ตำนานเทพยุทธ์ 90

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 90 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในวันที่ผู้คนมากมายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์รอคอยได้เวียนมาถึง ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นคนจากเขตปกครองเสือขาว นิกายเสือขาวที่น่ายำเกรงเขตปกครองหงส์เพลิง ที่นำความตื่นตาตื่นใจมาให้แก่คนทั้งลานประลอง ด้วยสาวงามทั้ง 10 คนที่เป็นดาวหงส์เพลิงที่เรื่องลือแห่งแดนใต้

แต่ในกลุ่มคนจำนวนมากนั้น ผู้ที่ก้าวนำทุกๆแดนดินเห็นจะเป็น คนจากเขตปกครองมังกรฟ้าที่บัดนี้ ผู้เฒ่ามู่เจิ่นหลง ผู้แผ่กลิ่นอายแห่งจักรพรรดิลมปราณขั้นสูงออกมาอย่างไม่ปิดบังใครทั้งสิ้น

“นั่น! ตระกูลมู่แห่งดินแดนมังกรฟ้ามาถึงแล้ว ดูนั่นสิ ได้ข่วว่าผู้เฒ่ามู่เจิ่นหลงและผู้นำเต้าหวงเย่ ได้บรรลุถึงระดับจักรพรรดิลมปราณแล้วทั้งคู่ นั่นไง งานครั้งนี้ข้าว่าไม่ใครก็ใครต้องสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่เราทุกคนเป็นแน่”

เสียงที่ดังมาจากเขตนั่งชมในงานประลอง ทำให้คนทังหลายที่ได้ฟังและมองเห็นชายชราหนวดเคราขาวผู้นั้นดั่งองค์เทพก็มิปราณ แต่สิ่งที่ทุกคนตกใจก็คือ หนึ่งบุรุษที่เดินตามมาพร้อมเทพธิดาในชุดหงส์สีแดงที่งดงามเหนือใครในหล้านี้

ด้านบนที่นั่งชมของแขกระดับสูง เพียงเหล่าศิษย์ของพรรควิหคอัสนีได้เห็นความงามของเร่อเว่ยซู ก็พากันตื่นตาตื่นใจ เพราะในความงามนี้ถึงกับทัดเทียมศิษย์พี่หญิงเฟิงอี้ได้เลยทีเดียว แถมกลิ่นอายของระดับลมปราณของนางก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ด้วยระดับราชันลมปราณ เลยก็ว่าได้

ด้านผู้นำกลุ่มคนจากพรรควิหคอัสนีได้มองไปยังกลุ่มชนที่มาจากเขตปกครองมังกรฟ้าก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความสนใจ เพราะการมาในครั้งนี้สามารถเพิ่มกำลังรบของพรรควิหคอัสนีให้มากยิ่งขึ้นไปอีกในวันข้างหน้าได้เป็นแน่

“ท่านอาวุโส มิใช่ว่าท่านกำลังมองไปทางกลุ่มเด็กจากเขตปกครองมังกรฟ้า ท่านสนใจเด็กทั้งสองคนนั้นด้วยเช่นนั้นหรือ?”

คำถามจากเต้าหวงเย่ได้กล่าวถามออกไปทำให้ ใบหน้าที่เคลือบด้วยรอยยิ้มของชายชราผู้มาจากพรรควิหคอัสนีเผยแววความคิดนั้นออกมา

“เป็นเช่นนั้นแหละท่านผู้นำเต้าหวงเย่ เราผู้แก่ชราสนใจในตัวของ คุณชายมู่ และแม่นางคนนั้น หากได้เข้าไปในพรรควิหคอัสนีต้องทำให้ขุมกำลังของพรรคเฟื่องฟู ไม่ว่าวันข้างหน้าคนของขุมกำลังของพรรคคู่แข่งเช่นพรรควายุอัคคี พรรคหุบเขาตระกูลชู พรรคดับตะวัน หรือแม้แต่อีกสองด่านทหารต้านกองทัพเผ่าปีศาจและอสูรคนเถื่อน เราพรรควิหคอัสนีย่อมไดเปรียบกว่ามากนัก”

เมื่อคำกล่าวทีแสดงความมั่นใจของตนออกมา เต้าหวงเย่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะขัด แต่ในทางกลับกัน เต้าหวงเย่จึงได้ลุกขึ้นไปยังที่พักของเขตปกครองมังกรฟ้า เพื่อขอพบเจอกับผู้เฒ่ามู่เจิ่นหลง เพียงขอแจ้งรายละเอียดกับทางนั้น เพื่อให้เข้าใจกับสิ่งที่ตั้งใจจัดขึ้นในวันนี้

ทางด้านเขตปกครองมังกรฟ้า หลังจากที่คนกลุ่มใหญ่เดินจากไป กลับมีหญิงสาวใต้ชุดคลุมสีเขียวเข้ม สวมใส่หมวกไม้ไผ่ เดินติดตามมา โดยรอบกายมีผู้คุ้มกันระดับสูงเฝ้าล้อมไว้อยู่

ณ ศาลาที่พักของตระกูลมู่

เพียงตัวของมู่เจิ่นหลงเดินเข้ามาถึง ก็ทำให้หลายต่อหลายคนที่เฝ้ารอต่างลุกขึ้นทำความเคารพ

“ในที่สุดท่านก็มาถึง คาราวะท่านผู้นำสูงสุด”

เพียงกลุ่มคนจ่กเขตปกครองมังกรฟ้าที่ออกท่องยุทธภพสืบเสาะหาข่าวสารและทำการค้ามากมาย วันนี้ได้มายังสถานที่แห่งนี้เพื่อคาราวะ ท่านผู้เฒ่ามังกรฟ้ามู่เจิ่นหลงนั่นเอง

เพียงแต่ระหว่างที่มู่เจิ่นหลงก้าวเข้ามาถึงศาลาที่ เต้าหวงเย่ ก็เดินเข้ามาพร้อมกล่าวทักทายออกไป

“ไม่พบกันนานเลยนะท่าน ประมุขมู่ วันนี้เราสองได้พบกัน ณ ที่แห่งนี้ เห็นว่าตำแหน่งของข้าคงต้องผัดเปลี่ยนมือสู่คนใหม่แล้วกระมัง”

คำกล่าวนั้นทำเอาใบหน้าของมู่เจิ่นหลงคลี่ยิ้มออกมาแต่ก็รีบความคุมความรู้สึกและถามออกไป เพื่อต้องการรู้ถึงการมาเยือนถึงศาลาที่พัก ณ ตอนนี้ของเต้าหวงเย่ผู้นำของหอยอดยุทธ์นั่นเอง

“ท่านผู้นำ หอยอดยุทธ์มาเยือนถึงที่ ข้ามู่เจิ่นหลงถือว่าเป็นเกียรตินัก ว่าแต่ท่านมาถึงที่คงไม่ใช่เพียงกล่าวทักทายกันหรอกกระมังจงว่าเหตุผลของท่านมาเถอะ?”

เมื่อเต้าหวงเย่ได้ฟังก็มองไปยังทิศทางที่มู่หยงและเร่อเว่ยซูนั่งพักอยู่ พร้อมกล่าวออกไปว่า

“ข้าผู้เฒ่าไม่ขออ้อมค้อมเลยแล้วกัน ท่านผู้เป็นยอดยุทธ์ระดับสูงเช่นข้า ย่อมเข้าใจโลกมาไม่มากก็น้อย ดินแดนของเรานี้นับว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทวีปต้าหลั๋ว ผู้ที่เดินทางมาร่วมชมงานประลองวันนี้ รู้สึกสนใจทายาททั้งสองของท่าน ไม่ว่าจะเป็นคุณชายมู่หยงหรือ แม่นางเว่ยซูจากแดนใต้ ที่แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ในตระกูล

หากท่านคิดว่าจะสนับสนุนลูกหลานให้ก้าวขึ้นมาสูงกว่าที่ ควรจะเป็นเช่น หลานชายของข้าทั้งสองที่พึ่งกลับจากพรรควิหคอัสนีที่ทวีปต้าหลั๋วมา ท่านคงไม่ปิดกั้นเส้นทางของพวกเขา ด้วยท่านอาวุโสระดับสูงของพรรควิหคอัสนีผู้นั้นสนใจในตัวของคุณชายและคุณหนูเป็นอย่างมาก”

คำกล่าวนั้นทำเอา มู่เจี้ยนหนิงที่เดิเข้ามารู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก

“ท่านปู่ ข้าสนใจหากพี่ชายไม่ไป ข้าขอไปเอง……”

หญิงสาวในชุดคลุมสีเขียวเข้มกล่าวออกมาอย่างหน้าตาเฉย แต่ เต้าหวงเย่หลังได้ยินวาจานั้นก็หันไปโดยทันทีที่เสียงกล่าวนั้นสิ้นสุด

“คุณหนูท่านนี้คือ?”

เต้าหวงเย่ถามออกไป ทำให้มู่เจิ่นหลงต้อส่ายหน้า ทั้งที่แยกนางไว้แล้วนางยังออกหน้าอย่างไม่จำเป็นเช่นนี้อีก

“เจี้ยนหนิง เรื่องนี้ปู่ว่ามัน?”

คำกล่าวทัดทานด้วย มู่เจี้ยนหนิงไม่กี่วันก่อน นางเป็นเพียงคนเดียวที่เรียกสัตว์อสูรมังกรเขียวมาจากป่าใหญ่ และใช้ดวงดาวผู้ถือครองดวงชะตาผู้พิทักษ์บังคับทำสัญญากับมังกรเขียวเขาหักตนนั้น

เพียงเต้าหวงเย่ส่งสัมผัสเข้าไปที่ตัวนาง ก็ทำให้เต้าหวงเย่ตกใจ แตไม่นานชายชราที่เคยนั่งติดกับที่ในศาลาหยกอันยิ่งใหญ่ กลับปรากฏตัวออกมาที่เบื้องหน้าของคนจากตระกูลมู่ทั้งหมด

“ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ ๆน่าสนใจ ข้าผู้เฒ่าคุมกฎแห่งพรรควิหคอัสนี ขอคาราวะท่านผู้นำมู่”

จากนั้นผู้เฒ่าคุมกฎของพรรควิหคอัสนีก็ไม่สนใจใครคนใดอีก เพียงหันหน้าไปทาง มู่เจี้ยนหนิงและกล่าวถามออกไป

“คุณหนู ท่านนี้ ท่านอายุเท่าใดกัน จึงสามารถฝึกตนเองจนมาถึงระดับนี้และยังสามารถปกปิดลมปราณจนข้าแทบจะตรวจไม่พบ ใครเป็นคนสอนท่านได้ถึงขนาดนี้?”

เมื่อมู่เจิ่นหลงได้ฟัง ก็มองไปยังร่างชายชราอีกคนที่กำลังร่อนลงมาที่ ศาสาไผ่เขียวนี้ ชายชราผู้ที่แผ่กลิ่นอายที่เข้มแข็งกว่าเต้าหวงเย่และมู่เจิ่งหลงออกมา

“เป็นข้าเอง ”

เสียงจากผู้เฒ่าลู่จื่อสหายของ มู่เจิ่นหลง ผู้ครอบครองศิลาหมื่นปี ได้เดินลงมาจากศาลาไผ่เขียวนั้น

หลังจากที่ศิลาหมื่นปีได้ดูซับพลังจากมังกรเขียวเข้ามาเพิ่มเติมแก่ศิลาหมื่นปี ทำให้การช่วยมู่เจี้ยนหลิงผู้เป็นศิษย์กำราบสัตว์อสูรประเภทนี้ได้ง่ายขึ้น

แต่การกระทำนั้นก็ไม่ใช่เพียงแต่ว่าลู่จื่อชายลึกลับจากที่ห่างไกลและมาอาศัยอำนาจของตระกูลมู่ซ่อนพรางตนเองมานานหลายสิบปี โดยลู่จื่อได้ใช้โอกาสนั้นดูดซับพลังจากมังกรเขียวจนทำให้ตัวของลู่จื่อทะลวงระดับที่ตีบตันมานานขึ้นไปยังชนชั้นราชันจักรพรรดิขั้นที่ 1 ได้

“ยอดฝีมือ ชนชั้นราชันจักรพรรดิ!”

เมื่อผู้อาวุโสคุมกฎของพรรควิหคอัสนีได้ห็นชายผู้มีความแข็งแกร่งเหนือคนทั่วไปเดินเข้ามายังสถานที่แห่งนี้

เพียงคำกล่าวนั้นทำให้ทั่วทั้งลานประลองต่างตกใจ อะไรคือชนชั้นราชันจักรพรรดิหรือเหนือกว่าจักรพรรดิลมปราณยังมีชนชั้นที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอยู่อีก

สิ่งเหล่านั้นทำเอามู่เจิ่นหลง ต้องหมดความภูมิใจในระดับที่ตนมีไปเลยทีเดียว

แต่ว่าเพียงการพบเจอกันไม่นาน ลู่จื่อก็หันไปกล่าวต่ออาวุโสคุมกฎของพรรควิหคอัสนี ในทันที

“ข้าลู่จื่อต้องขอ อภัยในสิ่งที่ศิษย์ของข้ากล่าวนางคงเลอะเลือนไปชั่วขณะ ความหวังดีของท่าน อาวุโสจากพรรควิหคอัสนี เราลู่จื่อน้อมรับไว้ แต่ว่าศิษย์ของข้าลู่จื่อได้เลือกที่จะไปแล้วนางเพียงกล่าวออกมาโดยไม่ได้ยั้งคิด”

ด้วยคำกล่าวนั้นทำให้มุมปากของผู้อาวุโสคุมกฎพรรควิหคอัสนี ต้องกระตุกและสถานที่ใดกันที่คนกลุ่มนี้ตั้งใจจะไป ในดินแดนเล็กๆแห่งนี้จะมีที่ใดที่เหนือกว่าพรรคของตน

ด้วยท่าทางที่พลันเปลี่ยนไปของอาวุโสคุมกฎ ของพรรควิหคอัสนี ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“มิทราบพอจะบอกแก่เราผู้ไร้วาสนาได้หรือไม่ว่าสถานที่ใดกันที่ แม่นางน้อยมู่เจี้ยนหลิงให้เกียรติเข้าเป็นศิษย์?”

เพียงคำถามนั้น แม้แต่มู่เจิ่นหลงเองก็ยังไม่รู้ แต่ว่า มู่เจี้ยนหลิงกลับหันมายิ้มและกล่าวต่อปู่ของนางด้วยท่าทางยิ้มแย้ม

“เจี้ยนหลิงขออภัยท่านปู่ เพียงหลานรักของท่านคิดเชิญช่วน ท่านพี่และพี่สะใภ้ไปเข้าร่วมพรรคเดียวกับข้า และเย้าแหย่พรรควิหคอัสนีไปก็เท่านั้น ที่ท่านอาจารย์บอกว่าเราทั้งสามสามารถไปได้หลังจากเสร็จงานประลองครั้งนี้”

มู่เจิ่นหลงก็ได้ทีหัวเราะออกมา ครั้งนี้มิเท่ากับว่า ตระกูลมู่ชัยเหนือแดนศักดิ์เช่นตระกูลเต้าหรอกหรือ

“ฮ่าๆๆๆๆ หลานรักเช่นนั้นเราก็มานั่งคุยกัน เชิญ เชิญท่านทั้งหลาย วันนี้เรามู่เจิ่นหลงดีใจยิ่งนักที่ได้เห็นอนาคตของตระกูลมู่ได้ถูกพรรคจากดินแดนใหญ่หมายตา”

เพียงเท่านั้นลู่จื่อก็หันไปกล่าวต่อ อาวุโสคุมกฎแห่งพรรควิหคอัสนี ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป

“เอาหละ ท่านอาวุโสทั้งหลาย เชิญนั่ง ส่วนเรื่องของเด็กๆก็ปล่อยไปก่อน ว่าแต่วันนี้พรรคใหญ่เช่นพรรควิหคอัสนีมาทั้งที งั้นการประลองของครั้งนี้ข้าลู่จื่อ อาวุโสจากพรรควายุอัคคี ขอร่วมด้วยแล้วกัน เมื่อท่านสนใจคนกลุ่มนี้ ฮ่าๆๆๆๆ ข้าก็ขอร่วมด้วย”

แม้จะโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแต่ก็สุดจะแสกดงออกมาได้ เพราะอีกฝ่ายมีระดับราชันจักรพรรดิ ทั้งที่ตนเองคิดว่าวันนี้จะได้เหล่าเด็กรุ่นเยาว์ไปเข้าพรรคเพิ่มมากขึ้นเสียหน่อย

เมื่อความจริงเปิดเผย ลู่จื่อแท้จริงคืออาวุโสลับของพรรควายุอัคคี ที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามสืบถึงแหล่งที่มีของทรัพยากรของพรรควิหคอัสนีเมื่อหลายสิบปีก่อน จนได้มาพบดินแดนแห่งนี้และบังเอิญได้รับรู้ถึงการติดต่อกันของพรรควิหคอัสนีและตระกูลเต้า

ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้น ลู่จื่อพยายามเสาะหาสิ่งที่ตัวตนของลู่จื่อ เห็นว่าดินแดนลึกลับนี้เห็นควรจะพบหยกชิ้นงามนับไม่ถ้วนจนได้พบเข้ากับตระกูลมู่ และเจอเข้ากับหยกชิ้นงาม นามมู่เจี้ยนหลิง เด็กที่เกิดมาพร้อมดวงชะตา ที่โดดเด่นดาวมังกรฟ้า และยังเด็กหนุ่มากพรสวรรค์เช่นมู่หยงที่ตัวลู่จื่อหมายตาเป็นคนที่สอง

เมื่อได้ฟังข่าวว่า สะใภ้ของตระกูลมู่คือเทพธิดาหงส์เพลิง นั่นยิ่งทำให้ลู่จือได้รับความสนใจจากพรรคถึงกับส่งศิลาหมื่นปีมาให้เพื่อที่จะปลุกพลังและดึงดูดเอาสัตว์เทพมาอยู่ที่พรรคของตนให้หมด

เมื่อวันนี้มาถึง ลู่จื่อตั้งใจจะนำศิลาหมื่นปีมาตรวจชะตาของเด็กจากนิกายเสือขาวอีกผู้หนึ่งเช่นกัน….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพยุทธ์ 90

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 90 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในวันที่ผู้คนมากมายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์รอคอยได้เวียนมาถึง ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นคนจากเขตปกครองเสือขาว นิกายเสือขาวที่น่ายำเกรงเขตปกครองหงส์เพลิง ที่นำความตื่นตาตื่นใจมาให้แก่คนทั้งลานประลอง ด้วยสาวงามทั้ง 10 คนที่เป็นดาวหงส์เพลิงที่เรื่องลือแห่งแดนใต้

แต่ในกลุ่มคนจำนวนมากนั้น ผู้ที่ก้าวนำทุกๆแดนดินเห็นจะเป็น คนจากเขตปกครองมังกรฟ้าที่บัดนี้ ผู้เฒ่ามู่เจิ่นหลง ผู้แผ่กลิ่นอายแห่งจักรพรรดิลมปราณขั้นสูงออกมาอย่างไม่ปิดบังใครทั้งสิ้น

“นั่น! ตระกูลมู่แห่งดินแดนมังกรฟ้ามาถึงแล้ว ดูนั่นสิ ได้ข่วว่าผู้เฒ่ามู่เจิ่นหลงและผู้นำเต้าหวงเย่ ได้บรรลุถึงระดับจักรพรรดิลมปราณแล้วทั้งคู่ นั่นไง งานครั้งนี้ข้าว่าไม่ใครก็ใครต้องสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่เราทุกคนเป็นแน่”

เสียงที่ดังมาจากเขตนั่งชมในงานประลอง ทำให้คนทังหลายที่ได้ฟังและมองเห็นชายชราหนวดเคราขาวผู้นั้นดั่งองค์เทพก็มิปราณ แต่สิ่งที่ทุกคนตกใจก็คือ หนึ่งบุรุษที่เดินตามมาพร้อมเทพธิดาในชุดหงส์สีแดงที่งดงามเหนือใครในหล้านี้

ด้านบนที่นั่งชมของแขกระดับสูง เพียงเหล่าศิษย์ของพรรควิหคอัสนีได้เห็นความงามของเร่อเว่ยซู ก็พากันตื่นตาตื่นใจ เพราะในความงามนี้ถึงกับทัดเทียมศิษย์พี่หญิงเฟิงอี้ได้เลยทีเดียว แถมกลิ่นอายของระดับลมปราณของนางก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ด้วยระดับราชันลมปราณ เลยก็ว่าได้

ด้านผู้นำกลุ่มคนจากพรรควิหคอัสนีได้มองไปยังกลุ่มชนที่มาจากเขตปกครองมังกรฟ้าก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความสนใจ เพราะการมาในครั้งนี้สามารถเพิ่มกำลังรบของพรรควิหคอัสนีให้มากยิ่งขึ้นไปอีกในวันข้างหน้าได้เป็นแน่

“ท่านอาวุโส มิใช่ว่าท่านกำลังมองไปทางกลุ่มเด็กจากเขตปกครองมังกรฟ้า ท่านสนใจเด็กทั้งสองคนนั้นด้วยเช่นนั้นหรือ?”

คำถามจากเต้าหวงเย่ได้กล่าวถามออกไปทำให้ ใบหน้าที่เคลือบด้วยรอยยิ้มของชายชราผู้มาจากพรรควิหคอัสนีเผยแววความคิดนั้นออกมา

“เป็นเช่นนั้นแหละท่านผู้นำเต้าหวงเย่ เราผู้แก่ชราสนใจในตัวของ คุณชายมู่ และแม่นางคนนั้น หากได้เข้าไปในพรรควิหคอัสนีต้องทำให้ขุมกำลังของพรรคเฟื่องฟู ไม่ว่าวันข้างหน้าคนของขุมกำลังของพรรคคู่แข่งเช่นพรรควายุอัคคี พรรคหุบเขาตระกูลชู พรรคดับตะวัน หรือแม้แต่อีกสองด่านทหารต้านกองทัพเผ่าปีศาจและอสูรคนเถื่อน เราพรรควิหคอัสนีย่อมไดเปรียบกว่ามากนัก”

เมื่อคำกล่าวทีแสดงความมั่นใจของตนออกมา เต้าหวงเย่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะขัด แต่ในทางกลับกัน เต้าหวงเย่จึงได้ลุกขึ้นไปยังที่พักของเขตปกครองมังกรฟ้า เพื่อขอพบเจอกับผู้เฒ่ามู่เจิ่นหลง เพียงขอแจ้งรายละเอียดกับทางนั้น เพื่อให้เข้าใจกับสิ่งที่ตั้งใจจัดขึ้นในวันนี้

ทางด้านเขตปกครองมังกรฟ้า หลังจากที่คนกลุ่มใหญ่เดินจากไป กลับมีหญิงสาวใต้ชุดคลุมสีเขียวเข้ม สวมใส่หมวกไม้ไผ่ เดินติดตามมา โดยรอบกายมีผู้คุ้มกันระดับสูงเฝ้าล้อมไว้อยู่

ณ ศาลาที่พักของตระกูลมู่

เพียงตัวของมู่เจิ่นหลงเดินเข้ามาถึง ก็ทำให้หลายต่อหลายคนที่เฝ้ารอต่างลุกขึ้นทำความเคารพ

“ในที่สุดท่านก็มาถึง คาราวะท่านผู้นำสูงสุด”

เพียงกลุ่มคนจ่กเขตปกครองมังกรฟ้าที่ออกท่องยุทธภพสืบเสาะหาข่าวสารและทำการค้ามากมาย วันนี้ได้มายังสถานที่แห่งนี้เพื่อคาราวะ ท่านผู้เฒ่ามังกรฟ้ามู่เจิ่นหลงนั่นเอง

เพียงแต่ระหว่างที่มู่เจิ่นหลงก้าวเข้ามาถึงศาลาที่ เต้าหวงเย่ ก็เดินเข้ามาพร้อมกล่าวทักทายออกไป

“ไม่พบกันนานเลยนะท่าน ประมุขมู่ วันนี้เราสองได้พบกัน ณ ที่แห่งนี้ เห็นว่าตำแหน่งของข้าคงต้องผัดเปลี่ยนมือสู่คนใหม่แล้วกระมัง”

คำกล่าวนั้นทำเอาใบหน้าของมู่เจิ่นหลงคลี่ยิ้มออกมาแต่ก็รีบความคุมความรู้สึกและถามออกไป เพื่อต้องการรู้ถึงการมาเยือนถึงศาลาที่พัก ณ ตอนนี้ของเต้าหวงเย่ผู้นำของหอยอดยุทธ์นั่นเอง

“ท่านผู้นำ หอยอดยุทธ์มาเยือนถึงที่ ข้ามู่เจิ่นหลงถือว่าเป็นเกียรตินัก ว่าแต่ท่านมาถึงที่คงไม่ใช่เพียงกล่าวทักทายกันหรอกกระมังจงว่าเหตุผลของท่านมาเถอะ?”

เมื่อเต้าหวงเย่ได้ฟังก็มองไปยังทิศทางที่มู่หยงและเร่อเว่ยซูนั่งพักอยู่ พร้อมกล่าวออกไปว่า

“ข้าผู้เฒ่าไม่ขออ้อมค้อมเลยแล้วกัน ท่านผู้เป็นยอดยุทธ์ระดับสูงเช่นข้า ย่อมเข้าใจโลกมาไม่มากก็น้อย ดินแดนของเรานี้นับว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทวีปต้าหลั๋ว ผู้ที่เดินทางมาร่วมชมงานประลองวันนี้ รู้สึกสนใจทายาททั้งสองของท่าน ไม่ว่าจะเป็นคุณชายมู่หยงหรือ แม่นางเว่ยซูจากแดนใต้ ที่แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ในตระกูล

หากท่านคิดว่าจะสนับสนุนลูกหลานให้ก้าวขึ้นมาสูงกว่าที่ ควรจะเป็นเช่น หลานชายของข้าทั้งสองที่พึ่งกลับจากพรรควิหคอัสนีที่ทวีปต้าหลั๋วมา ท่านคงไม่ปิดกั้นเส้นทางของพวกเขา ด้วยท่านอาวุโสระดับสูงของพรรควิหคอัสนีผู้นั้นสนใจในตัวของคุณชายและคุณหนูเป็นอย่างมาก”

คำกล่าวนั้นทำเอา มู่เจี้ยนหนิงที่เดิเข้ามารู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก

“ท่านปู่ ข้าสนใจหากพี่ชายไม่ไป ข้าขอไปเอง……”

หญิงสาวในชุดคลุมสีเขียวเข้มกล่าวออกมาอย่างหน้าตาเฉย แต่ เต้าหวงเย่หลังได้ยินวาจานั้นก็หันไปโดยทันทีที่เสียงกล่าวนั้นสิ้นสุด

“คุณหนูท่านนี้คือ?”

เต้าหวงเย่ถามออกไป ทำให้มู่เจิ่นหลงต้อส่ายหน้า ทั้งที่แยกนางไว้แล้วนางยังออกหน้าอย่างไม่จำเป็นเช่นนี้อีก

“เจี้ยนหนิง เรื่องนี้ปู่ว่ามัน?”

คำกล่าวทัดทานด้วย มู่เจี้ยนหนิงไม่กี่วันก่อน นางเป็นเพียงคนเดียวที่เรียกสัตว์อสูรมังกรเขียวมาจากป่าใหญ่ และใช้ดวงดาวผู้ถือครองดวงชะตาผู้พิทักษ์บังคับทำสัญญากับมังกรเขียวเขาหักตนนั้น

เพียงเต้าหวงเย่ส่งสัมผัสเข้าไปที่ตัวนาง ก็ทำให้เต้าหวงเย่ตกใจ แตไม่นานชายชราที่เคยนั่งติดกับที่ในศาลาหยกอันยิ่งใหญ่ กลับปรากฏตัวออกมาที่เบื้องหน้าของคนจากตระกูลมู่ทั้งหมด

“ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ ๆน่าสนใจ ข้าผู้เฒ่าคุมกฎแห่งพรรควิหคอัสนี ขอคาราวะท่านผู้นำมู่”

จากนั้นผู้เฒ่าคุมกฎของพรรควิหคอัสนีก็ไม่สนใจใครคนใดอีก เพียงหันหน้าไปทาง มู่เจี้ยนหนิงและกล่าวถามออกไป

“คุณหนู ท่านนี้ ท่านอายุเท่าใดกัน จึงสามารถฝึกตนเองจนมาถึงระดับนี้และยังสามารถปกปิดลมปราณจนข้าแทบจะตรวจไม่พบ ใครเป็นคนสอนท่านได้ถึงขนาดนี้?”

เมื่อมู่เจิ่นหลงได้ฟัง ก็มองไปยังร่างชายชราอีกคนที่กำลังร่อนลงมาที่ ศาสาไผ่เขียวนี้ ชายชราผู้ที่แผ่กลิ่นอายที่เข้มแข็งกว่าเต้าหวงเย่และมู่เจิ่งหลงออกมา

“เป็นข้าเอง ”

เสียงจากผู้เฒ่าลู่จื่อสหายของ มู่เจิ่นหลง ผู้ครอบครองศิลาหมื่นปี ได้เดินลงมาจากศาลาไผ่เขียวนั้น

หลังจากที่ศิลาหมื่นปีได้ดูซับพลังจากมังกรเขียวเข้ามาเพิ่มเติมแก่ศิลาหมื่นปี ทำให้การช่วยมู่เจี้ยนหลิงผู้เป็นศิษย์กำราบสัตว์อสูรประเภทนี้ได้ง่ายขึ้น

แต่การกระทำนั้นก็ไม่ใช่เพียงแต่ว่าลู่จื่อชายลึกลับจากที่ห่างไกลและมาอาศัยอำนาจของตระกูลมู่ซ่อนพรางตนเองมานานหลายสิบปี โดยลู่จื่อได้ใช้โอกาสนั้นดูดซับพลังจากมังกรเขียวจนทำให้ตัวของลู่จื่อทะลวงระดับที่ตีบตันมานานขึ้นไปยังชนชั้นราชันจักรพรรดิขั้นที่ 1 ได้

“ยอดฝีมือ ชนชั้นราชันจักรพรรดิ!”

เมื่อผู้อาวุโสคุมกฎของพรรควิหคอัสนีได้ห็นชายผู้มีความแข็งแกร่งเหนือคนทั่วไปเดินเข้ามายังสถานที่แห่งนี้

เพียงคำกล่าวนั้นทำให้ทั่วทั้งลานประลองต่างตกใจ อะไรคือชนชั้นราชันจักรพรรดิหรือเหนือกว่าจักรพรรดิลมปราณยังมีชนชั้นที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอยู่อีก

สิ่งเหล่านั้นทำเอามู่เจิ่นหลง ต้องหมดความภูมิใจในระดับที่ตนมีไปเลยทีเดียว

แต่ว่าเพียงการพบเจอกันไม่นาน ลู่จื่อก็หันไปกล่าวต่ออาวุโสคุมกฎของพรรควิหคอัสนี ในทันที

“ข้าลู่จื่อต้องขอ อภัยในสิ่งที่ศิษย์ของข้ากล่าวนางคงเลอะเลือนไปชั่วขณะ ความหวังดีของท่าน อาวุโสจากพรรควิหคอัสนี เราลู่จื่อน้อมรับไว้ แต่ว่าศิษย์ของข้าลู่จื่อได้เลือกที่จะไปแล้วนางเพียงกล่าวออกมาโดยไม่ได้ยั้งคิด”

ด้วยคำกล่าวนั้นทำให้มุมปากของผู้อาวุโสคุมกฎพรรควิหคอัสนี ต้องกระตุกและสถานที่ใดกันที่คนกลุ่มนี้ตั้งใจจะไป ในดินแดนเล็กๆแห่งนี้จะมีที่ใดที่เหนือกว่าพรรคของตน

ด้วยท่าทางที่พลันเปลี่ยนไปของอาวุโสคุมกฎ ของพรรควิหคอัสนี ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“มิทราบพอจะบอกแก่เราผู้ไร้วาสนาได้หรือไม่ว่าสถานที่ใดกันที่ แม่นางน้อยมู่เจี้ยนหลิงให้เกียรติเข้าเป็นศิษย์?”

เพียงคำถามนั้น แม้แต่มู่เจิ่นหลงเองก็ยังไม่รู้ แต่ว่า มู่เจี้ยนหลิงกลับหันมายิ้มและกล่าวต่อปู่ของนางด้วยท่าทางยิ้มแย้ม

“เจี้ยนหลิงขออภัยท่านปู่ เพียงหลานรักของท่านคิดเชิญช่วน ท่านพี่และพี่สะใภ้ไปเข้าร่วมพรรคเดียวกับข้า และเย้าแหย่พรรควิหคอัสนีไปก็เท่านั้น ที่ท่านอาจารย์บอกว่าเราทั้งสามสามารถไปได้หลังจากเสร็จงานประลองครั้งนี้”

มู่เจิ่นหลงก็ได้ทีหัวเราะออกมา ครั้งนี้มิเท่ากับว่า ตระกูลมู่ชัยเหนือแดนศักดิ์เช่นตระกูลเต้าหรอกหรือ

“ฮ่าๆๆๆๆ หลานรักเช่นนั้นเราก็มานั่งคุยกัน เชิญ เชิญท่านทั้งหลาย วันนี้เรามู่เจิ่นหลงดีใจยิ่งนักที่ได้เห็นอนาคตของตระกูลมู่ได้ถูกพรรคจากดินแดนใหญ่หมายตา”

เพียงเท่านั้นลู่จื่อก็หันไปกล่าวต่อ อาวุโสคุมกฎแห่งพรรควิหคอัสนี ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป

“เอาหละ ท่านอาวุโสทั้งหลาย เชิญนั่ง ส่วนเรื่องของเด็กๆก็ปล่อยไปก่อน ว่าแต่วันนี้พรรคใหญ่เช่นพรรควิหคอัสนีมาทั้งที งั้นการประลองของครั้งนี้ข้าลู่จื่อ อาวุโสจากพรรควายุอัคคี ขอร่วมด้วยแล้วกัน เมื่อท่านสนใจคนกลุ่มนี้ ฮ่าๆๆๆๆ ข้าก็ขอร่วมด้วย”

แม้จะโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแต่ก็สุดจะแสกดงออกมาได้ เพราะอีกฝ่ายมีระดับราชันจักรพรรดิ ทั้งที่ตนเองคิดว่าวันนี้จะได้เหล่าเด็กรุ่นเยาว์ไปเข้าพรรคเพิ่มมากขึ้นเสียหน่อย

เมื่อความจริงเปิดเผย ลู่จื่อแท้จริงคืออาวุโสลับของพรรควายุอัคคี ที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามสืบถึงแหล่งที่มีของทรัพยากรของพรรควิหคอัสนีเมื่อหลายสิบปีก่อน จนได้มาพบดินแดนแห่งนี้และบังเอิญได้รับรู้ถึงการติดต่อกันของพรรควิหคอัสนีและตระกูลเต้า

ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้น ลู่จื่อพยายามเสาะหาสิ่งที่ตัวตนของลู่จื่อ เห็นว่าดินแดนลึกลับนี้เห็นควรจะพบหยกชิ้นงามนับไม่ถ้วนจนได้พบเข้ากับตระกูลมู่ และเจอเข้ากับหยกชิ้นงาม นามมู่เจี้ยนหลิง เด็กที่เกิดมาพร้อมดวงชะตา ที่โดดเด่นดาวมังกรฟ้า และยังเด็กหนุ่มากพรสวรรค์เช่นมู่หยงที่ตัวลู่จื่อหมายตาเป็นคนที่สอง

เมื่อได้ฟังข่าวว่า สะใภ้ของตระกูลมู่คือเทพธิดาหงส์เพลิง นั่นยิ่งทำให้ลู่จือได้รับความสนใจจากพรรคถึงกับส่งศิลาหมื่นปีมาให้เพื่อที่จะปลุกพลังและดึงดูดเอาสัตว์เทพมาอยู่ที่พรรคของตนให้หมด

เมื่อวันนี้มาถึง ลู่จื่อตั้งใจจะนำศิลาหมื่นปีมาตรวจชะตาของเด็กจากนิกายเสือขาวอีกผู้หนึ่งเช่นกัน….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+