ซุปเปอร์เจ้าสำราญ 720 ยังจำผมได้เหรอ?

Now you are reading ซุปเปอร์เจ้าสำราญ Chapter 720 ยังจำผมได้เหรอ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเห็นท่าทางหลินอิ่งยังนิ่งและยอมรับได้อย่างนี้แล้ว ฉินเหิงเยว่ก็ตะลึงเล็กน้อย

เป็นที่รู้กันว่าหลินอิ่งสังหารศิษย์ของตู้เฉินเฟิงที่รักเหมือนพ่อลูกแท้ๆ ตอนนี้ต้องไปเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่เคยขึ้นถึงรายการแห่งฟ้า แต่กลับไม่แคร์อะไรเลย

หรือว่า…คุณชายหลินอิ่งไม่รู้สึกกดดันกับการไปพบศัตรูที่มีกำลังแข็งแกร่งเลย?

ถึงจะบอกว่าท่านเฉินเฟิงไม่กล้าทำอะไรหลินอิ่ง แค่สั่งสอนระบายอารมณ์เท่านั้น แต่นั่นก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บอะไรบ้าง

“คุณชายหลินอิ่งต้องระวังนะครับ ถึงท่านเฉินเฟิงจะไม่กล้าทำอะไรคุณชายจริงๆ แต่ก็คงไม่พ้นต้องลงมือสั่งสอนบ้าง ยั่วโมโหเขารังแต่จะเป็นภัยกับคุณชายเอง” ฉินเหิงเยว่เตือนด้วยความหวังดี

ถึงอย่างไรหลินอิ่งก็ยังเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน หากทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าตู้เฉินเฟิงจนอีกฝ่ายลงมือหนักขึ้นมา หลินอิ่งคงต้องนอนพักฟื้นสองสามเดือนแน่

“เฮอะ” หลินอิ่งหัวเราะ ไม่พูดมาก

เขาเดาออกได้ว่าแม่เฒ่าทำแบบนี้เพื่ออะไร

ประสงค์ของแม่เฒ่า ก็คงไม่พ้นส่งเขาเข้าไปให้ตาแก่เฉินเฟิงนั่นอัดสักยก

แบบนี้จะได้ปิดปากตู้เฉินเฟิง

พอตนไปห้องโถงใหญ่ตระกูลหลินด้วยบาดแผลเต็มตัว แม่เฒ่าจะได้ช่วยเขาไกล่เกลี่ยเรื่องที่ฆ่าหลินเซี่ยวตาย

หากมองจากจุดนี้ หลินอิ่งก็รู้สึกดีกับแม่เฒ่าท่านนั้นอยู่หน่อยหนึ่ง

“คุณชายหลินอิ่ง ตามผมมาเถอะครับ”

ฉินเหิงเยว่พูดจริงจัง

“ฉีโม่ คุณพักอยู่ที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”

หลินอิ่งบอกกล่าวกับจางฉีโม่ และจางฉีโม่ก็พยักหน้ารับคำแต่โดยดี

จากนั้นทั้งสองก็เดินไปทางคฤหาสน์หยกขาวที่อยู่ไกล

ฉินเหิงเยว่รออยู่ด้านนอก หลินอิ่งเดินขึ้นบันไดตามลำพัง เข้าสู่ด้านใน

เฮ้อ!

วินาทีที่หลินอิ่งย่างเท้าเข้าข้างในก็มีลมเย็นวูบพัดเข้ามาทันที

เกิดลมไร้สาเหตุ จิตสังหารแรงกล้า

จิตสังหารที่เปี่ยมล้นระเบิดออกจากด้านใน ทำให้ผู้ที่ย่างเท้าเข้าไปรู้สึกขนลุกซู่ในทันที

แขนเสื้อหลินอิ่งโบกสะบัด ทุกย่างเท้าที่ก้าวเข้าไปล้วนมีพลังสกัด ทำให้เขาเดินต่อลำบาก

นี่คือจิตกระบี่!

ยอดฝีมือที่อยู่ข้างในส่งจิตกระบี่มา แสดงกำลังแข็งกร้าวให้เห็น

นี่เป็นระดับบูโดที่มีแต่ยอดฝีมือรายการแห่งฟ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง

รายการแห่งฟ้าเป็นระดับที่ก้าวกระโดด เมื่อฝึกถึงขั้นนี้แล้วมักมีการเปลี่ยนแปลงราวกับเกิดใหม่ หลุดพ้นจากความเป็นปุถุชน มีขั้นตอนต่างๆ ที่คาดไม่ถึง

รับรู้ถึงจิตกระบี่อันเย็นเฉียบ หลินอิ่งยิ้มที่มุมปาก มองไปด้วยสายตาเย็นชา

ภายในนั้นมีชายแก่ผมยาวคลุมหลัง สวมชุดนักพรตนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะและหันหลังอยู่

ด้านข้างของเขามีฝักกระบี่สีโอ๊คแดงลายเส้นเลือดอยู่เล่มหนึ่ง

ภายนอกฝักกระบี่มีกลิ่นอายอันตรายอย่างยิ่งยวด ราวกับเก็บซ่อนยอดกระบี่แห่งยุค

จิตกระบี่ที่กดขี่จิตใจมนุษย์นั้นแผ่ซ่านออกมาจากฝักกระบี่เล่มนี้นั่นเอง

อายกระบี่และลมเย็นที่คละคลุ้งอยู่ในนี้ก็มาจากมันด้วย

ชายแก่ที่สวมชุดนักพรตก็คือตู้เฉินเฟิงนั่นเอง อดีตปรมาจารย์แห่งยุคที่เคยนั่งสิบสองเก้าอี้ในรายการแห่งฟ้ามาก่อน

ตู้เฉินเฟิงเป็นบุคคลที่ชื่อก้องในแวดวงลึกลับ สมัยหนุ่มแทบกวาดล้างตะวันตกเฉียงเหนือประเทศหลุงเพียงกระบี่เฉินเฟิงเล่มเดียว

และที่ทำให้เล่าลือกันให้ทั่ว ก็คือเขาไม่มีสำนัก ก่อตั้งหุบเขาเฉินเฟิง ฝึกบูโดด้านกระบี่เป็นของตัวเอง

แต่แค่ไม่กี่ปีกำลังบูโดของตู้เฉินเฟิงก็มีอันร่วงตกลงไป ประกาศลาออกจากรายการแห่งฟ้าด้วยตนเอง

“ตู้เฉินเฟิง วางมาดจริงนะ”

หลินอิ่งหัวเราะเย็น เอามือไพล่หลังยืนอยู่กับที่ มองแผ่นหลังอีกฝ่าย

“แกก็คือหลินอิ่ง? ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกกล้าดียังไงมาก่อเรื่องต่อหน้าปรมาจารย์อย่างฉัน?”

“แกฆ่าศิษย์ของฉัน ฉันจะไม่รังแกแกหรอก วันนี้จะทิ่มแกครั้งเดียว กลับไปแล้วก็สำนึกผิดด้วยล่ะ!”

ตู้เฉินเฟิงยังคงไม่หันหน้ามา หันหลังพูดเสียงหนักกับหลินอิ่ง

การหันหลังให้ศัตรูนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาดของชาวบูโด และเป็นการดูถูกอีกฝ่ายด้วย!

ตู้เฉินเฟิงวางมาดเป็นปรมาจารย์เสียเต็มประดา

พึบ!

ทันใดนั้นตู้เฉินเฟิงก็วาดแขนออกไป

เสียงดังสนั่นกึกก้อง

ฝักกระบี่ที่อยู่ด้านข้างเขาเผยคมมีดออกทันใด แสงวิบวับปรากฏออกมาต้องตาจนแสบ ส่องสว่างไปทั่วทันที

แสงกระบี่อันเฉียบคมเข้ามาจากทุกสารทิศ

เชี้ยงๆๆ!

โต๊ะเก้าอี้ภายในนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ในเสี้ยววินาที ประกายไฟกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น ราวกับมีดาบกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังฉีกอากาศออก อาละวาดอยู่เต็มไปหมด

อายกระบี่อันเย็นเฉียบที่ระเบิดออกในเสี้ยววินาที กลับดุดันถึงเพียงนี้!

หลินอิ่งยังอยู่ที่เดิม รู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรง

เมื่อนั้นเงากระบี่เย็นยะเยือกกลางอากาศที่ราวกับสายฟ้าพิฆาต เร็วดุจไร้เงา ทิ่มเข้าจุดตันเถียนตรงท้องหลินอิ่ง!

กระบี่นี้แสดงให้เห็นถึงอานุภาพอันร้ายกาจ!

ฉึก!

หลินอิ่งเอามือคลำอากาศ พร้อมกันนั้นชี่กังอันร้ายกาจของเขาก็พุ่งออกมา ปะทะกระบี่เฉินเฟิงที่พุ่งเข้ามาจนผงะ เกิดเป็นเสียงแกล๊ง

“หือ?”

ตู้เฉินเฟิงส่งเสียงฉงนใจ รู้สึกได้ว่าหลินอิ่งสกัดการแทงนี้ได้

เป็นไปได้อย่างไร?!

กระบี่นี้มีกำลังภายในเพียงพอ จิตสังหารก็เปี่ยมล้น นอกจากรายการแห่งฟ้าแล้วก็ไม่มีใครสกัดได้!

“ตู้เฉินเฟิง ช่างกล้าจริงนะ! จะลงมือก็ไม่ดูเสียก่อนว่าเป็นใคร!”

หลินอิ่งมองตู้เฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงยะเยือก

เมื่อได้ยินดังนั้นตู้เฉินเฟิงก็แผ่จิตสังหารที่น่าตกใจออกมาจากตัว

หน้านิ่งดุจน้ำลึก ดวงตาดุดัน

เดิมทีตู้เฉินเฟิงได้แอบหารือกับหลินเสวียนหมิงไว้เรียบร้อยแล้ว คิดจะทำลายบูโดของหลินอิ่งด้วยกระบี่เดียว แต่คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะรับไว้ได้

ด้วยความที่เขามีฐานะเป็นอาวุโสผู้มีคุณธรรม จึงไม่อาจต่อสู้เข่นฆ่าหลินอิ่งได้จริง

แต่ตอนนี้หลินอิ่งกลับโอหังนัก สังหารลูกศิษย์ของเขา แล้วยังด่าทอเขาต่อหน้าอีก ไร้เหตุผลสิ้นดี!

“โอหัง! เดิมทีฉันแค่คิดจะแทงแกแค่ครั้งเดียว ให้แกรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่แกกลับเหิมเกริมต่อหน้าฉัน? วันนี้ฉันต้องทำลายบูโดแกให้ได้!”

ตู้เฉินเฟิงโมโหก่นด่า ลุกขึ้นยืนแล้วหันตัวมามองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชาทันที

“กะ แกคือ…!”

เมื่อเห็นหน้าตาของหลินอิ่งแล้ว ตู้เฉินเฟิงก็หน้าถอดสีทันที ขาวซีดเผือด ราวกับเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในแดนมนุษย์ ถอยหลังหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว

หลินอิ่งยิ้มเย็นที่มุมปาก พูดชืดๆ “ที่แท้ก็ยังจำผมได้นี่?”

“ผะ…ผม”

ตู้เฉินเฟิงหน้าเขียวปั๊ด ตัวสั่นพั่บๆ จ้องหลินอิ่งตาเขม็ง ทำหน้าเหลือเชื่อ

รูปโฉมของหลินอิ่งเป็นดั่งฝันร้ายตลอดชีวิตของตู้เฉินเฟิง

เขาไม่มีวันลืมว่าหนุ่มน้อยวันสิบหกสิบเจ็ดคนนั้นทำลายกระบี่เขาจนแหลกเหลวอย่างไร ทำลายมือซ้ายที่เขาถือกระบี่อย่างไร!

ตอนนั้น หลังจากตู้เฉินเฟิงแพ้แล้วก็อยากเป็นทาสกระบี่ ติดตามหลินอิ่งตลอดชีวิต แต่กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างฉับพลัน

ตู้เฉินเฟิงคิดไม่ถึงว่าชาตินี้เขาจะมีโอกาสได้พบหนุ่มน้อยปิศาจแห่งยุคคนนั้นอีก แถมยังในสถานการณ์อย่างนี้อีก!

หนุ่มลึกลับตรงหน้าผู้นี้น่ากลัวแค่ไหน มีเพียงคนที่เคยเจอกับตัวเท่านั้นถึงจะรู้!

“ทะ ทำไมคุณถึงอยู่ที่ตระกูลหลินแห่งลังยาได้ล่ะครับ?” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุกเข่าพูด” หลินอิ่งกล่าวเรียบ

ปุก!

ตู้เฉินเฟิงคุกเข่าแบบไม่ลังเลสักนิด สีหน้าไร้ความขัดขืน ทั้งไม่มีมาดปรมาจารย์

“ไม่ทราบมีอะไรจะชี้แนะครับ ตู้เฉินเฟิงจะขอคุกเข่าฟัง” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยความเคารพนอบน้อม ราวกับอยู่ต่อหน้าผู้เป็นอาจารย์

เมื่อเห็นท่าทางหลินอิ่งยังนิ่งและยอมรับได้อย่างนี้แล้ว ฉินเหิงเยว่ก็ตะลึงเล็กน้อย

เป็นที่รู้กันว่าหลินอิ่งสังหารศิษย์ของตู้เฉินเฟิงที่รักเหมือนพ่อลูกแท้ๆ ตอนนี้ต้องไปเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่เคยขึ้นถึงรายการแห่งฟ้า แต่กลับไม่แคร์อะไรเลย

หรือว่า…คุณชายหลินอิ่งไม่รู้สึกกดดันกับการไปพบศัตรูที่มีกำลังแข็งแกร่งเลย?

ถึงจะบอกว่าท่านเฉินเฟิงไม่กล้าทำอะไรหลินอิ่ง แค่สั่งสอนระบายอารมณ์เท่านั้น แต่นั่นก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บอะไรบ้าง

“คุณชายหลินอิ่งต้องระวังนะครับ ถึงท่านเฉินเฟิงจะไม่กล้าทำอะไรคุณชายจริงๆ แต่ก็คงไม่พ้นต้องลงมือสั่งสอนบ้าง ยั่วโมโหเขารังแต่จะเป็นภัยกับคุณชายเอง” ฉินเหิงเยว่เตือนด้วยความหวังดี

ถึงอย่างไรหลินอิ่งก็ยังเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน หากทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าตู้เฉินเฟิงจนอีกฝ่ายลงมือหนักขึ้นมา หลินอิ่งคงต้องนอนพักฟื้นสองสามเดือนแน่

“เฮอะ” หลินอิ่งหัวเราะ ไม่พูดมาก

เขาเดาออกได้ว่าแม่เฒ่าทำแบบนี้เพื่ออะไร

ประสงค์ของแม่เฒ่า ก็คงไม่พ้นส่งเขาเข้าไปให้ตาแก่เฉินเฟิงนั่นอัดสักยก

แบบนี้จะได้ปิดปากตู้เฉินเฟิง

พอตนไปห้องโถงใหญ่ตระกูลหลินด้วยบาดแผลเต็มตัว แม่เฒ่าจะได้ช่วยเขาไกล่เกลี่ยเรื่องที่ฆ่าหลินเซี่ยวตาย

หากมองจากจุดนี้ หลินอิ่งก็รู้สึกดีกับแม่เฒ่าท่านนั้นอยู่หน่อยหนึ่ง

“คุณชายหลินอิ่ง ตามผมมาเถอะครับ”

ฉินเหิงเยว่พูดจริงจัง

“ฉีโม่ คุณพักอยู่ที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”

หลินอิ่งบอกกล่าวกับจางฉีโม่ และจางฉีโม่ก็พยักหน้ารับคำแต่โดยดี

จากนั้นทั้งสองก็เดินไปทางคฤหาสน์หยกขาวที่อยู่ไกล

ฉินเหิงเยว่รออยู่ด้านนอก หลินอิ่งเดินขึ้นบันไดตามลำพัง เข้าสู่ด้านใน

เฮ้อ!

วินาทีที่หลินอิ่งย่างเท้าเข้าข้างในก็มีลมเย็นวูบพัดเข้ามาทันที

เกิดลมไร้สาเหตุ จิตสังหารแรงกล้า

จิตสังหารที่เปี่ยมล้นระเบิดออกจากด้านใน ทำให้ผู้ที่ย่างเท้าเข้าไปรู้สึกขนลุกซู่ในทันที

แขนเสื้อหลินอิ่งโบกสะบัด ทุกย่างเท้าที่ก้าวเข้าไปล้วนมีพลังสกัด ทำให้เขาเดินต่อลำบาก

นี่คือจิตกระบี่!

ยอดฝีมือที่อยู่ข้างในส่งจิตกระบี่มา แสดงกำลังแข็งกร้าวให้เห็น

นี่เป็นระดับบูโดที่มีแต่ยอดฝีมือรายการแห่งฟ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง

รายการแห่งฟ้าเป็นระดับที่ก้าวกระโดด เมื่อฝึกถึงขั้นนี้แล้วมักมีการเปลี่ยนแปลงราวกับเกิดใหม่ หลุดพ้นจากความเป็นปุถุชน มีขั้นตอนต่างๆ ที่คาดไม่ถึง

รับรู้ถึงจิตกระบี่อันเย็นเฉียบ หลินอิ่งยิ้มที่มุมปาก มองไปด้วยสายตาเย็นชา

ภายในนั้นมีชายแก่ผมยาวคลุมหลัง สวมชุดนักพรตนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะและหันหลังอยู่

ด้านข้างของเขามีฝักกระบี่สีโอ๊คแดงลายเส้นเลือดอยู่เล่มหนึ่ง

ภายนอกฝักกระบี่มีกลิ่นอายอันตรายอย่างยิ่งยวด ราวกับเก็บซ่อนยอดกระบี่แห่งยุค

จิตกระบี่ที่กดขี่จิตใจมนุษย์นั้นแผ่ซ่านออกมาจากฝักกระบี่เล่มนี้นั่นเอง

อายกระบี่และลมเย็นที่คละคลุ้งอยู่ในนี้ก็มาจากมันด้วย

ชายแก่ที่สวมชุดนักพรตก็คือตู้เฉินเฟิงนั่นเอง อดีตปรมาจารย์แห่งยุคที่เคยนั่งสิบสองเก้าอี้ในรายการแห่งฟ้ามาก่อน

ตู้เฉินเฟิงเป็นบุคคลที่ชื่อก้องในแวดวงลึกลับ สมัยหนุ่มแทบกวาดล้างตะวันตกเฉียงเหนือประเทศหลุงเพียงกระบี่เฉินเฟิงเล่มเดียว

และที่ทำให้เล่าลือกันให้ทั่ว ก็คือเขาไม่มีสำนัก ก่อตั้งหุบเขาเฉินเฟิง ฝึกบูโดด้านกระบี่เป็นของตัวเอง

แต่แค่ไม่กี่ปีกำลังบูโดของตู้เฉินเฟิงก็มีอันร่วงตกลงไป ประกาศลาออกจากรายการแห่งฟ้าด้วยตนเอง

“ตู้เฉินเฟิง วางมาดจริงนะ”

หลินอิ่งหัวเราะเย็น เอามือไพล่หลังยืนอยู่กับที่ มองแผ่นหลังอีกฝ่าย

“แกก็คือหลินอิ่ง? ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกกล้าดียังไงมาก่อเรื่องต่อหน้าปรมาจารย์อย่างฉัน?”

“แกฆ่าศิษย์ของฉัน ฉันจะไม่รังแกแกหรอก วันนี้จะทิ่มแกครั้งเดียว กลับไปแล้วก็สำนึกผิดด้วยล่ะ!”

ตู้เฉินเฟิงยังคงไม่หันหน้ามา หันหลังพูดเสียงหนักกับหลินอิ่ง

การหันหลังให้ศัตรูนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาดของชาวบูโด และเป็นการดูถูกอีกฝ่ายด้วย!

ตู้เฉินเฟิงวางมาดเป็นปรมาจารย์เสียเต็มประดา

พึบ!

ทันใดนั้นตู้เฉินเฟิงก็วาดแขนออกไป

เสียงดังสนั่นกึกก้อง

ฝักกระบี่ที่อยู่ด้านข้างเขาเผยคมมีดออกทันใด แสงวิบวับปรากฏออกมาต้องตาจนแสบ ส่องสว่างไปทั่วทันที

แสงกระบี่อันเฉียบคมเข้ามาจากทุกสารทิศ

เชี้ยงๆๆ!

โต๊ะเก้าอี้ภายในนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ในเสี้ยววินาที ประกายไฟกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น ราวกับมีดาบกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังฉีกอากาศออก อาละวาดอยู่เต็มไปหมด

อายกระบี่อันเย็นเฉียบที่ระเบิดออกในเสี้ยววินาที กลับดุดันถึงเพียงนี้!

หลินอิ่งยังอยู่ที่เดิม รู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรง

เมื่อนั้นเงากระบี่เย็นยะเยือกกลางอากาศที่ราวกับสายฟ้าพิฆาต เร็วดุจไร้เงา ทิ่มเข้าจุดตันเถียนตรงท้องหลินอิ่ง!

กระบี่นี้แสดงให้เห็นถึงอานุภาพอันร้ายกาจ!

ฉึก!

หลินอิ่งเอามือคลำอากาศ พร้อมกันนั้นชี่กังอันร้ายกาจของเขาก็พุ่งออกมา ปะทะกระบี่เฉินเฟิงที่พุ่งเข้ามาจนผงะ เกิดเป็นเสียงแกล๊ง

“หือ?”

ตู้เฉินเฟิงส่งเสียงฉงนใจ รู้สึกได้ว่าหลินอิ่งสกัดการแทงนี้ได้

เป็นไปได้อย่างไร?!

กระบี่นี้มีกำลังภายในเพียงพอ จิตสังหารก็เปี่ยมล้น นอกจากรายการแห่งฟ้าแล้วก็ไม่มีใครสกัดได้!

“ตู้เฉินเฟิง ช่างกล้าจริงนะ! จะลงมือก็ไม่ดูเสียก่อนว่าเป็นใคร!”

หลินอิ่งมองตู้เฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงยะเยือก

เมื่อได้ยินดังนั้นตู้เฉินเฟิงก็แผ่จิตสังหารที่น่าตกใจออกมาจากตัว

หน้านิ่งดุจน้ำลึก ดวงตาดุดัน

เดิมทีตู้เฉินเฟิงได้แอบหารือกับหลินเสวียนหมิงไว้เรียบร้อยแล้ว คิดจะทำลายบูโดของหลินอิ่งด้วยกระบี่เดียว แต่คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะรับไว้ได้

ด้วยความที่เขามีฐานะเป็นอาวุโสผู้มีคุณธรรม จึงไม่อาจต่อสู้เข่นฆ่าหลินอิ่งได้จริง

แต่ตอนนี้หลินอิ่งกลับโอหังนัก สังหารลูกศิษย์ของเขา แล้วยังด่าทอเขาต่อหน้าอีก ไร้เหตุผลสิ้นดี!

“โอหัง! เดิมทีฉันแค่คิดจะแทงแกแค่ครั้งเดียว ให้แกรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่แกกลับเหิมเกริมต่อหน้าฉัน? วันนี้ฉันต้องทำลายบูโดแกให้ได้!”

ตู้เฉินเฟิงโมโหก่นด่า ลุกขึ้นยืนแล้วหันตัวมามองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชาทันที

“กะ แกคือ…!”

เมื่อเห็นหน้าตาของหลินอิ่งแล้ว ตู้เฉินเฟิงก็หน้าถอดสีทันที ขาวซีดเผือด ราวกับเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในแดนมนุษย์ ถอยหลังหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว

หลินอิ่งยิ้มเย็นที่มุมปาก พูดชืดๆ “ที่แท้ก็ยังจำผมได้นี่?”

“ผะ…ผม”

ตู้เฉินเฟิงหน้าเขียวปั๊ด ตัวสั่นพั่บๆ จ้องหลินอิ่งตาเขม็ง ทำหน้าเหลือเชื่อ

รูปโฉมของหลินอิ่งเป็นดั่งฝันร้ายตลอดชีวิตของตู้เฉินเฟิง

เขาไม่มีวันลืมว่าหนุ่มน้อยวันสิบหกสิบเจ็ดคนนั้นทำลายกระบี่เขาจนแหลกเหลวอย่างไร ทำลายมือซ้ายที่เขาถือกระบี่อย่างไร!

ตอนนั้น หลังจากตู้เฉินเฟิงแพ้แล้วก็อยากเป็นทาสกระบี่ ติดตามหลินอิ่งตลอดชีวิต แต่กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างฉับพลัน

ตู้เฉินเฟิงคิดไม่ถึงว่าชาตินี้เขาจะมีโอกาสได้พบหนุ่มน้อยปิศาจแห่งยุคคนนั้นอีก แถมยังในสถานการณ์อย่างนี้อีก!

หนุ่มลึกลับตรงหน้าผู้นี้น่ากลัวแค่ไหน มีเพียงคนที่เคยเจอกับตัวเท่านั้นถึงจะรู้!

“ทะ ทำไมคุณถึงอยู่ที่ตระกูลหลินแห่งลังยาได้ล่ะครับ?” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุกเข่าพูด” หลินอิ่งกล่าวเรียบ

ปุก!

ตู้เฉินเฟิงคุกเข่าแบบไม่ลังเลสักนิด สีหน้าไร้ความขัดขืน ทั้งไม่มีมาดปรมาจารย์

“ไม่ทราบมีอะไรจะชี้แนะครับ ตู้เฉินเฟิงจะขอคุกเข่าฟัง” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยความเคารพนอบน้อม ราวกับอยู่ต่อหน้าผู้เป็นอาจารย์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ 720 ยังจำผมได้เหรอ?

Now you are reading ซุปเปอร์เจ้าสำราญ Chapter 720 ยังจำผมได้เหรอ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเห็นท่าทางหลินอิ่งยังนิ่งและยอมรับได้อย่างนี้แล้ว ฉินเหิงเยว่ก็ตะลึงเล็กน้อย

เป็นที่รู้กันว่าหลินอิ่งสังหารศิษย์ของตู้เฉินเฟิงที่รักเหมือนพ่อลูกแท้ๆ ตอนนี้ต้องไปเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่เคยขึ้นถึงรายการแห่งฟ้า แต่กลับไม่แคร์อะไรเลย

หรือว่า…คุณชายหลินอิ่งไม่รู้สึกกดดันกับการไปพบศัตรูที่มีกำลังแข็งแกร่งเลย?

ถึงจะบอกว่าท่านเฉินเฟิงไม่กล้าทำอะไรหลินอิ่ง แค่สั่งสอนระบายอารมณ์เท่านั้น แต่นั่นก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บอะไรบ้าง

“คุณชายหลินอิ่งต้องระวังนะครับ ถึงท่านเฉินเฟิงจะไม่กล้าทำอะไรคุณชายจริงๆ แต่ก็คงไม่พ้นต้องลงมือสั่งสอนบ้าง ยั่วโมโหเขารังแต่จะเป็นภัยกับคุณชายเอง” ฉินเหิงเยว่เตือนด้วยความหวังดี

ถึงอย่างไรหลินอิ่งก็ยังเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน หากทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าตู้เฉินเฟิงจนอีกฝ่ายลงมือหนักขึ้นมา หลินอิ่งคงต้องนอนพักฟื้นสองสามเดือนแน่

“เฮอะ” หลินอิ่งหัวเราะ ไม่พูดมาก

เขาเดาออกได้ว่าแม่เฒ่าทำแบบนี้เพื่ออะไร

ประสงค์ของแม่เฒ่า ก็คงไม่พ้นส่งเขาเข้าไปให้ตาแก่เฉินเฟิงนั่นอัดสักยก

แบบนี้จะได้ปิดปากตู้เฉินเฟิง

พอตนไปห้องโถงใหญ่ตระกูลหลินด้วยบาดแผลเต็มตัว แม่เฒ่าจะได้ช่วยเขาไกล่เกลี่ยเรื่องที่ฆ่าหลินเซี่ยวตาย

หากมองจากจุดนี้ หลินอิ่งก็รู้สึกดีกับแม่เฒ่าท่านนั้นอยู่หน่อยหนึ่ง

“คุณชายหลินอิ่ง ตามผมมาเถอะครับ”

ฉินเหิงเยว่พูดจริงจัง

“ฉีโม่ คุณพักอยู่ที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”

หลินอิ่งบอกกล่าวกับจางฉีโม่ และจางฉีโม่ก็พยักหน้ารับคำแต่โดยดี

จากนั้นทั้งสองก็เดินไปทางคฤหาสน์หยกขาวที่อยู่ไกล

ฉินเหิงเยว่รออยู่ด้านนอก หลินอิ่งเดินขึ้นบันไดตามลำพัง เข้าสู่ด้านใน

เฮ้อ!

วินาทีที่หลินอิ่งย่างเท้าเข้าข้างในก็มีลมเย็นวูบพัดเข้ามาทันที

เกิดลมไร้สาเหตุ จิตสังหารแรงกล้า

จิตสังหารที่เปี่ยมล้นระเบิดออกจากด้านใน ทำให้ผู้ที่ย่างเท้าเข้าไปรู้สึกขนลุกซู่ในทันที

แขนเสื้อหลินอิ่งโบกสะบัด ทุกย่างเท้าที่ก้าวเข้าไปล้วนมีพลังสกัด ทำให้เขาเดินต่อลำบาก

นี่คือจิตกระบี่!

ยอดฝีมือที่อยู่ข้างในส่งจิตกระบี่มา แสดงกำลังแข็งกร้าวให้เห็น

นี่เป็นระดับบูโดที่มีแต่ยอดฝีมือรายการแห่งฟ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง

รายการแห่งฟ้าเป็นระดับที่ก้าวกระโดด เมื่อฝึกถึงขั้นนี้แล้วมักมีการเปลี่ยนแปลงราวกับเกิดใหม่ หลุดพ้นจากความเป็นปุถุชน มีขั้นตอนต่างๆ ที่คาดไม่ถึง

รับรู้ถึงจิตกระบี่อันเย็นเฉียบ หลินอิ่งยิ้มที่มุมปาก มองไปด้วยสายตาเย็นชา

ภายในนั้นมีชายแก่ผมยาวคลุมหลัง สวมชุดนักพรตนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะและหันหลังอยู่

ด้านข้างของเขามีฝักกระบี่สีโอ๊คแดงลายเส้นเลือดอยู่เล่มหนึ่ง

ภายนอกฝักกระบี่มีกลิ่นอายอันตรายอย่างยิ่งยวด ราวกับเก็บซ่อนยอดกระบี่แห่งยุค

จิตกระบี่ที่กดขี่จิตใจมนุษย์นั้นแผ่ซ่านออกมาจากฝักกระบี่เล่มนี้นั่นเอง

อายกระบี่และลมเย็นที่คละคลุ้งอยู่ในนี้ก็มาจากมันด้วย

ชายแก่ที่สวมชุดนักพรตก็คือตู้เฉินเฟิงนั่นเอง อดีตปรมาจารย์แห่งยุคที่เคยนั่งสิบสองเก้าอี้ในรายการแห่งฟ้ามาก่อน

ตู้เฉินเฟิงเป็นบุคคลที่ชื่อก้องในแวดวงลึกลับ สมัยหนุ่มแทบกวาดล้างตะวันตกเฉียงเหนือประเทศหลุงเพียงกระบี่เฉินเฟิงเล่มเดียว

และที่ทำให้เล่าลือกันให้ทั่ว ก็คือเขาไม่มีสำนัก ก่อตั้งหุบเขาเฉินเฟิง ฝึกบูโดด้านกระบี่เป็นของตัวเอง

แต่แค่ไม่กี่ปีกำลังบูโดของตู้เฉินเฟิงก็มีอันร่วงตกลงไป ประกาศลาออกจากรายการแห่งฟ้าด้วยตนเอง

“ตู้เฉินเฟิง วางมาดจริงนะ”

หลินอิ่งหัวเราะเย็น เอามือไพล่หลังยืนอยู่กับที่ มองแผ่นหลังอีกฝ่าย

“แกก็คือหลินอิ่ง? ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกกล้าดียังไงมาก่อเรื่องต่อหน้าปรมาจารย์อย่างฉัน?”

“แกฆ่าศิษย์ของฉัน ฉันจะไม่รังแกแกหรอก วันนี้จะทิ่มแกครั้งเดียว กลับไปแล้วก็สำนึกผิดด้วยล่ะ!”

ตู้เฉินเฟิงยังคงไม่หันหน้ามา หันหลังพูดเสียงหนักกับหลินอิ่ง

การหันหลังให้ศัตรูนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาดของชาวบูโด และเป็นการดูถูกอีกฝ่ายด้วย!

ตู้เฉินเฟิงวางมาดเป็นปรมาจารย์เสียเต็มประดา

พึบ!

ทันใดนั้นตู้เฉินเฟิงก็วาดแขนออกไป

เสียงดังสนั่นกึกก้อง

ฝักกระบี่ที่อยู่ด้านข้างเขาเผยคมมีดออกทันใด แสงวิบวับปรากฏออกมาต้องตาจนแสบ ส่องสว่างไปทั่วทันที

แสงกระบี่อันเฉียบคมเข้ามาจากทุกสารทิศ

เชี้ยงๆๆ!

โต๊ะเก้าอี้ภายในนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ในเสี้ยววินาที ประกายไฟกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น ราวกับมีดาบกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังฉีกอากาศออก อาละวาดอยู่เต็มไปหมด

อายกระบี่อันเย็นเฉียบที่ระเบิดออกในเสี้ยววินาที กลับดุดันถึงเพียงนี้!

หลินอิ่งยังอยู่ที่เดิม รู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรง

เมื่อนั้นเงากระบี่เย็นยะเยือกกลางอากาศที่ราวกับสายฟ้าพิฆาต เร็วดุจไร้เงา ทิ่มเข้าจุดตันเถียนตรงท้องหลินอิ่ง!

กระบี่นี้แสดงให้เห็นถึงอานุภาพอันร้ายกาจ!

ฉึก!

หลินอิ่งเอามือคลำอากาศ พร้อมกันนั้นชี่กังอันร้ายกาจของเขาก็พุ่งออกมา ปะทะกระบี่เฉินเฟิงที่พุ่งเข้ามาจนผงะ เกิดเป็นเสียงแกล๊ง

“หือ?”

ตู้เฉินเฟิงส่งเสียงฉงนใจ รู้สึกได้ว่าหลินอิ่งสกัดการแทงนี้ได้

เป็นไปได้อย่างไร?!

กระบี่นี้มีกำลังภายในเพียงพอ จิตสังหารก็เปี่ยมล้น นอกจากรายการแห่งฟ้าแล้วก็ไม่มีใครสกัดได้!

“ตู้เฉินเฟิง ช่างกล้าจริงนะ! จะลงมือก็ไม่ดูเสียก่อนว่าเป็นใคร!”

หลินอิ่งมองตู้เฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงยะเยือก

เมื่อได้ยินดังนั้นตู้เฉินเฟิงก็แผ่จิตสังหารที่น่าตกใจออกมาจากตัว

หน้านิ่งดุจน้ำลึก ดวงตาดุดัน

เดิมทีตู้เฉินเฟิงได้แอบหารือกับหลินเสวียนหมิงไว้เรียบร้อยแล้ว คิดจะทำลายบูโดของหลินอิ่งด้วยกระบี่เดียว แต่คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะรับไว้ได้

ด้วยความที่เขามีฐานะเป็นอาวุโสผู้มีคุณธรรม จึงไม่อาจต่อสู้เข่นฆ่าหลินอิ่งได้จริง

แต่ตอนนี้หลินอิ่งกลับโอหังนัก สังหารลูกศิษย์ของเขา แล้วยังด่าทอเขาต่อหน้าอีก ไร้เหตุผลสิ้นดี!

“โอหัง! เดิมทีฉันแค่คิดจะแทงแกแค่ครั้งเดียว ให้แกรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่แกกลับเหิมเกริมต่อหน้าฉัน? วันนี้ฉันต้องทำลายบูโดแกให้ได้!”

ตู้เฉินเฟิงโมโหก่นด่า ลุกขึ้นยืนแล้วหันตัวมามองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชาทันที

“กะ แกคือ…!”

เมื่อเห็นหน้าตาของหลินอิ่งแล้ว ตู้เฉินเฟิงก็หน้าถอดสีทันที ขาวซีดเผือด ราวกับเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในแดนมนุษย์ ถอยหลังหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว

หลินอิ่งยิ้มเย็นที่มุมปาก พูดชืดๆ “ที่แท้ก็ยังจำผมได้นี่?”

“ผะ…ผม”

ตู้เฉินเฟิงหน้าเขียวปั๊ด ตัวสั่นพั่บๆ จ้องหลินอิ่งตาเขม็ง ทำหน้าเหลือเชื่อ

รูปโฉมของหลินอิ่งเป็นดั่งฝันร้ายตลอดชีวิตของตู้เฉินเฟิง

เขาไม่มีวันลืมว่าหนุ่มน้อยวันสิบหกสิบเจ็ดคนนั้นทำลายกระบี่เขาจนแหลกเหลวอย่างไร ทำลายมือซ้ายที่เขาถือกระบี่อย่างไร!

ตอนนั้น หลังจากตู้เฉินเฟิงแพ้แล้วก็อยากเป็นทาสกระบี่ ติดตามหลินอิ่งตลอดชีวิต แต่กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างฉับพลัน

ตู้เฉินเฟิงคิดไม่ถึงว่าชาตินี้เขาจะมีโอกาสได้พบหนุ่มน้อยปิศาจแห่งยุคคนนั้นอีก แถมยังในสถานการณ์อย่างนี้อีก!

หนุ่มลึกลับตรงหน้าผู้นี้น่ากลัวแค่ไหน มีเพียงคนที่เคยเจอกับตัวเท่านั้นถึงจะรู้!

“ทะ ทำไมคุณถึงอยู่ที่ตระกูลหลินแห่งลังยาได้ล่ะครับ?” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุกเข่าพูด” หลินอิ่งกล่าวเรียบ

ปุก!

ตู้เฉินเฟิงคุกเข่าแบบไม่ลังเลสักนิด สีหน้าไร้ความขัดขืน ทั้งไม่มีมาดปรมาจารย์

“ไม่ทราบมีอะไรจะชี้แนะครับ ตู้เฉินเฟิงจะขอคุกเข่าฟัง” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยความเคารพนอบน้อม ราวกับอยู่ต่อหน้าผู้เป็นอาจารย์

เมื่อเห็นท่าทางหลินอิ่งยังนิ่งและยอมรับได้อย่างนี้แล้ว ฉินเหิงเยว่ก็ตะลึงเล็กน้อย

เป็นที่รู้กันว่าหลินอิ่งสังหารศิษย์ของตู้เฉินเฟิงที่รักเหมือนพ่อลูกแท้ๆ ตอนนี้ต้องไปเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่เคยขึ้นถึงรายการแห่งฟ้า แต่กลับไม่แคร์อะไรเลย

หรือว่า…คุณชายหลินอิ่งไม่รู้สึกกดดันกับการไปพบศัตรูที่มีกำลังแข็งแกร่งเลย?

ถึงจะบอกว่าท่านเฉินเฟิงไม่กล้าทำอะไรหลินอิ่ง แค่สั่งสอนระบายอารมณ์เท่านั้น แต่นั่นก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บอะไรบ้าง

“คุณชายหลินอิ่งต้องระวังนะครับ ถึงท่านเฉินเฟิงจะไม่กล้าทำอะไรคุณชายจริงๆ แต่ก็คงไม่พ้นต้องลงมือสั่งสอนบ้าง ยั่วโมโหเขารังแต่จะเป็นภัยกับคุณชายเอง” ฉินเหิงเยว่เตือนด้วยความหวังดี

ถึงอย่างไรหลินอิ่งก็ยังเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน หากทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าตู้เฉินเฟิงจนอีกฝ่ายลงมือหนักขึ้นมา หลินอิ่งคงต้องนอนพักฟื้นสองสามเดือนแน่

“เฮอะ” หลินอิ่งหัวเราะ ไม่พูดมาก

เขาเดาออกได้ว่าแม่เฒ่าทำแบบนี้เพื่ออะไร

ประสงค์ของแม่เฒ่า ก็คงไม่พ้นส่งเขาเข้าไปให้ตาแก่เฉินเฟิงนั่นอัดสักยก

แบบนี้จะได้ปิดปากตู้เฉินเฟิง

พอตนไปห้องโถงใหญ่ตระกูลหลินด้วยบาดแผลเต็มตัว แม่เฒ่าจะได้ช่วยเขาไกล่เกลี่ยเรื่องที่ฆ่าหลินเซี่ยวตาย

หากมองจากจุดนี้ หลินอิ่งก็รู้สึกดีกับแม่เฒ่าท่านนั้นอยู่หน่อยหนึ่ง

“คุณชายหลินอิ่ง ตามผมมาเถอะครับ”

ฉินเหิงเยว่พูดจริงจัง

“ฉีโม่ คุณพักอยู่ที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”

หลินอิ่งบอกกล่าวกับจางฉีโม่ และจางฉีโม่ก็พยักหน้ารับคำแต่โดยดี

จากนั้นทั้งสองก็เดินไปทางคฤหาสน์หยกขาวที่อยู่ไกล

ฉินเหิงเยว่รออยู่ด้านนอก หลินอิ่งเดินขึ้นบันไดตามลำพัง เข้าสู่ด้านใน

เฮ้อ!

วินาทีที่หลินอิ่งย่างเท้าเข้าข้างในก็มีลมเย็นวูบพัดเข้ามาทันที

เกิดลมไร้สาเหตุ จิตสังหารแรงกล้า

จิตสังหารที่เปี่ยมล้นระเบิดออกจากด้านใน ทำให้ผู้ที่ย่างเท้าเข้าไปรู้สึกขนลุกซู่ในทันที

แขนเสื้อหลินอิ่งโบกสะบัด ทุกย่างเท้าที่ก้าวเข้าไปล้วนมีพลังสกัด ทำให้เขาเดินต่อลำบาก

นี่คือจิตกระบี่!

ยอดฝีมือที่อยู่ข้างในส่งจิตกระบี่มา แสดงกำลังแข็งกร้าวให้เห็น

นี่เป็นระดับบูโดที่มีแต่ยอดฝีมือรายการแห่งฟ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง

รายการแห่งฟ้าเป็นระดับที่ก้าวกระโดด เมื่อฝึกถึงขั้นนี้แล้วมักมีการเปลี่ยนแปลงราวกับเกิดใหม่ หลุดพ้นจากความเป็นปุถุชน มีขั้นตอนต่างๆ ที่คาดไม่ถึง

รับรู้ถึงจิตกระบี่อันเย็นเฉียบ หลินอิ่งยิ้มที่มุมปาก มองไปด้วยสายตาเย็นชา

ภายในนั้นมีชายแก่ผมยาวคลุมหลัง สวมชุดนักพรตนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะและหันหลังอยู่

ด้านข้างของเขามีฝักกระบี่สีโอ๊คแดงลายเส้นเลือดอยู่เล่มหนึ่ง

ภายนอกฝักกระบี่มีกลิ่นอายอันตรายอย่างยิ่งยวด ราวกับเก็บซ่อนยอดกระบี่แห่งยุค

จิตกระบี่ที่กดขี่จิตใจมนุษย์นั้นแผ่ซ่านออกมาจากฝักกระบี่เล่มนี้นั่นเอง

อายกระบี่และลมเย็นที่คละคลุ้งอยู่ในนี้ก็มาจากมันด้วย

ชายแก่ที่สวมชุดนักพรตก็คือตู้เฉินเฟิงนั่นเอง อดีตปรมาจารย์แห่งยุคที่เคยนั่งสิบสองเก้าอี้ในรายการแห่งฟ้ามาก่อน

ตู้เฉินเฟิงเป็นบุคคลที่ชื่อก้องในแวดวงลึกลับ สมัยหนุ่มแทบกวาดล้างตะวันตกเฉียงเหนือประเทศหลุงเพียงกระบี่เฉินเฟิงเล่มเดียว

และที่ทำให้เล่าลือกันให้ทั่ว ก็คือเขาไม่มีสำนัก ก่อตั้งหุบเขาเฉินเฟิง ฝึกบูโดด้านกระบี่เป็นของตัวเอง

แต่แค่ไม่กี่ปีกำลังบูโดของตู้เฉินเฟิงก็มีอันร่วงตกลงไป ประกาศลาออกจากรายการแห่งฟ้าด้วยตนเอง

“ตู้เฉินเฟิง วางมาดจริงนะ”

หลินอิ่งหัวเราะเย็น เอามือไพล่หลังยืนอยู่กับที่ มองแผ่นหลังอีกฝ่าย

“แกก็คือหลินอิ่ง? ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกกล้าดียังไงมาก่อเรื่องต่อหน้าปรมาจารย์อย่างฉัน?”

