ซุปเปอร์เจ้าสำราญ 183 จองเวรจองกรรม

Now you are reading ซุปเปอร์เจ้าสำราญ Chapter 183 จองเวรจองกรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 183 จองเวรจองกรรม

คนที่มาจากลาตินกรุ๊ป ลี่น่าพาบอดี้การ์ดต่างชาติสองสามคน ลงจากลิฟต์ด้วยความโกรธและเดินไปที่ลานจอดรถ

เธอโทรศัพท์ออกไป ด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพ ใช้ภาษาต่างประเทศในการพูดอยู่ไปมากมาย จากนั้นเหมือนจะได้รับคำสั่งบางอย่าง สีหน้าของเธอดูดีขึ้นมาทันที และขึ้นรถบ้านไป

หลังจากรถบ้าน ออกจากที่จอดรถชั้นใต้ดินแล้ว รถออดี้ แบบธรรมดาสองคันก็ติดตามไปทันที

ชายวัยกลางคนสองคนในชุดเสื้อคลุมจีนมองไปที่รถที่กำลังจะออกไป นั่งอยู่ในรถ ด้วยสีหน้าสง่างาม

“คิดว่าอย่างไร? ในเมืองชิงหยูนขนาดเล็ก ยังมีสาขาของลาตินกรุ๊ปอยู่ด้วยหรือ? ดูเหมือนว่ากำลังต่อสู้กับไห่หยางกรุ๊ปอีกด้วย? คนอะไรที่อยู่เบื้องหลังของไห่หยางกรุ๊ป? กล้าที่จะต่อต้านเรางั้นเหรอ?”

“เมืองชิงหยูนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เห็นได้ชัดว่าคนที่มีสกุลหลินนั้นเป็นปรมาจารย์ที่ซ่อนอยู่ ฉันได้ตรวจสอบภูมิหลังทั้งหมดของเขาแล้ว และไม่พบอะไรเลย ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็เป็นแค่ลูกเขยขี้แยที่เกาะเมียกินเท่านั้น”

“อย่างไรก็ตาม ฉันพบเบาะแสเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือบริษัทเครื่องประดับจางซื่อของภรรยาของเขาหลินอิ่ง มีความสัมพันธ์กับเจียงฉีเล็กน้อย ในครั้งนี้ภรรยาของเขาและหลินอิ่งมาที่นี่ ได้ยินมาว่ามาเพื่อโฆษณาเครื่องประดับ”

“ไม่ต้องสนใจเรื่องของลาตินกรุ๊ปเลย เรามาที่นี่ในครั้งนี้เพื่อฆ่าหลินอิ่งทิ้ง เกมส์หมากรุกได้วางไว้เรียบร้อยแล้ว รออีกสักหน่อย และรอจนถึงมีความมั่นใจแน่นอน ถึงจะลงมือเอาชีวิตในครั้งเดียว”

เมื่อพูดเช่นนี้ เบนท์ลีย์สีดำก็ขับออกจากที่จอดรถชั้นใต้ดิน

หลังจากนั้นไม่นาน ครอบครัวของหลินอิ่งและจางฉีโม่ก็ลงจากลิฟต์ และมาถึงที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินเพื่อรับรถ

คู่สามีภรรยาลู่หย่าฮุ่ยมีความสุข พวกเขาได้นั่งอยู่ในรถออดี้ A8 และยังมีคนขับรถโดยเฉพาะ หลังจากจางฉีโม่ลูกสาวของพวกเขาหาเงินได้มากมาย มาตรฐานการใช้ชีวิตของพวกเขาก็ดีขึ้นเช่นกัน และพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะขอให้ฉีโม่รีบออกรถให้คันหนึ่ง

รถของจางฉีโม่ยังคงเป็นรถคันเดิมที่หลินอิ่งส่งมอบให้เธอในก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนเข้าไปนั่งที่เบาะหลังของรถ และอู่เจิ้งก็สตาร์ทรถ และขับไปตามถนนที่พลุกพล่าน

“หลินอิ่ง เมื่อกี้คุณไปทำอะไรกับประธานเจียงมา? ทำไมจู่ๆหูจินวั่งก็มาขอโทษ เปลี่ยนรูปลักษณ์โดยสิ้นเชิง และขอร้องทุกวิถีทางว่าจะถ่ายทำโฆษณาโปรโมทให้บริษัท และยังบอกว่าเขาไม่คิดเงินและทำให้ฟรี และยังจะให้ของขวัญอีกด้วย……….” จางฉีโม่มองไปที่หลินอิ่ง และถามด้วยความสับสน

มันแปลกเกินไป ไม่นานหลังจากที่หลินอิ่งเดินออกจากไป หูจินวั่งก็วิ่งตามหลังของเขาไปพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เช่นเดียวกับละครที่เปลี่ยนใบหน้า

ก่อนหน้านี้ยังทำตัวหยิ่งผยองสูงเท่าฟ้า ตอนนี้มาขอร้องจะถ่ายทำโฆษณาโปรโมทให้ฟรี………..

