อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 724 ไม่ทอดทิ้งกัน (3)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 724 ไม่ทอดทิ้งกัน (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 724 ไม่ทอดทิ้งกัน (3)

เย่เซียวพยักหน้าแรงๆ จากนั้นใช้แขนข้างเดียวรั้งตัวหญิงสาวข้างกายมาในอ้อมอกตัวเอง

ถูกเขากอดอยู่แบบนี้ ไป๋ซู่เย่รู้สึกว่าความเจ็บบนตัวคลายลงไม่น้อย เธอทิ้งตัวให้พิงอยู่ที่อกเขา

หยูอันวางปืนลงมองทั้งสองคน สุดท้ายหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา ไป๋ซู่เย่เผลอหันไปมองแวบหนึ่งแต่เย่เซียวใช้มือข้างที่ว่างปิดตาเธอจับหน้าเธอให้หันไป “ไม่ต้องดู มองผมให้ดี!”

ไป๋ซู่เย่คว้าจับมือเขาที่ปิดตาตัวเองลงมาแล้วช้อนตามองเขา ระยะห่างที่ใกล้นี้มองเห็นองค์ประกอบบนใบหน้าเขาได้ชัดเจนทุกระเบียดนิ้ว ยังคงเย็นชา คมเข้มเหมือนเดิม

แต่เธอ…

 “ตอนนี้ฉันน่าเกลียดมากเลยใช่ไหม?” เกลือกกลิ้งในทะเลทรายมาตลอดวัน คงดูดีอย่างเดิมไม่ได้

เย่เซียวเขี่ยผมปรกข้างแก้มเธอออก ก้มมองเธอด้วยแววตาที่จดจ่อและตั้งใจ เดิมทีไป๋ซู่เย่แค่อยากหาหัวข้อที่จะช่วยให้ผ่อนคลายลงกับเขาแต่กลับไม่คิดว่าเขาจะจ้องตัวเองเช่นนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกเคอะเขินขึ้นมานิดๆ สภาพทรุดโทรมของเธอ เธอไม่อยากให้เขาเห็นให้ชัดเลยจริงๆ

เธอใช้มือปิดตาเขา

 “ไม่ต้องดูแล้ว…” เธอถูกเขามองจนหัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เสียงอ่อนลงเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว

เย่เซียวจับมือเธอลงมากุมเอง กุมแน่นไม่ปล่อย สักพักถึงพ่นคำหนึ่งออกมาจากปาก “น่าเกลียด”

แม้ปากจะว่าอย่างนั้นแต่สายตากลับจดจ้องใบหน้าเธออย่างเร่าร้อนคล้ายมองอย่างไรก็มองไม่พอ

ไป๋ซู่เย่ไม่มีมือที่มากพอจะปิดตาเขาอีกได้แต่เบี่ยงหน้าหันหนีสายตาที่รุกล้ำและคลุมเครือของเขา พูดเสียงเบา “บนตัวคุณก็มีแต่ทราย ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก”

 “อะแฮ่มๆ” หลังหยูอันลังเลอยู่อึดใจจำต้องพูดขัดพวกเขา “เอ่อ…ผมจะเริ่มแล้วนะ”

 “…” ไป๋ซู่เย่มุ่นคิ้ว

ต่อมา…

แขนถูกมีดคมกรีดเป็นแนวยาวทั้งอย่างนั้น เธอเจ็บจนสูดปากเห็นว่าฟันขาวสะอาดจะกัดปากตัวเองอย่างอัตโนมัติเย่เซียวที่ไหวตัวเร็วกว่าเธอรีบเอานิ้วมือไปสอดช่องฟันเธออย่างรวดเร็ว “ห้ามกัด!”

ไป๋ซู่เย่เจ็บจนเหงื่อซึมทั่วหน้า เธอไม่อาจพูดอะไรออกมาได้แต่กลับพยายามหักห้ามไม่ให้กัดนิ้วเขาเป็นแผล

เย่เซียวจับหน้าเธอให้ซุกบนไหล่ตัวเอง “กัดผม!ห้ามกัดตัวเองเป็นแผล!”

ไป๋ซู่เย่ไม่ยอม ยังคงทนไว้

 “เด็กดี” เย่เซียวตบหลังเธอเบาๆ

อีกฟากหนึ่งกรีดมีดลงมาอีกทีสร้างความเจ็บปวดแก่เธอให้ร้องครางออกเสียง กัดเสื้อบนไหล่เขา เย่เซียวรีบกอดเธอแน่นกว่าเดิมและรู้สึกได้ว่าตัวเธอสั่นเทิ้มอย่างชัดเจน เขาก้มมองหยูอันแวบหนึ่ง “เร็วหน่อย!”

 “ครับ นายท่าน”

ตัวเธอในอ้อมอกเย่เซียวตัวเกร็งแข็งเหมือนกับหินก็ไม่ปาน มือใหญ่ของเขาลูบหลังเธออย่างปวดใจ “ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว”

 “…อืม” ไป๋ซู่เย่รับคำอย่างอ่อนแอ อีกมือกอดเอวเขาไว้ น้ำตาเธอไหลรินอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป

 “…” เย่เซียวปวดใจ เสียงแหบลงไม่น้อย “คุณไม่ชอบร้องไห้ไม่ใช่เหรอ วันนี้คิดจะร้องไห้ให้น้ำตาหมดตัวหรือไง?”

 “ใครว่าฉันไม่ชอบร้องไห้? เมื่อก่อนฉัน…ร้องไห้บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?” ไป๋ซู่เย่พูดเสียงสั่นน้อยๆ

เมื่อก่อน…

เอ่ยถึงอดีตเย่เซียวก็แสดงสีหน้าซับซ้อนหน่อยๆ “ตั้งแต่ได้เจอคุณอีกครั้ง ก่อนวันนี้ ผมไม่เคยเห็นน้ำตาคุณ”

เธอกัดเสื้อเขาอ้าปากที่สั่นระริกพูดเสียงอุดอู้ “นั่นเป็นเพราะว่า…ร้องไห้ไม่ได้…”

ผู้หญิงที่ฉลาดมีแต่จะยอมร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายที่ยอมให้อภัยตัวเอง รักตัวเองและสงสารตัวเอง เย่เซียวในสิบปีหลังมาพร้อมกับการแก้แค้นและเหยียดหยาม เธอย่อมต้องสวมชุดเกราะให้ตัวเองไม่ให้ตกเป็นรองอีกฝ่าย

สายตาที่เย่เซียวใช้มองเธอนั้นทั้งล้ำลึกและซับซ้อน เขาถามเสียงต่ำ “ในเมื่อร้องไห้ไม่ได้ ตอนนี้…ทำไมถึงร้องล่ะ?”

 “…” ไป๋ซู่เย่อยากพูดบางอย่างแต่ความเจ็บที่รุนแรงกว่าระลอกก่อนถาโถมเข้ามา เธอครางเสียงฮึมทีหนึ่งจากนั้นก็เป็นลมหมดสติไปเพราะความเจ็บทันที

 “ซู่ซู่!”

สติเธอเลือนรางนัก ได้ยินเสียงเย่เซียวที่พร่ำเรียกเธออยู่ข้างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซู่ซู่…

ซู่ซู่…

เธอยกยิ้มมุมปาก ความมืดหม่นที่สุมอยู่ในอกมานาน ค่อยๆ สลายไปท่ามกลางความเจ็บจากร่างกาย…

……………………

รอเธอฟื้นมาอีกที ลูกกระสุนที่ฝังอยู่ในแขนก็ถูกผ่าออกมาเรียบร้อยและใส่ยาเสร็จสรรพ ผ้าพันแผลพันรอบแขนด้วยวิธีทำแผลที่ถูกต้องอย่างเชี่ยวชาญ

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ตรงหน้ามืดสนิท

ฟ้ามืดแล้ว

กวาดมองรอบข้าง ไม่ได้ยินเสียงหายใจของใคร

ใจเธอหวาดระแวงชั่วขณะ

 “เย่เซียว!”

เผลอเรียกชื่อเขาโดยไม่รู้ตัว ลุกจากเตียงจนเสื้อบนตัวตกลงมา เธอรู้ว่าเป็นเสื้อกันหนาวลายทหารของเขา

แต่ตัวเขาล่ะ?

 “ผมอยู่นี่” ประตูรถบ้านถูกเปิดเข้ามาจากข้างนอก เย่เซียวที่มามาพร้อมกับแสงดาวข้างนอกยืนมองเธออยู่ตรงหน้าประตู

ไป๋ซู่เย่เบาใจลง

ใบหน้าก็ผ่อนคลายลง

ดีที่เขาไม่เป็นอะไร

“ฉันไม่คิดว่าฉันจะหลับไปนานขนาดนี้” ไป๋ซู่เย่ลุกขึ้นนั่ง

อุณหภูมิที่แตกต่างกันเกินไปทำให้เธอรู้สึกเย็นเล็กน้อย

“คุณอดนอนมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วยังบาดเจ็บ ต้องนอนเยอะหน่อยอยู่แล้ว”

ไป๋ซู่เย่รู้ว่าเหตุผลหนึ่งที่เธอหลับได้นานขนาดนี้เป็นเพราะจิตสำนึกเธอรู้ว่าเย่เซียวอยู่ มีเขาอยู่ เธอเลยมีที่คุ้มกันความปลอดภัยชั้นบางๆ ไปโดยปริยาย

 “คุณใส่เสื้อก่อน ข้างนอกลมแรง” ไป๋ซู่เย่ยื่นเสื้อกันหนาวให้เขา

เย่เซียวรับไปแต่กลับมาสวมให้เธอแทนพร้อมพูดสั่ง “ใส่ดีๆ”

 “เย่เซียว…” เธอระอาหน่อยๆ

 “เร็ว”

คำพูดของเขาไม่เคยเปิดช่องให้ใครปฏิเสธอยู่แล้ว ไป๋ซู่เย่เถียงเขาไม่ไหวเลยสวมใส่เสื้อของเขาอย่างเชื่อฟัง

 “หยูอันยังอยู่ข้างนอกเหรอ?”

 “อืม”

 “คนของเยียวหมิงเจอตัวเราไหม?”

 “ยังไม่มีใครมาชั่วคราว”

 “ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย” ไป๋ซู่เย่ลุกจากเตียง

 “มาสิ” เย่เซียวยื่นมือให้เธออย่างเป็นธรรมชาติ เธอก้มหน้ามองมือของเขา แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระทบบนฝ่ามือเขา ใจเธอสั่นไหวชั่ววูบจากนั้นจึงวางมือบนมือเขา

ฝ่ามือเขาอบอุ่นกว้างหนา มือของเธอที่ถูกเขากอบกุมอยู่นั้นเหมือนมือของเด็กน้อยคนหนึ่ง

ความสว่างในรถบ้านไม่เท่ากับข้างนอก เย่เซียวเดินนำเธอลงจากรถโดยมีไป๋ซู่เย่ตามหลัง รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

 “นายท่าน” หยูอันเห็นพวกเขาสองคนออกมาเลยหันมาทักทายทีหนึ่ง

ไป๋ซู่เย่เดินไปข้างหยูอัน มองเขาแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเบา “ขอบคุณ”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด