง จินตนาการถึงภาพที่เขาหลับนอนบนเตียงนี้ทุกคืนก็ห้ามใจให้นั่งลงบนเตียงไม่ได้

ราวกับว่า…

ทำแบบนี้แล้วจะยิ่งเข้าใกล้เขาอีกนิด

แต่ทันใดนั้นในหัวก็ผุดใบหน้าของน่าหลันขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ระยะเวลาที่อยู่เมืองเยียวเขาอาศัยอยู่กับน่าหลันตลอด บนเตียงนี้ น่าหลันเองก็เคยนอนมาแล้วใช่ไหม?

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด