ตำนานเทพยุทธ์ 71

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 71 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเอง เป่าฮู่ชายที่บัดนี้ยืนอยู่บนส่วนหัวของอสรพิษฟ้าครามด้วยความสง่างามดั่เทพสงครามก็มิผิดเพี้ยน ทะยานเข้าไปในเขตสำนักเทพโอสถที่เหล่าศิษย์นับร้อยนับพันเริ่มพากันออกมาต้อนรับอย่างไร้ความเกรงกลัวใดๆ ด้วยร่างอสูรลมปราณที่ใหญ่โตเพียงนั้นมีหรือจะไม่มีใครรู้ถึงการมาเยือนของมัน

ท่ามกลางสำนักเทพโอสถที่ควรมีแต่กลิ่นอายของสมุนไพรหากกลับมีแต่พิษอ่อนๆลอยมาตามลมตลอดและเส้นทางที่พิษร้ายพัดมาก็คือหุบเขาสูงหลังสำนัก

เพียงเป่าฮู่รู้แบบนั้นก็คิดว่าต้นตอของพิษน่าจะมาจากตรงส่วนนั้น แต่เท่าที่ดูศิษย์ของสำนักที่ชั่วช้าพวกนี้มันไม่น่าให้อภัยทำให้เปาฮู่คิดจะเล่นงานพวกมันเพื่อไม่ให้มาเป็นภัยแว้งกัดทีหลัง

เมื่อกลุ่มศิษย์ของสำนักที่ทุกคนล้วนมีภูมิคุ้มกันจากยาต้านพิษที่เจ้าสำนักมอบให้ทุกปี เช่นนั้นพิษจิ้งจอกฟ้านี้ทำอะไรพวกมันไม่ได้

แต่สำหรับคนนอกที่ไม่รู้และไม่มียาต้านพิษกลับไม่เป็นอะไร หรือว่าที่ตำนานกล่าวไว้จะเป็นจริง

พิษที่ร้ายกาจเป็นอันดับต้นๆคือพิษจากราชาอสรพิษฟ้าครามนี้

 

เหล่าศิษย์สำนักเทพโอสถได้เห็นเป่าฮู่ที่ยืนบนส่วนหัวของอสรพิษร้ายนี้ได้แสดงว่า ต้องเป็นนายในพันธะสัญญาของอสูรลมปราณตนนี้ เช่นนั้นขั้นพลังปราณคงไม่ต่ำกว่าราชาลมปราณเป็นแน่

 

เมื่อเหล่าอาวุโสของสำนักเทพโอสถด้าเห็นภาพเดียวกับเหล่าศิษย์มากมายในสำนัก ตัวอาวุโสทั้งหลายก็รีบสั่งการทันที

“ศิษย์สำนักจงฟังส่งคนไปแจ้งท่านเจ้าสำนักที่หลังเขา ส่วนที่เหลือตั้งค่ายกลภูผาร้อยพิษ”

 

เมื่อกำแพงมนุษย์ที่เริ่มก่อตัวเป็นชั้นๆสมกับเป็นชื่อค่ายกลภูผาร้อยพิษ เหล่าศิษย์ที่หันมาฝึกลมปราณพิษที่เจ้าสำนักคนใหม่ถ่ายทอดมาให้ทำให้ศิษย์ในสำนักเทพโอสถทุกคนมีพื้นฐานของการฝึกวิชาร่วมกับพิษตามตำราที่ฮันเผิงมี

 

เหล่าอาวุโสทั้งหลายแม้มีเวลา 2 ปี ก็สามารถเข้าใจพื้นฐานของตำราลมปราณพิษได้ดี แต่นั่นก็ไม่อาจที่จะทำอะไรเป่าฮู่ที่มีแก่นพิษในตันเถียนได้

ด้วยความไม่รู้ว่าแก่นพิษที่ตนเองหลอมมันขึ้นมามีประโยชน์อะไรบ้างและเจ้าอสูรราชาอสรพิษฟ้าครามก็เป็นสัตว์ที่ขี้เกียจ หลังจากที่ได้ทำพันธะสัญญาไปไม่เหมือนเต่าอักขระที่ชอบพูดไม่หยุดหย่อนจึงทำให้ได้ความรู้ความสามารถของเจ้าสัตว์ร้ายตนนี้มามใช้อย่างสมบูรณ์

เมื่อตัวเป่าฮู่ยังอยู่ในช่วงจับตามองสำหรับอสรพิษฟ้าครามตัวอสรร้ายจึงยังไม่เผยสิ่งที่มันสามารถทำได้ออกมาจนหมด

 

เพียงค่ายกลภูผาร้อยพิษเริ่มจัดรูปขบวน เป่าฮู่ได้เห็นก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดมมีอะไรบ้างตัวเป่าฮู่เพื่อไม่ประมาทจึงได้โคจรลมปราณเทพเต่าดำคุ้มกาย เกราะลมปราณสีเทาที่ก่อกำเนิด มีอักขระสีทองเปล่งประกาย แม้จะยังไม่ปรากฏเป็นรูปกระดองเต่าอย่างชัดเจน แต่ภาพๆนั้นก็ทำให้คนที่ได้พบเห็นพอจะทราบว่านั่นคือภาพกระดองเต่านั่นเอง

 

เหล่าอาวุโสของสำรนักเทพโอสถ เมื่อเห็นและรับรู้ถึงระดับลมปราณก็ล้วนแต่พากันตกใจ ใครจะไปคิดกันได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีลมปราณระดับเดียวกับท่านเจ้าสำนัก เช่นนี้มิเท่าเอาไข่ไปกระทบหินหรอกหรือ แม้ค่ายกลนี้จะสามารถรับมือกับยอดฝีมือได้แต่ก็เพียงชั่วคราวหากคนผู้นั้นมีระดับที่เหนือกว่าระดับของค่ายกลนี้มากนัก

 

ด้วยระดับราชันลมปราณของเป่าฮู่ พร้อมกับฝ่ามือที่โคจรเคล็ดวิชากระบี่ราชันไร้รูป จำนวนกระบี่ที่ปรากฏถึง 3 เล่ม นั่นแสดงให้เห็นว่าวันนี้เป่าฮู่ไม่ได้มาเพื่อเล่นและเวลาสำหรับเขามีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด

“สหายข้า ฝากเจ้าอาละวาดใส่ค่ายกลพวกมันด้วย ส่วนข้าจะจัดการพวกตาแก่นั่นเอง”

 

คำกล่าวของเป่าฮู่ที่มีต่อราชาอสรพิษฟ้าครามที่เข้าใจคำสั่งของเจ้านายของมัน เจ้าราชาอสรพิษก็ขารับคำสั่งอย่างว่างาน ((((กรร)))) เพียงอสรพิษที่บำเพ็ญเพียรนานพก็จะสามารถไปเกิดเป็นมังกรฟ้าได้ และนั่นคือเส้นทางที่เจ้าราชาอสรพิษตนนี้จะพึงมี

ยิ่งได้มาเป็นวงแหวนลมปราณของผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจการจะช่วยมันยกระดับเป็นมังกรฟ้าในสักวันก็ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นอย่างแน่นอน

 

แต่ตอนนี้เป่าฮู่ที่ไม่ได้สนใจสหายของมัน เพราะตัวเป่าฮู่เองเชื่อในความสามารถของสัตว์ลมปราณของตัวมัน และด้วยความไว้ใจนี้ทำให้มันสามารถลงมืออย่างไม่ต้องปราณีผู้ใดตรงหน้า

 

เพียงไม่นานเสียงที่คุณเคยก็พลันปรากฏ เจาเต่าอักขระที่ต้องการออกมาชมการแสดงที่งดงามกับตามันเอง และเห็นกรเติบโตของเด็กหนุ่มวันวานที่มันยกให้เป็นนายของมันนั่นเอง

 

“ฮ่าๆๆๆ กรี๊กๆ กรี๊กๆ ดี ดี ดีมากเจ้าหนู พวกสวะเช่นนี้สังหารมันให้หมด กล้าใช้พิษทำร้ายนางหนูนั่น แต่ว่าหากเจ้าแสดงความโหดเหี้ยมมากพอข้าอาจจะช่วยไขความกระจ่างบางอย่างแก่เจ้า เพราะว่าเพื่อนใหม่ของข้ามันพึ่งบอกผ่านข้ามา เอาหละทำให้งานฉลองครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรไปเลย”

 

เมื่อคำพูดที่ชวนให้เป่าฮู่งุนงง ใครคือเพื่อนใหม่ของเจ้าเต่าบ้านี่ แล้วความลับอะไรที่จะช่วยไขความกระจ่างแก่ตัวเป่าฮู่เอง แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะเป่าฮู่ต้องการทะลวงไปให้ถึงใจกลางของสำนักและเป้าหมายก็คือส่วนหลังเขาที่เป็นที่อยู่ของเจ้าตัวใหญ่ของสำนักนี้

 

เมื่อเป่าฮู่โบกสะบัดกระบี่น้ำแข็งที่เงางามในมือออกฟาดฟัน เท้าที่เคลื่อนที่ไปด้วยเคล็ดวิชาที่งดงามเช่นท่าท่องวารี ร่างที่เคลื่อนไหวไปนั้นดั่งปลาที่แหวกว่ายในธารน้ำใส

การมองเห็นตัวปลาแต่จับต้องมีได้ การเคลื่อนไหวของเป่าฮู่ก็เช่นเดียวกันเหมือนจะเดาทางได้และลงมือสกัดไว้ได้แต่กลับช้ากว่าหนึ่งก้าวเสมอ นี่มันคือวิชาของสำนักใดกัน

 

เมื่อใต้หล้ามากมายด้วยสำนักวิชา ใยใครจะไปมีคามสามารถที่จะจัดการกับยอดฝีมือทุกสำนักได้ แต่กลับกันชายหนุ่มที่เคลื่อนกายพลิ้วไหวไปมาจำนวนร่างของศิษย์สำนักเทพโอสถก็ร่วงหล่นลงกับพื้นทีละรายทีละราย

 

“บัดซบ วันนี้สายลมใดกัน พัดพาเอาตัวหายนะแบบนี้มาสู่สำนักเรา ท่านเจ้าสำนักยังไม่มาอีกหรือ?”

คำถามนี้ทำให้เป่าฮู่เองก็รู้สึกว่า ตนเองยั่วยุได้ถูกจุด หากเป็นเช่นนี้คงสามารถพิชิตได้ทั้งหมด

แต่ในขณะที่เป่าฮู่กำลังจะลงมือสังหารกลุ่มอาวุโสกลุ่มนี้ กลับมีวัตถุบางอย่างที่พุ่งมาด้วยความเร็วและมีกลิ่นอายพิษที่รุนแรงกว่าเหล่าอาวุโสตรงหน้าของเป่าฮู่พึงมีได้ ((((ปุ่ง!))) มันคือเตาปรุงยาเหล็กกล้าของใครบางคน

 

เพียงสัมพัสนี้เกิดขึ้นหนึ่งในอาวุโสของสำนักเทพโอสถก็ยกยิ้มออกมา ขณะที่ใบหน้าอันซีดเซียวของมันและเหล่าศิษย์ได้ปรากฏออกมา เพราะความเหนื่อยล้าจากการรุกไล่ของเป่าฮู่ชายหนุ่มที่น่าหวั่นเกรงคนนี้นั่นเอง

 

เมื่อผู้มาเยือนยื่นมือเข้าขัดขวางได้สำเร็จ ตัวมันก็แสดงตนออกมา และชายในอาถภรณ์สีม่วงเข้มนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฮันเผิงเจ้าสำนักเทพโอสถผู้ยกระดับของตนเองมาอยูในระดับราชันลมปราณขั้นปลายแล้วนั่นเอง ด้วยเตาโอสถพิษซึ่งมันคือของวิเศษที่ได้รับมาจากการแสวงหาตามตำราโอสถหมื่นพิษบอกกล่าวไว้

 

“ฮ่าๆๆๆ เจ้าหนุ่ม ฝีมือนับว่าไม่เลวเลยทีเดียวอายุเพียงเท่านี้ถึงกลับบรรลุระดับราชันลมปราณได้ แถมยังมีระดับใกล้เคียงกับข้าได้เช่นนี้

แต่ว่าเจ้าที่มีลมปราณธาตุน้ำ จะมาสู้ข้าที่มีลมปราณธาตุไม้ได้เช่นไร ข้าว่าเจ้ายอมถอยกลับไปและมอบเจ้าอสูรลมปราณตนนั้นแก่ข้าเสียดีกว่ามิเช่นนั้นจะหาว่าข้ามิเตือน”

 

เป่าฮู่ได้ฟังคำคุยโตโอ้อวดของชายก็มิเชิงหญิงก็มิใช่ มันคือตัวอุบาทใดในใต้หล้ากัน หากจะกล่าวก็คงเป็นเพราะตำราหมื่นพิษ นั้นผู้คิดค้นคงเป็นคนกลับเพศที่ต้องการให้ผู้ฝึกลดธาตุหยางในตัวและเชิดชูพลังธาตุไม้ จึงทำให้ผู้ฝึกในข้นที่สูงสุดต้องตัดขาดจากโลหล้าด้วยการเชือดเฉือนเจ้าโลกของตนเองทิ้ง

หากเป็นชายหากเป็นหญิงก็สามารถฝีกไปได้เลยในทีเดียว การกระทำที่ผิดมนุษย์เช่นนี้ มักมีอยู่ในมุมหนึ่งมุมใดของโลกหล้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพยุทธ์ 71

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 71 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเอง เป่าฮู่ชายที่บัดนี้ยืนอยู่บนส่วนหัวของอสรพิษฟ้าครามด้วยความสง่างามดั่เทพสงครามก็มิผิดเพี้ยน ทะยานเข้าไปในเขตสำนักเทพโอสถที่เหล่าศิษย์นับร้อยนับพันเริ่มพากันออกมาต้อนรับอย่างไร้ความเกรงกลัวใดๆ ด้วยร่างอสูรลมปราณที่ใหญ่โตเพียงนั้นมีหรือจะไม่มีใครรู้ถึงการมาเยือนของมัน

ท่ามกลางสำนักเทพโอสถที่ควรมีแต่กลิ่นอายของสมุนไพรหากกลับมีแต่พิษอ่อนๆลอยมาตามลมตลอดและเส้นทางที่พิษร้ายพัดมาก็คือหุบเขาสูงหลังสำนัก

เพียงเป่าฮู่รู้แบบนั้นก็คิดว่าต้นตอของพิษน่าจะมาจากตรงส่วนนั้น แต่เท่าที่ดูศิษย์ของสำนักที่ชั่วช้าพวกนี้มันไม่น่าให้อภัยทำให้เปาฮู่คิดจะเล่นงานพวกมันเพื่อไม่ให้มาเป็นภัยแว้งกัดทีหลัง

เมื่อกลุ่มศิษย์ของสำนักที่ทุกคนล้วนมีภูมิคุ้มกันจากยาต้านพิษที่เจ้าสำนักมอบให้ทุกปี เช่นนั้นพิษจิ้งจอกฟ้านี้ทำอะไรพวกมันไม่ได้

แต่สำหรับคนนอกที่ไม่รู้และไม่มียาต้านพิษกลับไม่เป็นอะไร หรือว่าที่ตำนานกล่าวไว้จะเป็นจริง

พิษที่ร้ายกาจเป็นอันดับต้นๆคือพิษจากราชาอสรพิษฟ้าครามนี้

 

เหล่าศิษย์สำนักเทพโอสถได้เห็นเป่าฮู่ที่ยืนบนส่วนหัวของอสรพิษร้ายนี้ได้แสดงว่า ต้องเป็นนายในพันธะสัญญาของอสูรลมปราณตนนี้ เช่นนั้นขั้นพลังปราณคงไม่ต่ำกว่าราชาลมปราณเป็นแน่

 

เมื่อเหล่าอาวุโสของสำนักเทพโอสถด้าเห็นภาพเดียวกับเหล่าศิษย์มากมายในสำนัก ตัวอาวุโสทั้งหลายก็รีบสั่งการทันที

“ศิษย์สำนักจงฟังส่งคนไปแจ้งท่านเจ้าสำนักที่หลังเขา ส่วนที่เหลือตั้งค่ายกลภูผาร้อยพิษ”

 

เมื่อกำแพงมนุษย์ที่เริ่มก่อตัวเป็นชั้นๆสมกับเป็นชื่อค่ายกลภูผาร้อยพิษ เหล่าศิษย์ที่หันมาฝึกลมปราณพิษที่เจ้าสำนักคนใหม่ถ่ายทอดมาให้ทำให้ศิษย์ในสำนักเทพโอสถทุกคนมีพื้นฐานของการฝึกวิชาร่วมกับพิษตามตำราที่ฮันเผิงมี

 

เหล่าอาวุโสทั้งหลายแม้มีเวลา 2 ปี ก็สามารถเข้าใจพื้นฐานของตำราลมปราณพิษได้ดี แต่นั่นก็ไม่อาจที่จะทำอะไรเป่าฮู่ที่มีแก่นพิษในตันเถียนได้

ด้วยความไม่รู้ว่าแก่นพิษที่ตนเองหลอมมันขึ้นมามีประโยชน์อะไรบ้างและเจ้าอสูรราชาอสรพิษฟ้าครามก็เป็นสัตว์ที่ขี้เกียจ หลังจากที่ได้ทำพันธะสัญญาไปไม่เหมือนเต่าอักขระที่ชอบพูดไม่หยุดหย่อนจึงทำให้ได้ความรู้ความสามารถของเจ้าสัตว์ร้ายตนนี้มามใช้อย่างสมบูรณ์

เมื่อตัวเป่าฮู่ยังอยู่ในช่วงจับตามองสำหรับอสรพิษฟ้าครามตัวอสรร้ายจึงยังไม่เผยสิ่งที่มันสามารถทำได้ออกมาจนหมด

 

เพียงค่ายกลภูผาร้อยพิษเริ่มจัดรูปขบวน เป่าฮู่ได้เห็นก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดมมีอะไรบ้างตัวเป่าฮู่เพื่อไม่ประมาทจึงได้โคจรลมปราณเทพเต่าดำคุ้มกาย เกราะลมปราณสีเทาที่ก่อกำเนิด มีอักขระสีทองเปล่งประกาย แม้จะยังไม่ปรากฏเป็นรูปกระดองเต่าอย่างชัดเจน แต่ภาพๆนั้นก็ทำให้คนที่ได้พบเห็นพอจะทราบว่านั่นคือภาพกระดองเต่านั่นเอง

 

เหล่าอาวุโสของสำรนักเทพโอสถ เมื่อเห็นและรับรู้ถึงระดับลมปราณก็ล้วนแต่พากันตกใจ ใครจะไปคิดกันได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีลมปราณระดับเดียวกับท่านเจ้าสำนัก เช่นนี้มิเท่าเอาไข่ไปกระทบหินหรอกหรือ แม้ค่ายกลนี้จะสามารถรับมือกับยอดฝีมือได้แต่ก็เพียงชั่วคราวหากคนผู้นั้นมีระดับที่เหนือกว่าระดับของค่ายกลนี้มากนัก

 

ด้วยระดับราชันลมปราณของเป่าฮู่ พร้อมกับฝ่ามือที่โคจรเคล็ดวิชากระบี่ราชันไร้รูป จำนวนกระบี่ที่ปรากฏถึง 3 เล่ม นั่นแสดงให้เห็นว่าวันนี้เป่าฮู่ไม่ได้มาเพื่อเล่นและเวลาสำหรับเขามีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด

“สหายข้า ฝากเจ้าอาละวาดใส่ค่ายกลพวกมันด้วย ส่วนข้าจะจัดการพวกตาแก่นั่นเอง”

 

คำกล่าวของเป่าฮู่ที่มีต่อราชาอสรพิษฟ้าครามที่เข้าใจคำสั่งของเจ้านายของมัน เจ้าราชาอสรพิษก็ขารับคำสั่งอย่างว่างาน ((((กรร)))) เพียงอสรพิษที่บำเพ็ญเพียรนานพก็จะสามารถไปเกิดเป็นมังกรฟ้าได้ และนั่นคือเส้นทางที่เจ้าราชาอสรพิษตนนี้จะพึงมี

ยิ่งได้มาเป็นวงแหวนลมปราณของผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจการจะช่วยมันยกระดับเป็นมังกรฟ้าในสักวันก็ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นอย่างแน่นอน

 

แต่ตอนนี้เป่าฮู่ที่ไม่ได้สนใจสหายของมัน เพราะตัวเป่าฮู่เองเชื่อในความสามารถของสัตว์ลมปราณของตัวมัน และด้วยความไว้ใจนี้ทำให้มันสามารถลงมืออย่างไม่ต้องปราณีผู้ใดตรงหน้า

 

เพียงไม่นานเสียงที่คุณเคยก็พลันปรากฏ เจาเต่าอักขระที่ต้องการออกมาชมการแสดงที่งดงามกับตามันเอง และเห็นกรเติบโตของเด็กหนุ่มวันวานที่มันยกให้เป็นนายของมันนั่นเอง

 

“ฮ่าๆๆๆ กรี๊กๆ กรี๊กๆ ดี ดี ดีมากเจ้าหนู พวกสวะเช่นนี้สังหารมันให้หมด กล้าใช้พิษทำร้ายนางหนูนั่น แต่ว่าหากเจ้าแสดงความโหดเหี้ยมมากพอข้าอาจจะช่วยไขความกระจ่างบางอย่างแก่เจ้า เพราะว่าเพื่อนใหม่ของข้ามันพึ่งบอกผ่านข้ามา เอาหละทำให้งานฉลองครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรไปเลย”

 

เมื่อคำพูดที่ชวนให้เป่าฮู่งุนงง ใครคือเพื่อนใหม่ของเจ้าเต่าบ้านี่ แล้วความลับอะไรที่จะช่วยไขความกระจ่างแก่ตัวเป่าฮู่เอง แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะเป่าฮู่ต้องการทะลวงไปให้ถึงใจกลางของสำนักและเป้าหมายก็คือส่วนหลังเขาที่เป็นที่อยู่ของเจ้าตัวใหญ่ของสำนักนี้

 

เมื่อเป่าฮู่โบกสะบัดกระบี่น้ำแข็งที่เงางามในมือออกฟาดฟัน เท้าที่เคลื่อนที่ไปด้วยเคล็ดวิชาที่งดงามเช่นท่าท่องวารี ร่างที่เคลื่อนไหวไปนั้นดั่งปลาที่แหวกว่ายในธารน้ำใส

การมองเห็นตัวปลาแต่จับต้องมีได้ การเคลื่อนไหวของเป่าฮู่ก็เช่นเดียวกันเหมือนจะเดาทางได้และลงมือสกัดไว้ได้แต่กลับช้ากว่าหนึ่งก้าวเสมอ นี่มันคือวิชาของสำนักใดกัน

 

เมื่อใต้หล้ามากมายด้วยสำนักวิชา ใยใครจะไปมีคามสามารถที่จะจัดการกับยอดฝีมือทุกสำนักได้ แต่กลับกันชายหนุ่มที่เคลื่อนกายพลิ้วไหวไปมาจำนวนร่างของศิษย์สำนักเทพโอสถก็ร่วงหล่นลงกับพื้นทีละรายทีละราย

 

“บัดซบ วันนี้สายลมใดกัน พัดพาเอาตัวหายนะแบบนี้มาสู่สำนักเรา ท่านเจ้าสำนักยังไม่มาอีกหรือ?”

คำถามนี้ทำให้เป่าฮู่เองก็รู้สึกว่า ตนเองยั่วยุได้ถูกจุด หากเป็นเช่นนี้คงสามารถพิชิตได้ทั้งหมด

แต่ในขณะที่เป่าฮู่กำลังจะลงมือสังหารกลุ่มอาวุโสกลุ่มนี้ กลับมีวัตถุบางอย่างที่พุ่งมาด้วยความเร็วและมีกลิ่นอายพิษที่รุนแรงกว่าเหล่าอาวุโสตรงหน้าของเป่าฮู่พึงมีได้ ((((ปุ่ง!))) มันคือเตาปรุงยาเหล็กกล้าของใครบางคน

 

เพียงสัมพัสนี้เกิดขึ้นหนึ่งในอาวุโสของสำนักเทพโอสถก็ยกยิ้มออกมา ขณะที่ใบหน้าอันซีดเซียวของมันและเหล่าศิษย์ได้ปรากฏออกมา เพราะความเหนื่อยล้าจากการรุกไล่ของเป่าฮู่ชายหนุ่มที่น่าหวั่นเกรงคนนี้นั่นเอง

 

เมื่อผู้มาเยือนยื่นมือเข้าขัดขวางได้สำเร็จ ตัวมันก็แสดงตนออกมา และชายในอาถภรณ์สีม่วงเข้มนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฮันเผิงเจ้าสำนักเทพโอสถผู้ยกระดับของตนเองมาอยูในระดับราชันลมปราณขั้นปลายแล้วนั่นเอง ด้วยเตาโอสถพิษซึ่งมันคือของวิเศษที่ได้รับมาจากการแสวงหาตามตำราโอสถหมื่นพิษบอกกล่าวไว้

 

“ฮ่าๆๆๆ เจ้าหนุ่ม ฝีมือนับว่าไม่เลวเลยทีเดียวอายุเพียงเท่านี้ถึงกลับบรรลุระดับราชันลมปราณได้ แถมยังมีระดับใกล้เคียงกับข้าได้เช่นนี้

แต่ว่าเจ้าที่มีลมปราณธาตุน้ำ จะมาสู้ข้าที่มีลมปราณธาตุไม้ได้เช่นไร ข้าว่าเจ้ายอมถอยกลับไปและมอบเจ้าอสูรลมปราณตนนั้นแก่ข้าเสียดีกว่ามิเช่นนั้นจะหาว่าข้ามิเตือน”

 

เป่าฮู่ได้ฟังคำคุยโตโอ้อวดของชายก็มิเชิงหญิงก็มิใช่ มันคือตัวอุบาทใดในใต้หล้ากัน หากจะกล่าวก็คงเป็นเพราะตำราหมื่นพิษ นั้นผู้คิดค้นคงเป็นคนกลับเพศที่ต้องการให้ผู้ฝึกลดธาตุหยางในตัวและเชิดชูพลังธาตุไม้ จึงทำให้ผู้ฝึกในข้นที่สูงสุดต้องตัดขาดจากโลหล้าด้วยการเชือดเฉือนเจ้าโลกของตนเองทิ้ง

หากเป็นชายหากเป็นหญิงก็สามารถฝีกไปได้เลยในทีเดียว การกระทำที่ผิดมนุษย์เช่นนี้ มักมีอยู่ในมุมหนึ่งมุมใดของโลกหล้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+