หลินอิ่งยิ้มและส่ายหัว หูจินวั่งคนนี้ยังไปขอร้องฉีโม่อีกด้วยเหรอ เขาไร้ยางอายจริงๆ

“แล้วคุณว่าอย่างไร?” หลินอิ่งยิ้มพูด

“ฉันปฏิเสธทันที ฉันสงสัยว่าคนคนนี้มีปัญหาเรื่องสมองของเขา” จางฉีโม่ขมวดคิ้วและพูดว่า “คนประเภทนี้ถ่ายทำวิดีโอโฆษณาโปรโมทให้บริษัท จะมีผลในทางต่อต้านและส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัท”

หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย และกล่าวว่า “ไม่ต้องไปสนใจตัวตลกเช่นนี้เลย”

จางฉีโม่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม หลินอิ่งและเจียงฉีเป็นเพื่อนกัน และคาดว่าน่าจะเป็นเจียงฉีออกมาพูดแทนแล้ว

แต่ความสัมพันธ์ที่แนะชัดนั้นคืออะไร เธอไม่รู้ชัดเจนมากนัก แต่ครั้งที่แล้วยังรู้ว่าเสิ่นซานเป็นเพื่อนของหลินอิ่ง และยังเคยได้ยินเรื่องที่เจียงฉีและเสิ่นซานร่วมมือกันเป็นประจำในวงการธุรกิจ

ดังนั้น เธอจึงสรุปได้อย่างลับๆว่า หลินอิ่ง เจียงฉี และเสิ่นซาน อยู่ในแวดวงเดียวกัน และความสัมพันธ์ยังคงแข็งแกร่งมาก

แต่ไม่รู้ว่า หลินอิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสองคนนั้นได้อย่างไร ก่อนหน้านี้หลินอิ่งกับพวกเขาไม่ได้เป็นคนในชั้นระดับเดียวกันเลย

“ใช่แล้ว ฉีโม่ คุณได้เลือกวิลล่าบนเกาะเทียมในครั้งที่แล้วหรือไม่?” หลินอิ่งนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง และถามอย่างเคร่งเครียด “ถ้ามีวิลล่าที่คุณเห็นชอบ ก็ย้ายเข้ามาเถอะ”

จางฉีโม่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และพูดว่า “มันยุ่งยากเกินไปไหม ฉันรู้สึกว่าวิลล่าหิมะมังกรนั้นก็ดีมากแล้ว อีกอย่างทั้งครอบครัวของลู่เวยก็กลับไปที่บ้านเกิดของพวกเขาแล้ว และก็เงียบสงบลงมาก”

“คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่า เกาะเทียมนั้นมาจากไหน? เป็นที่ที่คุณและเพื่อนของคุณพัฒนาขึ้นมาหรือ?” จางฉีโม่ถามอย่างเคร่งเครียด

หลังจากดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ จางฉีโม่ก็รู้แล้วว่า วิลล่าหิมะมังกรนั้นหลินอิ่งไม่ได้เป็นคนซื้อเลย ก่อนหน้านี้ยังเคยบอกว่าอูหยางได้มอบให้ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการบริษัท

ตอนนี้เธอรู้สึกว่า หลินอิ่งเป็นเหมือนสมบัติชิ้นใหญ่ และไม่มีวันรู้ได้เลยว่าเขาซ่อนความสามารถไว้มากมายเพียงใด

“ถือว่าใช่” หลินอิ่งพยักหน้า “ก็แล้วแต่คุณ คุณคิดว่าที่ไหนอยู่แล้วสบาย ก็อยู่ตรงนั้น นอกจากนี้ ในช่วงเวลานี้ ผมอาจจะไม่ได้กลับไปที่วิลล่าหิมะมังกรเป็นชั่วขณะ”

“ฉันรู้แล้ว” จางฉีโม่พยักหน้า และมองไปที่หลินอิ่งอย่างจริงจัง “ฉันวางแผนที่จะใช้โอกาสจากการโปรโมทเครื่องประดับของบริษัทในครั้งนี้ และไปต่างจังหวัดสักครั้ง เพื่อไปหาสถานที่ที่น่าเที่ยว คุณคิดว่าอย่างไร?”

“โอ้? วางแผนที่จะออกไปท่องเที่ยวงั้นเหรอ?” หลินอิ่งยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีโม่ริเริ่มเชิญชวนตัวเองไปเที่ยวก่อน

“คุณเลือกสถานที่มาแห่งหนึ่ง แล้วบอกผมมาก็พอแล้ว”

“อืม” จางฉีโม่พยักหน้า แก้มของเธอแดงเล็กน้อย

ในชั่วขณะ ทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

แม่น้ำชิงหยูน เกาะเทียม

หลินอิ่งกำลังนั่งอยู่ในสวนดอกไม้สไตล์โบราณ ลิ้มรสน้ำชาดำอยู่ เสิ่นซานนั่งอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะไม้อย่างตรงๆ

ให้อู่เจิ้งส่งฉีโม่กลับไปที่วิลล่าหิมะมังกร และเขาก็กลับไปที่เกาะเทียมตัวคนเดียว

เดิมทีก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนกับฉีโม่นานกว่านี้ แต่ยังมีเรื่องของลาตินกรุ๊ปที่จะต้องจัดการ เมื่อเสร็จงานแล้ว ก็ไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดสักหน่อย น้อยนักที่ฉีโม่จะมีความสนใจที่จะเดินทางไปเที่ยวกับตัวเอง

หลินอิ่งวางถ้วยน้ำชาลง แล้วหยิบเอกสารและรูปถ่ายสองสามใบบนโต๊ะขึ้นมาและมองดูมัน ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“หลังจากที่คุณระเบิดโกดังใต้ดินของลาตินกรุ๊ป พวกเขาไม่ได้ส่งคนมาหรือ?” หลินอิ่งถามอย่างสงสัย

ภาพถ่ายสองสามภาพถูกถ่ายโดยผู้ติดตามที่เสิ่นซานส่งมา บุคคลผู้บริหารระดับสูงของลาตินกรุ๊ป ล้วนเป็นแต่ผู้ไร้ความสามารถทั้งนั้น แค่ดูจากรูปถ่ายก็ไม่เหมือนกับเป็นคนที่สามารถครอบงำและบริหารบริษัทข้ามชาติได้เลย

“ประธานหลิน ลาตินกรุ๊ปไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่ มันแปลกมาก” สีหน้าของเสิ่นซานก็งงงวยเช่นกัน “โกดังที่ผมระเบิดไป ตามราคาในต่างประเทศของพวกเขานั้น มันก็เป็นเพียงเงินทุนของจริงไม่กี่ร้อยล้าน แต่แค่ส่งกลุ่มอันธพาลเข้ามาสร้างปัญหา และก็ปล่อยให้คนข้างล่างของผมไล่มันไปได้อย่างง่ายดาย”

“นี่ไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งของลาตินกรุ๊ปอย่างแน่นอน” เสิ่นซานกล่าวอย่างจริงจัง “กลุ่มคนปรมาจารย์ที่โจมตีเจียงฉีในครั้งที่แล้ว ขนาดพวกหลิวจุนทั้งสามคนยังรู้สึกรับมือไม่ไหวเล็กน้อย ลูกน้องของเขาใช้พลังไฟในการขู่บังคับจนถอยไป”

สายตาของหลินอิ่งค่อยๆลึกขึ้นเรื้อยๆ และวิธีการทำงานแบบนี้ รู้สึกคุ้นเคยมาก

ตอนที่จัดการกับตระกูลเหวินที่ตี้จิงในครั้งที่แล้ว ตระกูลเหวินก็ถอยหลังอย่างขี้ขลาดเหมือนกันทุกประการ และจนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

แต่คนในตระกูลเหวินอยู่ในที่ลับ รู้จักตัวตนฉีหยิ่นของตัวเอง

นอกจากนี้ ตระกูลเหวินเคยส่งคนไปที่เมืองชิงหยูนเพื่อไล่ล่าเขา แต่ก็ยังถูกตัวเองกำจัดไปเช่นกัน

“เสิ่นซาน ผมจะให้เวลาคุณสามวัน หากมีสถานการณ์ใดโทรหาผมได้ตลอดเวลา คุณจะต้องบังคับให้ผู้บริหารหลักของลาตินกรุ๊ปออกมาให้ได้ และถ้าพวกเขายังหดตัวอยู่ คุณก็ริเริ่มกำจัดลาตินกรุ๊ปออกไป” หลินอิ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ครับ” เสิ่นซานพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด

“กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วเริ่มลงมือในวันพรุ่งนี้” หลินอิ่งออกคำสั่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นและมองไปที่แม่น้ำชิงหยูนในระยะไกล

เขาคาดเดาอยู่ในใจว่า การปรากฏตัวของลาตินกรุ๊ปจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเหวินหรือไม่ ด้วยพลังและอำนาจของตระกูลเหวิน การทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เป็นพวกที่จองเวรจองกรรมจริงๆ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินอิ่งก็โทรศัพท์ไปหาหยูจื๋อเฉิง และให้หยูจื๋อเฉิงส่งคนในตี้จิงติดตามเบาะแสของตระกูลเหวินต่อไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด