อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 770 มีความรัก(3)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 770 มีความรัก(3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอเพิ่งใส่เสื้อเชิ้ตได้กำลังจะติดกระดุมก็ถูกชายหนุ่มถอดออกอย่างง่ายดาย

 “เย่เซียว!”

เธอถลึงตาวาวโรจน์ใส่

เย่เซียวดึงตัวเธอให้ทิ้งตัวลงมาบนเตียงแล้วกอดเธอแน่น ไป๋ซู่เย่นึกโกรธกำหมัดทุบไหล่เขา เขาพูดเสียงแหบ “อย่าขยับ หัวใจผมยังมีกระสุนค้างอยู่หนึ่งนัดคุณก็รู้”

 “…” เอ่ยถึงเรื่องนี้ไป๋ซู่เย่เหมือนโดนสกัดจุดก็ไม่ปาน ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย

จากนั้นก้มหน้าอย่างน้อยใจและเริ่มกัดไหล่เขา ตีเขาไม่ได้ กัดเขาก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรสินะ?

 “คุณกลายเป็นหมาน้อยไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” เย่เซียวดึงตัวเธอลงมา น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

เหมือนเดิม

เย่เซียวมองเธอยิ้มๆ มองจนเธอเริ่มทำตัวไม่ถูก

 “คุณมองอะไร?”

 “คุณกำลังหึง” ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่เป็นประโยคบอกเล่า

ไป๋ซู่เย่เขิน “ฉันเปล่า”

 “ก็ใช่” เย่เซียวกล่าว “คุณเก่งเรื่องโกหกตบตาอยู่แล้ว บางทีคุณอาจจะแค่แสดงละครต่อหน้าผมเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อกี้ที่บอกว่าต่อจากนี้จะไม่โกหกผมอีก คุณว่า…ผมเชื่อได้มั้ย?”

ไป๋ซู่เย่หมดคำจะพูดอย่างสิ้นเชิง

พอถูกเย่เซียวว่าเข้าอย่างนี้ ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะตอบกลับอย่างไรสุดท้ายก็ตกเป็นฝ่ายไร้ซึ่งเหตุผลอยู่ดี

แต่ว่า…

 “เย่เซียว คุณกำลังนอกเรื่อง” ไป๋ซู่เย่มองเขาอย่างน้อยใจเล็กน้อย “หรือว่าคุณกับน่าหลัน…เคยนอนด้วยกันจริงๆ เคยพาเธอไปดูพลุดอกไม้ไฟจริงๆ คุณถึงเปลี่ยนเรื่อยคุย?”

ทั้งที่รู้ว่าอดีตมันผ่านไปแล้ว น่าหลันไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วแต่เธอกลับไม่อาจเพิกเฉยต่อมันได้อยู่ดี…

อยากถามให้รู้เรื่องตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสเหมาะสมสักที ไม่มีสิทธิ์เลยถามไม่ออก

 “เปล่า ผมไม่เคยนอนกับเธอ ฉะนั้นเราเลยไม่จำเป็นต้องปกป้อง”

 “แล้ว…ที่คุณไม่นอนกับเธอเพราะเธอยังอายุน้อยใช่มั้ย?” ไป๋ซู่เย่สูดจมูกหลบสายตากล่าวอย่างนึกน้อยใจ “เมื่อก่อนคุณไม่ทำอะไรฉันก็เพราะว่าฉันอายุน้อย…”

อืม หัวใจของเธอยิ่งอยู่ยิ่งแคบลงเรื่อยๆ…

เย่เซียวคิด เมื่อนั้นที่ไม่ทำอะไรเธอนั่นเป็นเพราะอายุน้อยหรือ?

นั่นเป็นเพราะรักมาก เห็นเธอเปรียบดั่งสมบัติล้ำค่า ฉะนั้นเลยประคบประหงมเธอดั่งไข่ในหิน ไม่กล้าทำอะไรเธอรวดเร็วเกินไป

แต่ว่า…

 “ชีวิตนี้ของผม เรื่องที่ผมเสียใจที่สุดก็คือตอนนั้นไม่ทำอะไรคุณ!ถ้าให้โอกาสผมอีกครั้ง วันแรกที่เห็นคุณ ผมควรจะจัดการคุณซะ!”

 “คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย!” ไป๋ซู่เย่แก้มแดงปลั่ง

 “ผมไม่เคยทำอะไรเธอ และไม่เคยคิดจะอยากทำอะไรเธอ” เย่เซียวกระซิบบอกพลางคว้ามือเธอไปวางไว้ตรงจุดที่มีปฏิกิริยาร้อนแรง ความร้อนระอุนั่นทำให้เธอเผลอชักมือกลับอัตโนมัติ หากแต่ถูกเขาจับไว้แน่นขยับไม่ได้ “ตรงนี้ของผมมีแค่ตอนที่อยู่กับคุณ ถึงมีปฏิกิริยา…”

ไป๋ซู่เย่คิดว่าคำพูดของเย่เซียวน่าจะเกินความเป็นจริงอยู่สักหน่อย

ทุกครั้งที่เขาทำอะไรเธอนั้นรุนแรงเหมือนหมาป่าเสือโคร่ง แทบจะกลืนกินเธอให้รู้แล้วรู้รอด พอจะคิดได้ว่ามีความต้องการที่รุนแรงมากเพียงใด ผู้ชายแบบนี้จะเกิดปฏิกิริยาได้เฉพาะต่อหน้าเธอจริงๆ หรือ? เธอไม่แน่ใจ แต่เธอกลับหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น

 “แต่ตอนนี้…เราไม่มีอันนั้น…” ความร้อนระอุปนความแข็งขืนในมือไป๋ซู่เย่ทำให้เสียงของเธอสั่นระริก

 “ผมไปซื้อ หรือว่าเรากลับโรงแรมเลยดี?”

 “กลับโรงแรมเลยดีกว่า”

เย่เซียวรับคำ ‘อืม’ แล้วเกี่ยวกระหวัดจูบเธออีกครั้ง ก่อนที่จะหลุดการควบคุมรีบพลิกตัวลงจากตัวเธอ

 “ใส่เสื้อผ้า เดี๋ยวนี้” ไม่อย่างนั้นเขากลัวว่าเขาจะอดใจไม่ให้จัดการเธอตรงนี้ไม่ได้

ไป๋ซู่เย่รู้ว่าเขากลั้นไว้อย่างยากลำบาก และรู้ว่าหากมัวชักช้าอีกนิดเขาอาจจะสติหลุดคลุ้มคลั่งขึ้นมา ดังนั้นเลยไม่กล้ารอช้ารีบใส่เสื้อทันที

………………

คืนนี้เย่เซียวใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย

เสื้อเชิ้ตสีขาวหนึ่งตัวที่ข้างนอกคลุมทับด้วยเสื้อไหมพรมสีครามข้างนอกขับให้เจ้าตัวดูเด็กลง แต่ความเย็นชาที่ติดมาแต่เกิดนั่นไม่ว่าอย่างไรก็กลบไม่มิด

ไป๋ซู่เย่ใส่เสื้อโค้ทตัวเดียวยังไม่พอ เย่เซียวหยิบผ้าพันคอขนแกะสีเทาจากห้องเปลี่ยนเสื้อมาพันให้เธอ

เธอคอยมองเขาที่ก้มหน้าพันผ้าพันคอให้ตัวเองอย่างตั้งใจได้แต่รู้สึกใจสั่นไหวรุนแรง ข้างนอกลมเคล้าหิมะ แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นในใจไปจนถึงทุกอณูของร่างกาย

 “มองอะไร?” เย่เซียวเงยหน้าขึ้นหลังพันผ้าพันคอเสร็จ

 “ไม่ได้มองอะไร ก็แค่คิดถึงเรื่องบางอย่าง”

 “คิดอะไร?” เขาถาม

คิดถึงพวกเขาเมื่อสิบปีก่อน…

ไป๋ซู่เย่ไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องตอนนั้นอีก แค่กุมมือเขา “ไม่ต้องถามแล้ว เรากลับโรงแรมกัน ค่ำมากแล้ว”

เย่เซียวรู้สึกว่าเธอกำลังสื่อความหมายอยู่แววตาเลยล้ำลึกกว่าเดิม

ไป๋ซู่เย่หน้าแดงระเรื่อ ถูกเข้าใจผิดแล้ว แต่เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดสิ!อย่างไรเสียคนที่มีความรู้สึกไม่ใช่แค่เย่เซียวคนเดียวเสมอมา

……………………

ข้างนอกลมแรงมาก

บนถนนตอนกลางคืน คนที่เดินอยู่ข้างนอกมีเพียงคู่รักบางส่วนที่อยู่ในช่วงรักหวานชื่น

พวกเขากัดกินพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลข้างทางที่โดนอากาศเย็นแช่จนแข็งโป๊ก

ไป๋ซู่เย่นั่งอยู่ตำแหน่งข้างรถขับมองพวกเขาอย่างนึกอิจฉา แล้วหันหน้าไปมองชายหนุ่มข้างกายแสนทรงเสน่ห์ นึกถึงเรื่องราวในวันนี้พลางรู้สึกหวานชื่นกระทั่งแฝงอยู่กับลมหายใจ หากไม่คิดถึงเรื่องที่สร้างความหงุดหงิดแก่เธอเหล่านั้นล่ะก็…

เธอมีความรู้สึกเหมือนกำลังมีความรัก

“เย่เซียว” เธออดเรียกเขาไม่ได้

 “อืม” เขาตอบ

 “เย่เซียว”

 “หืม?” เขาหันหน้ามา

 “ไม่มีอะไร” เธอส่ายศีรษะ ยิ้ม “แค่อยากเรียกคุณ”

เธอยิ้มได้น่าหลงใหลมากเหมือนแสงอาทิตย์ในฤดูหนาว ให้เขาอยากจะคว้าไว้ให้มั่น คำพูดของเธอยิ่งสร้างความสั่นไหวแก่หัวใจเขา

ตีหน้าขรึม “อย่ายิ้มให้ผมแบบนั้น”

นี่อยู่บนถนน อยู่ในรถ อันตรายมาก!

เธอชะงัก มองเขาอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่ง จากนั้นเบนหน้าหันคล้ายโดนทำร้ายจิตใจ จ้องไปนอกหน้าต่างนิ่ง

เมื่อก่อนเขาเคยบอกว่าห้ามเธอยิ้มต่อหน้าเขา เขาเกลียดรอยยิ้มเธอ

เมื่อครู่ยังรู้สึกว่าพวกเขาสองคนกำลังคบกันอยู่ แต่เพียงประโยคเดียวของเขาเหมือนค้อนทุบให้เธอผิดหวังถึงขั้นสุด ความรู้สึกแบบนี้แย่มาก!

เย่เซียวรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของเธอ หันมามองสังเกตสีหน้าเธอหลายครั้งแต่เธอไม่ได้หันกลับมา

เธอโกรธอีกแล้ว

อย่างที่คิดเลยว่าเธอยังขี้โมโหเหมือนเมื่อสิบปีก่อนไม่มีผิด ความจริงสิบปีนี้นิสัยไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่…

เขาเองก็ไม่เปลี่ยนไปมาก ปลอบผู้หญิง สิบปีก่อนเขาไม่ถนัด สิบปีหลังยิ่งไม่ถนัดเข้าไปกันใหญ่

ทีนี้บรรยากาศในรถเย็นยะเยือกขึ้นมากทีเดียว

 “หันหน้ามา” รอครู่หนึ่ง สุดท้ายเย่เซียวอดไม่ได้จึงเอ่ยขึ้นก่อน

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด