ซุปเปอร์เจ้าสำราญ 635 พวกเราอยากจะขอนายช่วยสักเรื่อง

Now you are reading ซุปเปอร์เจ้าสำราญ Chapter 635 พวกเราอยากจะขอนายช่วยสักเรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มณฑลตุงไห่ เมืองชิงหยูน

ณ โรงแรมสากลชิงหยูน

ภายในห้องทำงานของท่านประธาน หลินอิ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงาน ในมือถือแก้วชาดำ สีหน้านิ่งเฉยราวกับน้ำ

ส่วนเจียงฉีเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงกันข้าม สีหน้าท่าทีตึงเครียดไม่น้อย

หลังจากที่หลินอิ่งกลับมาที่มณฑลตุงไห่ เดินทางไปวิลล่าหิมะมังกร ผลที่ได้กลับหาคนไม่เจอ แม้แต่คู่สามีภรรยาลู่หย่าฮุ่ยก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านวิลล่าเหมือนกัน

ได้ยินยามบอกว่าย้ายออกไปแล้ว

ต่อมา หลินอิ่งก็ไปที่ชุมชนสุ่ยหยวนกับชุมชนเจียงฉือ ก็ไม่มีคนอยู่เหมือนกัน

จนกระทั่งเรียกเจียงฉีมา ถึงได้รู้ว่าครอบครัวของจางฉีโม่ออกเดินทางไกล กลับไปที่บ้านที่อำเภอเจียงเยว่แล้ว

เสียงตี๊ดๆดังขึ้นมาสองครั้ง

ในตอนนี้ มือถือในกระเป๋ากางเกงของเจียงฉีดังขึ้นมา

"ประธานหลิน เสิ่นซานโทรมา……"เจียงฉีมองไปยังหลินอิ่ง พร้อมกับพูดถามขึ้นด้วยสีหน้าเคารพนอบน้อม

"รับสาย"

หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ ยกแก้วชาดื่มไปหนึ่งคำ

ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเจียงฉีบอกว่า เสิ่นซานไปปกป้องคุ้มกันฉีโม่ที่อำเภอเจียงเยว่ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงให้เจียงฉีติดต่อไปทางฝั่งของเสิ่นซาน ถามสถานการณ์ให้แน่ชัด

"ครับ"

พอได้รับอนุญาตจากหลินอิ่ง เจียงฉีจึงโล่งใจลง ลุกขึ้นยืน หันหลังไปรับสาย

ผ่านไปหนึ่งนาที

โทรศัพท์เสร็จ เจียงฉีก็หันตัวมาอย่างแรง สีหน้าเคร่งเครียดสุดๆ

"ประธานหลิน คุณนายหลิน เธอ……"

เจียงฉีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างหมดความมั่นใจ

"เป็นอะไร?"หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

พอเขาเห็นท่าทางแบบนี้ของเจียงฉี ก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

เจียงฉีเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ก่อนจะพูดขึ้น"ประธานหลิน เมื่อตะกี้เสิ่นซานโทรมาบอกว่า คุณนายหลินหายตัวไปที่อำเภอเจียงเยว่……ดูเหมือนว่าจะถูกคนลักพาตัวไปครับ"

"ว่าไงนะ?"หลินอิ่งกวาดสายตามองอย่างเย็นชา ไฟโกรธสุมอยู่ในใจ

"ขอโทษครับ ผมจัดการไม่รอบคอบเอง"เจียงฉีก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองหลินอิ่ง สีหน้ารู้สึกผิดมากๆ

ในเวลานี้ สายตาของหลินอิ่งแทบจะสามารถฆ่าคนได้เลย

เจียงฉีไม่กล้าสบตาเลยแม้แต่น้อย

แถม เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เจียงฉีเผชิญหน้ากับหลินอิ่ง ในใจก็รู้สึกละอายอยู่ไม่น้อย

ประธานหลินผลักดันเขามาถึงขั้นนี้ เป็นเจ้าพ่อใหญ่ที่มีอิทธิพลมากๆของวงการธุรกิจในมณฑลตุงไห่

แต่กลับดูแลความปลอดภัยของคุณนายหลินในมณฑลตุงไห่ไม่ได้เลย……เรื่องนี้ มันช่างน่าขายหน้าจริงๆ

หลินอิ่งสีหน้านิ่งขรึม วางแก้วชาลง สายตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นนิ่งลึก

ฉีโม่ถูกคนจับตัวไปที่อำเภอเจียงเยว่?

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

สถานที่เล็กๆแบบอำเภอเจียงเยว่ เสิ่นซานผู้นำอันดับหนึ่งของมณฑลตุงไห่อุตส่าห์พาเธอไปส่งด้วยตัวเองแล้วแท้ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้?

ใครกันที่มีความกล้าขนาดนี้ในอำเภอเจียงเยว่?

เว้นแต่ว่า จะเพ่งเล็งมาที่ตัวเอง

หลินอิ่งครุ่นคิดอย่างช่วยไม่ได้ ใครกันที่จับจ้องฉีโม่อยู่

สำนักยุทธ์เชียน ตระกูลหลินแห่งลังยา? หรือว่า……

สถานการณ์ที่อันตรายที่สุด ก็กลัวว่าจะมีใครคอยแอบจับตาดูสอดแนมตระกูลเหวินกับท่านมังกรดำของตัวเองจากในที่มืดอยู่……

ถ้าเป็นแบบนั้น ก็เกรงว่าเรื่องจะเกินความสามารถของตัวเองแล้ว

"สถานการณ์โดยละเอียดเป็นยังไง? คนที่เสิ่นซานส่งไปปกป้องคุ้มกันฉีโม่ล่ะ?"หลินอิ่งพูดถามเจียงฉีด้วยสีหน้าจริงจัง

เจียงฉีตอบกลับมาอย่างจริงจัง"ประธานหลิน ผมฟังจากที่เสิ่นซานรายงานมา บอกว่าเขาส่งหลิวจุนไป แล้วก็คนอีกหลายคันรถแอบติดตามปกป้องคุ้มกันคุณนายหลินตลอดเวลา แต่ว่า เมื่อวานตอนบ่าย จู่ๆทุกคนก็ขาดการติดต่อไป"

"เรื่องเกิดขึ้นที่ประตูทางเข้าชุมชนของบ้านป้าของคุณนายหลินครับ ไม่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์ พวกหลิวจุนกลุ่มนั้น ตอนนี้บาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ยังอยู่ที่ฉุกเฉิน"

"เสิ่นซานบอกว่า สถานการณ์ในตอนนี้น่าสังเวชใจมาก หลิวจุนถูกอัดจนไปชนเข้ากับกำแพง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนที่ลงมือเลยแม้แต่น้อย คนที่ลงมือ มีภูมิหลังที่ใหญ่มาก"

พอรายงานจบ เจียงฉีก็ยืนอยู่ข้างๆด้วยความกระวนกระวายอยู่ไม่สุข

หลินอิ่งนิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ ในตาแฝงไปด้วยความอาฆาต

พอได้ฟังเจียงฉีรายงานมาแบบนี้จนจบ เขาก็พอจะเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆแล้ว

ฝีมือของหลิวจุน ในโลกธรรมก็ถือว่าเก่งกาจโหดเหี้ยมมากๆแล้ว

ถูกคนอัดจนกระเด็นในทีเดียวแบบนี้ นั่นก็อธิบายแล้วว่า เป็นคนของแวดวงลึกลับมาลงมือแน่ๆ

"ให้เสิ่นซานรออยู่ที่อำเภอเจียงเยว่ ฉันจะมุ่งตรงไปที่อำเภอเจียงเยว่เดี๋ยวนี้แหละ"หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม

พูดจบ หลินอิ่งก็ลุกขึ้นยืนทันที เดินออกจากห้องทำงานของประธาน

เจียงฉีก็รีบตามไปทันที โทรศัพท์ออกไปเตรียมกำลังคนกับรถ

ข่าวที่ฉีโม่ถูกคนจับตัวไป มันทำให้หลินอิ่งนั่งไม่ติดแล้ว เก็บกดไฟโกรธภายในใจเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

ตี๊ดๆ

ในเวลานี้เอง มือถือของหลินอิ่งดังขึ้นมา

เขาหยุดฝีเท้าลง สายตาสั่นเล็กน้อย หันไปมอง เบอร์โทรศัพท์ที่แสดงเป็นจางซิ่วเฟิงโทรมา

หลินอิ่งมีมือถือสองเครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นแบบใส่รหัส อีกเครื่องไม่ค่อยได้ใช้บ่อยๆ มือถือที่ดังขึ้นมาเครื่องนี้ ปกติแล้วจะไม่ได้พกติดตัว กลับเมืองตุงไห่มาครั้งนี้ถึงได้พกกลับมาด้วย

"ฮาโหล หลินอิ่งเหรอ? ฉัน ฉันคือจางซิ่วเฟิงนะ นาย นายได้ยินฉันไหม?"มีเสียงผู้ชายที่ระแวดระวังดังขึ้นมาในสาย

ตอนนี้ เผชิญหน้ากับหลินอิ่ง ท่าทีของจางซิ่วเฟิงก็ไม่มั่นใจ ถึงขนาดที่ในใจรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย

"เรื่องอะไร?"

หลินอิ่งรับโทรศัพท์ พูดถามขึ้นอย่างจริงจัง

"หลินอิ่ง พวก พวกเราอยากจะขอนายช่วยสักเรื่อง……"ในสาย จางซิ่วเฟิงพูดคลุมเครือไม่ชัดเจน

หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์"ว่ามา"

"คือแบบนี้ หลินอิ่ง ความรู้สึกที่นายมีต่อฉีโม่ของพวกเรา พวกเรานั้นรู้ดี เลยอยากที่จะเชิญนายกลับมาที่เมืองตุงไห่ กินข้าวด้วยกันกับคนในครอบครัวสักมื้อ พูดคุยในสิ่งที่เข้าใจผิดก่อนหน้านี้กันให้ชัดเจน"จางซิ่วเฟิงพูดขึ้น"นอกจากนี้ ฉีโม่ปล่อยวางปมที่อยู่ในใจไม่ได้มาโดยตลอด ช่วงนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำงานเลย"

"เห้อ คุณนี่พูดเป็นไหมเนี่ย มา ให้ฉันพูดเอง"

ในเวลานี้เอง ในสายมีเสียงของลู่หย่าฮุ่ยดังขึ้นมา ตัดบทพูดของจางซิ่วเฟิง

"ฮาโหล หลินอิ่ง คือแบบนี้ พวกเรารู้หมดแล้ว เจียงฉีกับเสิ่นซานแห่งเมืองชิงหยูนต่างก็เป็นลูกน้องของนายสินะ? ถ้าอย่างนั้นนายช่วยบอกพวกเขาหน่อยว่าให้เจียงฉีช่วยทำธุระให้กับพวกเราหน่อย แค่เรื่องเล็กๆเรื่องเดียวเท่านั้น"ลู่หย่าฮุ่ยค่อยๆพูด"ช่วงนี้ฉีโม่กลับบ้านมาถูกคนดูถูกดูแคลน ขนาดเอานายมาก็ยังขายหน้าเลย วันนี้ฉันเห็นฉีโม่โกรธแทบทนไม่ไหว ออกจากบ้านไป ติดต่อก็ไม่ได้ ดังนั้น จะขอให้นายช่วยสักหน่อย ถ้าว่างก็กลับมามณฑลตุงไหบ่อยๆนะ ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน"

หลินอิ่งสีหน้าไร้อารมณ์ พูดขึ้น"ฉีโม่ออกไป? คุณไม่รู้เหรอว่าฉีโม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"

ตอนนี้เขาแทบจะไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจเรื่องยิบย่อยเล็กๆน้อยๆของทางตระกูลของลู่หย่าฮุ่ยแล้ว

แล้วก็ไม่รู้ว่า ลู่หย่าฮุ่ยคิดยังไง ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าฉีโม่ถูกลักพาตัวไป แถมยังนึกว่าหนีออกจากบ้านไปเพราะว่าโกรธอีก?

เป็นพ่อแม่แท้ๆ แต่ไม่เข้าใจนิสัยของฉีโม่เลยสักนิด ยังจะห่วงหน้าตาของบ้านเกิดอีก ไม่รู้จริงๆว่ากำลังทำอะไรอยู่

"หา? เกิดอะไรขึ้น? วันนี้กินข้าวที่บ้านเกิด ฉีโม่ถูกยั่วยุจนโมโห หนีออกไปแล้วนะ ยังจะเกิดเรื่องอะไรได้อีก?"ลู่หย่าฮุ่ยถามขึ้นด้วยความมึนงง

"หลินอิ่ง เมื่อก่อนล้วนแต่เป็นพวกเราที่ไม่ดีเอง นายกลับมาเมืองตุงไห่ พวกเราสองสามีภรรยาจะยกเหล้าขอโทษนายทันทีเลย นายก็อย่าถือสาคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราเลยนะ"ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง พูดอย่างหน้าด้านๆ ท่าทีดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก

"ครั้งนี้ ก็ขอให้นายช่วยสักเรื่อง แค่ไปบอกลูกน้องของนายก็พอแล้ว ไม่ลำบากอะไรหรอก ถึงยังไงก็คนครอบครัวเดียวกัน นายคงจะทนดูฉีโม่ถูกกลั่นแกล้งรังแก ถูกคนที่บ้านดูถูกดูแคลนไม่ได้หรอกใช่ไหม?"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ 635 พวกเราอยากจะขอนายช่วยสักเรื่อง

Now you are reading ซุปเปอร์เจ้าสำราญ Chapter 635 พวกเราอยากจะขอนายช่วยสักเรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มณฑลตุงไห่ เมืองชิงหยูน

ณ โรงแรมสากลชิงหยูน

ภายในห้องทำงานของท่านประธาน หลินอิ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงาน ในมือถือแก้วชาดำ สีหน้านิ่งเฉยราวกับน้ำ

ส่วนเจียงฉีเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงกันข้าม สีหน้าท่าทีตึงเครียดไม่น้อย

หลังจากที่หลินอิ่งกลับมาที่มณฑลตุงไห่ เดินทางไปวิลล่าหิมะมังกร ผลที่ได้กลับหาคนไม่เจอ แม้แต่คู่สามีภรรยาลู่หย่าฮุ่ยก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านวิลล่าเหมือนกัน

ได้ยินยามบอกว่าย้ายออกไปแล้ว

ต่อมา หลินอิ่งก็ไปที่ชุมชนสุ่ยหยวนกับชุมชนเจียงฉือ ก็ไม่มีคนอยู่เหมือนกัน

จนกระทั่งเรียกเจียงฉีมา ถึงได้รู้ว่าครอบครัวของจางฉีโม่ออกเดินทางไกล กลับไปที่บ้านที่อำเภอเจียงเยว่แล้ว

เสียงตี๊ดๆดังขึ้นมาสองครั้ง

ในตอนนี้ มือถือในกระเป๋ากางเกงของเจียงฉีดังขึ้นมา

"ประธานหลิน เสิ่นซานโทรมา……"เจียงฉีมองไปยังหลินอิ่ง พร้อมกับพูดถามขึ้นด้วยสีหน้าเคารพนอบน้อม

"รับสาย"

หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ ยกแก้วชาดื่มไปหนึ่งคำ

ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเจียงฉีบอกว่า เสิ่นซานไปปกป้องคุ้มกันฉีโม่ที่อำเภอเจียงเยว่ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงให้เจียงฉีติดต่อไปทางฝั่งของเสิ่นซาน ถามสถานการณ์ให้แน่ชัด

"ครับ"

พอได้รับอนุญาตจากหลินอิ่ง เจียงฉีจึงโล่งใจลง ลุกขึ้นยืน หันหลังไปรับสาย

ผ่านไปหนึ่งนาที

โทรศัพท์เสร็จ เจียงฉีก็หันตัวมาอย่างแรง สีหน้าเคร่งเครียดสุดๆ

"ประธานหลิน คุณนายหลิน เธอ……"

เจียงฉีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างหมดความมั่นใจ

"เป็นอะไร?"หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

พอเขาเห็นท่าทางแบบนี้ของเจียงฉี ก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

เจียงฉีเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ก่อนจะพูดขึ้น"ประธานหลิน เมื่อตะกี้เสิ่นซานโทรมาบอกว่า คุณนายหลินหายตัวไปที่อำเภอเจียงเยว่……ดูเหมือนว่าจะถูกคนลักพาตัวไปครับ"

"ว่าไงนะ?"หลินอิ่งกวาดสายตามองอย่างเย็นชา ไฟโกรธสุมอยู่ในใจ

"ขอโทษครับ ผมจัดการไม่รอบคอบเอง"เจียงฉีก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองหลินอิ่ง สีหน้ารู้สึกผิดมากๆ

ในเวลานี้ สายตาของหลินอิ่งแทบจะสามารถฆ่าคนได้เลย

เจียงฉีไม่กล้าสบตาเลยแม้แต่น้อย

แถม เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เจียงฉีเผชิญหน้ากับหลินอิ่ง ในใจก็รู้สึกละอายอยู่ไม่น้อย

ประธานหลินผลักดันเขามาถึงขั้นนี้ เป็นเจ้าพ่อใหญ่ที่มีอิทธิพลมากๆของวงการธุรกิจในมณฑลตุงไห่

แต่กลับดูแลความปลอดภัยของคุณนายหลินในมณฑลตุงไห่ไม่ได้เลย……เรื่องนี้ มันช่างน่าขายหน้าจริงๆ

หลินอิ่งสีหน้านิ่งขรึม วางแก้วชาลง สายตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นนิ่งลึก

ฉีโม่ถูกคนจับตัวไปที่อำเภอเจียงเยว่?

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

สถานที่เล็กๆแบบอำเภอเจียงเยว่ เสิ่นซานผู้นำอันดับหนึ่งของมณฑลตุงไห่อุตส่าห์พาเธอไปส่งด้วยตัวเองแล้วแท้ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้?

ใครกันที่มีความกล้าขนาดนี้ในอำเภอเจียงเยว่?

เว้นแต่ว่า จะเพ่งเล็งมาที่ตัวเอง

หลินอิ่งครุ่นคิดอย่างช่วยไม่ได้ ใครกันที่จับจ้องฉีโม่อยู่

สำนักยุทธ์เชียน ตระกูลหลินแห่งลังยา? หรือว่า……

สถานการณ์ที่อันตรายที่สุด ก็กลัวว่าจะมีใครคอยแอบจับตาดูสอดแนมตระกูลเหวินกับท่านมังกรดำของตัวเองจากในที่มืดอยู่……

ถ้าเป็นแบบนั้น ก็เกรงว่าเรื่องจะเกินความสามารถของตัวเองแล้ว

"สถานการณ์โดยละเอียดเป็นยังไง? คนที่เสิ่นซานส่งไปปกป้องคุ้มกันฉีโม่ล่ะ?"หลินอิ่งพูดถามเจียงฉีด้วยสีหน้าจริงจัง

เจียงฉีตอบกลับมาอย่างจริงจัง"ประธานหลิน ผมฟังจากที่เสิ่นซานรายงานมา บอกว่าเขาส่งหลิวจุนไป แล้วก็คนอีกหลายคันรถแอบติดตามปกป้องคุ้มกันคุณนายหลินตลอดเวลา แต่ว่า เมื่อวานตอนบ่าย จู่ๆทุกคนก็ขาดการติดต่อไป"

"เรื่องเกิดขึ้นที่ประตูทางเข้าชุมชนของบ้านป้าของคุณนายหลินครับ ไม่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์ พวกหลิวจุนกลุ่มนั้น ตอนนี้บาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ยังอยู่ที่ฉุกเฉิน"

"เสิ่นซานบอกว่า สถานการณ์ในตอนนี้น่าสังเวชใจมาก หลิวจุนถูกอัดจนไปชนเข้ากับกำแพง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนที่ลงมือเลยแม้แต่น้อย คนที่ลงมือ มีภูมิหลังที่ใหญ่มาก"

พอรายงานจบ เจียงฉีก็ยืนอยู่ข้างๆด้วยความกระวนกระวายอยู่ไม่สุข

หลินอิ่งนิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ ในตาแฝงไปด้วยความอาฆาต

พอได้ฟังเจียงฉีรายงานมาแบบนี้จนจบ เขาก็พอจะเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆแล้ว

ฝีมือของหลิวจุน ในโลกธรรมก็ถือว่าเก่งกาจโหดเหี้ยมมากๆแล้ว

ถูกคนอัดจนกระเด็นในทีเดียวแบบนี้ นั่นก็อธิบายแล้วว่า เป็นคนของแวดวงลึกลับมาลงมือแน่ๆ

"ให้เสิ่นซานรออยู่ที่อำเภอเจียงเยว่ ฉันจะมุ่งตรงไปที่อำเภอเจียงเยว่เดี๋ยวนี้แหละ"หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม

พูดจบ หลินอิ่งก็ลุกขึ้นยืนทันที เดินออกจากห้องทำงานของประธาน

เจียงฉีก็รีบตามไปทันที โทรศัพท์ออกไปเตรียมกำลังคนกับรถ

ข่าวที่ฉีโม่ถูกคนจับตัวไป มันทำให้หลินอิ่งนั่งไม่ติดแล้ว เก็บกดไฟโกรธภายในใจเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

ตี๊ดๆ

ในเวลานี้เอง มือถือของหลินอิ่งดังขึ้นมา

เขาหยุดฝีเท้าลง สายตาสั่นเล็กน้อย หันไปมอง เบอร์โทรศัพท์ที่แสดงเป็นจางซิ่วเฟิงโทรมา

หลินอิ่งมีมือถือสองเครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นแบบใส่รหัส อีกเครื่องไม่ค่อยได้ใช้บ่อยๆ มือถือที่ดังขึ้นมาเครื่องนี้ ปกติแล้วจะไม่ได้พกติดตัว กลับเมืองตุงไห่มาครั้งนี้ถึงได้พกกลับมาด้วย

"ฮาโหล หลินอิ่งเหรอ? ฉัน ฉันคือจางซิ่วเฟิงนะ นาย นายได้ยินฉันไหม?"มีเสียงผู้ชายที่ระแวดระวังดังขึ้นมาในสาย

ตอนนี้ เผชิญหน้ากับหลินอิ่ง ท่าทีของจางซิ่วเฟิงก็ไม่มั่นใจ ถึงขนาดที่ในใจรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย

"เรื่องอะไร?"

หลินอิ่งรับโทรศัพท์ พูดถามขึ้นอย่างจริงจัง

"หลินอิ่ง พวก พวกเราอยากจะขอนายช่วยสักเรื่อง……"ในสาย จางซิ่วเฟิงพูดคลุมเครือไม่ชัดเจน

หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์"ว่ามา"

"คือแบบนี้ หลินอิ่ง ความรู้สึกที่นายมีต่อฉีโม่ของพวกเรา พวกเรานั้นรู้ดี เลยอยากที่จะเชิญนายกลับมาที่เมืองตุงไห่ กินข้าวด้วยกันกับคนในครอบครัวสักมื้อ พูดคุยในสิ่งที่เข้าใจผิดก่อนหน้านี้กันให้ชัดเจน"จางซิ่วเฟิงพูดขึ้น"นอกจากนี้ ฉีโม่ปล่อยวางปมที่อยู่ในใจไม่ได้มาโดยตลอด ช่วงนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำงานเลย"

"เห้อ คุณนี่พูดเป็นไหมเนี่ย มา ให้ฉันพูดเอง"

ในเวลานี้เอง ในสายมีเสียงของลู่หย่าฮุ่ยดังขึ้นมา ตัดบทพูดของจางซิ่วเฟิง

"ฮาโหล หลินอิ่ง คือแบบนี้ พวกเรารู้หมดแล้ว เจียงฉีกับเสิ่นซานแห่งเมืองชิงหยูนต่างก็เป็นลูกน้องของนายสินะ? ถ้าอย่างนั้นนายช่วยบอกพวกเขาหน่อยว่าให้เจียงฉีช่วยทำธุระให้กับพวกเราหน่อย แค่เรื่องเล็กๆเรื่องเดียวเท่านั้น"ลู่หย่าฮุ่ยค่อยๆพูด"ช่วงนี้ฉีโม่กลับบ้านมาถูกคนดูถูกดูแคลน ขนาดเอานายมาก็ยังขายหน้าเลย วันนี้ฉันเห็นฉีโม่โกรธแทบทนไม่ไหว ออกจากบ้านไป ติดต่อก็ไม่ได้ ดังนั้น จะขอให้นายช่วยสักหน่อย ถ้าว่างก็กลับมามณฑลตุงไหบ่อยๆนะ ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน"

หลินอิ่งสีหน้าไร้อารมณ์ พูดขึ้น"ฉีโม่ออกไป? คุณไม่รู้เหรอว่าฉีโม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"

ตอนนี้เขาแทบจะไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจเรื่องยิบย่อยเล็กๆน้อยๆของทางตระกูลของลู่หย่าฮุ่ยแล้ว

แล้วก็ไม่รู้ว่า ลู่หย่าฮุ่ยคิดยังไง ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าฉีโม่ถูกลักพาตัวไป แถมยังนึกว่าหนีออกจากบ้านไปเพราะว่าโกรธอีก?

เป็นพ่อแม่แท้ๆ แต่ไม่เข้าใจนิสัยของฉีโม่เลยสักนิด ยังจะห่วงหน้าตาของบ้านเกิดอีก ไม่รู้จริงๆว่ากำลังทำอะไรอยู่

"หา? เกิดอะไรขึ้น? วันนี้กินข้าวที่บ้านเกิด ฉีโม่ถูกยั่วยุจนโมโห หนีออกไปแล้วนะ ยังจะเกิดเรื่องอะไรได้อีก?"ลู่หย่าฮุ่ยถามขึ้นด้วยความมึนงง

"หลินอิ่ง เมื่อก่อนล้วนแต่เป็นพวกเราที่ไม่ดีเอง นายกลับมาเมืองตุงไห่ พวกเราสองสามีภรรยาจะยกเหล้าขอโทษนายทันทีเลย นายก็อย่าถือสาคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราเลยนะ"ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง พูดอย่างหน้าด้านๆ ท่าทีดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก

"ครั้งนี้ ก็ขอให้นายช่วยสักเรื่อง แค่ไปบอกลูกน้องของนายก็พอแล้ว ไม่ลำบากอะไรหรอก ถึงยังไงก็คนครอบครัวเดียวกัน นายคงจะทนดูฉีโม่ถูกกลั่นแกล้งรังแก ถูกคนที่บ้านดูถูกดูแคลนไม่ได้หรอกใช่ไหม?"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+