ตำนานเทพยุทธ์ 93

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 93 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“การที่คนเราเกิดเป็นอิสตรีก็หาได้อ่อนแอกันทุกคนหรอกนะคุณชาย”

ด้วยภาพที่ทำให้ทุกคนตกอกตกใจ สัตว์อสูรชนิดใดกันที่กลายร่างของตนกลายเป็นอาวุธให้ผู้เป็นนายได้ใช้เข้าต่อสู้กัน

เพียงถ้อยความคิดนี้กู่ก้องในหัวของแต่ละคน นั่นก็รวมไปถึงเป่าฮู่ผู้เป็นนายที่ได้ถามเต่าอักขระออกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เต่าอักขระเองยังไม่อาจให้คำตอบที่แน่ชัดได้

“เทพเต่า ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ ทำไมหงส์เพลิงน้อยถึงมีความสามารถทำแบบนั้นได้?”

เพียงเทพเต่าอักขระได้ฟังก็กล่าวไป ถึงสาเหตุที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น โดยเป่าฮู่รับฟังอย่างไม่โต้เถียงแต่อย่างใด เพราะคำตอบนั้นสำคัญกับเป่าฮู่เป็นอย่างมาก

“อาจเป็นสภาวะแห่งจิตเช่นเดียวกับข้า แต่ที่แปลกคือข้าบรรลุระดับที่เหนือกว่านาง

ส่วนนางหงส์น้อยนั่น เข้าสู่สภาวะแห่งจิตได้หรือ พลังจิตวิญญาณที่กล้าแกร่ง ทำให้ร่างจำแลงที่แสดงออกมานั้น กลายเป็นแบบที่จิตใจของเจ้าของต้องการ”

สภาวะแห่งจิต ยิ่งเทพเต่าพูดมากขึ้นเป่าฮู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่ก็ได้หลับตาคิด และคิด คิดจนปวดหัวก็คิดไม่ตกและยังคงมองสิ่งที่เกิดอย่างไม่อาจเชื่อสายตาของตน

หากในสถานการณ์ที่เกิด หาได้มีเฉพาะคนจากเมืองตระกูลหงในที่นี้ไม่ ยังมีกลุ่มสายลับจากพรรคยิ่งใหญ่ เช่นพรรคหุบเขาซูเวินอยู่อีกหนึ่งพรรค ความสนใจในมุกข์พิษในตัวหลานสาวของประมุขตระกูลมู่ มู่เจี้ยนหลิง กลับมีค่าน้อยลงไปในทันที

การเคลื่อนไหวในทางลับของกลุ่มใต้ดิน ที่ได้เห็นสัตว์อสูรประเภทนี้ มันคือสัตว์ในตำนาน ที่ว่ากันว่าจะสามารถกลายร่างเป็นสิ่งต่างๆ เพื่อตอบสนองจิตใจของผู้เป็นนายของตัวมัน

หญิงสาวนางนี้ย่อมเป็นผู้มีพรสวรรค์จากแดนใต้ นั่นคือสิ่งที่รองประมุขพรรคหุบเขาซูเวินได้สังเกตเห็น หลังจากที่เดินทางมาถึง

“สัตว์เทพ ฮ่าๆๆๆในที่สุดก็หาจนเจอ และยังเป็นเทพบรรพกาล หงส์เพลิงเทวะ ดี! ดี ! หากได้ผู้ครอบครองของสัตว์นั่นมาเป็นกำลังให้พรรคเรา เพียงไม่ถึง 10 ปีนับจากนี้พรรคของเราอาจขึ้นเป็นผู้นำของดินแดนต้าหลั๋วได้”

ด้วยสิ่งที่รองหัวหน้าพรรคหุบเขาซูเวินกล่าวออกมา ย่อมเป็นสิ่งที่ ตัวมันผู้เป็นรองหัวหน้าพรรค คิดที่จะเปลี่ยนแผนการที่ได้กำหนดไว้ แต่ขณะที่ได้เห็นท่าทีของหลายฝ่าย ได้มีความเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน..ที่มุมที่นั่งของเขตปกครองมังกรฟ้า

อันศาลาที่เป็นที่พักของตระกูลมู่ มู่หยงได้เห็นท่าทีของภรรยาตนเอง อันก็คือเร่อเว่ยซู มีบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น รอบกายของนางได้เปล่งประกายและมีเปลวเพลิงสีส้มทองลุกขึ้นมา

ดวงตาที่จดจ้องไปยังทิศทางการต่อสู้ ด้านหลังคือจิตวิญญาณของพญาหงส์เพลิงอีกตัวที่โบยบินออกมาเหนือหัวของนาง

ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ลู่จื่อ ผู้อาวุโสของพรรควายุอัคคี ได้ตระหนกขึ้นมาทันทีว่า นี่เด็กคนนี้เองก็ครอบครองสัตว์เทพอีกตน

แต่ว่าหงส์เพลิงตัวไหนกันแน่ที่เป็นสัตว์ประจำตัวของเทพธิดาหงส์เพลิง แววตาที่บ่งบอกถึงความปีติยินดีนั้นเปล่งประกายออกมา ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ มู่เจี้ยนหลิงและเร่อเว่ยซูต้องไปกับลู่จื่ออย่างแน่นอน

“สหายข้ามู่เจิ่นหลง….เร่งทำให้นางเลิกคุ้มคลั่ง ก่อนที่ตาเฒ่าแห่งพรรควิหคอัสนีจะพบเห็น”

ด้วยคำกล่าวนั้นทำเอาใบหน้าของผู้เฒ่ามู่เบิกบาน เพราะว่าในอนาคต พรรควายุอัคคีจะเป็นกำลังเสริมให้แก่ตระกูลมู่อย่างแน่นอน เพราะอย่างไรทั้งหลานแท้ๆ หลานสะใภ้ล้วนเป็นที่หมายปองของพรรควายุอัคคี

แต่อีกด้านหนึ่งการต่อสู้บนเวทีกลับหยุดชะงัก เมื่อกระบี่พญาหงส์ที่ได้รับรู้ถึงตัวตนของศัตรูของมัน อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้มากนัก ทำให้จิตกระบี่ที่สับสน เพราะผู้เป็นนายต้องการสั่งสอนชายผู้ชั่วช้า ผู้ที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้า

หากแต่จิตของอาวุธคู่กายกลับแสดงสำนึกของมัน แก่หย่วนซิวหยูว่าศัตรูของพวกมันทั้งคู่คือ เทพธิดาหงส์เพลิงนาม เร่อเว่ยซูที่อยู่บนศาลาที่พักของเขตปกครองมังกรฟ้า

ความสับสนที่เกิดทำให้เป็นโอกาส ที่เต้าเหล่ยชายที่กำลังสนใจความตื่นตาตื่นใจตนเบื้องหน้าแห่งนี้ สัตว์อสูรที่กลายร่างเป็นอาวุธ เห็นแบบนั้นเต้าเหล่ยก็กู่ร้องออกมาว่าหญิงคนนี้ต้องเป็นคนของมัน

“ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ ข้าเลือกแล้ว เจ้า เจ้า ต้องมาเป็นคนของข้า อสูรตนนั้นน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าเลือกแล้ว ! ข้าเท่านั้นที่คู่ควร”

จากการประลองที่ว่าจะไร้สีสัน เพราะมีผู้ที่มาเยือนเป็นคนจากทวีปใหญ่ และมีเหล่าผู้ติดตามมาด้วย จะมีใครกล้าลงมือ หากสิ่งที่เกิดกลับต่างออกไป และเหนือไปกว่านั้น อสูรลมปราณที่สามารถกลายร่างเป็นอาวุธได้ ยังเป็นที่สนใจของพรรคใหญ่และตระกูลใหญ่อีกด้วย

เป่าฮู่ได้เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเหล่าผู้คน จึงทำให้เป่าฮู่เกิดความกังวลใจเล็กน้อย เพราะว่าหากมีคนคิดช่วงชิง เป่าฮู่ที่เผยตัวจะสามารถต้านทานได้สักกี่มากน้อย

(ซิวหยู…เจ้าทำเกินไปแล้ว เพียงอาวุธที่ข้าซื้อให้ ก็เพียงพอแล้วทำไมต้องบีบให้จิตวิญญาณของเจ้าหงส์น้อย ต้องเผยความสามารถออกมาแบบนี้ด้วย)

เสียงที่อื้ออึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และแสงของเปลวเพลิงอีกสายที่ลุกโชนอยู่ด้านบนศาลาที่พัก อันเขตที่พักของแดนมังกรฟ้า กลับเพิ่มมากขึ้น แม้มู่เจิ่นหลงจะพยายามควบคุมอาการคุ้มคลั่งนี้

“นั่นอะไรกันอีก!?”

เสียงความตกใจพร้อมแรงระเบิด ที่ดังออกมาจากด้านบนของศาลาที่พัก เร่อเว่ยซูผู้ที่มีจิตอาฆาตแค้นเป็นเชื้อเพลิงเริ่มต้น ได้ผนึกกำลังกับจิตวิญญาณของสัตว์เทพ ที่ตนครอบครองความแค้นทางสายพันธุ์ บนฟ้าจะมีนางหงส์ได้ถึงสองตัวได้เช่นไร

จากเหตุการณ์นี้ทำให้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เป็นดั่งการขัดขวางการประลองไปในทันที เต้าเหล่ยที่กำลังพุ่งกายเข้าไป กลับชะงักการโจมตีของตน การกระโดดถอยออกมาจากจุดที่ตนเองยืน ด้วยมีบางสิ่งกำลังพุ่งทะยานลงมาจากเขตที่พักของดินแดนมังกรฟ้า

ทั้งนั้นพร้อมเสียงร้องของเหล่าสมาชิกตระกูลเร่อ แห่งแดนใต้

((((อย่านะเว่ยซู))))))) ใครก็ไม่คาดคิดว่าการประลองเปิดงานครั้งนี้จะเป็นคนจากแดนใต้ที่สร้างความปั่นป่วน เมื่อพญาหงส์ได้ปรากฏถึงสองตัวในรอบหลายพันปีมานี้ หากไม่มผู้มีวาสนาทัดเทียมกันมาจุติถึงสองคนภาพเหตุการณ์นี้คงไม่เกิด

หนึ่งดวงดาวแห่งเทพธิดา อีกหนึ่งแห่งดวงดาวคู่วาสนาที่เกิดมาพร้อมแรงริษยานั่นเอง ใครจะไปรู้ว่าบัดนี้ เทพธิดาหงส์เพลิงแห่งแดนใต้ที่ร่ำลือจะปรากฏกลายอยู่บนเวที พร้อมเปลวเพลิงที่ระเบิดออกมารอบตัวของนาง

“ข้าน้อย…ขออภัยท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง..และผู้อาวุโสทุกท่านในที่นี้ มากไปกว่านั้นคือท่านคุณชายเต้าเหล่ย

จากนี้ข้าจะส่งขอกำนัลไปขอขมาต่อท่าน แต่ว่าสำหรับคนผู้นี้ ข้าไม่อาจปล่อยให้ใครจัดการกับนางได้เด็ดขาด หากข้ายังมีลมหายใจอยู่ตรงนี้”

เสียงกล่าวของเทพธิดาหงส์เพลิงของแดนใต้กล่าวออกมา ทำให้หยางชิฟาง เริ่มหันมาสนใจ เพราะว่าตอนนี้จากกระบี่ในมือของหญิงลึกลับนางนั้น กลับกลายร่างเป็นจิตนางพญาหงส์เพลิงที่แดงฉานดั่งโลหิตอีกครั้ง เพราะความขุ่นเคืองใดก็มิทราบได้

ภาพอันงดงามของจิตวิญญาณของอสูรระดับสูง ปรากฏภาพนางพญาหงส์สองตนล่องลอยปะทะกันซึ่งหน้า โดยซิวหยูเองก็ตกใจว่าทำไมเร่อเว่ยซูถึงได้มีหงส์น้อยเช่นเดียวกับตน และยังพัฒนาระดับได้มากกว่าตนเองครึ่งขั้น

ด้วยร่างพญาหงส์ศักดิ์สิทธิ์ของเร่อเว่ยซู ที่โบยบินอยู่นั้น ตัวเร่อเว่ยซูก็กล่าวสิ่งที่ทำให้ทางตระกูลเต้าตกใจอีกครั้ง

“ฮ่าๆๆๆ เจ้าหายหน้าไปนาน ทำให้ข้าหลงนึกว่าชาติภพนี้จะไม่ได้ชำระความอัปยศกับคนเช่นเจ้าแล้ว และท่านคุณชายเต้าอิงเฉิง การตัดสินใจของท่านในวันนั้น ข้าจะทำให้ท่านต้องเสียใจที่ไม่เลือกคนเช่นข้า

ข้าเว่ยซูคนนี้จะทำเช่นไรกับหญิงที่ท่านเลือก เผยตัวตนออกมาซะ หย่วนซิวหยู.. เจ้ามันคือความอัปยศของแดนใต้ นางผู้หญิงที่น่ารังเกียจ”

เมื่อหย่วนปงได้ฟังดังนั้น ตัวมันเองก็ไม่รอช้าลุกขึ้นพร้อมระเบิดลมปราณของตนออกไป ก่อนที่จะมองไปทางเร่อห้าวหลุน พร้อมหันไปทางหลานสาวของมัน

“พวกเจ้าตระกูลเร่อ..เลิกตบตาคนอื่นได้แล้วคิดว่ากลโกงของพวกเจ้าตลอดหลายร้อยปีมานี้ จะไม่มีใครสามารถรับรู้ได้เช่นนั้นหรือ พวกขี้โกง กล้านักที่ยัดเยียดดาวกาลกิณีต่อเราตระกูลหย่วน ใต้แท่นหินบูชาเทพหงส์เพลิง ฮ่าๆๆๆๆ คิดว่าคนแก่เช่นข้าหย่วนปงไม่รู้หรือว่า พวกเจ้าใช้ผู้ใช้อักขระชั้นสูงทำอะไรบางอย่างไว้”

สิ่งที่หย่วนปงกล่าวออกไปวันนี้ทำเอาหล่าผู้ติดตามตระกูลเร่อมาตลอดเริ่มสงสัยและพยายามคิดในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นเมื่อทิศทางของงานประลองชาวยุทธ์ได้เริ่มสับสน เต้าหวงเย่จึงลุกขึ้นมากล่าวในสิ่งทีททำให้ให้ทุกคนสงบลง

“ฮ่าๆๆๆๆข้าผู้เฒ่าหวงเย่ไม่รู้หรอกนะว่าความแค้นระหว่างสองตระกูลเป็นมาเช่นไร

แต่ในเมื่อตอนนี้เป็นงานประลองยุทธ์ จงใช้เวทีนี้ตัดสินและลบเลือนความแค้นที่มีใครเหนือกว่าใคร จงใช้กระบี่ในมือเป็นตัวตัดสิน

เต้าเหล่ยถอยออกมา ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู่ที่เหมาะสม เรื่องของสาวงามที่ทะเลาะกันเพราะเราตระกูลเต้าเป็นเหตุ ฮ่าๆๆๆทำไมไม่ให้สาวงามตัดสินกันเอง ถอยกลับมารอบหน้าหากพวกนางต่อสู้กันจบเจ้าค่อยไปเชิญคุณชายตระกูลไหนมาประลองสักคนก็ได้”

คำพูดที่เหน็บแนมไปทางตระกูลมู่ทำให้มู่หยงผู้เป็นสามีของเร่อเว่ยซูได้ ระบายความรู้สึกที่อึดอั้นมานานวันนี้ เพราะที่แท้เร่อเว่ยซูเลือกตัวมันเพราะนางมีสิ่งที่คาดไว้

 

“ฮ่าๆๆๆๆ ดี ! ดีนัก ! วันนี้มันเป็นวันอะไรของเราตระกูลมู่ ในเมื่อข้าถูกมองเป็นเพียงตัวเลือกของคนแซ่เต้า ดี !รอบหน้าข้าจะขึ้นประกับท่าน คุณชายเต้าเหล่ย”

เสียงแห่งความเดือดดาลของทุกฝ่าย เกิดขึ้น แต่ในขณะนั้น ทางด้านเป่าฮู่ก็คิดว่านี่มันวันแห่งโชคชะตาหรืออย่างไร ทุกคนล้วนแสดงตนออกมา และระบายความรู้สึกที่อัดอั้นออกมา แม้ทุกอย่างเป่าฮู่จะไม่นำมาคิด แต่สำหรับเป่าฮู่ความปลอดภัยของครอบครัวต้องมาก่อนและดูเหมือนชาวเมืองก็ดูจะชอบใจเป็นอย่างมาก ความทุกข์ใครข้าไม่สนขอให้ไม่เกี่ยวกับข้าก็พอ

“ท่านพ่อ…ลูกคิดว่าวันนี้ย่อมมีบางสิ่งที่น่าสงสัย ทางที่ดีท่านเตรียมการป้องกันเอาไว้และช่วยทำให้ผู้อาวุโสหย่วนสงบสติอารมณ์เอาไว้ มิเช่นนั้นเราจะเป็นเป้าสายตามากกว่านี้”

คำกล่าวที่ใช้ผ่านช่องลมปราณ มีเพียงสองพ่อลูกที่ได้ยิน วันนี้เหตุการณ์เป็นดั่งเป่าฮู่คิดจริงๆทำให้ หงซวนส่งคนของตนไปเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้

ส่วนเป่าฮู่เองก็เริ่มถามเทพเต่าว่าจะทำเช่นไรที่สามารถตรวจสอบระดับพลัง โดยไม่เผยที่มาของระดับลมปราณได้ หากแต่เต่าเทพอักขระกลับมิได้สนใจ เพียงมองไปยังการต่อสู้ของสตรีทั้งสอง

“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกลัว เจ้าหนู อย่างไรเจ้าก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าใคร ดูนางหนูนั่นต่อสู้ดีกว่า บางทีการที่สตรีสองนางสู้กันมันก็งดงามเช่นกัน และในที่นี้มีคนที่มีระดับยุทธ์สูงส่งกว่าเจ้าอยู่อีกหนึ่งคน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพยุทธ์ 93

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 93 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“การที่คนเราเกิดเป็นอิสตรีก็หาได้อ่อนแอกันทุกคนหรอกนะคุณชาย”

ด้วยภาพที่ทำให้ทุกคนตกอกตกใจ สัตว์อสูรชนิดใดกันที่กลายร่างของตนกลายเป็นอาวุธให้ผู้เป็นนายได้ใช้เข้าต่อสู้กัน

เพียงถ้อยความคิดนี้กู่ก้องในหัวของแต่ละคน นั่นก็รวมไปถึงเป่าฮู่ผู้เป็นนายที่ได้ถามเต่าอักขระออกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เต่าอักขระเองยังไม่อาจให้คำตอบที่แน่ชัดได้

“เทพเต่า ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ ทำไมหงส์เพลิงน้อยถึงมีความสามารถทำแบบนั้นได้?”

เพียงเทพเต่าอักขระได้ฟังก็กล่าวไป ถึงสาเหตุที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น โดยเป่าฮู่รับฟังอย่างไม่โต้เถียงแต่อย่างใด เพราะคำตอบนั้นสำคัญกับเป่าฮู่เป็นอย่างมาก

“อาจเป็นสภาวะแห่งจิตเช่นเดียวกับข้า แต่ที่แปลกคือข้าบรรลุระดับที่เหนือกว่านาง

ส่วนนางหงส์น้อยนั่น เข้าสู่สภาวะแห่งจิตได้หรือ พลังจิตวิญญาณที่กล้าแกร่ง ทำให้ร่างจำแลงที่แสดงออกมานั้น กลายเป็นแบบที่จิตใจของเจ้าของต้องการ”

สภาวะแห่งจิต ยิ่งเทพเต่าพูดมากขึ้นเป่าฮู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่ก็ได้หลับตาคิด และคิด คิดจนปวดหัวก็คิดไม่ตกและยังคงมองสิ่งที่เกิดอย่างไม่อาจเชื่อสายตาของตน

หากในสถานการณ์ที่เกิด หาได้มีเฉพาะคนจากเมืองตระกูลหงในที่นี้ไม่ ยังมีกลุ่มสายลับจากพรรคยิ่งใหญ่ เช่นพรรคหุบเขาซูเวินอยู่อีกหนึ่งพรรค ความสนใจในมุกข์พิษในตัวหลานสาวของประมุขตระกูลมู่ มู่เจี้ยนหลิง กลับมีค่าน้อยลงไปในทันที

การเคลื่อนไหวในทางลับของกลุ่มใต้ดิน ที่ได้เห็นสัตว์อสูรประเภทนี้ มันคือสัตว์ในตำนาน ที่ว่ากันว่าจะสามารถกลายร่างเป็นสิ่งต่างๆ เพื่อตอบสนองจิตใจของผู้เป็นนายของตัวมัน

หญิงสาวนางนี้ย่อมเป็นผู้มีพรสวรรค์จากแดนใต้ นั่นคือสิ่งที่รองประมุขพรรคหุบเขาซูเวินได้สังเกตเห็น หลังจากที่เดินทางมาถึง

“สัตว์เทพ ฮ่าๆๆๆในที่สุดก็หาจนเจอ และยังเป็นเทพบรรพกาล หงส์เพลิงเทวะ ดี! ดี ! หากได้ผู้ครอบครองของสัตว์นั่นมาเป็นกำลังให้พรรคเรา เพียงไม่ถึง 10 ปีนับจากนี้พรรคของเราอาจขึ้นเป็นผู้นำของดินแดนต้าหลั๋วได้”

ด้วยสิ่งที่รองหัวหน้าพรรคหุบเขาซูเวินกล่าวออกมา ย่อมเป็นสิ่งที่ ตัวมันผู้เป็นรองหัวหน้าพรรค คิดที่จะเปลี่ยนแผนการที่ได้กำหนดไว้ แต่ขณะที่ได้เห็นท่าทีของหลายฝ่าย ได้มีความเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน..ที่มุมที่นั่งของเขตปกครองมังกรฟ้า

อันศาลาที่เป็นที่พักของตระกูลมู่ มู่หยงได้เห็นท่าทีของภรรยาตนเอง อันก็คือเร่อเว่ยซู มีบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น รอบกายของนางได้เปล่งประกายและมีเปลวเพลิงสีส้มทองลุกขึ้นมา

ดวงตาที่จดจ้องไปยังทิศทางการต่อสู้ ด้านหลังคือจิตวิญญาณของพญาหงส์เพลิงอีกตัวที่โบยบินออกมาเหนือหัวของนาง

ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ลู่จื่อ ผู้อาวุโสของพรรควายุอัคคี ได้ตระหนกขึ้นมาทันทีว่า นี่เด็กคนนี้เองก็ครอบครองสัตว์เทพอีกตน

แต่ว่าหงส์เพลิงตัวไหนกันแน่ที่เป็นสัตว์ประจำตัวของเทพธิดาหงส์เพลิง แววตาที่บ่งบอกถึงความปีติยินดีนั้นเปล่งประกายออกมา ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ มู่เจี้ยนหลิงและเร่อเว่ยซูต้องไปกับลู่จื่ออย่างแน่นอน

“สหายข้ามู่เจิ่นหลง….เร่งทำให้นางเลิกคุ้มคลั่ง ก่อนที่ตาเฒ่าแห่งพรรควิหคอัสนีจะพบเห็น”

ด้วยคำกล่าวนั้นทำเอาใบหน้าของผู้เฒ่ามู่เบิกบาน เพราะว่าในอนาคต พรรควายุอัคคีจะเป็นกำลังเสริมให้แก่ตระกูลมู่อย่างแน่นอน เพราะอย่างไรทั้งหลานแท้ๆ หลานสะใภ้ล้วนเป็นที่หมายปองของพรรควายุอัคคี

แต่อีกด้านหนึ่งการต่อสู้บนเวทีกลับหยุดชะงัก เมื่อกระบี่พญาหงส์ที่ได้รับรู้ถึงตัวตนของศัตรูของมัน อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้มากนัก ทำให้จิตกระบี่ที่สับสน เพราะผู้เป็นนายต้องการสั่งสอนชายผู้ชั่วช้า ผู้ที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้า

หากแต่จิตของอาวุธคู่กายกลับแสดงสำนึกของมัน แก่หย่วนซิวหยูว่าศัตรูของพวกมันทั้งคู่คือ เทพธิดาหงส์เพลิงนาม เร่อเว่ยซูที่อยู่บนศาลาที่พักของเขตปกครองมังกรฟ้า

ความสับสนที่เกิดทำให้เป็นโอกาส ที่เต้าเหล่ยชายที่กำลังสนใจความตื่นตาตื่นใจตนเบื้องหน้าแห่งนี้ สัตว์อสูรที่กลายร่างเป็นอาวุธ เห็นแบบนั้นเต้าเหล่ยก็กู่ร้องออกมาว่าหญิงคนนี้ต้องเป็นคนของมัน

“ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ ข้าเลือกแล้ว เจ้า เจ้า ต้องมาเป็นคนของข้า อสูรตนนั้นน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าเลือกแล้ว ! ข้าเท่านั้นที่คู่ควร”

จากการประลองที่ว่าจะไร้สีสัน เพราะมีผู้ที่มาเยือนเป็นคนจากทวีปใหญ่ และมีเหล่าผู้ติดตามมาด้วย จะมีใครกล้าลงมือ หากสิ่งที่เกิดกลับต่างออกไป และเหนือไปกว่านั้น อสูรลมปราณที่สามารถกลายร่างเป็นอาวุธได้ ยังเป็นที่สนใจของพรรคใหญ่และตระกูลใหญ่อีกด้วย

เป่าฮู่ได้เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเหล่าผู้คน จึงทำให้เป่าฮู่เกิดความกังวลใจเล็กน้อย เพราะว่าหากมีคนคิดช่วงชิง เป่าฮู่ที่เผยตัวจะสามารถต้านทานได้สักกี่มากน้อย

(ซิวหยู…เจ้าทำเกินไปแล้ว เพียงอาวุธที่ข้าซื้อให้ ก็เพียงพอแล้วทำไมต้องบีบให้จิตวิญญาณของเจ้าหงส์น้อย ต้องเผยความสามารถออกมาแบบนี้ด้วย)

เสียงที่อื้ออึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และแสงของเปลวเพลิงอีกสายที่ลุกโชนอยู่ด้านบนศาลาที่พัก อันเขตที่พักของแดนมังกรฟ้า กลับเพิ่มมากขึ้น แม้มู่เจิ่นหลงจะพยายามควบคุมอาการคุ้มคลั่งนี้

“นั่นอะไรกันอีก!?”

เสียงความตกใจพร้อมแรงระเบิด ที่ดังออกมาจากด้านบนของศาลาที่พัก เร่อเว่ยซูผู้ที่มีจิตอาฆาตแค้นเป็นเชื้อเพลิงเริ่มต้น ได้ผนึกกำลังกับจิตวิญญาณของสัตว์เทพ ที่ตนครอบครองความแค้นทางสายพันธุ์ บนฟ้าจะมีนางหงส์ได้ถึงสองตัวได้เช่นไร

จากเหตุการณ์นี้ทำให้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เป็นดั่งการขัดขวางการประลองไปในทันที เต้าเหล่ยที่กำลังพุ่งกายเข้าไป กลับชะงักการโจมตีของตน การกระโดดถอยออกมาจากจุดที่ตนเองยืน ด้วยมีบางสิ่งกำลังพุ่งทะยานลงมาจากเขตที่พักของดินแดนมังกรฟ้า

ทั้งนั้นพร้อมเสียงร้องของเหล่าสมาชิกตระกูลเร่อ แห่งแดนใต้

((((อย่านะเว่ยซู))))))) ใครก็ไม่คาดคิดว่าการประลองเปิดงานครั้งนี้จะเป็นคนจากแดนใต้ที่สร้างความปั่นป่วน เมื่อพญาหงส์ได้ปรากฏถึงสองตัวในรอบหลายพันปีมานี้ หากไม่มผู้มีวาสนาทัดเทียมกันมาจุติถึงสองคนภาพเหตุการณ์นี้คงไม่เกิด

หนึ่งดวงดาวแห่งเทพธิดา อีกหนึ่งแห่งดวงดาวคู่วาสนาที่เกิดมาพร้อมแรงริษยานั่นเอง ใครจะไปรู้ว่าบัดนี้ เทพธิดาหงส์เพลิงแห่งแดนใต้ที่ร่ำลือจะปรากฏกลายอยู่บนเวที พร้อมเปลวเพลิงที่ระเบิดออกมารอบตัวของนาง

“ข้าน้อย…ขออภัยท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง..และผู้อาวุโสทุกท่านในที่นี้ มากไปกว่านั้นคือท่านคุณชายเต้าเหล่ย

จากนี้ข้าจะส่งขอกำนัลไปขอขมาต่อท่าน แต่ว่าสำหรับคนผู้นี้ ข้าไม่อาจปล่อยให้ใครจัดการกับนางได้เด็ดขาด หากข้ายังมีลมหายใจอยู่ตรงนี้”

เสียงกล่าวของเทพธิดาหงส์เพลิงของแดนใต้กล่าวออกมา ทำให้หยางชิฟาง เริ่มหันมาสนใจ เพราะว่าตอนนี้จากกระบี่ในมือของหญิงลึกลับนางนั้น กลับกลายร่างเป็นจิตนางพญาหงส์เพลิงที่แดงฉานดั่งโลหิตอีกครั้ง เพราะความขุ่นเคืองใดก็มิทราบได้

ภาพอันงดงามของจิตวิญญาณของอสูรระดับสูง ปรากฏภาพนางพญาหงส์สองตนล่องลอยปะทะกันซึ่งหน้า โดยซิวหยูเองก็ตกใจว่าทำไมเร่อเว่ยซูถึงได้มีหงส์น้อยเช่นเดียวกับตน และยังพัฒนาระดับได้มากกว่าตนเองครึ่งขั้น

ด้วยร่างพญาหงส์ศักดิ์สิทธิ์ของเร่อเว่ยซู ที่โบยบินอยู่นั้น ตัวเร่อเว่ยซูก็กล่าวสิ่งที่ทำให้ทางตระกูลเต้าตกใจอีกครั้ง

“ฮ่าๆๆๆ เจ้าหายหน้าไปนาน ทำให้ข้าหลงนึกว่าชาติภพนี้จะไม่ได้ชำระความอัปยศกับคนเช่นเจ้าแล้ว และท่านคุณชายเต้าอิงเฉิง การตัดสินใจของท่านในวันนั้น ข้าจะทำให้ท่านต้องเสียใจที่ไม่เลือกคนเช่นข้า

ข้าเว่ยซูคนนี้จะทำเช่นไรกับหญิงที่ท่านเลือก เผยตัวตนออกมาซะ หย่วนซิวหยู.. เจ้ามันคือความอัปยศของแดนใต้ นางผู้หญิงที่น่ารังเกียจ”

เมื่อหย่วนปงได้ฟังดังนั้น ตัวมันเองก็ไม่รอช้าลุกขึ้นพร้อมระเบิดลมปราณของตนออกไป ก่อนที่จะมองไปทางเร่อห้าวหลุน พร้อมหันไปทางหลานสาวของมัน

“พวกเจ้าตระกูลเร่อ..เลิกตบตาคนอื่นได้แล้วคิดว่ากลโกงของพวกเจ้าตลอดหลายร้อยปีมานี้ จะไม่มีใครสามารถรับรู้ได้เช่นนั้นหรือ พวกขี้โกง กล้านักที่ยัดเยียดดาวกาลกิณีต่อเราตระกูลหย่วน ใต้แท่นหินบูชาเทพหงส์เพลิง ฮ่าๆๆๆๆ คิดว่าคนแก่เช่นข้าหย่วนปงไม่รู้หรือว่า พวกเจ้าใช้ผู้ใช้อักขระชั้นสูงทำอะไรบางอย่างไว้”

สิ่งที่หย่วนปงกล่าวออกไปวันนี้ทำเอาหล่าผู้ติดตามตระกูลเร่อมาตลอดเริ่มสงสัยและพยายามคิดในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นเมื่อทิศทางของงานประลองชาวยุทธ์ได้เริ่มสับสน เต้าหวงเย่จึงลุกขึ้นมากล่าวในสิ่งทีททำให้ให้ทุกคนสงบลง

“ฮ่าๆๆๆๆข้าผู้เฒ่าหวงเย่ไม่รู้หรอกนะว่าความแค้นระหว่างสองตระกูลเป็นมาเช่นไร

แต่ในเมื่อตอนนี้เป็นงานประลองยุทธ์ จงใช้เวทีนี้ตัดสินและลบเลือนความแค้นที่มีใครเหนือกว่าใคร จงใช้กระบี่ในมือเป็นตัวตัดสิน

เต้าเหล่ยถอยออกมา ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู่ที่เหมาะสม เรื่องของสาวงามที่ทะเลาะกันเพราะเราตระกูลเต้าเป็นเหตุ ฮ่าๆๆๆทำไมไม่ให้สาวงามตัดสินกันเอง ถอยกลับมารอบหน้าหากพวกนางต่อสู้กันจบเจ้าค่อยไปเชิญคุณชายตระกูลไหนมาประลองสักคนก็ได้”

คำพูดที่เหน็บแนมไปทางตระกูลมู่ทำให้มู่หยงผู้เป็นสามีของเร่อเว่ยซูได้ ระบายความรู้สึกที่อึดอั้นมานานวันนี้ เพราะที่แท้เร่อเว่ยซูเลือกตัวมันเพราะนางมีสิ่งที่คาดไว้

 

“ฮ่าๆๆๆๆ ดี ! ดีนัก ! วันนี้มันเป็นวันอะไรของเราตระกูลมู่ ในเมื่อข้าถูกมองเป็นเพียงตัวเลือกของคนแซ่เต้า ดี !รอบหน้าข้าจะขึ้นประกับท่าน คุณชายเต้าเหล่ย”

เสียงแห่งความเดือดดาลของทุกฝ่าย เกิดขึ้น แต่ในขณะนั้น ทางด้านเป่าฮู่ก็คิดว่านี่มันวันแห่งโชคชะตาหรืออย่างไร ทุกคนล้วนแสดงตนออกมา และระบายความรู้สึกที่อัดอั้นออกมา แม้ทุกอย่างเป่าฮู่จะไม่นำมาคิด แต่สำหรับเป่าฮู่ความปลอดภัยของครอบครัวต้องมาก่อนและดูเหมือนชาวเมืองก็ดูจะชอบใจเป็นอย่างมาก ความทุกข์ใครข้าไม่สนขอให้ไม่เกี่ยวกับข้าก็พอ

“ท่านพ่อ…ลูกคิดว่าวันนี้ย่อมมีบางสิ่งที่น่าสงสัย ทางที่ดีท่านเตรียมการป้องกันเอาไว้และช่วยทำให้ผู้อาวุโสหย่วนสงบสติอารมณ์เอาไว้ มิเช่นนั้นเราจะเป็นเป้าสายตามากกว่านี้”

คำกล่าวที่ใช้ผ่านช่องลมปราณ มีเพียงสองพ่อลูกที่ได้ยิน วันนี้เหตุการณ์เป็นดั่งเป่าฮู่คิดจริงๆทำให้ หงซวนส่งคนของตนไปเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้

ส่วนเป่าฮู่เองก็เริ่มถามเทพเต่าว่าจะทำเช่นไรที่สามารถตรวจสอบระดับพลัง โดยไม่เผยที่มาของระดับลมปราณได้ หากแต่เต่าเทพอักขระกลับมิได้สนใจ เพียงมองไปยังการต่อสู้ของสตรีทั้งสอง

“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกลัว เจ้าหนู อย่างไรเจ้าก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าใคร ดูนางหนูนั่นต่อสู้ดีกว่า บางทีการที่สตรีสองนางสู้กันมันก็งดงามเช่นกัน และในที่นี้มีคนที่มีระดับยุทธ์สูงส่งกว่าเจ้าอยู่อีกหนึ่งคน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+