“แกฆ่าศิษย์ของฉัน ฉันจะไม่รังแกแกหรอก วันนี้จะทิ่มแกครั้งเดียว กลับไปแล้วก็สำนึกผิดด้วยล่ะ!”

ตู้เฉินเฟิงยังคงไม่หันหน้ามา หันหลังพูดเสียงหนักกับหลินอิ่ง

การหันหลังให้ศัตรูนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาดของชาวบูโด และเป็นการดูถูกอีกฝ่ายด้วย!

ตู้เฉินเฟิงวางมาดเป็นปรมาจารย์เสียเต็มประดา

พึบ!

ทันใดนั้นตู้เฉินเฟิงก็วาดแขนออกไป

เสียงดังสนั่นกึกก้อง

ฝักกระบี่ที่อยู่ด้านข้างเขาเผยคมมีดออกทันใด แสงวิบวับปรากฏออกมาต้องตาจนแสบ ส่องสว่างไปทั่วทันที

แสงกระบี่อันเฉียบคมเข้ามาจากทุกสารทิศ

เชี้ยงๆๆ!

โต๊ะเก้าอี้ภายในนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ในเสี้ยววินาที ประกายไฟกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น ราวกับมีดาบกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังฉีกอากาศออก อาละวาดอยู่เต็มไปหมด

อายกระบี่อันเย็นเฉียบที่ระเบิดออกในเสี้ยววินาที กลับดุดันถึงเพียงนี้!

หลินอิ่งยังอยู่ที่เดิม รู้สึกถึงจิตสังหารรุนแรง

เมื่อนั้นเงากระบี่เย็นยะเยือกกลางอากาศที่ราวกับสายฟ้าพิฆาต เร็วดุจไร้เงา ทิ่มเข้าจุดตันเถียนตรงท้องหลินอิ่ง!

กระบี่นี้แสดงให้เห็นถึงอานุภาพอันร้ายกาจ!

ฉึก!

หลินอิ่งเอามือคลำอากาศ พร้อมกันนั้นชี่กังอันร้ายกาจของเขาก็พุ่งออกมา ปะทะกระบี่เฉินเฟิงที่พุ่งเข้ามาจนผงะ เกิดเป็นเสียงแกล๊ง

“หือ?”

ตู้เฉินเฟิงส่งเสียงฉงนใจ รู้สึกได้ว่าหลินอิ่งสกัดการแทงนี้ได้

เป็นไปได้อย่างไร?!

กระบี่นี้มีกำลังภายในเพียงพอ จิตสังหารก็เปี่ยมล้น นอกจากรายการแห่งฟ้าแล้วก็ไม่มีใครสกัดได้!

“ตู้เฉินเฟิง ช่างกล้าจริงนะ! จะลงมือก็ไม่ดูเสียก่อนว่าเป็นใคร!”

หลินอิ่งมองตู้เฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงยะเยือก

เมื่อได้ยินดังนั้นตู้เฉินเฟิงก็แผ่จิตสังหารที่น่าตกใจออกมาจากตัว

หน้านิ่งดุจน้ำลึก ดวงตาดุดัน

เดิมทีตู้เฉินเฟิงได้แอบหารือกับหลินเสวียนหมิงไว้เรียบร้อยแล้ว คิดจะทำลายบูโดของหลินอิ่งด้วยกระบี่เดียว แต่คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะรับไว้ได้

ด้วยความที่เขามีฐานะเป็นอาวุโสผู้มีคุณธรรม จึงไม่อาจต่อสู้เข่นฆ่าหลินอิ่งได้จริง

แต่ตอนนี้หลินอิ่งกลับโอหังนัก สังหารลูกศิษย์ของเขา แล้วยังด่าทอเขาต่อหน้าอีก ไร้เหตุผลสิ้นดี!

“โอหัง! เดิมทีฉันแค่คิดจะแทงแกแค่ครั้งเดียว ให้แกรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่แกกลับเหิมเกริมต่อหน้าฉัน? วันนี้ฉันต้องทำลายบูโดแกให้ได้!”

ตู้เฉินเฟิงโมโหก่นด่า ลุกขึ้นยืนแล้วหันตัวมามองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชาทันที

“กะ แกคือ…!”

เมื่อเห็นหน้าตาของหลินอิ่งแล้ว ตู้เฉินเฟิงก็หน้าถอดสีทันที ขาวซีดเผือด ราวกับเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในแดนมนุษย์ ถอยหลังหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว

หลินอิ่งยิ้มเย็นที่มุมปาก พูดชืดๆ “ที่แท้ก็ยังจำผมได้นี่?”

“ผะ…ผม”

ตู้เฉินเฟิงหน้าเขียวปั๊ด ตัวสั่นพั่บๆ จ้องหลินอิ่งตาเขม็ง ทำหน้าเหลือเชื่อ

รูปโฉมของหลินอิ่งเป็นดั่งฝันร้ายตลอดชีวิตของตู้เฉินเฟิง

เขาไม่มีวันลืมว่าหนุ่มน้อยวันสิบหกสิบเจ็ดคนนั้นทำลายกระบี่เขาจนแหลกเหลวอย่างไร ทำลายมือซ้ายที่เขาถือกระบี่อย่างไร!

ตอนนั้น หลังจากตู้เฉินเฟิงแพ้แล้วก็อยากเป็นทาสกระบี่ ติดตามหลินอิ่งตลอดชีวิต แต่กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างฉับพลัน

ตู้เฉินเฟิงคิดไม่ถึงว่าชาตินี้เขาจะมีโอกาสได้พบหนุ่มน้อยปิศาจแห่งยุคคนนั้นอีก แถมยังในสถานการณ์อย่างนี้อีก!

หนุ่มลึกลับตรงหน้าผู้นี้น่ากลัวแค่ไหน มีเพียงคนที่เคยเจอกับตัวเท่านั้นถึงจะรู้!

“ทะ ทำไมคุณถึงอยู่ที่ตระกูลหลินแห่งลังยาได้ล่ะครับ?” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุกเข่าพูด” หลินอิ่งกล่าวเรียบ

ปุก!

ตู้เฉินเฟิงคุกเข่าแบบไม่ลังเลสักนิด สีหน้าไร้ความขัดขืน ทั้งไม่มีมาดปรมาจารย์

“ไม่ทราบมีอะไรจะชี้แนะครับ ตู้เฉินเฟิงจะขอคุกเข่าฟัง” ตู้เฉินเฟิงพูดด้วยความเคารพนอบน้อม ราวกับอยู่ต่อหน้าผู้เป็นอาจารย์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+