อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 773 รักมาก(2)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 773 รักมาก(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 “วันนี้งานคุณไม่ยุ่งเหรอ?” ไป๋ซู่เย่สรรหาเรื่องคุยกับเขา

 “อยากไล่ผมกลับ?”

 “…” ไป๋ซู่เย่พบว่าเย่เซียวยังคงขี้อ่อนไหวเหมือนเดิม เธอส่ายศีรษะ “ฉันแค่ถามเฉยๆ อีกอย่างฉันอยู่โรงแรมคนเดียวน่าเบื่อขนาดนี้ มีคุณอยู่อย่างน้อยฉันก็มีคนให้คุย คิดจะไล่คุณกลับได้ยังไง?”

 “แค่เพราะผมอยู่แก้เบื่อคุณได้เลยไม่ไล่ผมไป?”

 “ไม่ใช่แค่นั้นอยู่แล้ว”

 “มีอะไรอีก?”

เธอยิ้ม “ตอนบ่ายฉันจะทำขนมหวาน กำลังเครียดเลยว่าไม่มีคนช่วยฉันชิม คุณอยู่ ก็คือหนูทดลองชั้นดีเลยไม่ใช่เหรอ?”

 “…” เย่เซียวหน้าบึ้งเต็มที

ผู้หญิงคนนี้กลับเห็นเขาเป็นหนูทดลอง

เขม่นใส่เธอแวบหนึ่ง เย่เซียวไม่อยู่ในห้องครัวต่อพลางหมุนตัวเดินกลับห้องนั่งเล่น ขณะนั้นเองกริ่งประตูแผดเสียงดัง เธอคาดว่าน่าจะเป็นพวกหยูอันเลยไม่สนใจ

………………

ไป๋ซู่เย่ยกโจ๊กสองถ้วยมาที่ห้องอาหาร

 “ทานข้าวเช้าได้แล้ว”

เธอเรียกทีหนึ่งไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เย่เซียวกำลังนั่งบนโซฟาพลิกดูเอกสารในมือ เธอเข้าไปใกล้ถึงพบว่านั่นเป็นผลรายการตรวจสุขภาพของเธอ

“ทำไมเหรอ?” ไป๋ซู่เย่ก้มหน้าเหลือบมองสีหน้าเย่เซียววูบหนึ่ง เห็นว่าสีหน้าเขาหนักอึ้งและหัวคิ้วขมวดแน่น

 “ผลตรวจไม่ดีเหรอ?”

เย่เซียวเชยตามองเธอแวบหนึ่ง “เดี๋ยวไปโรงพยาบาลกับผมอีกที”

“หนักหนามากเลยเหรอ?”

เย่เซียววางผลตรวจไว้อีกข้างโดยที่เม้มปากบางแน่นไม่ตอบอะไร แค่ลุกยืนกุมมือเธอไว้แน่น เพียงแค่การกระทำเล็กๆ นี้ไป๋ซู่เย่ก็สัมผัสได้ถึงความประหม่าของเย่เซียวได้อย่างชัดเจน

น้อยครั้งที่เขาจะมีอารมณ์แบบนี้

เมื่อครั้นไปทะเลซ่าเหยียนแล้วถูกคนกลุ่มนั้นไล่ล่าเขาก็ไม่เคยประหม่ามาก่อน

 “เย่เซียว คุณบอกความจริงฉันมาว่าเป็นยังไงกันแน่?”

เย่เซียวมองเธอด้วยแววตาล้ำลึกแวบหนึ่ง “มีก้อนเนื้อในร่างกาย แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าดีหรือร้าย ฉะนั้นวันนี้ต้องไปทำการตรวจชิ้นเนื้ออีกที”

ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…

หมายความว่าหากเป็นก้อนเนื้อร้ายล่ะก็…

“ก็ยังไม่แน่ใจไม่ใช่หรือว่าร้ายหรือดี? คุณอย่าทำหน้าบึ้งไปเลย” ไป๋ซู่เย่ไม่คิดไปในทางที่เลวร้าย พยายามปรับน้ำเสียงให้ผ่อนคลายพลางยกมือลูบใบหน้าเย่เซียว “คุณดูฉันในตอนนี้สิ ก็สบายดีไม่ใช่เหรอ?”

เย่เซียวหายใจหนักอึ้งคว้าจับมือเธอไว้ด้วยมือเดียว ออกแรงเล็กน้อย“ดีอะไร? เกิดก้อนเนื้อในร่างกายแล้วดีตรงไหน? ผมว่าคุณไม่ดีสักที่นั่นแหละ!ไหนคุณบอกว่าตรวจสุขภาพทุกปีไง? นี่น่ะหรือที่คุณบอกว่าคุณแข็งแรงดี?”

เย่เซียวยิ่งพูดยิ่งโมโห น้ำเสียงเองก็ยิ่งแย่ลงแย่ลง

ไป๋ซู่เย่ถูกเขาตะคอกใส่จนตัวนิ่ง มองเขาครู่หนึ่งถึงเปล่งเสียงออกมาได้ “…เย่เซียว ตอนนี้ฉันเป็นผู้ป่วย มีอย่างคุณที่ไหนทำกับผู้ป่วยแบบนี้? ไม่ปลอบฉันแล้วยังดุฉันขนาดนี้”

หากสภาพจิตใจไม่แข็งแรงเกรงว่าคงถูกเขาดุด่าจนใจเสียแล้ว

พอเธอว่าเช่นนี้เย่เซียวก็ชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งสีหน้าถึงผ่อนคลายลงกว่าเดิม มือที่บีบมือเธออย่างแรงในคราแรกคลายแรงลงบ้าง แต่พริบตาเดียวก็กระชับแน่น แขนยาวรั้งเธอเข้ามาในอ้อมแขน จับมือเธอให้วางตรงเอวตัวเอง

ปลายคางเขาวางซ้อนเหนือศีรษะเธอโดยไม่พูดอะไร เธอได้ยินแค่เสียงหายใจหนักหน่วงของเขา

แล้วก็…

พอรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงของเขา

ความรู้สึกแบบนี้ความจริงแล้วเธอเข้าใจมันมาก—ลูกกระสุนที่ฝังในหัวใจเขาเองก็กำลังกระตุกหัวใจเธออยู่ไม่ใช่หรือ?

พักใหญ่เย่เซียวไม่ได้พูดอะไร สุดท้ายแค่ดันตัวเธอออกน้อยๆ “ไปทานอาหารเช้า ทานอาหารเช้าเสร็จเราจะรีบไปโรงพยาบาลทันที”

 “ได้ แต่ผลก็ยังไม่แน่นอน คุณอย่าเพิ่งกังวลขนาดนั้น”

เย่เซียวปรายตาลึกล้ำจ้องเธอวูบหนึ่ง กล่าวเพียง “คุณไม่เข้าใจ”

ความรู้สึกเป็นกังวลต่อใครคนใดคนหนึ่งนั้นแม้แต่จังหวะหายใจของอีกคนยังส่งผลต่อหัวใจ ความรู้สึกนี้ไม่ใช่ใครที่จะสามารถเข้าใจได้

ไป๋ซู่เย่หัวเราะที เธอไม่เข้าใจตรงไหน? ใจเธอรู้ซึ้งดี

…………

อาหารเช้าดำเนินต่อไปโดยที่เย่เซียวจมอยู่แต่ความเงียบ เห็นได้ชัดว่าเรื่องเนื้องอกในร่างกายเธอสร้างความสะเทือนแก่เขาไม่น้อย

หากเป็นเขาเองที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นคงไม่แม้แต่จะกะพริบตา แต่พอเรื่องนี้เกิดกับตัวเธอ ผลกระทบต่อเขาเลยต่างกันโดยสิ้นเชิง

 “เย่เซียว” เงียบไปครู่หนึ่ง ไป๋ซู่เย่ชิงเอ่ยขึ้นก่อน เธอวางช้อนลงมองเขาอย่างจริงจัง เห็นได้ชัดว่าได้ตัดสินใจเอ่ยปากหลังผ่านการไตร่ตรองมาดีแล้ว “ฉันมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งอยากถามคุณหน่อย”

เย่เซียวเชยตามองเธอแวบหนึ่ง “ถ้าเป็นเรื่องสัญญา ทางที่ดีคุณอย่าปริปากพูด วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากคุยเรื่องที่อ่อนไหวแบบนี้กับคุณ”

เขายังคงคาดเดาความคิดเธอได้อย่างง่ายดาย

ไป๋ซู่เย่เม้มปาก แม้เขาจะว่าอย่างนั้นแต่เธอยังถามต่อ “คุณคิดจะเลื่อนเซ็นสัญญาให้เร็วขึ้นเหรอ?”

เย่เซียวกลับไม่ตอบ ชัดเจนแล้วว่าจะเพิกเฉยไม่ให้การตอบรับในคำถามนี้ของเธอ

เขาไม่อยากให้ทั้งคู่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกันอีกแล้ว

 “เย่เซียว สัญญาฉบับนี้สำหรับประเทศ S ของเรามันเหมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำไมฉันถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้คุณน่าจะเข้าใจได้” ไป๋ซู่เย่กล่าวอีกครั้ง ต่อหน้าเรื่องงานเธอยังคงเป็นเธอคนเดิม มีสติแยกแยะ ใจเย็นและฉลาดในเรื่องท้าทายเขา

เย่เซียวชะงักท่วงท่าที่กำลังทานโจ๊ก กระทั่งค่อยๆ หยุดลง

 “คุณอยากอยู่กับผมมั้ย?” เขามองเธอนิ่งไม่ตอบคำถามเธอแต่ถามย้อน

เธอชะงักเล็กน้อย หยุดเว้นช่วงทีถึงพยักหน้า

ไม่ใช่แค่อยาก แต่…อยากมากต่างหาก…

 “งั้นคุณรู้มั้ยว่าถ้าผมหยุดสัญญาฉบับนี้เพียงเพราะคุณ จะเกิดผลอะไรตามมา?”

ไป๋ซู่เย่ไม่ปริเสียงอีก

ใจเธอรู้ดี สัญญาฉบับนี้ไม่ใช่สัญญาธรรมดา มันมีมูลค่านับหลายแสนล้านและเกี่ยวโยงไปถึงการเมืองการทหารของประเทศ

หากเย่เซียวล้มเลิกสัญญาฉบับนี้เพียงเพราะเธอ เขากลายเป็นบุคคลทรยศหักหลัง นอกจากจะไม่มีใครยอมอยู่ใต้อาณัติเขาแล้ว กิจการทุกอย่างจะพังทลายไม่เหลือซาก ส่วนพวกเขาทั้งคู่จะกลายเป็นเป้าหมายในการไล่ล่าของสามประเทศ คนของไฟเรนเซ่เองก็เกรงว่าจะไม่ปล่อยพวกเขาให้หนีรอดไปได้

พวกเขาในตอนนั้นจะตกเป็นเป้าของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง คนของกระทรวงความมั่นคงคอยปกป้องเธออย่างจริงใจ แต่จะปกป้องเย่เซียวไหม? คิดว่าพวกเขาอยากจะเอาชีวิตเย่เซียวเสียมากกว่า

คิดถึงนี่ไป๋ซู่เย่ก็ปวดใจอย่างรุนแรง

เธอรู้สึกว่าตัวเองได้เดินมาถึงทางตัน ไม่มีทางออก

 “คำถามนี้ถือว่าฉันไม่เคยถามแล้วกัน” ไป๋ซู่เย่ได้สติกลับมาแย้มปากยิ้ม “จากนี้ไปฉันไม่สนใจแล้ว ให้คนอื่นเครียดไปแล้วกัน”

เย่เซียวใช้สายตาสงสัยมองเธอ “คุณไม่สนใจจริงๆ หรือไม่สนใจเล่นๆ?”

 “ไม่สนใจจริงๆ”

เย่เซียวไม่พูดอะไรอีก แค่มองเธอนิ่งๆ สักพักถึงกล่าว “ทานข้าวต่อ”

ผลอย่างนั้นความจริงเย่เซียวไม่ได้กลัว

เพียงแต่เขาจะปล่อยให้ชีวิตของทั้งคู่ล้มเหลวและลอยแพไม่ได้ เมื่อไรที่เขาไม่สามารถปกป้องผู้หญิงของเขาได้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะรักผู้หญิงสักคน!

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด