ตำนานเทพยุทธ์ 79

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 79 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพียงการรับรู้แรกของค่วนคั่วหลี่ ก็ทำให้สภาพของผู้ติดตามทั้งหลายล้วนลงไปนอนกองกับพื้นด้วยสภาพหมดสติกันทุกคน ((((ตุ๊บ!))) (((ตุ๊บ!))) (((ครึ๊ก!)))

ร่างชายกำยำมากกว่า 5 คนที่ลงไปนอนกองกับพื้นนั้นคือ ผู้ติดตามนายน้อยตระกูลค่วนคั่ว แห่งเมืองค่วนคั่วในเขตปกครองหงส์เพลิงทางใต้

เพียงการจู่โจมแบบสายฟ้าฟาดขององครักษ์ที่หงซวนฝึกมาเป็นพิเศษให้รับมือกับภัยจากตลาดมืดที่ใต้เมืองตระกูลหงวันนี้ได้ติดตามคุ้มกันนายน้อยแห่งตระกูลหงนามเป่าฮู่ หากวัดกันตามฝือนับว่าระดับขององครักษ์ทั้งสี่ของเป่าฮู่นั้นสามารถกลบรัศมีของผู้ติดตามจากแดนใต้ได้อย่างไม่เห็นฝุ่น

เวลานี้หากแต่เหลือเพียงเป่าฮู่ที่ยืนจ้องหน้าค่วนคั่วหลี่ไว้ไม่วางตา ด้วยทุกสิ่งที่รับรู้และได้ยินมาดังนั้นเป่าฮู่จึงไม่คิดที่จะละเวนายคนนี้อย่างแน่นอน

“ฮึ! นำภัยมาสู่มิตรสหายของข้าและน้องสาวข้า อย่าโทษชะตากรรมเลย หากต้องโทษคือเจ้าเองที่แส่เรื่องชาวบ้านจนมีภัยมาเยือน”

พรึ๊บ!….(((ฝู่!))) เสียงของตันเถียนที่เกิดรูรั่ว เนื่องจากถูกบางสิ่งแทงเข้าไปอย่างโหดร้ายทารุนและขอ’สิ่งนั้นก็คือดาบน้ำแข็งจากมือของเป่าฮู่

ด้วยเป่าฮู่จัดการให้เจ้านายน้อยผู้นี้ต้องพิการไปตลอดชีวิต เพราะมันกล้านักที่จะมายุ่งกับคนที่เป่าฮู่ช่วยเหลือและนับเป็นครอบครัวไปแล้วนั่นเอง

มีคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ กฏง่ายๆที่ยึดถือตลอดมา วันนี้เมื่อครอบครัวมีภัยทำไมต้องเกรงกลัวฟ้าดิน เป่าฮู่หลังจัดการชายแซ่ค่วนคั่วเรียบร้อยก็หันไปสั่งการองครักษ์ทั้งสี่คนของตน

“พวกเจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ ศัตรูของเรามีมากกว่า 50 คน ฉะนั้นฆ่าอย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว ลอมปากถ้ำเอาไว้พวกมันต้องหนีออมาจกาปากถ้ำดูให้แน่ชัด ลงมือให้เงียบและเร็ว

เข้าใจหรือไม่?”

เพียงเท่านั้นเสียงตอบรับกลับมาคือสิ่งที่เป่าฮู่รู้สึกภาคภูมิใจ ในเมื่อคนของตนยอมเชื่อใจและร่วมมืออย่งไม่ขัดคำสั่ง หน้าที่ข้าเป่าฮู่คือทำให้ทุกคนปลอดภัยนั่นเอง

เมื่อด้านในถ้ำตอนนี้ดวงตาสีแดงกร่ำที่ถูกปกปิดไว้ใต้เงามืด กลุ่มศิษย์นิกายเสือขาวหลบเข้าไปนช่องทางเดินเล็กที่ตระเตรียมไว้ และผู้ที่กำลังสั่งการกลับเป็นเต่าจอมจ่อของป่าฮู่ที่อาสาช่วยในแผนครั้งนี้

เป่าฮู่ได้วางแผนไว้ที่ด้านของถ้ำ เพีงสองแม่ทัพตระกูลมู่ได้ไล่ต้อนคนเหล่านั้นมาจนถึงปากถ้ำ ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมู่เจียงหลงผู้น้องได้เห็นว่ารูปแบบการหนี เป็นไปอย่างเป็นแบบแผนหรือพวกมันมีกับดักที่รอไว้ด้านในถ้ำแห่งนี้

“ช้าก่อนท่านพี่ ข้ารู้สึกว่างานนี้มันแปลกๆและดูเหมือนถ้ำแห่งนี้จะมีบางสิ่งที่อันตรายด้านใน”

 

เมื่อผู้เป็นพี่แม่ทัพมู่เจียงฉีก็ยกยิ้มออกมา

“หากเจ้ากลัวพี่เข้าไปเอง ฝากน้องพี่ดูแลด้านนอกด้วย”

เพียงการกล่าวเช่นนั้นออกมาศักดิ์ศรีของแม่ทัพระดับราชันลมปราณ จะมาเกรงกลัวอะไรกับความมืดและที่แคบในถ้ำ

การเดินย่ำเข้ามาในถ้ำดูยิ่งเย็นและแคบ สายตาของคนทั้งหลายจดจ้องไปที่ด้านหน้าและเพียงพ้นช่วงที่แคบกลบกลายเป็นโถงใหญ่ที่ด้านในมีอสูรร้ายเฝ้ารออยู่

จากการเฝ้ารอจนเหยื่อเข้ามาจนหมด อสรพิษฟ้าครามก็เคลื่อนตัวปิดทางเข้าและใช้ร่างกายของตนเองในเงามืดบดบังแสงที่จะผ่านเข้ามาได้

“แย่แล้วพี่ใหญ่ ทางเข้า ทางเข้า ถูกปิดแล้ว”

สี่เท้ารู้พลาดนักปราชญ์รู้พรั้ง เมื่อมู่เจียงฉีได้ฟังความกล่าวของมู่เจียงหลงน้องชาย สายตาก็มองหาทางออกที่ตอนนี้มืดมิดไร้ซึ่งเส้นแสง แต่ที่น่าแปลกก็คือ กลุ่มผู้ที่ติดตามมาที่อยู่ด้านนอกกลับต้องพบกับหายนะอย่างรวดเร็ว เมื่อเป่าฮู่และองครักษ์ทั้ง 4 ได้ร่วมมือกันจัดการคนจากรอบนอกออกไปอย่างทันท่วงที

แม้การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนจากด้านนอกจะดูไม่หวือหวา แต่ก็ทำให้จำนวนของของทหารประจำตระกูลมู่ลดลงไปมาก

“จ้าวหู่ รีบลงมือสังหารพวกมัน เราต้องรีบตามลงไปแล้ว”

คำกล่าวของเป่าฮู่ที่เริ่มเป็นห่วงน้องสาวด้วยต้องมาทนอยู่ในถ้ำแคบๆที่เจ้าราชาอสรพิษตัวเขื่องนั่นเพียงขยับตัวอาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ ดังนั้นแผนการนี้ไม่ได้มีเสี่ยงเฉพาะฝ่ายศัตรูเท่านั้น

แต่เป่าฮู่กำลังเป็นกังวลมากเกินไป ทันทีที่เต่าอักขระได้พบสาวงามตัวน้อยทั้งสองก็ทำให้เจ้าเต่าถูกชะตากับหย่วนชิงเหยียนมากนัก จึงกระโดดไปที่อ้อมกอดของนาง โดยให้นางเป็นคนดูแลตัวเต่าบ้ายอตัวนั้นแทนเป่าฮู่ไปก่อน และตลอดเวลาที่หย่วนชิงเหยียนได้รับการคุ้มครองจากเต่าบ้ายอก็ทำให้เหล่าศิษย์คนอื่นๆรวมถึงหงหลี่ปลอดภัยไปด้วย

 

เมื่อเหตุการณ์ด้านนอกเริ่มรุนแรงและกำลังส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาสมทบกับ แม่ทัพทั้งสองทำให้ตัวมู่เจียงฉีและมู่เจียงหลงต้องเริ่มฉุดคิดขึ้นมาว่าใครกันที่วางแผนการแบบนี้ได้ หรือว่าเป็นแผนของค่วนคั่วหลี่ แต่เท่าที่เห็นเจ้ากนุ่มนั่นจะมีพิษภัยอะไรกันที่จะมาทำแบบนี้ได้

“พี่ใหญ่เราถูกกับดักเข้าให้แล้ว ทหารของเราถูกแยกออกไปและคงต้องถูกเล่นงานจากด้านนอกถ้ำเป็นแน่ ว่าแต่ทำไมในถ้ำแห่งนี้ถึงมีคนมาคิดสร้างกับดักแบบนี้ได้ เห็นทีคงต้องจุดไฟเพื่อตรวจดูว่าเรากำลังเจอกับอะไร”

เพียงแสงไฟที่ก่อกำเนิดขึ้น เงาสะท้อนจากเกล็ดที่มันเงางามของเจ้าราชาอสรพิษได้สะท้อนประกายไฟออกมาทำให้มู่เจียงหลงคิดไปถึงตำนานของตระกูล นั่นดูเหมือนเกล็ดของอสูรมังกรฟ้าของตระกูลมู่เลยมิมีผิดเพี้ยน

“บัดซบ! พี่ใหญ่นั่นมัน”

คำพูดที่ดังขึ้นทันทีที่ดวงตาสีแดงกร่ำปรากฏขึ้น เผยให้เห็นถึงร่างขนาดใหญ่ของราชาอสรพิษฟ้าคราม

หรืองูยักษ์ที่อนาคตจะกลายเป็นมังกรฟ้านั่นเอง

ด้านนอกเป่าอู่ที่แห็นองครักษ์ทั้งสี่กำลังต้านทหารตระกูลมู่ที่ชำนาญเพลงกระบี่ของตระกูล จ้าวหูก็เริ่มแสดงอาการอ่อนล้าออกมาเมื่อสามารถสังหารทหารเหล่านั้นไปได้เพียง 3 คนเท่านั้น

“นายน้อย เชิญท่านถอยออกไปก่อนขอรับ เพลงกระบี่ของคนพวกนี้จัดว่าร้ายกาจนัก”

เป่าฮู่พิจารณาด้วยสายตาแล้วองครักษ์เหล่านี้เมื่อเทียบกับตระกูลมู่ยังห่างชั้นอยู่ดี นี่คือความต่างของตระกูลใหญ่กับตระกูลชั้นรองเช่นตระกูลหง เพลงกระบี่ที่ทหารทั่วไปของตระกูลมู่ใช้ก็มีระดับ ราชาเข้าไปแล้ว แต่คนของบิดาบุญธรรมยังมีเพียงวิชาระดับปราชญ์หรืองิชาฝ่ามือระดับราชาแค่เพียงวิชาเดียวทำห้เห็นถึงความต่างชั้นมากนัก

“อื่มไว้กลับไปเห็นทีข้าคงต้องเสาะหาววิชาที่เหมาะกับพวกเจ้ามาให้ฝึกกันบ้างแล้วเสียหน้าตระกูลมากนัก ทุกคนถอยออกมา”

เพียงคำกล่าวนั้นดังขึ้น เป่าฮู่ที่เคลื่อนตัวเข้าไป ด้วยท่าเท้าที่รวดเร็วและยังใช้วิชาที่ไม่เคยใช้ที่ใดมาก่อน หลังจากที่ได้มากไม่นานมานี้ มันคือวิชาที่มีชื่อว่า ดักแด้เหมันต์ เพียงการก้าวเท้าออกไป ในทุกย่างก้าว หลังจากครบสามก้าวร่างของเป่าฮู่ที่เหมือนมีคนอีกคนก็พลันเกิดขึ้นต่อหน้าจะหยุดให้ศัตรูฟาดฟัน

กลับเป็นเพียงร่างแยกที่สลายไปเป็นก้อนน้ำแข็งเท่านั้น โดยตัวจริงอาจใช้แผนล่อหลอกในการลงมือกับศัตรูได้โดยง่าย

เป่าฮู่จึงใช้มันควบคู่ไปกับวิชาควบคุมอาวุธจากระยะไกล เช่นเพลงกระบี่ราชันไร้รูป ในการร่ายรำท่วงท่าเพลงกระบี่ ไปพร้อมกระบี่สองเล่มในมือเข้าฟาดฟันร่างทหารจากตระกูลมู่จนบาดเจ็บสาหัสไปทีละคน

เพียงเท้าที่สัมผัสพื้นในแต่และครั้งก็สร้างแรงผลักพุ่งทะยานไปหาศัตรูคนต่อไป จนครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างของมนุษย์ที่ร่วงลงที่พื้น ด้วยอาการที่ต่างกัน จากหนึ่งไปสอง สองไปสาม และเพียงเวลาไม่นาน ร่างทหารตระกูลมู่ 50 คนที่ยืนกระจายกันท่วมท้นจากทุ่งหญ้าจรดปากถ้ำจนกลายเป็นร่างที่บิดงอและมีแผ่นน้ำแข็งเกาะกุมทั่วร่าง ที่ทรมานจากพิษเย็นที่หนาวเหน็บนั้นเอง

องครักษ์ทั้งหลายเหมือนรู้งานรีบทะยานเข้าไปจัดการสังหารอย่างโหดเหี้ยมไม่มีปราณี ไม่มีละเว้นชีวิตใดทั้งสิ้นให้มาเป็นหอกแทงข้างหลังอีกครั้ง

กองทหารที่ล้มลงไปในทุ่งหญ้าที่อาบไปด้วยเลือดเป่าฮู่ได้แต่ส่ายหน้าถึงความเสียใจในครั้งนี้

“อย่าโทษข้าเลยจงโทษตนเองที่เกิดมาเป็ยเบี้ยงล่างให้นางมารร้ายเช่นเร่อเว่ยซู”

หลังจากที่ทำงานเสร็จเป่าฮู่สลายพลังลมปราณที่สร้างเป็นกระบี่น้ำแข็งก่อนที่จะพุ่งเข้าไปที่ด้านในของถ้ำโดยให้ราชาอสรพิษเปิดทางให้ เพียงคนด้านในเห็นปากทางที่แงมเปิดออกมาก็มีร่างของมู่เจียงหลงถูกกกระแทกออกมาจากช่องทางนั้นเช่นกัน

“บัดซบ!…..((((ฟลิ้ว))))”

เมื่อเป่าฮู่ที่กำลังพุ่งกายเข้าไปยังไม่ทันได้พ้นจากปากถ้ำก็เห็นร่างของหนึ่งในสองแม่ทัพ ของตระกูลมู่พุ่งสวนทางออกมา

เป่าฮู่ใช้เท้าที่แผ่วเบากระทืบที่พื้นดีดตัวถอยหลังออกมาก่อนที่จะโคจรลมปราณเพื่อรักษาสมดุลร่างกายก่อนที่จะสำรวจว่าทำไมร่างนั้นถึงพุ่งออกมา

แต่เมื่อได้เห็นว่าร่างนั้นไม่ได้ออกมาเองแต่ถูกส่งออกมา และสิ่งที่ทำเช่นนั้นคือเจ้าราชาอสรพิษที่ถูกยอดยุทธระดับราชันสองอคนเล่นงาน สภาพก็บาดเจ็บไม่น้อย เป่าอู่เห็นสหายของมันรับหน้าที่หนักมากแล้วจึงเรียกเข้ามาเก็บในวงแหวนอัญเชิญก่อน และเป่าอู่เองก็รีบทำหน้าที่แทนอสรพิษตนนั้นทันที…….

“กล้าทำร้ายสหายของข้า รับมือ คนแซ่มู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพยุทธ์ 79

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 79 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพียงการรับรู้แรกของค่วนคั่วหลี่ ก็ทำให้สภาพของผู้ติดตามทั้งหลายล้วนลงไปนอนกองกับพื้นด้วยสภาพหมดสติกันทุกคน ((((ตุ๊บ!))) (((ตุ๊บ!))) (((ครึ๊ก!)))

ร่างชายกำยำมากกว่า 5 คนที่ลงไปนอนกองกับพื้นนั้นคือ ผู้ติดตามนายน้อยตระกูลค่วนคั่ว แห่งเมืองค่วนคั่วในเขตปกครองหงส์เพลิงทางใต้

เพียงการจู่โจมแบบสายฟ้าฟาดขององครักษ์ที่หงซวนฝึกมาเป็นพิเศษให้รับมือกับภัยจากตลาดมืดที่ใต้เมืองตระกูลหงวันนี้ได้ติดตามคุ้มกันนายน้อยแห่งตระกูลหงนามเป่าฮู่ หากวัดกันตามฝือนับว่าระดับขององครักษ์ทั้งสี่ของเป่าฮู่นั้นสามารถกลบรัศมีของผู้ติดตามจากแดนใต้ได้อย่างไม่เห็นฝุ่น

เวลานี้หากแต่เหลือเพียงเป่าฮู่ที่ยืนจ้องหน้าค่วนคั่วหลี่ไว้ไม่วางตา ด้วยทุกสิ่งที่รับรู้และได้ยินมาดังนั้นเป่าฮู่จึงไม่คิดที่จะละเวนายคนนี้อย่างแน่นอน

“ฮึ! นำภัยมาสู่มิตรสหายของข้าและน้องสาวข้า อย่าโทษชะตากรรมเลย หากต้องโทษคือเจ้าเองที่แส่เรื่องชาวบ้านจนมีภัยมาเยือน”

พรึ๊บ!….(((ฝู่!))) เสียงของตันเถียนที่เกิดรูรั่ว เนื่องจากถูกบางสิ่งแทงเข้าไปอย่างโหดร้ายทารุนและขอ’สิ่งนั้นก็คือดาบน้ำแข็งจากมือของเป่าฮู่

ด้วยเป่าฮู่จัดการให้เจ้านายน้อยผู้นี้ต้องพิการไปตลอดชีวิต เพราะมันกล้านักที่จะมายุ่งกับคนที่เป่าฮู่ช่วยเหลือและนับเป็นครอบครัวไปแล้วนั่นเอง

มีคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ กฏง่ายๆที่ยึดถือตลอดมา วันนี้เมื่อครอบครัวมีภัยทำไมต้องเกรงกลัวฟ้าดิน เป่าฮู่หลังจัดการชายแซ่ค่วนคั่วเรียบร้อยก็หันไปสั่งการองครักษ์ทั้งสี่คนของตน

“พวกเจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ ศัตรูของเรามีมากกว่า 50 คน ฉะนั้นฆ่าอย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว ลอมปากถ้ำเอาไว้พวกมันต้องหนีออมาจกาปากถ้ำดูให้แน่ชัด ลงมือให้เงียบและเร็ว

เข้าใจหรือไม่?”

เพียงเท่านั้นเสียงตอบรับกลับมาคือสิ่งที่เป่าฮู่รู้สึกภาคภูมิใจ ในเมื่อคนของตนยอมเชื่อใจและร่วมมืออย่งไม่ขัดคำสั่ง หน้าที่ข้าเป่าฮู่คือทำให้ทุกคนปลอดภัยนั่นเอง

เมื่อด้านในถ้ำตอนนี้ดวงตาสีแดงกร่ำที่ถูกปกปิดไว้ใต้เงามืด กลุ่มศิษย์นิกายเสือขาวหลบเข้าไปนช่องทางเดินเล็กที่ตระเตรียมไว้ และผู้ที่กำลังสั่งการกลับเป็นเต่าจอมจ่อของป่าฮู่ที่อาสาช่วยในแผนครั้งนี้

เป่าฮู่ได้วางแผนไว้ที่ด้านของถ้ำ เพีงสองแม่ทัพตระกูลมู่ได้ไล่ต้อนคนเหล่านั้นมาจนถึงปากถ้ำ ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมู่เจียงหลงผู้น้องได้เห็นว่ารูปแบบการหนี เป็นไปอย่างเป็นแบบแผนหรือพวกมันมีกับดักที่รอไว้ด้านในถ้ำแห่งนี้

“ช้าก่อนท่านพี่ ข้ารู้สึกว่างานนี้มันแปลกๆและดูเหมือนถ้ำแห่งนี้จะมีบางสิ่งที่อันตรายด้านใน”

 

เมื่อผู้เป็นพี่แม่ทัพมู่เจียงฉีก็ยกยิ้มออกมา

“หากเจ้ากลัวพี่เข้าไปเอง ฝากน้องพี่ดูแลด้านนอกด้วย”

เพียงการกล่าวเช่นนั้นออกมาศักดิ์ศรีของแม่ทัพระดับราชันลมปราณ จะมาเกรงกลัวอะไรกับความมืดและที่แคบในถ้ำ

การเดินย่ำเข้ามาในถ้ำดูยิ่งเย็นและแคบ สายตาของคนทั้งหลายจดจ้องไปที่ด้านหน้าและเพียงพ้นช่วงที่แคบกลบกลายเป็นโถงใหญ่ที่ด้านในมีอสูรร้ายเฝ้ารออยู่

จากการเฝ้ารอจนเหยื่อเข้ามาจนหมด อสรพิษฟ้าครามก็เคลื่อนตัวปิดทางเข้าและใช้ร่างกายของตนเองในเงามืดบดบังแสงที่จะผ่านเข้ามาได้

“แย่แล้วพี่ใหญ่ ทางเข้า ทางเข้า ถูกปิดแล้ว”

สี่เท้ารู้พลาดนักปราชญ์รู้พรั้ง เมื่อมู่เจียงฉีได้ฟังความกล่าวของมู่เจียงหลงน้องชาย สายตาก็มองหาทางออกที่ตอนนี้มืดมิดไร้ซึ่งเส้นแสง แต่ที่น่าแปลกก็คือ กลุ่มผู้ที่ติดตามมาที่อยู่ด้านนอกกลับต้องพบกับหายนะอย่างรวดเร็ว เมื่อเป่าฮู่และองครักษ์ทั้ง 4 ได้ร่วมมือกันจัดการคนจากรอบนอกออกไปอย่างทันท่วงที

แม้การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนจากด้านนอกจะดูไม่หวือหวา แต่ก็ทำให้จำนวนของของทหารประจำตระกูลมู่ลดลงไปมาก

“จ้าวหู่ รีบลงมือสังหารพวกมัน เราต้องรีบตามลงไปแล้ว”

คำกล่าวของเป่าฮู่ที่เริ่มเป็นห่วงน้องสาวด้วยต้องมาทนอยู่ในถ้ำแคบๆที่เจ้าราชาอสรพิษตัวเขื่องนั่นเพียงขยับตัวอาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ ดังนั้นแผนการนี้ไม่ได้มีเสี่ยงเฉพาะฝ่ายศัตรูเท่านั้น

แต่เป่าฮู่กำลังเป็นกังวลมากเกินไป ทันทีที่เต่าอักขระได้พบสาวงามตัวน้อยทั้งสองก็ทำให้เจ้าเต่าถูกชะตากับหย่วนชิงเหยียนมากนัก จึงกระโดดไปที่อ้อมกอดของนาง โดยให้นางเป็นคนดูแลตัวเต่าบ้ายอตัวนั้นแทนเป่าฮู่ไปก่อน และตลอดเวลาที่หย่วนชิงเหยียนได้รับการคุ้มครองจากเต่าบ้ายอก็ทำให้เหล่าศิษย์คนอื่นๆรวมถึงหงหลี่ปลอดภัยไปด้วย

 

เมื่อเหตุการณ์ด้านนอกเริ่มรุนแรงและกำลังส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาสมทบกับ แม่ทัพทั้งสองทำให้ตัวมู่เจียงฉีและมู่เจียงหลงต้องเริ่มฉุดคิดขึ้นมาว่าใครกันที่วางแผนการแบบนี้ได้ หรือว่าเป็นแผนของค่วนคั่วหลี่ แต่เท่าที่เห็นเจ้ากนุ่มนั่นจะมีพิษภัยอะไรกันที่จะมาทำแบบนี้ได้

“พี่ใหญ่เราถูกกับดักเข้าให้แล้ว ทหารของเราถูกแยกออกไปและคงต้องถูกเล่นงานจากด้านนอกถ้ำเป็นแน่ ว่าแต่ทำไมในถ้ำแห่งนี้ถึงมีคนมาคิดสร้างกับดักแบบนี้ได้ เห็นทีคงต้องจุดไฟเพื่อตรวจดูว่าเรากำลังเจอกับอะไร”

เพียงแสงไฟที่ก่อกำเนิดขึ้น เงาสะท้อนจากเกล็ดที่มันเงางามของเจ้าราชาอสรพิษได้สะท้อนประกายไฟออกมาทำให้มู่เจียงหลงคิดไปถึงตำนานของตระกูล นั่นดูเหมือนเกล็ดของอสูรมังกรฟ้าของตระกูลมู่เลยมิมีผิดเพี้ยน

“บัดซบ! พี่ใหญ่นั่นมัน”

คำพูดที่ดังขึ้นทันทีที่ดวงตาสีแดงกร่ำปรากฏขึ้น เผยให้เห็นถึงร่างขนาดใหญ่ของราชาอสรพิษฟ้าคราม

หรืองูยักษ์ที่อนาคตจะกลายเป็นมังกรฟ้านั่นเอง

ด้านนอกเป่าอู่ที่แห็นองครักษ์ทั้งสี่กำลังต้านทหารตระกูลมู่ที่ชำนาญเพลงกระบี่ของตระกูล จ้าวหูก็เริ่มแสดงอาการอ่อนล้าออกมาเมื่อสามารถสังหารทหารเหล่านั้นไปได้เพียง 3 คนเท่านั้น

“นายน้อย เชิญท่านถอยออกไปก่อนขอรับ เพลงกระบี่ของคนพวกนี้จัดว่าร้ายกาจนัก”

เป่าฮู่พิจารณาด้วยสายตาแล้วองครักษ์เหล่านี้เมื่อเทียบกับตระกูลมู่ยังห่างชั้นอยู่ดี นี่คือความต่างของตระกูลใหญ่กับตระกูลชั้นรองเช่นตระกูลหง เพลงกระบี่ที่ทหารทั่วไปของตระกูลมู่ใช้ก็มีระดับ ราชาเข้าไปแล้ว แต่คนของบิดาบุญธรรมยังมีเพียงวิชาระดับปราชญ์หรืองิชาฝ่ามือระดับราชาแค่เพียงวิชาเดียวทำห้เห็นถึงความต่างชั้นมากนัก

“อื่มไว้กลับไปเห็นทีข้าคงต้องเสาะหาววิชาที่เหมาะกับพวกเจ้ามาให้ฝึกกันบ้างแล้วเสียหน้าตระกูลมากนัก ทุกคนถอยออกมา”

เพียงคำกล่าวนั้นดังขึ้น เป่าฮู่ที่เคลื่อนตัวเข้าไป ด้วยท่าเท้าที่รวดเร็วและยังใช้วิชาที่ไม่เคยใช้ที่ใดมาก่อน หลังจากที่ได้มากไม่นานมานี้ มันคือวิชาที่มีชื่อว่า ดักแด้เหมันต์ เพียงการก้าวเท้าออกไป ในทุกย่างก้าว หลังจากครบสามก้าวร่างของเป่าฮู่ที่เหมือนมีคนอีกคนก็พลันเกิดขึ้นต่อหน้าจะหยุดให้ศัตรูฟาดฟัน

กลับเป็นเพียงร่างแยกที่สลายไปเป็นก้อนน้ำแข็งเท่านั้น โดยตัวจริงอาจใช้แผนล่อหลอกในการลงมือกับศัตรูได้โดยง่าย

เป่าฮู่จึงใช้มันควบคู่ไปกับวิชาควบคุมอาวุธจากระยะไกล เช่นเพลงกระบี่ราชันไร้รูป ในการร่ายรำท่วงท่าเพลงกระบี่ ไปพร้อมกระบี่สองเล่มในมือเข้าฟาดฟันร่างทหารจากตระกูลมู่จนบาดเจ็บสาหัสไปทีละคน

เพียงเท้าที่สัมผัสพื้นในแต่และครั้งก็สร้างแรงผลักพุ่งทะยานไปหาศัตรูคนต่อไป จนครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างของมนุษย์ที่ร่วงลงที่พื้น ด้วยอาการที่ต่างกัน จากหนึ่งไปสอง สองไปสาม และเพียงเวลาไม่นาน ร่างทหารตระกูลมู่ 50 คนที่ยืนกระจายกันท่วมท้นจากทุ่งหญ้าจรดปากถ้ำจนกลายเป็นร่างที่บิดงอและมีแผ่นน้ำแข็งเกาะกุมทั่วร่าง ที่ทรมานจากพิษเย็นที่หนาวเหน็บนั้นเอง

องครักษ์ทั้งหลายเหมือนรู้งานรีบทะยานเข้าไปจัดการสังหารอย่างโหดเหี้ยมไม่มีปราณี ไม่มีละเว้นชีวิตใดทั้งสิ้นให้มาเป็นหอกแทงข้างหลังอีกครั้ง

กองทหารที่ล้มลงไปในทุ่งหญ้าที่อาบไปด้วยเลือดเป่าฮู่ได้แต่ส่ายหน้าถึงความเสียใจในครั้งนี้

“อย่าโทษข้าเลยจงโทษตนเองที่เกิดมาเป็ยเบี้ยงล่างให้นางมารร้ายเช่นเร่อเว่ยซู”

หลังจากที่ทำงานเสร็จเป่าฮู่สลายพลังลมปราณที่สร้างเป็นกระบี่น้ำแข็งก่อนที่จะพุ่งเข้าไปที่ด้านในของถ้ำโดยให้ราชาอสรพิษเปิดทางให้ เพียงคนด้านในเห็นปากทางที่แงมเปิดออกมาก็มีร่างของมู่เจียงหลงถูกกกระแทกออกมาจากช่องทางนั้นเช่นกัน

“บัดซบ!…..((((ฟลิ้ว))))”

เมื่อเป่าฮู่ที่กำลังพุ่งกายเข้าไปยังไม่ทันได้พ้นจากปากถ้ำก็เห็นร่างของหนึ่งในสองแม่ทัพ ของตระกูลมู่พุ่งสวนทางออกมา

เป่าฮู่ใช้เท้าที่แผ่วเบากระทืบที่พื้นดีดตัวถอยหลังออกมาก่อนที่จะโคจรลมปราณเพื่อรักษาสมดุลร่างกายก่อนที่จะสำรวจว่าทำไมร่างนั้นถึงพุ่งออกมา

แต่เมื่อได้เห็นว่าร่างนั้นไม่ได้ออกมาเองแต่ถูกส่งออกมา และสิ่งที่ทำเช่นนั้นคือเจ้าราชาอสรพิษที่ถูกยอดยุทธระดับราชันสองอคนเล่นงาน สภาพก็บาดเจ็บไม่น้อย เป่าอู่เห็นสหายของมันรับหน้าที่หนักมากแล้วจึงเรียกเข้ามาเก็บในวงแหวนอัญเชิญก่อน และเป่าอู่เองก็รีบทำหน้าที่แทนอสรพิษตนนั้นทันที…….

“กล้าทำร้ายสหายของข้า รับมือ คนแซ่มู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+