ตำนานเทพยุทธ์ 55

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 55 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเป่าฮู่ได้แยกทางกับหย่วนซิวหยู ตรงเมืองซื่อเอ๋อ ก็ได้มุ่งหน้าเดินทางอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อไปให้ถึงชายแดนเมืองซื่อหู่ เมืองที่จัดว่ามีอิทธิพลเป็นอันดับที่สาม ของเขตปกครองเสวียนอู่นี้

หากจะกล่าวถึงการปกครองในดินแดนเสวียนอู่ปัจจุบัน คงต้องไล่เรียงจากอำนาจของตระกูลที่ปกครองแต่ละเมือง อันได้แก่ เมืองที่เป็นอันดับที่หนึ่งก็คือ เมืองซื่อหม่า เมืองต่อมาที่ปกครองคนและสำนักวิชายุทธ์รองลงมาก็คือเมืองซื่อลู่ จนอันดับที่สามของกลุ่มตระกูลใหญ่ที่ปกครองเมืองของตนเองก็คือตระกูลหู่ เมืองซื่อหู่

 

แม้เวลาผ่านไป100 ปีในสายตาของเป่าฮู่ก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะสายน้ำที่ไหลผ่าน

ดินแดนนี้ก็ยังคงไหลไปในเส้นทางเดิม ใจคนต่างหากที่เปลี่ยนแปลง

เป่าฮู่เฝ้ามองตลอดเส้นทางที่เดินทางมากลับพบว่า ชาวบ้าน และผู้คนที่ยากไร้เริ่มหันไปเป็นขอทานเสียมากมาย แต่คนพวกนี้แม้เป็นขอทานกลับมีการรวมพลเป็นกลุ่มก้อน ดังนั้นทางเดียวที่จะได้ข่าวหรือสิ่งที่ต้องการจำต้องลงไปสัมผัสกับคนกลุ่มนี้

 

เป่าฮู่ที่นั่งจิบน้ำชาที่ร้านน้ำชาเล็กๆริมทาง ก่อนที่จะเห็นขอทานสองคนเดิมมาเหมือนกำลังเร่งเดินทางไปยังเมืองซื่อหู่อย่างเร่งรีบ ทำให้โอกาสของเป่าฮู่เกิดขึ้นด้วย

เพราะความสงสัยวันนี้เป่าฮู่ได้พักม้าและคิดจะเข้าเมืองตอนเย็น อย่างสบายใจ แต่หากจะเปลี่ยนไปเดินทางทางเท้าก็ไม่ได้เสียหายอะไร

“เสี่ยวเอ้อ ช่วยขายม้านั่นให้ข้าหน่อย ข้าจะเดินทางด้วยเท้าพร้อมกับพี่ชายกลุ่มนี้ และจงเอาไก่ย่างให้แก่คนกลุ่มนี้สามตัว”

การที่จู่ๆมีคนหยิบยื่นแบ่งปันน้ำใจให้แก่ขอทาน ทำให้กลุ่มชาวยุทธ์ด้านข้างหันมามองด้วยความแปลกใจ ด้วยความคิดต่างๆนานาแต่ด้านขอทานทั้งสองหลังเสี่ยวเอ้อนำไก่มาให้ ก็ถามถึงคนที่เลี้ยงไก่พวกเขาและไม่นานขอทานทั้งสองก็เดินมายังโต๊ะที่เป่าฮู่นั่ง

“คาราวะคุณชาย เราทั้งสองขอบคุณท่านมากที่มอบแก่นี้ให้เรา หากคุณชายมีสิ่งใดให้เราทั้งสองช่วยก็ขอเชิญที่พรรคใต้หล้า เราจัดการชุมนุมที่เมืองซื่อหู่พอดี

ข้าหยุนต๋า ข้าหยุนฟ้าน เราสองเป็นคนพรรคใต้หล้าวันนี้มีวาสนาได้พบนับว่าโชคดี เช่นเราทั้งสองขอลา”

 

เมื่อเป่าฮู่ได้ฟังว่าในแดนเสวียนอู่มีพรรคใต้หล้าเกิดขึ้น ก็สนใจและคิดว่าจะลองเดินทางไปเยือนสักครั้ง เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็กล่าวกับเสี่ยวเอ้อทันที

“นี่เสี่ยวเอ้อ พรรคใต้หล้าที่เมืองซื่อหู่มันดังขนาดไหน?”

เพียงกลุ่มชาวยุทธ์ที่อยู่ในสังกัดของสำนักเจ้าเมืองทั้งหลายได้ฟังคำของคนแปลกหน้าถามถึงพรรคชั้นต่ำนั่น ก็ลุกขึ้นมากล่าวอย่างฉะฉาน

“นี่น้องชาย จะถามถึงพรรคชั้นต่ำที่รวบรวมเหล่าขอทานทั่วแดนเสวียนอู่

มาก่อตั้งเป็นพรรคและอ้างว่ามีค่าพอทัดเทียมเราเหล่าสำนักเจ้าเมืองต่างๆน่าขำสิ้นดี”

 

ด้านเป่าฮู่ที่ได้ฟังก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างเป็นบางส่วน ถึงความขัดแย้งในดินแดนทางเหนือที่ไร้ผู้นำแห่งจิตวิญญาณดั่งในยุค 100ปีก่อน

“การไร้ซึ่งผู้นำในดินแดนทางเหนือ มันก็เป็นเช่นนี้ เอาหละได้เวลาแล้ว”

 

เป่าฮู่ลุกขึ้นพร้อมมองไปทางประตูทางออกก่อนที่จะ มองดูคนในโรงน้ำช้าที่กล่าวต่อว่าพรรคขอทานเป็นพรรคชั้นต่ำ พวกมันก็ชั้นต่ำเช่นกันที่ขายจิตวิญญาณแก่แดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อนานมาแล้ว

 

ณ ผาเคียงตะวัน

เพียงการเวลาที่ผ่านพ้นกลับยังมีกลุ่มคนที่หลงเหลือความเกลียดช่างต่อแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง และหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลหยุนตระกูลที่คอยรวบรวมคนที่ถูกกดขี่จากกฎที่แดนศักดิ์สิทธิ์สร้างไว้ หลังจากที่ยึดครองดินแดนนี้ได้

ผู้นำตระกูลหยุนตั้งแต่ 100 ปีก่อน ก็คือหนึ่งในกลุ่มศิษย์หลักที่เก็บตัวฝึกฝนในหุบเขาลึกของนิกายเสวียนอู่ มิได้ถูกกวาดล้าง เฉกเช่นคนอื่นเขา

หลังจากเหตุการณ์กวาดล้างผ่านไป 1 ปี พวกเขาเหล่านั้นกลับออกมาจากการฝึกตนก็พบว่า นิกายย่อยยับไปแล้วและคนที่สั่งยุบนิกายก็คือ ลู่กวน ผู้นำนิกายคนสุดท้าย ทั้งที่ตำแหน่งนั้นควรจะเป็นของ  หลังจากนั้นหยุนเต๋อสืบหาความจริงจนพบว่า คนที่ทำทุกอย่างให้แย่ลงขนาดนี้ก็คือ

แดนศักดิ์สิทธิ์ แต่การจะเผชิญหน้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยากเกินกำลัง จนตอนนี้หยุนเต๋อเป็น

บรรพชนของพรรคใต้หล้าที่คอยสั่งสอนให้ลูกหลานและศิษย์น้อยใหญ่ มีกำลังมากพอที่จะสร้างคลื่นลูกใหม่ให้กล้าปะทะกับสองนิกายใหญ่และหนึ่งหอยอดยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์

 

หลังจากที่หยุนเต๋อได้รวบรวมเหล่าเด็กน้อยอัจฉริยะ มาฝึกฝนตำราลมปราณที่มีในนิกายเสวียนอู่มี จนพร้อมด้วยความกล้าแกร่งไม่เป็นรอง ลมปราณที่เป็นความลับส่งต่อกันมาของเจ้านิกายเช่นนิกายเทพลมปราณเต่าดำ

 

หยุนเต๋อกับได้นำวิชาลมปราณของนิกายมาดัดแปลงจนก่อเกิดเป็นลมปราณระฆังวารี อันนำหลักการหมุนเวียนของลมปราณเดิมที่เป็นลมปราณคุ้มกายมาสร้างใหม่ให้เหมาะสมกับผู้ฝึกยุทธ์ธาตุน้ำ

จากเวลาที่ค้นคว้าจนได้มาซึ่งความน่าเกรงขามของพลัง และสร้างฐานกำลังของตนเองมาอย่างช้าๆด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง

วันนี้พรรคใต้หล้ามีศิษย์มากกว่า 5000 คนที่เป็นขอทานทั่วทั้งแดนเสวียนอู่ที่ส่งออกไปหาข่าวสืบข่าวต่างๆ วันนี้พวกเขาจะมารวมตัวกัน เพื่อหาว่าที่ผู้นำคนใหม่ซึ่งจะมีบทบาท

ที่จะนำพาเหล่าขอทานลุกขึ้นมาสู้กับดินแดนศักดิ์ เพียงต้องการหาที่ยืนในดินแดนที่เคยเป็นของตนเองมาเมื่อ 100 ปีก่อน

 

เสียงของเหล่าผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดซอมซ่อได้มารวมตัวกัน ณ ผาเคียงตะวันสถานที่แห่งใหม่ที่เป็นจุดอันเหมาะสมยิ่งนักที่จะเป็นปราการอันแข็งแกร่งป้องกันการบุกมาของสำนักและนิกายต่างๆจากทั่วสารทิศ

เป่าฮู่ที่เดินทางมาด้วยกันกับเหล่าขอทานทั้งหลายที่เจอก่อนหน้า ก็ได้ยินมาบ้างว่า ผู้นำสูงสุดของพวกเขายังมิเคยมีใครได้พบเห็นมาก่อน แต่ที่คอยควบคุมและสั่งสอนวิชายุทธ์กลับเป็นเหล่าอาวุโสทั้ง 9 คนเหล่านั้น เขตปกครองเสวียนอู่มี 9 เมือง ผู้นำสาขาก็มี 9 คนที่รับการถ่ายทอดวิชาและพลังลมปราณจากท่านประมุข วันนี้ท่านประมุขต้องการหาผู้นำคนใหม่ ทำให้สารลับนี้กระจายไปให้แก่คนทั้ง 9 มาชุมนุมพร้อมสมาชิกพรรคทุกคน

 

ดังนั้นวันนี้แม้หลายสำนักจะส่งคนมาสืบแต่ว่าตระกูลหยุนล้วนไม่เกรงกลัวมันผู้ใดทั้งนั้น ด้วยผู้นำของพวกเขามีระดับยุทธ์สูงพอที่จะท้าทายกลุ่มคนเหล่านั้นได้แล้ว

หยุนเต๋อก้าวข้าวสู่ ระดับจักรพรรดิลมปราณขั้นกลาง จึงไม่กลัวเหล่าผู้นำของตระกูลศักดิ์สิทธิ์และผู้นำจากนิกายต่างอีก ข่าวที่สืบมาหลายสิบปีทให้รู้ว่านิกายต่างๆในหลายดินแดน จ้าวนิกายยังมีจำนวนน้อยที่ก้าวไปสู่ระดับจักรพรรดิลมปราณขั้นสูง

หากที่น่ากลัวก็มีเพียง เต้าหวงเย่ และ มู่เจิ่งหลงจ้าวนิกายมังกรฟ้าที่ก้าวไปสู่ระดับ จักรพรรดิลมปราณขั้นสูงได้แล้ววันนี้จึงเป็นวันที่พรรคใต้หล้าจะขอลุกขึ้นท้าทายสำนักต่างๆในดินแดนทางเหนือแห่งนี้ โดยการนำของหยุนเต๋อ ประมุขพรรคใต้หล้าคนนี้

 

“เฮ่ๆๆ เฮ่ๆๆ เฮ่ๆๆ ท่านประมุขจงเจริญ ท่านประมุขจงเจริญ”

เสียงที่เป่าฮู่ได้ยินมาตั้งแต่ทางขุนเขา ด้วยนั่งเป็นเสียงแห่งความภักดีและซื่อตรง มั่นคงต่อสิ่งที่เป็น เหล่าขอทานที่มาทุกคนล้วนมีแซ่เดียวกัน นั่นคือแซ่หยุน ทำให้เป่าฮู่ที่เป็นแขกผู้มาเยือนได้เห็นถึงพลังของกลุ่มคนเหล่านี้และยิ่งได้ถามถึงสิ่งที่พวกเขาเหล่านี้มาก็เพราะรวมพลต่อต้านสำนักต่างๆที่ให้ความร่วมมือกับ แดนศักดิ์สิทธิ์

เพียงการได้ฟังสิ่งเหล่านั้น แม้จะมีคนเพียงน้อยนิดเขาก็ดีใจที่อย่างน้อยยังมีคนที่ลุกขึ้นท้าทายกับดินแดที่ชั่วร้ายนั้น

 

“เอาหละพี่ชายเราไปกันเถอะ”

วันนี้เป่าฮู่ที่แฝงตัวมา แม้จะสวมใส่ชุดที่ดูดีกว่าขอทานอยู่มาก แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นชุดหรูหราอะไร เพียงสวมใส่ผ้าไหมที่ดีกว่า และไม่ได้มีนิสัยเย่อยิ่งอะไร แถมยังมีหยุนต๋า หยุนฟ้าน ขอทานที่ได้ไก่ไปสามตัวให้การรับรอง ทั้งสามดื่มกินมาตลอดทางและก็รู้ว่า เป่าฮู่คือคนที่มีความแค้นหนหลังกับ แดนศักดิ์สิทธิ์ เพียงเท่านั้นก็ทำให้เป่าฮู่มีค่าพอที่จะมาร่วมชมงานแล้ว

 

เมื่อยามที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ดวงจันทร์โผล่พ้นขึ้นมาฉายแสง เหล่าขอทานกว่า

1000 คนที่มารวมตัวกัน ที่ลานกว้าง เป่าฮู่และสองขอทานยืนมองจากโขดหินที่เบื้องหลังกลุ่มชน เพราะเป่าฮู่เพียงต้องการมาดูไม่ได้มาก่อกวน

 

หากแต่การชุมนุมใหญ่จะมีเพียงผู้ที่สมัครสมานสามัคคีมาอย่างเดียวนั้นก็หาได้ไม่

ย่อมต้องมีกลุ่มสุนัขรับใช้เหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่แฝงตัวสร้างความวุ่นวายมากมายพอสมควร ตราบที่เป่าฮู่อยู่ที่ด้านหลังสูดจะได้เห็นว่า พรรคใต้หล้าจะจัดการสิ่งเหล่านั้นอย่างไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพยุทธ์ 55

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 55 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเป่าฮู่ได้แยกทางกับหย่วนซิวหยู ตรงเมืองซื่อเอ๋อ ก็ได้มุ่งหน้าเดินทางอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อไปให้ถึงชายแดนเมืองซื่อหู่ เมืองที่จัดว่ามีอิทธิพลเป็นอันดับที่สาม ของเขตปกครองเสวียนอู่นี้

หากจะกล่าวถึงการปกครองในดินแดนเสวียนอู่ปัจจุบัน คงต้องไล่เรียงจากอำนาจของตระกูลที่ปกครองแต่ละเมือง อันได้แก่ เมืองที่เป็นอันดับที่หนึ่งก็คือ เมืองซื่อหม่า เมืองต่อมาที่ปกครองคนและสำนักวิชายุทธ์รองลงมาก็คือเมืองซื่อลู่ จนอันดับที่สามของกลุ่มตระกูลใหญ่ที่ปกครองเมืองของตนเองก็คือตระกูลหู่ เมืองซื่อหู่

 

แม้เวลาผ่านไป100 ปีในสายตาของเป่าฮู่ก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะสายน้ำที่ไหลผ่าน

ดินแดนนี้ก็ยังคงไหลไปในเส้นทางเดิม ใจคนต่างหากที่เปลี่ยนแปลง

เป่าฮู่เฝ้ามองตลอดเส้นทางที่เดินทางมากลับพบว่า ชาวบ้าน และผู้คนที่ยากไร้เริ่มหันไปเป็นขอทานเสียมากมาย แต่คนพวกนี้แม้เป็นขอทานกลับมีการรวมพลเป็นกลุ่มก้อน ดังนั้นทางเดียวที่จะได้ข่าวหรือสิ่งที่ต้องการจำต้องลงไปสัมผัสกับคนกลุ่มนี้

 

เป่าฮู่ที่นั่งจิบน้ำชาที่ร้านน้ำชาเล็กๆริมทาง ก่อนที่จะเห็นขอทานสองคนเดิมมาเหมือนกำลังเร่งเดินทางไปยังเมืองซื่อหู่อย่างเร่งรีบ ทำให้โอกาสของเป่าฮู่เกิดขึ้นด้วย

เพราะความสงสัยวันนี้เป่าฮู่ได้พักม้าและคิดจะเข้าเมืองตอนเย็น อย่างสบายใจ แต่หากจะเปลี่ยนไปเดินทางทางเท้าก็ไม่ได้เสียหายอะไร

“เสี่ยวเอ้อ ช่วยขายม้านั่นให้ข้าหน่อย ข้าจะเดินทางด้วยเท้าพร้อมกับพี่ชายกลุ่มนี้ และจงเอาไก่ย่างให้แก่คนกลุ่มนี้สามตัว”

การที่จู่ๆมีคนหยิบยื่นแบ่งปันน้ำใจให้แก่ขอทาน ทำให้กลุ่มชาวยุทธ์ด้านข้างหันมามองด้วยความแปลกใจ ด้วยความคิดต่างๆนานาแต่ด้านขอทานทั้งสองหลังเสี่ยวเอ้อนำไก่มาให้ ก็ถามถึงคนที่เลี้ยงไก่พวกเขาและไม่นานขอทานทั้งสองก็เดินมายังโต๊ะที่เป่าฮู่นั่ง

“คาราวะคุณชาย เราทั้งสองขอบคุณท่านมากที่มอบแก่นี้ให้เรา หากคุณชายมีสิ่งใดให้เราทั้งสองช่วยก็ขอเชิญที่พรรคใต้หล้า เราจัดการชุมนุมที่เมืองซื่อหู่พอดี

ข้าหยุนต๋า ข้าหยุนฟ้าน เราสองเป็นคนพรรคใต้หล้าวันนี้มีวาสนาได้พบนับว่าโชคดี เช่นเราทั้งสองขอลา”

 

เมื่อเป่าฮู่ได้ฟังว่าในแดนเสวียนอู่มีพรรคใต้หล้าเกิดขึ้น ก็สนใจและคิดว่าจะลองเดินทางไปเยือนสักครั้ง เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็กล่าวกับเสี่ยวเอ้อทันที

“นี่เสี่ยวเอ้อ พรรคใต้หล้าที่เมืองซื่อหู่มันดังขนาดไหน?”

เพียงกลุ่มชาวยุทธ์ที่อยู่ในสังกัดของสำนักเจ้าเมืองทั้งหลายได้ฟังคำของคนแปลกหน้าถามถึงพรรคชั้นต่ำนั่น ก็ลุกขึ้นมากล่าวอย่างฉะฉาน

“นี่น้องชาย จะถามถึงพรรคชั้นต่ำที่รวบรวมเหล่าขอทานทั่วแดนเสวียนอู่

มาก่อตั้งเป็นพรรคและอ้างว่ามีค่าพอทัดเทียมเราเหล่าสำนักเจ้าเมืองต่างๆน่าขำสิ้นดี”

 

ด้านเป่าฮู่ที่ได้ฟังก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างเป็นบางส่วน ถึงความขัดแย้งในดินแดนทางเหนือที่ไร้ผู้นำแห่งจิตวิญญาณดั่งในยุค 100ปีก่อน

“การไร้ซึ่งผู้นำในดินแดนทางเหนือ มันก็เป็นเช่นนี้ เอาหละได้เวลาแล้ว”

 

เป่าฮู่ลุกขึ้นพร้อมมองไปทางประตูทางออกก่อนที่จะ มองดูคนในโรงน้ำช้าที่กล่าวต่อว่าพรรคขอทานเป็นพรรคชั้นต่ำ พวกมันก็ชั้นต่ำเช่นกันที่ขายจิตวิญญาณแก่แดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อนานมาแล้ว

 

ณ ผาเคียงตะวัน

เพียงการเวลาที่ผ่านพ้นกลับยังมีกลุ่มคนที่หลงเหลือความเกลียดช่างต่อแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง และหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลหยุนตระกูลที่คอยรวบรวมคนที่ถูกกดขี่จากกฎที่แดนศักดิ์สิทธิ์สร้างไว้ หลังจากที่ยึดครองดินแดนนี้ได้

ผู้นำตระกูลหยุนตั้งแต่ 100 ปีก่อน ก็คือหนึ่งในกลุ่มศิษย์หลักที่เก็บตัวฝึกฝนในหุบเขาลึกของนิกายเสวียนอู่ มิได้ถูกกวาดล้าง เฉกเช่นคนอื่นเขา

หลังจากเหตุการณ์กวาดล้างผ่านไป 1 ปี พวกเขาเหล่านั้นกลับออกมาจากการฝึกตนก็พบว่า นิกายย่อยยับไปแล้วและคนที่สั่งยุบนิกายก็คือ ลู่กวน ผู้นำนิกายคนสุดท้าย ทั้งที่ตำแหน่งนั้นควรจะเป็นของ  หลังจากนั้นหยุนเต๋อสืบหาความจริงจนพบว่า คนที่ทำทุกอย่างให้แย่ลงขนาดนี้ก็คือ

แดนศักดิ์สิทธิ์ แต่การจะเผชิญหน้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยากเกินกำลัง จนตอนนี้หยุนเต๋อเป็น

บรรพชนของพรรคใต้หล้าที่คอยสั่งสอนให้ลูกหลานและศิษย์น้อยใหญ่ มีกำลังมากพอที่จะสร้างคลื่นลูกใหม่ให้กล้าปะทะกับสองนิกายใหญ่และหนึ่งหอยอดยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์

 

หลังจากที่หยุนเต๋อได้รวบรวมเหล่าเด็กน้อยอัจฉริยะ มาฝึกฝนตำราลมปราณที่มีในนิกายเสวียนอู่มี จนพร้อมด้วยความกล้าแกร่งไม่เป็นรอง ลมปราณที่เป็นความลับส่งต่อกันมาของเจ้านิกายเช่นนิกายเทพลมปราณเต่าดำ

 

หยุนเต๋อกับได้นำวิชาลมปราณของนิกายมาดัดแปลงจนก่อเกิดเป็นลมปราณระฆังวารี อันนำหลักการหมุนเวียนของลมปราณเดิมที่เป็นลมปราณคุ้มกายมาสร้างใหม่ให้เหมาะสมกับผู้ฝึกยุทธ์ธาตุน้ำ

จากเวลาที่ค้นคว้าจนได้มาซึ่งความน่าเกรงขามของพลัง และสร้างฐานกำลังของตนเองมาอย่างช้าๆด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง

วันนี้พรรคใต้หล้ามีศิษย์มากกว่า 5000 คนที่เป็นขอทานทั่วทั้งแดนเสวียนอู่ที่ส่งออกไปหาข่าวสืบข่าวต่างๆ วันนี้พวกเขาจะมารวมตัวกัน เพื่อหาว่าที่ผู้นำคนใหม่ซึ่งจะมีบทบาท

ที่จะนำพาเหล่าขอทานลุกขึ้นมาสู้กับดินแดนศักดิ์ เพียงต้องการหาที่ยืนในดินแดนที่เคยเป็นของตนเองมาเมื่อ 100 ปีก่อน

 

เสียงของเหล่าผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดซอมซ่อได้มารวมตัวกัน ณ ผาเคียงตะวันสถานที่แห่งใหม่ที่เป็นจุดอันเหมาะสมยิ่งนักที่จะเป็นปราการอันแข็งแกร่งป้องกันการบุกมาของสำนักและนิกายต่างๆจากทั่วสารทิศ

เป่าฮู่ที่เดินทางมาด้วยกันกับเหล่าขอทานทั้งหลายที่เจอก่อนหน้า ก็ได้ยินมาบ้างว่า ผู้นำสูงสุดของพวกเขายังมิเคยมีใครได้พบเห็นมาก่อน แต่ที่คอยควบคุมและสั่งสอนวิชายุทธ์กลับเป็นเหล่าอาวุโสทั้ง 9 คนเหล่านั้น เขตปกครองเสวียนอู่มี 9 เมือง ผู้นำสาขาก็มี 9 คนที่รับการถ่ายทอดวิชาและพลังลมปราณจากท่านประมุข วันนี้ท่านประมุขต้องการหาผู้นำคนใหม่ ทำให้สารลับนี้กระจายไปให้แก่คนทั้ง 9 มาชุมนุมพร้อมสมาชิกพรรคทุกคน

 

ดังนั้นวันนี้แม้หลายสำนักจะส่งคนมาสืบแต่ว่าตระกูลหยุนล้วนไม่เกรงกลัวมันผู้ใดทั้งนั้น ด้วยผู้นำของพวกเขามีระดับยุทธ์สูงพอที่จะท้าทายกลุ่มคนเหล่านั้นได้แล้ว

หยุนเต๋อก้าวข้าวสู่ ระดับจักรพรรดิลมปราณขั้นกลาง จึงไม่กลัวเหล่าผู้นำของตระกูลศักดิ์สิทธิ์และผู้นำจากนิกายต่างอีก ข่าวที่สืบมาหลายสิบปีทให้รู้ว่านิกายต่างๆในหลายดินแดน จ้าวนิกายยังมีจำนวนน้อยที่ก้าวไปสู่ระดับจักรพรรดิลมปราณขั้นสูง

หากที่น่ากลัวก็มีเพียง เต้าหวงเย่ และ มู่เจิ่งหลงจ้าวนิกายมังกรฟ้าที่ก้าวไปสู่ระดับ จักรพรรดิลมปราณขั้นสูงได้แล้ววันนี้จึงเป็นวันที่พรรคใต้หล้าจะขอลุกขึ้นท้าทายสำนักต่างๆในดินแดนทางเหนือแห่งนี้ โดยการนำของหยุนเต๋อ ประมุขพรรคใต้หล้าคนนี้

 

“เฮ่ๆๆ เฮ่ๆๆ เฮ่ๆๆ ท่านประมุขจงเจริญ ท่านประมุขจงเจริญ”

เสียงที่เป่าฮู่ได้ยินมาตั้งแต่ทางขุนเขา ด้วยนั่งเป็นเสียงแห่งความภักดีและซื่อตรง มั่นคงต่อสิ่งที่เป็น เหล่าขอทานที่มาทุกคนล้วนมีแซ่เดียวกัน นั่นคือแซ่หยุน ทำให้เป่าฮู่ที่เป็นแขกผู้มาเยือนได้เห็นถึงพลังของกลุ่มคนเหล่านี้และยิ่งได้ถามถึงสิ่งที่พวกเขาเหล่านี้มาก็เพราะรวมพลต่อต้านสำนักต่างๆที่ให้ความร่วมมือกับ แดนศักดิ์สิทธิ์

เพียงการได้ฟังสิ่งเหล่านั้น แม้จะมีคนเพียงน้อยนิดเขาก็ดีใจที่อย่างน้อยยังมีคนที่ลุกขึ้นท้าทายกับดินแดที่ชั่วร้ายนั้น

 

“เอาหละพี่ชายเราไปกันเถอะ”

วันนี้เป่าฮู่ที่แฝงตัวมา แม้จะสวมใส่ชุดที่ดูดีกว่าขอทานอยู่มาก แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นชุดหรูหราอะไร เพียงสวมใส่ผ้าไหมที่ดีกว่า และไม่ได้มีนิสัยเย่อยิ่งอะไร แถมยังมีหยุนต๋า หยุนฟ้าน ขอทานที่ได้ไก่ไปสามตัวให้การรับรอง ทั้งสามดื่มกินมาตลอดทางและก็รู้ว่า เป่าฮู่คือคนที่มีความแค้นหนหลังกับ แดนศักดิ์สิทธิ์ เพียงเท่านั้นก็ทำให้เป่าฮู่มีค่าพอที่จะมาร่วมชมงานแล้ว

 

เมื่อยามที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ดวงจันทร์โผล่พ้นขึ้นมาฉายแสง เหล่าขอทานกว่า

1000 คนที่มารวมตัวกัน ที่ลานกว้าง เป่าฮู่และสองขอทานยืนมองจากโขดหินที่เบื้องหลังกลุ่มชน เพราะเป่าฮู่เพียงต้องการมาดูไม่ได้มาก่อกวน

 

หากแต่การชุมนุมใหญ่จะมีเพียงผู้ที่สมัครสมานสามัคคีมาอย่างเดียวนั้นก็หาได้ไม่

ย่อมต้องมีกลุ่มสุนัขรับใช้เหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่แฝงตัวสร้างความวุ่นวายมากมายพอสมควร ตราบที่เป่าฮู่อยู่ที่ด้านหลังสูดจะได้เห็นว่า พรรคใต้หล้าจะจัดการสิ่งเหล่านั้นอย่างไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+