ตำนานเทพยุทธ์ 63

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 63 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้วยเจ้าเต่าบอกออกไปว่า เมื่อถึงเวลามันจะบอกแต่มันจะเป็นทางเลือกที่จำเป็นที่สุดเท่านั้น หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งมองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานเหลาองครักษ์ที่ส่งออกไปก็กลับมายังสันเขาลูกเดิมที่เป่าฮู่พักอยู่

เพียงการกลับมาเหล่าองครักษ์ เป่าฮู่ได้เห็นก็สงสัยว่าทำไมเหล่าองครักษ์ถึงมีสีหน้าที่เศร้าสลดกลับมามากนัก

“เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?”

เป่าฮู่ถามออกไปและในที่สุดองครักษ์ก็กล่าวออกมว่า

“เรียนคุณชายตามที่เราได้เดินทางสำรวจออกไปตามแผนที่ที่ได้มา กลับพบว่าเป็นหมู่บ้านร้าง ที่ไร้ผู้คนที่มีชีวิต เพราะไม่นานจากนี้ คนที่เหลือรอดกลับถูกโจมตีจากบางอย่างจนตกตายไปหมดสิ้น จากการตรวจสอบพบแต่เพียง ของสิ่งนี้ในมือของเด็กคนหนึ่งที่พยายามหนีจากเหตุการณ์นั้น”

เป่าฮู่ได้หยิบของสิ่งที่องครักษ์มอบออกมาให้ขึ้นมาดู และเพียงเสี้ยวอึดใจที่เป่าฮู่จับของสิ่งนั้น แววตาที่เดิมทีสงสัยกลับแปรเปลี่ยนไปทันที

“นี่มันคืออะไรกัน สัญญาลักษณ์ของอักษรบางอย่างที่ข้าเคยเห็นจาก…

ที่ใดสักที่”

เมื่อการพยายามคิดจนในที่สุดก็ค้นพบในห้วงความทรงจำ

(มันคือตราสัญญาลักษณ์ของตระกูลหยุน ของหยุนเต๋อ พวกมันทำเช่นนี้หมายความว่าอะไรกันหรือพวกมันคิดหลอกใช้ข้าแล้วฆ่าทิ้ง)

แท้จริงแล้ว หมู่บ้านนี้คือหมู่บ้านของ ตระกูลเป่าจริง และยังเป็นตระกูลของเป่าบุ่นจิน

ชายที่อยู่รอดมาจากการกวาดล้างเมื่อ 100 ปีก่อน และยังเป็นคนที่รู้ว่า ทักษะที่สำนักซื่อหม่าครอบครองคือทักษะเก้าหยินโคจรที่เป็นทักษะลมปราณเทพของสำนักนั่นเอง แล้วหากจะถามว่าเป่าบุ่นจินเป็นใครเกี่ยวข้องอะไร

เป่าบุ่นจินคืออาวุโสนอกที่เข้ามาก่อนที่เป่าฮู่จะเข้าร่วมนิกายเสวียนอู่

ชายที่ถูกปู่ของเป่าฮู่ขับออกจากตระกูลและยังเครียดแค้น ในนิกายเป่าบุ่นจิน ได้ทราบว่าทายาทตระกูลเป่ารอดมาได้หนึ่งคนและยังได้รับการดูแลอย่างดีจากอาวุโสระดับสูงนั่นทำให้มันต้องพยายามหาทางกำจัดทายาทของตาเฒ่าที่ขับมันออกมาจากตระกูล

โดยเป่าบุ่นจินใช้เวลานานหลายปีกว่าหาทางที่จะยืมดาบฆ่าคนได้ โดยที่เขาได้รับผลประโยชน์มากที่สุด การล่อลวงและเผยความลับแก่ตระกูลหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงความอัศจรรย์ของทักษะลมปราณเทพเต่าดำ นามว่า เก้าหยินโคจร เพียงเท่านั้นก็ทำให้เป่าบุ่นจินได้โอกาสสังหารเป่าฮู่เด็กน้อยไร้เดียงสาตอนที่เจ้านิกายลู่กวน สั่งให้เป่าฮู่รีบหนีออกไปพร้อมของบางสิ่ง

แต่คามลับนี้เป่าฮู่กลับไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือพรรคใต้หล้าทำไมต้องกำจัดคนตระกูลเป่าทิ้งทั้งที่ใช้งานตนเองเสร็จไปแล้ว ด้วยเพียงข้อมูลที่ได้รับและท่าทีที่ได้เห็นทำให้เป่าฮู่รู้สึกคลั่งแค้นในตัว

หยุนเต๋อและหยุนฟงเป็นอย่างมาก

เมื่อตอนนี้แดนเสวียนอู่ได้ตกอยู่ในอำนาจของหยุนเต๋อ และฐานอำนาจยังไม่แข็งแกร่งดี เป่าฮู่จึงคิดว่า ศัตรูของตนเพิ่มมาอีก หนึ่ง แต่ว่าตนกับไร้กำลัง ดังนั้นเป่าฮู่จึงต้องหาที่มั่นที่ดีพอและใช้เวลา 1 ปี เพื่อฝึกตนให้แกร่งพอที่จะล้มยักษ์ใหญ่เหล่านี้

“บัดซบ! ทำไมสวรรค์ทำกับข้าแบบนี้ ได้ในเมื่อท่านเย้ยหยันข้าส่งศัตรูข้ามาพิชิตข้าจากทุกๆด้าน จากนี้ข้าจะเปิดแขนต้อนรับพวกมันทุกตัวคน พวกเจ้าจงฟัง กลับเมืองตระกูลหง เตรียมตัวให้พร้อมอีก 1 ปีข้าจะทำให้พวกมันได้พบกับความย่อยยับ”

เมื่อทั้งกลุ่มของเป่าฮู่เดินทางกลับยังเมืองตระกูลหง เพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมกับศัตรูที่มี เป่าฮู่ตลอดทางที่กลับมาก็พบว่า พรรคใต้หล้านั้นกระจายอำนาจไปจนทั่วแดนเสวียนอู่ หากแต่จะครอบคลุมทั้งหมดก็ไม่อาจจะเป็นไปได้ เป่าฮู่จึงคิดว่าจะทำให้เมืองซื่อเอ๋อ และเมืองซื่อส่งตกมาเป็นเมืองใต้อำนาจบิดาบุญธรรม

“องครักษ์ข้า ราชวงศ์หรือผู้มีอำนาจปกครองดินแดนเสือขาวคือผู้ใด?”

เพียงได้รับฟังคำถามของนายน้อยก็พบว่าคนที่ปกครองดินแดนเสือขาวก็คือ

ก็คือตระกูลไป๋ แม้จะเป็นตระกูลหลักเพียงหนึ่งเดียวหากแต่ยังคงความยิ่งใหญ่ไว้เสมอมา แม้ตระกูลไป๋จะเป็นเพียงตระกูลเล็กๆแต่ก็เป็นคนที่สืบทอดสายเลือดมาจากเทพไป๋หู่ ตระกูลพยัคฆ์ขาวนั่นเอง

ในดินแดนเสือขาวแม้ตอนนี้จะมีตระกูลหยุนของหยุนเปียวปกครองแต่ก็ไม่ใช่ตระกูลเดียวกับหยุนเต๋อแห่งพรรคใต้หล้าเป็นแน่

“ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ไป๋ ขอรับ แต่ตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ หยุน ของหยุนเจี้ยนหลู บิดาของหยุนเปียว ศิษย์เอกของนิกายเสือขาวขอรับ”

แซ่หยุน คำๆนี้ทำให้เป่าฮู่เป็นกังวลใจ

“จงไปสืบความเป็นมาของแซ่หยุนของหยุนเปียวและ หยุนเต๋อของพรรคใต้หล้ามาให้ข้า ก่อนที่ข้าจะถึงเมืองตระกูลหงและพบท่านพ่อหวังว่าข้าจะได้รับข่าวดีในวันนั้น”

เป่าฮู่หนไปมองหย่วนซิวหยูและกล่าวออกไปว่า

“ลำบากเจ้าแล้วแม่นางซิยหยูที่ต้องเดินทางรอนแรมกับข้าแบบนี้”

เมื่อหย่วนซิวหยูได้ฟังนางนั้นดีใจที่คุณชายหรือนายท่านก็ยังสนใจในตัวนางและห่วงความลำบากที่นางได้รับ นางยิ่งระลึกถึงคุณค่าของตัวเองที่จะสนองประโยชน์แก่นายท่านให้มากกว่านี้

“มากกว่านี้ซิวหยูก็ทำได้หากนายท่านสั่งมา แค่ตระกูลหงช่วยให้ที่พักแก่เราตระกูลหย่วน เพียงเท่านั้นก็มากพอแล้ว นายท่าน ที่ตระกูลหงตอนนี้น้องสาวของข้าก็อยู่ที่นั่น นางเองก็รอท่านกลับไปพร้อมๆกับคุณหนูหงหลี่ด้วยเจ้าคะ”

เป่าฮู่ได้ฟังดังนั้นก็นึกถึงใบหน้าของคนเหล่านั้น และหันไปกล่าวต่อซิวหยูว่า

“อื่ม เช่นนั้นข้ามีเรื่องไหว้วานเจ้า จงไปหาของฝากให้นางซะ เมืองต่อไปที่เราจะผ่านคือเมืองซื่อส่ง ที่นั่นข้าจะต้องหาข่าวของแกนนำหลักของเมืองและชักนำให้เมืองซื่อส่งหันมาสวามิภักดิ์ต่อบิดาบุญธรรมของข้า”

ความคิดที่จะนำทุกหัวเมืองให้อยู่ใต้การปกครองของบิดาตน

เพราะเป่าฮู่รู้ดีถึงความสามารถที่ปกครองใต้หล้าได้ร่มเย็นของบิดาบุญธรรมคนนี้ เพียงเท่านั้นหากสำหรับชาวบ้านตาดำๆ นับว่าเป็นพ่อเมืองที่ดีมากแล้วต่อพวกเขาเหล่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพยุทธ์ 63

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 63 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้วยเจ้าเต่าบอกออกไปว่า เมื่อถึงเวลามันจะบอกแต่มันจะเป็นทางเลือกที่จำเป็นที่สุดเท่านั้น หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งมองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานเหลาองครักษ์ที่ส่งออกไปก็กลับมายังสันเขาลูกเดิมที่เป่าฮู่พักอยู่

เพียงการกลับมาเหล่าองครักษ์ เป่าฮู่ได้เห็นก็สงสัยว่าทำไมเหล่าองครักษ์ถึงมีสีหน้าที่เศร้าสลดกลับมามากนัก

“เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?”

เป่าฮู่ถามออกไปและในที่สุดองครักษ์ก็กล่าวออกมว่า

“เรียนคุณชายตามที่เราได้เดินทางสำรวจออกไปตามแผนที่ที่ได้มา กลับพบว่าเป็นหมู่บ้านร้าง ที่ไร้ผู้คนที่มีชีวิต เพราะไม่นานจากนี้ คนที่เหลือรอดกลับถูกโจมตีจากบางอย่างจนตกตายไปหมดสิ้น จากการตรวจสอบพบแต่เพียง ของสิ่งนี้ในมือของเด็กคนหนึ่งที่พยายามหนีจากเหตุการณ์นั้น”

เป่าฮู่ได้หยิบของสิ่งที่องครักษ์มอบออกมาให้ขึ้นมาดู และเพียงเสี้ยวอึดใจที่เป่าฮู่จับของสิ่งนั้น แววตาที่เดิมทีสงสัยกลับแปรเปลี่ยนไปทันที

“นี่มันคืออะไรกัน สัญญาลักษณ์ของอักษรบางอย่างที่ข้าเคยเห็นจาก…

ที่ใดสักที่”

เมื่อการพยายามคิดจนในที่สุดก็ค้นพบในห้วงความทรงจำ

(มันคือตราสัญญาลักษณ์ของตระกูลหยุน ของหยุนเต๋อ พวกมันทำเช่นนี้หมายความว่าอะไรกันหรือพวกมันคิดหลอกใช้ข้าแล้วฆ่าทิ้ง)

แท้จริงแล้ว หมู่บ้านนี้คือหมู่บ้านของ ตระกูลเป่าจริง และยังเป็นตระกูลของเป่าบุ่นจิน

ชายที่อยู่รอดมาจากการกวาดล้างเมื่อ 100 ปีก่อน และยังเป็นคนที่รู้ว่า ทักษะที่สำนักซื่อหม่าครอบครองคือทักษะเก้าหยินโคจรที่เป็นทักษะลมปราณเทพของสำนักนั่นเอง แล้วหากจะถามว่าเป่าบุ่นจินเป็นใครเกี่ยวข้องอะไร

เป่าบุ่นจินคืออาวุโสนอกที่เข้ามาก่อนที่เป่าฮู่จะเข้าร่วมนิกายเสวียนอู่

ชายที่ถูกปู่ของเป่าฮู่ขับออกจากตระกูลและยังเครียดแค้น ในนิกายเป่าบุ่นจิน ได้ทราบว่าทายาทตระกูลเป่ารอดมาได้หนึ่งคนและยังได้รับการดูแลอย่างดีจากอาวุโสระดับสูงนั่นทำให้มันต้องพยายามหาทางกำจัดทายาทของตาเฒ่าที่ขับมันออกมาจากตระกูล

โดยเป่าบุ่นจินใช้เวลานานหลายปีกว่าหาทางที่จะยืมดาบฆ่าคนได้ โดยที่เขาได้รับผลประโยชน์มากที่สุด การล่อลวงและเผยความลับแก่ตระกูลหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงความอัศจรรย์ของทักษะลมปราณเทพเต่าดำ นามว่า เก้าหยินโคจร เพียงเท่านั้นก็ทำให้เป่าบุ่นจินได้โอกาสสังหารเป่าฮู่เด็กน้อยไร้เดียงสาตอนที่เจ้านิกายลู่กวน สั่งให้เป่าฮู่รีบหนีออกไปพร้อมของบางสิ่ง

แต่คามลับนี้เป่าฮู่กลับไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือพรรคใต้หล้าทำไมต้องกำจัดคนตระกูลเป่าทิ้งทั้งที่ใช้งานตนเองเสร็จไปแล้ว ด้วยเพียงข้อมูลที่ได้รับและท่าทีที่ได้เห็นทำให้เป่าฮู่รู้สึกคลั่งแค้นในตัว

หยุนเต๋อและหยุนฟงเป็นอย่างมาก

เมื่อตอนนี้แดนเสวียนอู่ได้ตกอยู่ในอำนาจของหยุนเต๋อ และฐานอำนาจยังไม่แข็งแกร่งดี เป่าฮู่จึงคิดว่า ศัตรูของตนเพิ่มมาอีก หนึ่ง แต่ว่าตนกับไร้กำลัง ดังนั้นเป่าฮู่จึงต้องหาที่มั่นที่ดีพอและใช้เวลา 1 ปี เพื่อฝึกตนให้แกร่งพอที่จะล้มยักษ์ใหญ่เหล่านี้

“บัดซบ! ทำไมสวรรค์ทำกับข้าแบบนี้ ได้ในเมื่อท่านเย้ยหยันข้าส่งศัตรูข้ามาพิชิตข้าจากทุกๆด้าน จากนี้ข้าจะเปิดแขนต้อนรับพวกมันทุกตัวคน พวกเจ้าจงฟัง กลับเมืองตระกูลหง เตรียมตัวให้พร้อมอีก 1 ปีข้าจะทำให้พวกมันได้พบกับความย่อยยับ”

เมื่อทั้งกลุ่มของเป่าฮู่เดินทางกลับยังเมืองตระกูลหง เพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมกับศัตรูที่มี เป่าฮู่ตลอดทางที่กลับมาก็พบว่า พรรคใต้หล้านั้นกระจายอำนาจไปจนทั่วแดนเสวียนอู่ หากแต่จะครอบคลุมทั้งหมดก็ไม่อาจจะเป็นไปได้ เป่าฮู่จึงคิดว่าจะทำให้เมืองซื่อเอ๋อ และเมืองซื่อส่งตกมาเป็นเมืองใต้อำนาจบิดาบุญธรรม

“องครักษ์ข้า ราชวงศ์หรือผู้มีอำนาจปกครองดินแดนเสือขาวคือผู้ใด?”

เพียงได้รับฟังคำถามของนายน้อยก็พบว่าคนที่ปกครองดินแดนเสือขาวก็คือ

ก็คือตระกูลไป๋ แม้จะเป็นตระกูลหลักเพียงหนึ่งเดียวหากแต่ยังคงความยิ่งใหญ่ไว้เสมอมา แม้ตระกูลไป๋จะเป็นเพียงตระกูลเล็กๆแต่ก็เป็นคนที่สืบทอดสายเลือดมาจากเทพไป๋หู่ ตระกูลพยัคฆ์ขาวนั่นเอง

ในดินแดนเสือขาวแม้ตอนนี้จะมีตระกูลหยุนของหยุนเปียวปกครองแต่ก็ไม่ใช่ตระกูลเดียวกับหยุนเต๋อแห่งพรรคใต้หล้าเป็นแน่

“ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ไป๋ ขอรับ แต่ตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ หยุน ของหยุนเจี้ยนหลู บิดาของหยุนเปียว ศิษย์เอกของนิกายเสือขาวขอรับ”

แซ่หยุน คำๆนี้ทำให้เป่าฮู่เป็นกังวลใจ

“จงไปสืบความเป็นมาของแซ่หยุนของหยุนเปียวและ หยุนเต๋อของพรรคใต้หล้ามาให้ข้า ก่อนที่ข้าจะถึงเมืองตระกูลหงและพบท่านพ่อหวังว่าข้าจะได้รับข่าวดีในวันนั้น”

เป่าฮู่หนไปมองหย่วนซิวหยูและกล่าวออกไปว่า

“ลำบากเจ้าแล้วแม่นางซิยหยูที่ต้องเดินทางรอนแรมกับข้าแบบนี้”

เมื่อหย่วนซิวหยูได้ฟังนางนั้นดีใจที่คุณชายหรือนายท่านก็ยังสนใจในตัวนางและห่วงความลำบากที่นางได้รับ นางยิ่งระลึกถึงคุณค่าของตัวเองที่จะสนองประโยชน์แก่นายท่านให้มากกว่านี้

“มากกว่านี้ซิวหยูก็ทำได้หากนายท่านสั่งมา แค่ตระกูลหงช่วยให้ที่พักแก่เราตระกูลหย่วน เพียงเท่านั้นก็มากพอแล้ว นายท่าน ที่ตระกูลหงตอนนี้น้องสาวของข้าก็อยู่ที่นั่น นางเองก็รอท่านกลับไปพร้อมๆกับคุณหนูหงหลี่ด้วยเจ้าคะ”

เป่าฮู่ได้ฟังดังนั้นก็นึกถึงใบหน้าของคนเหล่านั้น และหันไปกล่าวต่อซิวหยูว่า

“อื่ม เช่นนั้นข้ามีเรื่องไหว้วานเจ้า จงไปหาของฝากให้นางซะ เมืองต่อไปที่เราจะผ่านคือเมืองซื่อส่ง ที่นั่นข้าจะต้องหาข่าวของแกนนำหลักของเมืองและชักนำให้เมืองซื่อส่งหันมาสวามิภักดิ์ต่อบิดาบุญธรรมของข้า”

ความคิดที่จะนำทุกหัวเมืองให้อยู่ใต้การปกครองของบิดาตน

เพราะเป่าฮู่รู้ดีถึงความสามารถที่ปกครองใต้หล้าได้ร่มเย็นของบิดาบุญธรรมคนนี้ เพียงเท่านั้นหากสำหรับชาวบ้านตาดำๆ นับว่าเป็นพ่อเมืองที่ดีมากแล้วต่อพวกเขาเหล่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+