ซุปเปอร์เจ้าสำราญ 648 แกตั้งใจจะช่วยตัวประกันใต้จมูกฉันเนี่ยนะ?

Now you are reading ซุปเปอร์เจ้าสำราญ Chapter 648 แกตั้งใจจะช่วยตัวประกันใต้จมูกฉันเนี่ยนะ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

"คุณหลินเขา……คุณหลินยังรับมือกับหัวหน้าของพวกมันอยู่ครับ ตอนนี้เขายังออกมาไม่ได้" กู้ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม "ถ้าไม่ได้คุณหลินถ่วงพวกมันไว้ ผมก็ไม่มีทางช่วยคุณออกมาได้อย่างง่ายดายแบบนี้หรอกครับ"

ตอนที่พูดนั้น กู่ชางไห่ก็หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หลินอิ่งกับชายนิรนามสู้กัน ในใจนั้นยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เลย

เมื่อกี้ตอนที่กำลังแฝงตัวอยู่ในเงามืดนั้น ภาพการต่อสู้ระหว่างหลินอิ่งกับชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้น ช่างน่าตกตกตะลึงเหลือเกิน มันเกินกว่าจินตนาการของยอดฝีมือระดับรายการแห่งดินแบบเขาไปแล้ว

ถ้าไม่ได้หลินอิ่งมาหยุดชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าเอาไว้ แล้วทำให้นายพลงูกับพวกชายหนุ่มชุดดำจนบาดเจ็บสาหัสล่ะก็

กู่ชางไห่ก็รู้ตัวดี ภายใต้กองกำลังที่เตรียมพร้อมแบบนี้ ลำพังแค่ความสามารถในด้านบูโดของเขาคนเดียว ก็ยากมากที่จะช่วยจางฉีโม่ออกมาได้

"หลินอิ่งยังไม่ได้หนีออกมาเหรอคะ? ขะ เขาจะเป็นอันตรายมั้ย?" จางฉีโม่พูดออกมาด้วยความร้อนรน "แล้วใครกันที่กำลังต่อสู้กับเขาอยู่? คนพวกนี้เป็นใครกันแน่?"

ในใจของจางฉีโม่นั้นมีคำถามที่มากมาย

เรื่องที่ต้องเจออย่างกะทันหัน ส่งผลให้เธอตกใจอย่างมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย

ผู้หญิงคนนั้นที่คุยกับเธอ บอกว่าตัวเองนั้นเป็นแม่เลี้ยงของหลินอิ่ง ระหว่างที่คุยกัน ก็ได้แสดงท่าทางที่น่ากลัวออกมาเป็นผู้หญิงโหดเหี้ยมที่ยังมีชีวิต

ถ้าไม่ใช่ว่าออกจากที่แห่งนั้นมาแล้ว แค่คิดจางฉีโม่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับเรื่องราวที่น่ากลัวแบบนี้

ส่วนหลินอิ่งนั้น

ในความทรงจำของจางฉีโม่ ฝีมือของหลินอิ่งนั้นอยู่ระดับยอดฝีมือที่อยู่ในหนังแล้ว คนทั่วๆ ไปนั้นไม่มีทางทนมือทนตีนเขาได้แน่นอน

แล้วทำไมถึงยังถูกขวางไว้อีกล่ะ?

"คุณหลินเขา……" กู่ชางไห่ทำหน้าลำบากใจ "เขาไม่น่าจะเป็นอะไรครับ"

จากทัศนวิสัยของเขา ก็ไม่มีทางคาดเดาได้ว่าหลินอิ่งจะสามารถต้านทานพลังอำนาจที่น่ากลัวของชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้นได้มั้ย

คนระดับนั้น ต้องเป็นปรมาจารย์ที่เหนือกว่ารายการแห่งฟ้าแน่นอน อาจจะเป็นบุคคลระดับตำนานในแวดวงลึกลับก็เป็นได้

ดังนั้น เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน

"คุณนายหลิน คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณหลินนั้นเป็นคนที่ทำอะไรรอบคอบมาโดยตลอด ในเมื่อเขากล้าขวางยอดฝีมือลึกลับคนนั้นไว้เพียงลำพัง ก็แสดงว่าเขาต้องมั่นใจมากพออยู่แล้วครับ" กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง "ภารกิจที่คุณหลินมอบให้ผมคือ หลังจากที่ช่วยคุณออกมาได้แล้ว ให้รีบลงเขาแล้วขึ้นกลับไปรอเขาอยู่ที่ตัวอำเภอครับ"

"แบบ แบบนี้ไม่ได้นะ ฉันจะกลับไปพร้อมกับหลินอิ่ง เขายอมเสี่ยงอันตรายขนาดนี้มาช่วยฉัน จะให้ฉันกลับไปคนเดียวแบบนี้ได้ยังไง" จางฉีโม่พูดด้วยความแน่วแน่

"ในเมื่อคุณเป็นคนของหลินอิ่ง ก็ต้องฟังที่ฉันสั่ง กลับไปตอนนี้ ไปช่วยหลินอิ่ง ฉันจะกลับไปพร้อมกับเขา" จางฉีโม่พูดออกมาด้วยความร้อนรน และใช้คำพูดที่สื่อถึงการออกคำสั่ง

"คือ……"

กู่ชางไห่ทำหน้าลำบากใจ รู้สึกเหมือนเจอกับศึกสองด้านอยู่ และไม่รู้ว่าควรตัดสินใจยังไงดี

"คุณนายหลินครับ ต่อให้ตอนนี้ข้าน้อยจะหันกลับไปช่วยเหลือคุณหลิน ก็ใช่ว่าจะช่วยอะไรได้" กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม "การที่คุณหลินยอมเสี่ยงอันตรายขนาดนั้นเพื่อเข้าไปช่วยคุณ ในตอนนี้ อยากให้เข้าใจความพยายามของเขาด้วย อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอีกเลยนะครับ"

ในใจของกู่ชางไห่นั้นรู้ดี บอกตามตรงการต่อสู้ในระดับของหลินอิ่งนั้น เขาช่วยอะไรไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ถ้าเขาเข้าไป อาจจะทนได้ไม่เกินสองนาที ก็น่าจะถูกชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้นเล่นงานจนตาย หรือโดนฉีกกระชากด้วยมือเปล่าแน่นอน

"ยิ่งเป็นแบบนั้น ฉันยิ่งทิ้งหลินอิ่งแล้วหนีไปคนเดียวไม่ได้" จางฉีโม่พูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ "ถ้าเขากลับไปอย่างปลอดภัยไม่ได้ กับการที่ฉันหนีไปคนเดียว แล้วมันจะไปมีความหมายอะไร?"

จางฉีโม่ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะกลับไปพร้อมกับหลินอิ่งให้ได้

เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินอิ่งมาก และไม่อยากให้หลินอิ่งต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อเธอขนาดนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลินอิ่ง มันก็เป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการที่จะเห็นมากที่สุด

"คือว่า……" กู่ชางไห่ทำหน้าลังเลแถมยังร้อนรนอีกด้วย

"นี่พวกแกสองคน ยังคิดจะหนีอยู่อีกเหรอ?"

และในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่น่าขนลุกก็ได้ดังขึ้นจากในที่ที่ไม่ไกล ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่ต้องรู้สึกขนลุก

ภายใต้แสงจันทร์จางๆ ที่สาดส่อง ทางเดินที่อยู่กลางป่า ได้มีชายหนุ่มชุดดำที่ใส่หน้ากากสัมฤทธิ์เดินตรงเข้ามาร่างกายของเขาสูงใหญ่ รอบตัวปกคลุมไปด้วยรังสีที่พร้อมจะระเบิดออกมา จิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วตัว

ในเวลาเดียวกัน ทั่วทุกทิศทาง ก็มีคนชุดดำนั้นเดินออกมา ล้อมรอบพวกของจางฉีโม่เอาไว้

ภายใต้ความเงียบงันนั้น องครักษ์มังกรดำก็ตามไล่ล่ามาถึงแล้ว

"นี่มัน?" จางฉีโม่ที่เห็นกลุ่มคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร สีหน้าก็ดูร้อนรนขึ้นมาทันที แต่แววตากลับดูไม่ลังเลเลย

เพราะพอคิดว่าหลินอิ่งกำลังต่อสู้อย่างยากลำบากเพื่อเธออยู่

เธอจึงห้ามกลัวอีก ห้ามเป็นตัวถ่วงให้หลินอิ่งอีก

"ฮึฮึ คุณนายหลิน พวกเราต่างก็เป็นเพื่อนเก่าของคุณหลิน มาหาเขาก็เพราะมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย แล้วทำไมคุณถึงรีบกลับไปขนาดนี้ล่ะครับ?"

นายพลงูพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา ส่วนสายตาก็มองไปที่กู่ชางไห่ ทำท่าเหมือนพร้อมที่จะเข้าจู่โจมทุกเมื่อ

"คุณนายหลิน คุณไม่ต้องห่วง ข้าน้อยจะช่วยคุณขวางคนพวกนี้ไว้เอง" กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง สายตาก็จ้องไปที่นายพลงูเหมือนกัน

ผู้คนมากมายที่อยู่ตรงนี้ มีเพียงนายพลงูคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยได้

"ขวางเราเอาไว้อย่างนั้นเหรอ? ฮึฮึฮึ………" นายพลงูขำออกมาอย่างเยือกเย็น "ตาแก่อย่างแก พูดจาใหญ่โตเหมือนกันนี่ ถึงกล้าคิดที่จะชิงตัวประกันที่ใต้จมูกของฉัน?"

"แกรู้รึเปล่าว่าแกกำลังทำเรื่องที่มันโงเง่าขนาดไหนอยู่? แกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร? เรื่องที่ร้ายแรงขนาดนี้ แกยังกล้าเข้ามายุ่งอีกเหรอ?"

สีหน้าของกู่ชางไห่เคร่งขรึมเป็นอย่างมาก จ้องมองไปยังนายพลงูแล้วพูดไปว่า "แกเป็นถึงยอดฝีมือระดับรายการแห่งดิน ทำไมถึงได้ทำเรื่องต่ำทรามอย่างการจับตัวผู้หญิงมาเป็นตัวประกันแบบนี้? ยังมีศักดิ์ศรีหลงเหลือบ้างมั้ย?"

ตอนมาถึงที่ภูเขาเจียงเยว่ พอได้เห็นการต่อสู้ที่น่าตกตะลึงนั่น หลังจากได้รู้ถึงความแข็งแกร่งที่มากล้นของอีกฝ่าย

ในใจของกู่ชางไห่ก็เกิดสงสัยขึ้นมา

ตามหลักแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของนายพลงูกับชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้น ต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่ในแวดวงลึกลับแน่นอน แล้วทำไมถึงยังต้องลดตัวลงมาลักพาตัวผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ด้วย?

"เรื่องต่ำทรามอย่างนั้นเหรอ? ไม่ไม่ไม่" นายพลงูขำพร้อมพูดด้วยความไม่ชอบใจ "การต้องรับมือกับคนอย่างหลินอิ่งนั้น ใช้แค่วิธีทั่วไปน่ะมันไม่ได้ผลหรอก คนที่จะทำการใหญ่ ต้องไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ"

"ตกลงตาแก่อย่างแก เป็นใครมาจากไหนกันแน่? ไม่คิดจะเล่าให้ฟังหน่อยเหรอ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าใครกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือกล้าถึงกล้าไปช่วยหลินอิ่ง แล้วมาเป็นศัตรูกับพวกเรา"

นายพลงูพูดอย่างขบขัน

"กู่ชางไห่แห่งสำนักบี้ชุ่ย" กู่ชางไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึก "แล้วพวกแกล่ะเป็นใครมาจากไหน?"

"สำนักบี้ชุ่ย?" สายตาของนายพลงูดูตื่นเต้นขึ้นมา แล้วข่มขู่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า "สำนักบี้ชุ่ยที่เล็กจ๊อยนั่น ยังกล้าเข้ามายุ่งของแก๊งมังกรอีก นี่แกอยู่มานานจนเบื่อไปแล้วใช่มั้ย?"

"คนแซ่กู่ แกวางจางฉีโม่ลงตอนนี้ หันหลังแล้วเดินจากไป ฉันจะถึอว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน" นายพลงูพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ "ไม่อย่างนั้น ในไม่กี่วัน สำนักบี้ชุ่ยได้ตายเกลี้ยงไม่มีเหลือแน่!"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ 648 แกตั้งใจจะช่วยตัวประกันใต้จมูกฉันเนี่ยนะ?

Now you are reading ซุปเปอร์เจ้าสำราญ Chapter 648 แกตั้งใจจะช่วยตัวประกันใต้จมูกฉันเนี่ยนะ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

"คุณหลินเขา……คุณหลินยังรับมือกับหัวหน้าของพวกมันอยู่ครับ ตอนนี้เขายังออกมาไม่ได้" กู้ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม "ถ้าไม่ได้คุณหลินถ่วงพวกมันไว้ ผมก็ไม่มีทางช่วยคุณออกมาได้อย่างง่ายดายแบบนี้หรอกครับ"

ตอนที่พูดนั้น กู่ชางไห่ก็หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หลินอิ่งกับชายนิรนามสู้กัน ในใจนั้นยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เลย

เมื่อกี้ตอนที่กำลังแฝงตัวอยู่ในเงามืดนั้น ภาพการต่อสู้ระหว่างหลินอิ่งกับชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้น ช่างน่าตกตกตะลึงเหลือเกิน มันเกินกว่าจินตนาการของยอดฝีมือระดับรายการแห่งดินแบบเขาไปแล้ว

ถ้าไม่ได้หลินอิ่งมาหยุดชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าเอาไว้ แล้วทำให้นายพลงูกับพวกชายหนุ่มชุดดำจนบาดเจ็บสาหัสล่ะก็

กู่ชางไห่ก็รู้ตัวดี ภายใต้กองกำลังที่เตรียมพร้อมแบบนี้ ลำพังแค่ความสามารถในด้านบูโดของเขาคนเดียว ก็ยากมากที่จะช่วยจางฉีโม่ออกมาได้

"หลินอิ่งยังไม่ได้หนีออกมาเหรอคะ? ขะ เขาจะเป็นอันตรายมั้ย?" จางฉีโม่พูดออกมาด้วยความร้อนรน "แล้วใครกันที่กำลังต่อสู้กับเขาอยู่? คนพวกนี้เป็นใครกันแน่?"

ในใจของจางฉีโม่นั้นมีคำถามที่มากมาย

เรื่องที่ต้องเจออย่างกะทันหัน ส่งผลให้เธอตกใจอย่างมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย

ผู้หญิงคนนั้นที่คุยกับเธอ บอกว่าตัวเองนั้นเป็นแม่เลี้ยงของหลินอิ่ง ระหว่างที่คุยกัน ก็ได้แสดงท่าทางที่น่ากลัวออกมาเป็นผู้หญิงโหดเหี้ยมที่ยังมีชีวิต

ถ้าไม่ใช่ว่าออกจากที่แห่งนั้นมาแล้ว แค่คิดจางฉีโม่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับเรื่องราวที่น่ากลัวแบบนี้

ส่วนหลินอิ่งนั้น

ในความทรงจำของจางฉีโม่ ฝีมือของหลินอิ่งนั้นอยู่ระดับยอดฝีมือที่อยู่ในหนังแล้ว คนทั่วๆ ไปนั้นไม่มีทางทนมือทนตีนเขาได้แน่นอน

แล้วทำไมถึงยังถูกขวางไว้อีกล่ะ?

"คุณหลินเขา……" กู่ชางไห่ทำหน้าลำบากใจ "เขาไม่น่าจะเป็นอะไรครับ"

จากทัศนวิสัยของเขา ก็ไม่มีทางคาดเดาได้ว่าหลินอิ่งจะสามารถต้านทานพลังอำนาจที่น่ากลัวของชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้นได้มั้ย

คนระดับนั้น ต้องเป็นปรมาจารย์ที่เหนือกว่ารายการแห่งฟ้าแน่นอน อาจจะเป็นบุคคลระดับตำนานในแวดวงลึกลับก็เป็นได้

ดังนั้น เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน

"คุณนายหลิน คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณหลินนั้นเป็นคนที่ทำอะไรรอบคอบมาโดยตลอด ในเมื่อเขากล้าขวางยอดฝีมือลึกลับคนนั้นไว้เพียงลำพัง ก็แสดงว่าเขาต้องมั่นใจมากพออยู่แล้วครับ" กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง "ภารกิจที่คุณหลินมอบให้ผมคือ หลังจากที่ช่วยคุณออกมาได้แล้ว ให้รีบลงเขาแล้วขึ้นกลับไปรอเขาอยู่ที่ตัวอำเภอครับ"

"แบบ แบบนี้ไม่ได้นะ ฉันจะกลับไปพร้อมกับหลินอิ่ง เขายอมเสี่ยงอันตรายขนาดนี้มาช่วยฉัน จะให้ฉันกลับไปคนเดียวแบบนี้ได้ยังไง" จางฉีโม่พูดด้วยความแน่วแน่

"ในเมื่อคุณเป็นคนของหลินอิ่ง ก็ต้องฟังที่ฉันสั่ง กลับไปตอนนี้ ไปช่วยหลินอิ่ง ฉันจะกลับไปพร้อมกับเขา" จางฉีโม่พูดออกมาด้วยความร้อนรน และใช้คำพูดที่สื่อถึงการออกคำสั่ง

"คือ……"

กู่ชางไห่ทำหน้าลำบากใจ รู้สึกเหมือนเจอกับศึกสองด้านอยู่ และไม่รู้ว่าควรตัดสินใจยังไงดี

"คุณนายหลินครับ ต่อให้ตอนนี้ข้าน้อยจะหันกลับไปช่วยเหลือคุณหลิน ก็ใช่ว่าจะช่วยอะไรได้" กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม "การที่คุณหลินยอมเสี่ยงอันตรายขนาดนั้นเพื่อเข้าไปช่วยคุณ ในตอนนี้ อยากให้เข้าใจความพยายามของเขาด้วย อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอีกเลยนะครับ"

ในใจของกู่ชางไห่นั้นรู้ดี บอกตามตรงการต่อสู้ในระดับของหลินอิ่งนั้น เขาช่วยอะไรไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ถ้าเขาเข้าไป อาจจะทนได้ไม่เกินสองนาที ก็น่าจะถูกชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้นเล่นงานจนตาย หรือโดนฉีกกระชากด้วยมือเปล่าแน่นอน

"ยิ่งเป็นแบบนั้น ฉันยิ่งทิ้งหลินอิ่งแล้วหนีไปคนเดียวไม่ได้" จางฉีโม่พูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ "ถ้าเขากลับไปอย่างปลอดภัยไม่ได้ กับการที่ฉันหนีไปคนเดียว แล้วมันจะไปมีความหมายอะไร?"

จางฉีโม่ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะกลับไปพร้อมกับหลินอิ่งให้ได้

เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินอิ่งมาก และไม่อยากให้หลินอิ่งต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อเธอขนาดนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลินอิ่ง มันก็เป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการที่จะเห็นมากที่สุด

"คือว่า……" กู่ชางไห่ทำหน้าลังเลแถมยังร้อนรนอีกด้วย

"นี่พวกแกสองคน ยังคิดจะหนีอยู่อีกเหรอ?"

และในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่น่าขนลุกก็ได้ดังขึ้นจากในที่ที่ไม่ไกล ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่ต้องรู้สึกขนลุก

ภายใต้แสงจันทร์จางๆ ที่สาดส่อง ทางเดินที่อยู่กลางป่า ได้มีชายหนุ่มชุดดำที่ใส่หน้ากากสัมฤทธิ์เดินตรงเข้ามาร่างกายของเขาสูงใหญ่ รอบตัวปกคลุมไปด้วยรังสีที่พร้อมจะระเบิดออกมา จิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วตัว

ในเวลาเดียวกัน ทั่วทุกทิศทาง ก็มีคนชุดดำนั้นเดินออกมา ล้อมรอบพวกของจางฉีโม่เอาไว้

ภายใต้ความเงียบงันนั้น องครักษ์มังกรดำก็ตามไล่ล่ามาถึงแล้ว

"นี่มัน?" จางฉีโม่ที่เห็นกลุ่มคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร สีหน้าก็ดูร้อนรนขึ้นมาทันที แต่แววตากลับดูไม่ลังเลเลย

เพราะพอคิดว่าหลินอิ่งกำลังต่อสู้อย่างยากลำบากเพื่อเธออยู่

เธอจึงห้ามกลัวอีก ห้ามเป็นตัวถ่วงให้หลินอิ่งอีก

"ฮึฮึ คุณนายหลิน พวกเราต่างก็เป็นเพื่อนเก่าของคุณหลิน มาหาเขาก็เพราะมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย แล้วทำไมคุณถึงรีบกลับไปขนาดนี้ล่ะครับ?"

นายพลงูพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา ส่วนสายตาก็มองไปที่กู่ชางไห่ ทำท่าเหมือนพร้อมที่จะเข้าจู่โจมทุกเมื่อ

"คุณนายหลิน คุณไม่ต้องห่วง ข้าน้อยจะช่วยคุณขวางคนพวกนี้ไว้เอง" กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง สายตาก็จ้องไปที่นายพลงูเหมือนกัน

ผู้คนมากมายที่อยู่ตรงนี้ มีเพียงนายพลงูคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยได้

"ขวางเราเอาไว้อย่างนั้นเหรอ? ฮึฮึฮึ………" นายพลงูขำออกมาอย่างเยือกเย็น "ตาแก่อย่างแก พูดจาใหญ่โตเหมือนกันนี่ ถึงกล้าคิดที่จะชิงตัวประกันที่ใต้จมูกของฉัน?"

"แกรู้รึเปล่าว่าแกกำลังทำเรื่องที่มันโงเง่าขนาดไหนอยู่? แกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร? เรื่องที่ร้ายแรงขนาดนี้ แกยังกล้าเข้ามายุ่งอีกเหรอ?"

สีหน้าของกู่ชางไห่เคร่งขรึมเป็นอย่างมาก จ้องมองไปยังนายพลงูแล้วพูดไปว่า "แกเป็นถึงยอดฝีมือระดับรายการแห่งดิน ทำไมถึงได้ทำเรื่องต่ำทรามอย่างการจับตัวผู้หญิงมาเป็นตัวประกันแบบนี้? ยังมีศักดิ์ศรีหลงเหลือบ้างมั้ย?"

ตอนมาถึงที่ภูเขาเจียงเยว่ พอได้เห็นการต่อสู้ที่น่าตกตะลึงนั่น หลังจากได้รู้ถึงความแข็งแกร่งที่มากล้นของอีกฝ่าย

ในใจของกู่ชางไห่ก็เกิดสงสัยขึ้นมา

ตามหลักแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของนายพลงูกับชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้น ต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่ในแวดวงลึกลับแน่นอน แล้วทำไมถึงยังต้องลดตัวลงมาลักพาตัวผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ด้วย?

"เรื่องต่ำทรามอย่างนั้นเหรอ? ไม่ไม่ไม่" นายพลงูขำพร้อมพูดด้วยความไม่ชอบใจ "การต้องรับมือกับคนอย่างหลินอิ่งนั้น ใช้แค่วิธีทั่วไปน่ะมันไม่ได้ผลหรอก คนที่จะทำการใหญ่ ต้องไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ"

"ตกลงตาแก่อย่างแก เป็นใครมาจากไหนกันแน่? ไม่คิดจะเล่าให้ฟังหน่อยเหรอ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าใครกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือกล้าถึงกล้าไปช่วยหลินอิ่ง แล้วมาเป็นศัตรูกับพวกเรา"

นายพลงูพูดอย่างขบขัน

"กู่ชางไห่แห่งสำนักบี้ชุ่ย" กู่ชางไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึก "แล้วพวกแกล่ะเป็นใครมาจากไหน?"

"สำนักบี้ชุ่ย?" สายตาของนายพลงูดูตื่นเต้นขึ้นมา แล้วข่มขู่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า "สำนักบี้ชุ่ยที่เล็กจ๊อยนั่น ยังกล้าเข้ามายุ่งของแก๊งมังกรอีก นี่แกอยู่มานานจนเบื่อไปแล้วใช่มั้ย?"

"คนแซ่กู่ แกวางจางฉีโม่ลงตอนนี้ หันหลังแล้วเดินจากไป ฉันจะถึอว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน" นายพลงูพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ "ไม่อย่างนั้น ในไม่กี่วัน สำนักบี้ชุ่ยได้ตายเกลี้ยงไม่มีเหลือแน่!"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+