อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 797 อยากจะกอดคุณดีๆ สักครั้ง(2)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 797 อยากจะกอดคุณดีๆ สักครั้ง(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ซู่ซู่ ฉันคิดว่าหนู…” คุณแม่เย่พูดถึงตรงนี้ก็หยุดค้างไม่ได้พูดต่อ เพียงถามว่า “ร่างกายเป็นยังไงบ้าง? หายดีหรือยัง?”

“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอแค่ไม่ทำกิจกรรมที่รุนแรงก็ไม่มีปัญหา”

“กระสุนสองนัดยิงใส่ร่างกายไม่เสียชีวิตก็นับว่าพวกหยูอันไม่ได้ลงมือเด็ดขาด” ไฟเรนเซ่ปริปากกล่าว เทียบกับความอ่อนโยนของคุณแม่เย่แล้วเขายังคงท่าทางเคร่งขรึม แต่ก่อนหน้าไป๋ซู่เย่ได้ใช้เวลาร่วมกับเขามาหลายวันจึงไม่เกรงกลัวต่อท่าทีเช่นนี้ของเขาอีก เพียงยิ้มเดินไปหา “สุขภาพท่านแข็งแรงดีนะคะ?”

“หึ!ไหนบอกว่าหลังจากนี้จะไม่มาหาฉันอีกแล้วไง ทำไมวันนี้ถึงมาล่ะ?”

“มาทำเผือกต้มซี่โครงให้ท่านโดยเฉพาะ คราวก่อนที่โรงพยาบาลท่านบอกว่าอยากทานไม่ใช่เหรอ?”

“ตอนนั้นอยากแต่ตอนนี้ฉันไม่ได้บอกอยากทาน” ไฟเรนเซ่คิดว่าตัวเองใช่ว่าจะกล่อมได้ง่ายๆ

“งั้นคืนนี้ไม่ทานแล้ว?”

ไฟเรนเซ่แค่นเสียงอีกที “ถ้าเธอจริงใจจริงๆ วันที่มาถึงเมืองเยียวแรกๆ วันเกิดฉันทำไมไม่เห็นเธอมาแสดงความยินดีล่ะ?”

ไป๋ซู่เย่ไม่คิดว่าแม้แต่เรื่องนี้เขายังเก็บไปคิดเล็กคิดน้อยอีก ได้แต่อธิบาย “หนูกลัวว่าวันที่ดีแบบนั้นจู่ๆ หนูปรากฏตัวจะทำให้พวกท่านตกใจได้”

พอจินตนาการภาพนั้นก็ใช่

อีกอย่างในเมื่อวันนี้ต้องการเริ่มต้นใหม่ เธอไม่อยากปรากฏตัวในสายตาผู้คนอย่างยิ่งใหญ่อีกแล้ว

เย่เซียวโอบเอวเธอ “ไปนั่งเถอะ ร่างกายคุณยังไม่หายดี ไม่ต้องทำอะไรมาก เก็บกับข้าวไว้ทำคราวหน้าก็ได้”

เขาออกโรงปกป้องเธออย่างเห็นได้ชัด

ไฟเรนเซ่เองก็ไม่เห็นต่าง ตอบแค่ประโยคเดียว “เดี๋ยวให้ข่ายปินตรวจเช็คให้เธอดีๆ อีกที”

สิ้นคำพูดเขาทั้งเย่เซียวและไป๋ซู่เย่ต่างก็ชะงัก รู้กันดีถึงความหมายแอบแฝงของคำพูดเขา เย่เซียวเป็นคนได้สติก่อน “ครับ เดี๋ยวผมจะไปหาข่ายปิน”

“อืม ต้องดูดีๆ กระสุนสองนัดไม่ใช่เรื่องเล็ก แล้วยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง” ไฟเรนเซ่ตอบรับ

ไป๋ซู่เย่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้แทรกบทสนทนาของพวกเขาแต่เธอเองยังรู้สึกได้ว่าท่าทีของคุณไฟที่มีต่อตนเอง ได้เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงจากอดีต

………………

ขณะที่คุณแม่เย่กำลังวุ่นวายในครัว เธอได้เข้าไปช่วย

แม้ว่าที่บ้านจะมีคนรับใช้มากมายแต่ทุกครั้งที่ต้องทำอาหารให้เย่เซียวคุณแม่เย่จะลงมือทำเองกับมือ ในเมื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้ทำหน้าที่มารดาอย่างที่ควรเท่าไร

“หนูไม่เป็นอะไรฉันก็โล่งอกไปที ช่วงนี้อย่าว่าแต่เย่เซียวไม่สบายดีเลย ฉันเองก็นอนไม่ค่อยหลับ” คุณแม่เย่หั่นผักไปพลางคุยกับไป๋ซู่เย่ไป พูดไปพูดไปขอบตาเริ่มแดงระเรื่อ เธอหยุดท่วงท่าลง “ซู่ซู่ หนูต้องช่วยป้าเกลี้ยกล่อมเขาหน่อยนะ”

ไป๋ซู่เย่เชยตามองเธอ

“เขาคิดว่าหนูจากไปก็เลยคิดจะไปตามหนู” คิดถึงเรื่องนี้คุณแม่เย่ยังรู้สึกหวาดผวา “โชคดีที่ตอนนี้เขากำลังวางแผนสั่งเสียเรื่องของฉันอยู่ ทั้งจัดการลูกน้องทั้งหมดนั่นเลยยื้อมาถึงตอนนี้ไม่ได้เลือกที่จะไปทันที ก่อนหน้าคุณชายถังบอกว่าพร้อมจะผ่าตัดให้เขาเพื่อเอากระสุนออกมาแล้วแต่เขาไม่ยอม ไม่ยอมผ่าเอากระสุนนัดนั้นออก ตอนนี้เขาอันตรายมาก เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ฉะนั้นไม่ว่าใครก็กำลังกังวลแทนเขา”

ก่อนหน้าที่ทะเลทรายซ่าเหยียนไป๋ซู่เย่เคยได้ยินเขาบอกว่าขอแค่เธอไปเขาไม่มีวันอยู่รอดบนโลกนี้เพียงลำพัง แต่บัดนี้พอได้ยินคำพูดนี้อีกทีก็รู้สึกสะท้านในใจไม่ต่างจากเดิม

เจ้าโง่คนนั้น!

คิดจะทอดทิ้งทุกอย่างเพื่อตามเธอไปจริงๆ เสียได้…

ชั่วขณะทุกความรู้สึกถาโถมเข้ามาในใจเธอ ทั้งปวดใจทั้งซาบซึ้งใจทั้งคิดว่าเธอมีบุญยิ่งนัก สักพักถึงปริเสียงปลอบคุณแม่เย่“คุณป้าวางใจเถอะค่ะ หนูจะเกลี้ยกล่อมเขาเอง”

“ฉันเห็นหนูก็โล่งใจแล้วล่ะ ขอแค่มีหนูอยู่เขาไม่มีทางยอมไปแน่ๆ ต่อให้ถังซ่งไม่มาหาเขาเขาก็จะต้องไปหาถังซ่ง” พูดถึงนี่คุณแม่เย่ก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลายลง ใบหน้าที่มีความหม่นหมองปกคลุมอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็จุดประกายด้วยรอยยิ้ม

“กำลังคุยอะไรกันอยู่?” เสียงเย่เซียวดังขึ้นฉับพลัน ไป๋ซู่เย่หันไป ความสะท้านในใจเมื่อครู่ยังไม่หายไปไหนดี สายตาที่จ้องมองเขาจึงแฝงด้วยห้วงอารมณ์ลึกซึ้งที่มากกว่าเดิม

เย่เซียวเดินเข้าใกล้ กดเสียงต่ำลง “ทำไมมองผมแบบนี้?”

เธอยิ้มส่ายศีรษะ“เดิมทีคิดว่าจะไม่มีวันได้เห็นคุณอีกแล้ว ตอนนี้ในที่สุดก็ได้เจอสักทีเลยอยากมองนานๆ หน่อย”

ดวงตาเย่เซียวเองก็ล้ำลึกขึ้นตาม

เขาเองก็ไม่ต่างกัน

คุณแม่เย่มองทั้งสองด้วยใจที่ปลื้มปิติ บัดนี้ลูกชายได้เดินมาบรรจบกับคนที่ตัวเองรักมากที่สุด เธอเชื่อว่าตลอดชีวิตนี้เขาจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

……………………

กลางคืน เย่เซียวส่งไป๋ซู่เย่กลับไป

เธอไม่ทันได้บอกที่อยู่ด้วยซ้ำเย่เซียวแต่ก็พาเธอมาส่งถูกที่อย่างแม่นยำ

เธอเช่าห้องอยู่ในเขตชุมชนหนึ่งที่ใกล้กับสถาบันที่ไปเรียนมาก

เย่เซียวขับรถเข้าไปในเขตชุมชน กวาดตามองบนลงล่างหลายรอบก่อนถาม “สภาพแวดล้อมที่นี่เป็นยังไงบ้าง? ปลอดภัยมั้ย?”

“อืม เขตชุมชนหรูหราของเมืองเยียวของพวกคุณ หน่วยรักษาความปลอดภัยทำงานไม่แย่นะ อีกอย่างฉันไปไหนก็น่าจะปลอดภัยหมดไม่ใช่เหรอ?” หากไม่ใช่คนที่ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กอย่างพวกเย่เซียว คนร้ายทั่วไปจะทำอะไรเธอได้?

เย่เซียวพยักหน้า ความจริงในความคิดเขานั้นเธอยังคงเป็นเด็กสาวผู้อ่อนแอที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างเมื่อสิบปีก่อนเสมอ

“งั้น…ฉันลงรถละนะ” ไป๋ซู่เย่เปิดประตูช้าๆ เตรียมลงไป อืม การจากลาแบบนี้ยังทำให้เธอทำใจลำบากเลย…

มักรู้สึกว่าเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันนั้นผ่านไปเร็วนัก…

เย่เซียวคอยมองแผ่นหลังนั่น ความอาลัยอาวรณ์ที่รุนแรงพุ่งพรวดขึ้นมา มือของเขาคว้าจับมือเธอไว้“ซู่ซู่”

ไป๋ซู่เย่หยุดการกระทำลง ความรู้สึกยากจะอธิบายในอกเธอกำลังพลุ่งพล่าน หันหน้ามามองเขา ไม่รอเขาเอ่ยปากเธอได้ส่งคำเชิญด้วยตัวเองก่อน “คุณ…จะขึ้นไปนั่งสักครู่มั้ย?”

เดิมทีเย่เซียวอยากจะบอกว่า ‘ผมขึ้นไปส่งคุณ’ แต่ถูกหยุดไว้ก่อน ชะงักไปเพราะประโยคนี้ของเธอที่ทำให้ใจสะท้าน มุมปากจุดยิ้มจางๆ อย่างที่นานๆ จะมีที “คุณขึ้นไปก่อน ผมจะไปจอดรถในโรงรถ”

“งั้น…คุณรู้ใช่มั้ยว่าฉันพักชั้นไหนห้องไหน?”

เขาพยักหน้า “เช็คหมดแล้ว”

ไป๋ซู่เย่เดาได้เช่นนั้นเลยยิ้มทีหนึ่ง ไม่พูดอะไรต่อก็แบกกระดานวาดรูปไว้ด้านหลัง ลงจากรถไปแล้วเดินขึ้นห้องอย่างมีความสุข

ฝีเท้าล่องลอย

เย่เซียวคอยมองเรือนร่างที่อยู่ภายใต้แสงไฟนั่นอย่างเหม่อลอย พิงเบาะเก้าอี้กว้างอย่างพึงพอใจโดยที่ไม่อาจละสายตาได้เนิ่นนาน

ชั่วอึดใจนั้นได้แต่คิดว่าพระเจ้าไม่ได้ใจร้ายกับเขาเลย

——————

เย่เซียวจอดรถให้ดีก่อนจะนั่งลิฟต์ขึ้นไปชั้นบน

ห้องที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ เป็นคอนโดหรูสำหรับคนเดียว

คนที่พักอาศัยที่นี่ย่อมมีฐานะร่ำรวยกันทั้งสิ้น

เย่เซียวเดินถึงห้องเธออย่างแม่นยำโดยที่ประตูห้องถูกเปิดทิ้งไว้และรองเท้าแตะสำหรับผู้ชายที่วางไว้ตรงหน้าประตู เขามองทีหนึ่งพบว่าเป็นของใหม่เพราะถุงพลาสติกที่ถูกแกะยังทิ้งไว้ในถังขยะข้างๆ อยู่เลย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่มาเยือนห้องนี้

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด