ซุปเปอร์เจ้าสำราญ 160 ฉันรู้ว่าแกมันก็แค่เศษเดน

Now you are reading ซุปเปอร์เจ้าสำราญ Chapter 160 ฉันรู้ว่าแกมันก็แค่เศษเดน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 160 ฉันรู้ว่าแกมันก็แค่เศษเดน

“ทำไม? พวกคุณยังไม่พอใจรึไงคะ?” กงซุนชิวอวี่พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ใช่นะครับ คุณหนูกงซุน นะ นี่มันไม่บังคับกันเกินไปหน่อยเหรอครับ?” เจิ้งทงสีหน้าดุไม่ดีเลย

“จริงครับ คุณหนูกงซุน ทำไมคุณถึงไปเข้าข้างหมอที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้ล่ะครับ? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

“ฉันจะพูดเป็นรอบสุดท้าย พวกคุณขอโทษอาจารย์หลินเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ก็รับผลที่จะตามมาเอง!” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยความโมโห

คนพวกนี้ช่างไม่เข้าใจสถานการณ์เอาซะเลย การที่เธอออกหน้าให้พวกเขาขอโทษนั้นก็เพื่อเหลือทางรอดให้ตระกูลเจิ้งไว้

ถ้าเกิดไปทำให้พี่ชายโกรธเข้าจริงๆ เรื่องมันจะไม่จบแค่คำขอโทษคำเดียวหรอกนะ!

“แต่……”

คนตระกูลเจิ้งที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันหน้าแดง สีหน้าของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและลำบากใจ

จะให้พวกเขาขอโทษไอ้บ้านนอกที่มาจากเมืองตุงไห่เหรอ? นี่มันน่าขายหน้าสิ้นดี!

ที่สำคัญ ไอ้บ้านนอกนี่ยังทำร้ายร่างกายเจิ้งหยวนเป่าต่อหน้าทุกคน แล้วยังทำร้ายเจ้าบ้านอย่างเจิ้งทงอีก นี่มันหยามหน้ากันชัดๆ

แต่ว่า น้อยครั้งที่จะเห็นกงซุนชิวอวี่โมโหกับท่าทางที่จริงจังแบบนี้

แปบเดียวก็พากันร้อนใจขึ้นมา

พวกเขาสามารถมองข้ามตัวประกอบอย่างหลินอิ่งไปได้ แต่การที่ทำให้คุณหนูกงซุนต้องมาโมโหแบบนี้ แล้วไม่ยอมทำตามที่เธอบอก ผลลัพธ์ที่ตามมามันอยากที่จะรับไหว

“ขอโทษครับ อาจารย์หลิน เรื่องในครั้งนี้พวกเราเป็นฝ่ายเสียมารยาทเอง” เจิ้งทงพูดออกมาอย่างไม่มีความเต็มใจเลย

หลินอิ่งขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็หันไปมองเจิ้งหยวนเป่า “แล้วคุณล่ะ?”

“ฉัน กะ แก!” เจิ้งหยวนเป่าสีหน้าแดงฉาน พูดจาสะเปะสะปะ ฟังไม่รู้เรื่อง

“ผม ขอโทษครับ อาจารย์หลิน ผมเป็นคนไปล่วงเกินคุณเอง” เจิ้งหยวนเป่าหันไปมองหน้ากงซุนชิวอวี่ที่กำลังโมโหอยู่เขาจึงจำใจต้องก้มหน้าลงเพื่อขอโทษ แต่ไฟแห่งความแค้นกำลังลุกโชนขึ้นในใจ

เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไม? เขาที่เป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้ง ทำไมถึงแพ้ให้กับไอ้นักต้มตุ๋นแบบนี้? หลินอิ่งมันมีเสน่ห์ตรงไหนถึงได้ทำให้กงซุนชิวอวี่สนับสนุนมันถึงขนาดนี้?

“ต่อไปก็ระวังหน่อยแล้วกัน” หลินอิ่งพูดออกมาอย่างเรียบเฉย แล้วเดินออกไปจากวิลล่าพร้อมกับกงซุนชิวิวี่โดยไม่หันมาสนใจคนอื่นอีก

คนตระกูลเจิ้งที่อยู่ตรงนั้นทุกคนมีสีหน้าที่ซีดเซียว มองตามผ่านหลังของหลินอิ่งไปด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจมากๆ

“พวกแกไปตรวจสอบให้แน่ชัดว่าหลินอิ่งคนนี้มันมีที่มาที่ไปยังไงจากเมืองตุงไห่กันแน่?” เจิ้งทงกัดฟันแน่น “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณหนูกงซุนจะสามารถปกป้องมันได้ตลอดไป ถ้ามันไม่สามารถรักษานายท่านกงซุนให้หายได้ มันก็ต้องตายสถานเดียว!”

ระหว่างที่พูด คนพวกนั้นก็เดินเข้าไปพยุงเจิ้งหยวนเป่าให้ลุกขึ้น จากนั้นก็โทรศัพท์ออกไปไม่หยุด เริ่มสั่งให้คนไปสืบหาข้อมูล

หลินอิ่งกับกงซุนชิวอวี่เดินออกจากสวนดอกไม้ของวิลล่า เดินตรงไปยังใจกลางของวิลล่าฉงหลง

“พี่คะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้พี่ต้องลำบาก” กงซุนชิวอหยิ่งยโสพูดออกมาอย่างไม่สบายใจ

“ไม่เป็นไร” หลินอิ่งพูดออกมาอย่างเรียบเฉย

ก็แค่พวกไก่กา ไม่ได้ทำให้เขากลัวเลยสักนิด ทำตัวดีๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วแท้ๆ แต่ดันรนหาที่มาแบบนี้ก็อย่ามาโทษเขาก็แล้วกัน

อย่าตัดสินคนแค่ภายนอก คำพูดนี้ถูกพูดต่อกันมาในประเทศหลุงมาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้ว แต่ก็ยังมีหมาหน้าโง่ที่ยังไม่เข้าใจ เอาแต่ดูถูกคนอื่นอยู่อย่างนั้น

“พี่คะ คืนนี้พี่ไปพักที่วิลล่าส่วนตัวก่อนนะคะ” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ส่วนเรื่องของนายท่านฉันได้พูดคุยกับคนในตระกูลแล้วค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยพาพี่ไปที่วิลล่าของนายท่านนะคะ”

หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากที่นายท่านกงซุนล้มป่วยลง วิลล่าของเขาก็มีการรักษาความปลอดภัยที่มากขึ้น การที่เขาจะพักคนเดียวแบบนี้คืนเดียวคงไม่เป็นไรหรอก

“ชิวอวี่ อาการป่วยของปู่เธอมันเป็นยังไง? ท่านเริ่มมีอาการตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลินอิ่งถามขึ้น

กงซุนชิวอวี่ตอบ “ประมาณหนึ่งเดือนก่อน จู่ๆ คุณปู่ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบาย จากนั้นอาการก็หนักขึ้นทุกวัน แล้วประมาณครึ่งเดือนก่อนท่านก็หมดสติไปแล้วไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยค่ะ ไม่ว่าจะเชิญหมอคนไหนมาก็ตรวจหาสาเหตุไม่ได้เลยค่ะ” กงซุนชิวอวี่เล่ามาด้วยความปวดใจ “ไม่ว่าจะตรวจหายังไงก็ไม่สามารถตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงได้ พวกเขาคิดว่าอาจจะเกิดจากร่างกายที่ชราภาพของท่านก็ได้ แต่ ฉันคิดว่ามันไม่ใช่ค่ะ”

หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว

จากนั้น กงซุนชิวอวี่ก็ได้จัดให้หลินอิ่งไปอยู่ที่วิลล่าที่ค่อนข้างมีสไตล์หลังหนึ่ง แล้วเธอก็กลับไปที่นายท่าน

หลินอิ่งนั่งอยู่ข้างๆ โต๊ะกลม ชงชาแดง ดื่มด่ำกับความหมอของชา ความคิดมากมายกำลังแล่นอยู่ในหัว

เรื่องอาการของกงซุนฉงหลงกลับตรวจหาความผิดปกติของร่างกายไม่ได้เลย มันก็ยืนยันได้แล้วว่าต้องไม่ใช้การชราภาพของร่างกายแน่นอน

การที่ไม่ผิดปกตินี่แหละผิดปกติที่สุด

บางที คนที่คิดร้ายกับกงซุนฉงหลงอยู่อาจจะเก่งที่ตัวเองคาดไว้ก็ได้

คิดไป หลินอิ่งก็หลับตาลงแล้วพักผ่อนอยู่บนโซฟา

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เสียงดังปั๊ง!

ประตูของวิลล่าถูกใครบางคนถีบออกอย่างแรง ชายหนุ่มสูทดำยี่สิบสามสิบคนเดินเข้ามาตั้งเป็นสองแถว จากนั้นก็ยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

จัดเตรียมสถานที่ได้อย่างเพียบพร้อม!

ชายหนุ่มแว่นดำที่วางท่าใหญ่โตคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างได้ใจ ส่วนด้านหลังก็มีเจิ้งหยวนเป่าที่เดินตามมาอย่างโซซัดโซเซ

“พี่สือ! ไอ้หลินอิ่งคนนี่แหละ มันเป็นนักต้มตุ๋น ไม่รู้มันใช้วิธีอะไรถึงไปล่อลวงชิวอวี่ให้เชื่อได้!” เจิ้งหยวนเป่าทำท่าเหมือนหาที่พึ่งอันใหญ่ได้แล้ว ทั้งได้ใจทั้งปากดี

“หลินอิ่ง นี่คือกงซุนสือ คุณชายใหญ่แห่งกงซุน และเป็นลูกพี่ลูกน้องของชิวอวี่ด้วย ยังไม่รีบลุกขึ้นมากล่าวทักทายอีก?” เจิ้งหยวนเป่าทำตัวเหมือนหมาที่กำลังเลียขาให้เจ้านายเลย

“โอะโอ๋? ท่าทางที่แสดงเป็นหมอถือว่าเหมือนใช้ได้เลยไม่รึไง? แถมยังนั่งทำสมาธิด้วย” กงซุนสือถอดแว่นออก มองหน้าหลินอิ่งด้วยสีหน้าที่สนุกสนาน ทำท่าประหลาดๆ “อาจารย์หลินของผม คุณช่วยเลิกแสดงสักทีได้มั้ยครับ? คุณมีที่มาที่ไปยังไง มีฐานะแบบไหน ผมรู้เรื่องหมดแล้วครับ”

หลินอิ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้น สายตาเป็นประกาย จากนั้นก็มองไปที่เจิ้งหยวนเป่ากับกงซุนสืออย่างไม่ค่อยชอบใจ

“แกชื่อหลินอิ่งใช่มั้ย?” กงซุนสือยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ สีหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส “ได้ยินว่าแกให้ชิวอวี่ออกหน้าแทนอย่างนั้นเหรอ? พลิกแพลงเก่งดีนี่? ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง เก่งแต่หลอกน้องสาวที่ไร้เดียงสาของฉันก็เท่านั้น?”

“พ่อชื่อกงซุนสือ เคยได้ยินชื่อนี้มั้ย? ใต้หล้าที่ตี้จิงเรียกฉันว่าเฮียสือ!”

หลินอิ่งส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างไม่ชอบใจ เฮียสือเหรอ? รู้ตัวตนของตัวเองแล้วสินะ?

“หลินอิ่ง ฉันรู้ว่าแกมันก็แค่ไอ้เศษเดน ฉันได้ข้อมูลมาจากเพื่อนนักธุรกิจในเมืองตุงไห่คนหนึ่ง ได้ยินว่าแกเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่งที่ของเมืองตุงไห่ในเมืองตุงไห่สินะ!” กงซุนสือพูดด้วยสีหน้าที่เยอะเย้ย “เป็นลูกเขยไร้ค่าที่มีชื่อเสียงของเมืองชิงหยูน? คอยแต่จะไปเกาะผู้หญิงกิน? ฮาฮา สมแล้วที่เป็นคนไร้ค่า ทำไม? ไม่รู้จะส่องกระจกดูเงาตัวเองรึไงว่าสาระรูปของตัวเองมันเป็นยังไง ยังคิดจะหวังสูงเด็ดดอกฟ้าอีกนะ? อยากเข้ามาเกาะน้องฉันกงซุนชิวอวี่ให้ได้ใช่มั้ย?”

“หึ เป็นแค่ลูกเขยไร้ค่า รู้วิชาการต่อสู้อีกนิดหน่อย เอาชื่อเสียงของชิวอวี่มาอ้างแค่นี้ก็กล้ามาทำร้ายฉัน แกนี่มันช่างรนหาที่ตายจริงๆ!” เจิ้งหยวนเป่าพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ

พอได้รู้ฐานะที่หลินอิ่งมีในเมืองชิงหยูนแล้ว มันก็ทำให้เขารู้สึกอับอายมากที่ถูกคนแบบนี้กระทืบเหมือนหมา ในเวลาเดียวกัน ก็เห็นถึงโอกาส ที่แท้หลินอิ่งก็ไม่ได้มีคนอะไรหนุนหลัง แค่อาศัยบารมีของกงซุนชิวอวี่เท่านั้น มันจึงทำให้เขานึกถึงการให้กงซุนสือมาช่วยจัดการหลินอิ่งทันที

ถึงกงซุนชิวอวี่จะใหญ่ขนาดไหน ก็คงไม่ถึงขั้นแตกหักกับพี่ชายเพื่อหลินอิ่งหรอกมั้ง?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด