อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 732 คุณสำคัญกว่าชีวิต (3)

Now you are reading อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! Chapter 732 คุณสำคัญกว่าชีวิต (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

               แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เมื่อเธอบอกว่า‘คิดถึงเขา’คำที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านับเป็นคำบอกรักหรือไม่ เขากลับมีเพียงยอมแพ้ ไม่อาจใช้สติไปแยกแยะจริงเท็จอย่างปกติของเขาได้เลย

               หากเป็นเรื่องโกหก เขาก็ยอม

               ปกติจูบของเย่เซียวมักดุเดือดร้อนแรง ไม่ปล่อยให้เธอได้มีพื้นที่ในหัวได้ขบคิดเรื่องอื่น

               ไม่นานไป๋ซู่เย่ก็ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ร้อนแรงที่เขามอบให้จนไม่อาจถอนตัว ในหัวเธอขาวโพลน รู้เพียงเธอชอบให้เขากอดตัวเองแน่นๆ แบบนี้ ชอบที่ได้สัมผัสตัวเขาอย่างใกล้ชิดและแท้จริง…

               เธอดูดดุนเรียวลิ้นชื้นของเขากลับ มืออ่อนนุ่มสอดเข้าใต้ร่มผ้าเขาโดยไม่รู้ตัว เย่เซียวครางฮึมในลำคอหนักๆ มือใหญ่คว้าจับมือนุ่มของเธอกลับคล้ายจะบดตัวเธอรวมเป็นร่างเดียวกับตัวเอง

               ไม่สนใจสถานที่เลย…

               เขาถอดชุดนอนของเธอให้ริมฝีปากได้ดูดดุนลาดไหล่เธออย่างบ้าคลั่งร้อนแรง ทิ้งร่องรอยกุหลายแสนจะคลุมเครือบนผิวขาวละเอียด ไป๋ซู่เย่หายใจหอบมือโอบกอดไหล่เขา สองขาของเธอถูกเขายกขึ้นสูงให้เกี่ยวเอวแกร่งเขาไว้

               ทั้งสองคน…

               ทุกอย่างยังไม่ทันเริ่มต้นก็เปียกชุ่มเพราะหยาดเหงื่อ

               แต่ว่า…

               จูบไปจูบไป เย่เซียวรู้สึกเธอในอ้อมแขนยิ่งตัวร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ…

               จูบไปจูบไป เธอรู้สึกว่าเขาที่อยู่ตรงหน้าเริ่มพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ…

               จูบไปจูบไป เธอเริ่มหมดแรงตอบสนองเขา…

               จูบไปจูบไป เธอตัวอ่อนยวบในอ้อมแขนของเขา…

               “ซู่ซู่!” เย่เซียวจับสังเกตถึงความผิดปกติได้เลยกอดเธอไว้แน่น ตัวเธอที่อ่อนระทวยไถลลงไป สองขาไม่มีแรงจะทรงตัวได้อีกเพราะเจ้าตัวได้หมดสติไปแล้ว

               “ซู่ซู่!ซู่ซู่!”

               เย่เซียวนั่งย่อลงกับพื้นโดยกอดเธออยู่ เรียกสองทีแต่เธอไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ

               “ถังเจวี๋ย!” เย่เซียวช้อนตัวเธอขึ้นทีเดียวก้าวขายาวขึ้นไปชั้นบนพลางตะโกนเรียกเสียงดัง “ถังเจวี๋ย!”

               ถังเจวี๋ยกำลังคาดสายรัดชุดนอนอย่างเกียจคร้าน เดินหาววอดออกมาจากห้องนอนและกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้ยินเสียงตะโกนของเย่เซียว“เรียกหมอ!รีบเรียกหมอมาเร็ว!”

               เมื่อถังเจวี๋ยเห็นไป๋ซู่เย่ที่นอนหมดสติในอ้อมแขนเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว รีบปรับสีหน้าให้จริงจังก่อนจะกดโทรออกโดยไม่ถามให้มากความ     ………………

               ไป๋ซู่เย่ถูกวางไว้บนเตียงของเย่เซียว

               เธอไข้ขึ้นอีกแล้ว

               ไข้ขึ้นสูงถึงขั้นไม่มีสติ ใบหน้าดวงเล็กขาวซีดไร้สีเลือดฝาด

               คุณหมอกำลังตรวจอาการให้ด้วยใจที่หวั่นเกรง

               เย่เซียวระงับอารมณ์ไว้ “คุณบอกว่าถ้าฉีดยาของคุณแล้วไข้เธอจะลดไม่ใช่เหรอ? นี่อาการแย่ลงชัดๆ”

               “เย่เซียว พอได้แล้ว อย่าทำหน้าน่ากลัวนัก คุณหมอหลินจะตกใจแย่” ถังเจวี๋ยพูดปลอบอยู่ข้างๆ

               ท่าทางที่เย่เซียวตีหน้าเย็นชานั้นน่ากลัวจริงๆ แม้แต่เขาถังเจวี๋ยยังรับไม่ไหว อย่าว่าแต่คนอื่นเลย

               “ตอนนี้มันยังไงกันแน่?” เย่เซียวถามต้อนคุณหมอหลินด้วยสีหน้าที่ไม่คลายความตึงเครียดลงสักนิด

               “นายอย่ากังวลเกินไป แผลอักเสบแล้วมีไข้มันปกติ” ถังเจวี๋ยยังคงปลอบเย่เซียว

               “นายท่าน คุณเย่เซียว กลัวแต่ว่า…ไข้ขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่แค่แผลอักเสบธรรมดา” คุณหมอหลินเอ่ยขึ้นกะทันหันด้วยใบหน้าหนักอึ้ง น้ำเสียงแฝงด้วยความหวาดระแวง

               เย่เซียวหน้าดุดัน “นี่หมายความว่ายังไง?!”

               คุณหมอหลินมองสีหน้าเย่เซียวแวบหนึ่งพลางเม้มปากไปมาไม่กล้าพูด

               “กลัวอะไร มีอะไรก็พูดมา!” ถังเจวี๋ยขมวดคิ้วสวย

               “นายท่าน นายท่านรู้จักตัวอ่อนยุงก้นปล่องของทะเลทรายมั้ยครับ?”

               “เหลวไหล ฉันต้องรู้อยู่แล้ว แต่ว่าที่ทะเลทรายซ่าเหยียนไม่เคยมีเจ้าตัวนี้มาก่อนเลย”

               “แต่ตอนนี้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว…”

               ถังเจวี๋ยตกใจ“ความหมายของคุณคือ…”

               “อะไรคือตัวอ่อนยุงก้นปล่อง?” เย่เซียวรู้จักทะเลทรายน้อยเกินไป เขาไม่เคยได้ยินแมลงชนิดนี้มาก่อน แต่เห็นจากสีหน้าของถังเจวี๋ยเขารับรู้ทันทีว่านี่ต้องไม่ใช่แมลงธรรมดา

               ถังเจวี๋ยทำหน้าตึงเครียด “คุณหมอหลิน อาการนี้จะวินิจฉัยเหลวไหลไม่ได้นะ คุณต้องดูให้แน่ชัดนะ!”

               คุณหมอหลินปัดผมของไป๋ซู่เย่ไปเพื่อโชว์เนื้อลำคอด้านหลังของเธอ

              “คุณดูสิ ตรงนี้…คิดว่าน่าจะเป็นแผลที่ถูกตัวอ่อนยุงก้นปล่องกัด ตัวอ่อนยุงก้นปล่องปล่อยสารพิษทางนี้ ระยะที่โรคฟักตัวคือภายในสองวัน หลังสองวันจะไข้ขึ้นซ้ำๆ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที ตัวแบคทีเรียจะแผ่กระจายเข้าในอวัยวะภายใน ภายในหนึ่งสัปดาห์ ก็จะตายเพราะระบบอวัยวะภายในพัง…”                เย่เซียวหายใจขาดห้วงดวงตาแดงก่ำ เขากระชากคอเสื้อคุณหมอไว้ด้วยมือเดียวแล้วลากตัวเขาเข้าหาตัวเอง อีกมือหยิบปืนจ่อตัวเขา “คุณพูดอีกทีสิ!ตัวอ่อนยุงก้นปล่องอะไร เมื่อกี้เธอยังอยู่ดีๆ อยู่เลย!”                เพราะอารมณ์ที่รุนแรงเกินไป เวลาเขากัดฟันพูดทุกคำออกมาจึงตัวสั่นระริก

               “เย่เซียว นายใจเย็นหน่อย!ฆ่าเขาก็ไม่ได้ช่วยอะไร!” ถังเจวี๋ยจับกระบอกปืนของเย่เซียว

 คุณหมอตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กและร่างกายสั่นเทา “นายท่าน ผม…ผมพูดความจริงทั้งนั้น ตอนนี้ตัวอ่อนน่าจะยังอยู่ใต้ผิวหนัง ต้องรีบเอาตัวอ่อนนั่นออกมาให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นอาการมีแต่จะแย่ลง”

 เย่เซียวหายใจหอบหนัก สติค่อยๆ ถูกดึงกลับมา

 ถังเจวี๋ยสบโอกาสนี้แย่งปืนจากเขาไป แค่ถามคุณหมอหลินต่อ “คุณ เอามันออกมาได้มั้ย?”

 “ผมทำได้ แต่ว่า…”

               “แต่ว่าอะไร?”

 “แต่ว่าตอนนี้ไวรัสได้ฝังอยู่ในร่างกายของเธอ ฉะนั้นการเอาตัวอ่อนออกมาเป็นแค่ขั้นแรก ขั้นที่สองยังคงต้องได้รับยารักษา”

 “งั้นก็รักษาสิ!เขียนรายการยามา ฉันไปเอาเอง”

 “นายท่าน เอาไม่ได้หรอก!ยาที่ไว้รักษาไวรัสตัวอ่อนยุงก้นปล่องทุกวันนี้ยังไม่มีขายในตลาดเลย เกรงว่าต้องลองไปถามคุณชายถังซ่งดู”

               “คุณ ตอนนี้รีบเอาตัวอ่อนออกมา ฉันจะไปโทรหาถังซ่ง!” เย่เซียวทิ้งคำไว้แล้วรีบสับเท้าออกจากห้องอย่างไม่รอช้า ถังเจวี๋ยรีบเรียกทีมพยาบาลของตระกูลถังมาทั้งหมดเพื่อทำการตรวจร่างกายทั้งตัวให้เธอ วินิจฉัยโรค รอมั่นใจก็จะทำการผ่าเอาตัวอ่อนออกมา     ………………

 ถังซ่งกำลังนอนอยู่

 สะลึมสะลือไม่ได้สติครบครันนัก

 “ฮัลโหล ใครเนี่ยโทรมาดึกดื่น ไม่รู้หรือไงว่ารบกวน…”

 “ยารักษาพิษตัวอ่อนยุงก้นปล่อง นายมีมั้ย?” เย่เซียวพูดขัดประโยคกล่าวโทษของเขา

 “เย่เซียว?” เดิมทีถังซ่งยังงัวเงียอยู่แต่พอนึกถึงบางอย่างเจ้าตัวก็ตื่นในทันที กระเด้งตัวลุกจากเตียงฉับพลัน “นายถูกตัวอ่อนยุงก้นปล่องกัดเหรอ?”

“ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเธอ!” มือที่ทิ้งข้างลำตัวของเย่เซียวกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดหลังมือปูดโปน

ให้ตาย!เขายอมให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกกัดยังจะดีกว่า!

“เธอ? ไป๋ซู่เย่!”

“นายอย่าพล่ามเยอะขนาดนั้น มียาหรือเปล่า?”

“ฉันไม่มี นี่เป็นโรคสายพันธุ์ใหม่ โอกาสตายร้อยละร้อย ไม่เคยมีใครมีชีวิตรอด”

“นายเป็นอัจฉริยะด้านการแพทย์ไม่ใช่หรือไง?” เย่เซียวตะคอกเสียงดังด้วยห้วงอารมณ์ที่ใกล้ระเบิดเต็มที “ไม่มียาอะไรเลย นายเป็นอัจฉริยะด้านการแพทย์บ้าอะไร!”

เสียงตะคอกที่ดังจากปากเริ่มเปลี่ยนโทนเสียงไปบ้างเล็กน้อย ตายร้อยละร้อยบ้าอะไร ถ้าเขาไม่ได้พยักหน้าตกลง แม้แต่ยมบาลก็ห้ามเอาชีวิตเธอไป!

ถังซ่งไม่เคยเห็นเย่เซียวเป็นแบบนี้มาก่อน เขากล่าว“นายอย่าเพิ่งใจร้อนขนาดนั้น ถึงฉันจะไม่มียา แต่ฉันรู้ว่าใครน่าจะมี”

“ใคร?”

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด