ตำนานเทพยุทธ์ 91

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 91 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพียงเสียงที่ดังออกมาจากด้านล่างของลานประลอง ผู้คนเฝ้ารอมานานกว่า 1 ชั่วยาม ทำให้เกินความไม่พอใจ “สรุปพวกชนชั้นสูงจะมาคุยกันหรือจะมาประลอง ” เสียงที่ดังออกมาเช่นนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เป่าฮู่ที่เริ่มก่อกวนน้ำจนขุ่นอยู่เบื้องล่าง

“เมื่อไหร่จะประลอง เรามาดูการประลอง ไม่ได้มาดูพวกเจ้ายืนคุยกัน”

คำกล่าวนั้นทำเอาเหล่าคนใหญ่คนโตของสองตระกูลเริ่มถอยออกมาและให้ตัวแทนออกไปกล่าวต่อหน้าผู้ชมทั้งหลาย เพื่อเป็นการขอโทษที่ได้ทำให้เวลานั้นผ่านเลยไปอย่างไม่ก่อประโยชน์อันใดเลย

“ฮ่าๆๆๆๆ ทุกท่าน โปรดใจเย็นลงก่อน ทางเราหอยอดยุทธ์ ต้องขออภัยทุกท่านที่ทำให้ต้องรอนาน วันนี้วันที่เราชาวยุทธทั้งหลายในยุทธภพรอคอย วันนี้เราจะได้รู้กันเสียทีว่า ใครที่จะเหมาะสมเป็นเจ้ายุทธภพคนต่อไปของแดนสัตว์เทพทั้งสี่ของเรา”

เมื่อเสียงที่ดังออกไปสร้างความพึงพอใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมากในทันที..

“เฮ่ๆๆๆๆ เฮ่ๆๆๆๆ แบบนี้สิ แบบนี้ ข้ารอวันนี้มานานแล้ววันนี้ ต้องมีดีให้ดู….”

ด้านเป่าฮู่ผู้ที่นั่งแฝงอยู่ในกลุ่มชาวยุทธ์ได้มอง ทุกเขตปกครอง รวมถึงทุกนิกายที่เข้ามาร่วมด้วยในวันนี้

ไม่ว่าจะเป็น พรรคใต้หล้าของคนแซ่หยุน นิกายเสือขาวของตาเฒ่าไป๋ นิกายฟ้าคำรณจากแดนเสือขาว

นิกายเมฆาหวน นิกายพฤกษาขจี จากเขตมังกรฟ้า รวมถึงนิกายเทพเมฆา และนิกายอัสนีทลายภพ ขอแดนศักดิ์สิทธิ เมื่อทุกพรรค ทุกนิกายส่งคนมาเข้าร่วมการประลอง ทำให้เหล่าชาวยุทธที่มีมากมาย เฝ้ารอการประลองจนแทบจะรอไม่ไหว

แต่ในกลุ่มคนเหล่านั้น ก็มีหลายต่อหลายพวก ล้วนต่างที่มาและกำลังวางแผนลงมือกระทำบางอย่าง นั่นก็คือคนจากลุ่มตลาดมืดที่ต้องการมุกข์พิษจากธิดาของตระกูลมู่ ด้วยงานชิ้นนี้เป่าฮู่ต้องลงมือทำร่วมกับคนอีกหลายกลุ่ม เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่คนจากดินแดนแห่งนี้ เพียงข่าวสารที่ได้รับมาก็พุ่งตรงไปยังมู่เจี้ยนหลิงคนเดียว

ด้วยงานนี้เป็นงานที่มีความลับสูงมาก เป่าฮู่ผู้กำลังเป็นผู้ชม กลับไม่รู้ว่ากลุ่มชายลึกลับที่รายล้อมสนามประลอง เหล่านั้นเป็นใคร ด้วยไม่เคยได้รับสารจากตลาดมืดมาก่อนเลย

(ซิวหยู วันนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งแผนที่ ข้าว่าเจ้าต้องทำได้)

เป่าฮู่นั่งชมการแสดงต่างๆของกลุ่มคนชนชั้นสูงจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ และสายตาก็กวาดไปดูกลุ่มที่เป็นพันธมิตรกับพวกตระกูลศักดิสิทธิ์ แต่เพียงวิเคราะห์จากภาพที่เห็น ขนาดตาเฒ่าเต้าหวงเย่ยังให้ความยำเกรงกับคนที่มาจากพรรควิหคอัสนี หรือคนที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของนิกายเสวียนอู่จะเป็นพวกมันพรรควิหคอัสนี

“ข้าต้องรู้ให้ได้…ว่าแต่นั่นนะหรือ คนที่ข้าต้องช่วงชิงมุกข์พิษมาจากนาง ธิดาคนเล็กของตระกูลมู่ มู่เจี้ยนหลิง”

เสียงของเป่าฮู่ดังออกมาขณะที่กำลังยกขวดสุราดื่มกินตั้งแต่เช้าของวัน….โดยภาพนี้หย่วนซิวหยูเห็นทุกวันจนเริ่มชินชากับการกระทำแบบนี้แล้ว

“นายท่านเจ้าคะ จะให้ซิวหยูขึ้นไปตอนไหนก็เชิญท่านบอกข้าได้?”

แต่หลังจากที่หย่วนซิวหยูได้เห็นท่าทีของเป่าฮู่ไม่ได้ทุกร้อนอันใด ก็บอกออกไปว่า

“ใจเย็น ชิวหยูการประลองครั้งนี้เราหาได้มาเพียงลำพัง ข้ารอบิดาของข้าอยู่ ป่านนี้คงใกล้มาถึงแล้ว”

เมื่อเดิมทีอาวุโสคุมกฎของพรรควิหคอัสนีได้เห็นและรับรู้ถึงระดับพลังของยอดฝีมือของดินแดนนี้แล้ว ก็รู้สึกเบาใจลง แต่ว่าหลังจากที่ได้เห็น ลู่จื่อคนจากพรรควายุอัคคีที่มีระดับมากกว่าตนเองครึ่งก้าว ย่อมต้องหนักใจเป็นธรรมดา

ทำให้หลายคนได้เห็นภาพของกลุ่มยอดีมือเข้าสู่สภาวะที่เงียบสงบลงในทันทีที่ได้แยกจากกัน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งเขตปกครองมังกรฟ้า หรือเขตปกครองศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม

เพียงไม่นาน ไป๋เสียนฟง ผู้นำนิกายเสือขาวก็ก้าวเข้ามา ด้วยระดับยุทธ์ที่ไม่ได้น่ากลัวมากนัก เพียงระดับจักรพรรดิขั้นกลาง แต่เหล่าศิษย์ที่ติดตามเข้ามาก็พอมีฝีมืออยู่บ้างทำให้หลายคนหันไปให้ความสนใจอย่างเนืองแน่น ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวของสัตว์อสูรเสือขาวที่ผู้นำไป๋เสียนฟงครอบครองยังทำให้ฐานะของไป๋เสียนฟงยิ่งมั่นคงขึ้น

ส่วนผู้ที่เดินเข้ามาเป็นกลุ่มสุดท้ายต่อจาก นิกายเสือขาวกลับเป็น เจ้าเมืองตระกูลหง ที่นำพาหนึ่งในยอดฝีมือระดับสูงของยุทธภพเดินเข้ามา หลังจากที่บาดเจ็บไปเพราะเหตุร้ายแรงที่ดินแดนมังกรฟ้า

กลุ่มของหย่วนปงเดินเข้ามา พร้อมกับเจ้าเมืองตระกูลหง สร้างความตกใจแก่คนในศาลาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของแดนใต้อย่างมากนัก เมื่อเร่อหลุนห่าว ได้เห็นศัตรูคู่แค้นก็กล่าวออกมาด้วยโทสะอ่อนๆ

“เจ้าแก่หนังเหนียว ยังไม่ตายไปอีกหรือแถมระดับยุทะ์ของมันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว…..”

แต่วาจานั้น เร่อต้วนซุยรู้ดีว่าบิดาของตัวมันโกรธมากเพียงใด หย่วนปงเดินมาที่นั่งของตนเอง จนไม่นานกลับมีคนสองคนเดินมานั่งไม่ห่างออกไป สองคนที่เดินานั่งด้วย ก็คือเป่าฮู่และซิวหยูนั่นเอง…..

“ไม่พบกันนาน อาวุโสหย่วนจากระดับที่เสียไป คงฟื้นฟูกลับมาได้แล้วนะขอรับ?”

ด้านซิวหยู ก็หันไปคาราวะเจ้าเมืองตระกูลหง และยิ้มให้กับน้องสาวของตนที่เฝ้ามองลงมาจากที่ไกลๆ

“ท่านพี่!…” แต่ด้วยความจำเป็นจึงทำให้เป่าฮู่ก้าวถอยหลังออกไป หลังจากทำความเคารพบบิดาบุญธรรมของตนเสร็จ….”

เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว เวลาของการรประลองก็ได้เริ่ม โดยกฏกติกานั้นทางกรรมการจากตระกูลเต้าก็ได้กล่าวอธิบายออกไป และก็เป็นดั่งที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ รุ่นเยาว์ตั้งแต่อายุ 10 ปี ถึง 30 จะได้ก้าวออกมาประลองกันอย่างเปิดเผยบนลานประลองแห่งนี้

เพียงการให้สัญญาณเริ่มประลอง เหล่าผู้ที่คิดว่าตนมีความสามารถก็พากันก้าวเดินออกมา ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ที่คิดแสดงฝีมือให้ถูกตาต้องใจ ผู้มาจากพรรคใหญ่

ไม่นาน ก็มีคุณชายมากความสามารถผู้หนึ่งก้าวขึ้นมา และหน้าที่ของซิวหยูก็ได้เริ่มขึ้นอย่างทันท่วงที

“ฝากด้วยซิวหยู เอาให้หนัก และเป้าหมายของเราต้องได้ผล……”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพยุทธ์ 91

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 91 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพียงเสียงที่ดังออกมาจากด้านล่างของลานประลอง ผู้คนเฝ้ารอมานานกว่า 1 ชั่วยาม ทำให้เกินความไม่พอใจ “สรุปพวกชนชั้นสูงจะมาคุยกันหรือจะมาประลอง ” เสียงที่ดังออกมาเช่นนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เป่าฮู่ที่เริ่มก่อกวนน้ำจนขุ่นอยู่เบื้องล่าง

“เมื่อไหร่จะประลอง เรามาดูการประลอง ไม่ได้มาดูพวกเจ้ายืนคุยกัน”

คำกล่าวนั้นทำเอาเหล่าคนใหญ่คนโตของสองตระกูลเริ่มถอยออกมาและให้ตัวแทนออกไปกล่าวต่อหน้าผู้ชมทั้งหลาย เพื่อเป็นการขอโทษที่ได้ทำให้เวลานั้นผ่านเลยไปอย่างไม่ก่อประโยชน์อันใดเลย

“ฮ่าๆๆๆๆ ทุกท่าน โปรดใจเย็นลงก่อน ทางเราหอยอดยุทธ์ ต้องขออภัยทุกท่านที่ทำให้ต้องรอนาน วันนี้วันที่เราชาวยุทธทั้งหลายในยุทธภพรอคอย วันนี้เราจะได้รู้กันเสียทีว่า ใครที่จะเหมาะสมเป็นเจ้ายุทธภพคนต่อไปของแดนสัตว์เทพทั้งสี่ของเรา”

เมื่อเสียงที่ดังออกไปสร้างความพึงพอใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมากในทันที..

“เฮ่ๆๆๆๆ เฮ่ๆๆๆๆ แบบนี้สิ แบบนี้ ข้ารอวันนี้มานานแล้ววันนี้ ต้องมีดีให้ดู….”

ด้านเป่าฮู่ผู้ที่นั่งแฝงอยู่ในกลุ่มชาวยุทธ์ได้มอง ทุกเขตปกครอง รวมถึงทุกนิกายที่เข้ามาร่วมด้วยในวันนี้

ไม่ว่าจะเป็น พรรคใต้หล้าของคนแซ่หยุน นิกายเสือขาวของตาเฒ่าไป๋ นิกายฟ้าคำรณจากแดนเสือขาว

นิกายเมฆาหวน นิกายพฤกษาขจี จากเขตมังกรฟ้า รวมถึงนิกายเทพเมฆา และนิกายอัสนีทลายภพ ขอแดนศักดิ์สิทธิ เมื่อทุกพรรค ทุกนิกายส่งคนมาเข้าร่วมการประลอง ทำให้เหล่าชาวยุทธที่มีมากมาย เฝ้ารอการประลองจนแทบจะรอไม่ไหว

แต่ในกลุ่มคนเหล่านั้น ก็มีหลายต่อหลายพวก ล้วนต่างที่มาและกำลังวางแผนลงมือกระทำบางอย่าง นั่นก็คือคนจากลุ่มตลาดมืดที่ต้องการมุกข์พิษจากธิดาของตระกูลมู่ ด้วยงานชิ้นนี้เป่าฮู่ต้องลงมือทำร่วมกับคนอีกหลายกลุ่ม เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่คนจากดินแดนแห่งนี้ เพียงข่าวสารที่ได้รับมาก็พุ่งตรงไปยังมู่เจี้ยนหลิงคนเดียว

ด้วยงานนี้เป็นงานที่มีความลับสูงมาก เป่าฮู่ผู้กำลังเป็นผู้ชม กลับไม่รู้ว่ากลุ่มชายลึกลับที่รายล้อมสนามประลอง เหล่านั้นเป็นใคร ด้วยไม่เคยได้รับสารจากตลาดมืดมาก่อนเลย

(ซิวหยู วันนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งแผนที่ ข้าว่าเจ้าต้องทำได้)

เป่าฮู่นั่งชมการแสดงต่างๆของกลุ่มคนชนชั้นสูงจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ และสายตาก็กวาดไปดูกลุ่มที่เป็นพันธมิตรกับพวกตระกูลศักดิสิทธิ์ แต่เพียงวิเคราะห์จากภาพที่เห็น ขนาดตาเฒ่าเต้าหวงเย่ยังให้ความยำเกรงกับคนที่มาจากพรรควิหคอัสนี หรือคนที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของนิกายเสวียนอู่จะเป็นพวกมันพรรควิหคอัสนี

“ข้าต้องรู้ให้ได้…ว่าแต่นั่นนะหรือ คนที่ข้าต้องช่วงชิงมุกข์พิษมาจากนาง ธิดาคนเล็กของตระกูลมู่ มู่เจี้ยนหลิง”

เสียงของเป่าฮู่ดังออกมาขณะที่กำลังยกขวดสุราดื่มกินตั้งแต่เช้าของวัน….โดยภาพนี้หย่วนซิวหยูเห็นทุกวันจนเริ่มชินชากับการกระทำแบบนี้แล้ว

“นายท่านเจ้าคะ จะให้ซิวหยูขึ้นไปตอนไหนก็เชิญท่านบอกข้าได้?”

แต่หลังจากที่หย่วนซิวหยูได้เห็นท่าทีของเป่าฮู่ไม่ได้ทุกร้อนอันใด ก็บอกออกไปว่า

“ใจเย็น ชิวหยูการประลองครั้งนี้เราหาได้มาเพียงลำพัง ข้ารอบิดาของข้าอยู่ ป่านนี้คงใกล้มาถึงแล้ว”

เมื่อเดิมทีอาวุโสคุมกฎของพรรควิหคอัสนีได้เห็นและรับรู้ถึงระดับพลังของยอดฝีมือของดินแดนนี้แล้ว ก็รู้สึกเบาใจลง แต่ว่าหลังจากที่ได้เห็น ลู่จื่อคนจากพรรควายุอัคคีที่มีระดับมากกว่าตนเองครึ่งก้าว ย่อมต้องหนักใจเป็นธรรมดา

ทำให้หลายคนได้เห็นภาพของกลุ่มยอดีมือเข้าสู่สภาวะที่เงียบสงบลงในทันทีที่ได้แยกจากกัน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งเขตปกครองมังกรฟ้า หรือเขตปกครองศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม

เพียงไม่นาน ไป๋เสียนฟง ผู้นำนิกายเสือขาวก็ก้าวเข้ามา ด้วยระดับยุทธ์ที่ไม่ได้น่ากลัวมากนัก เพียงระดับจักรพรรดิขั้นกลาง แต่เหล่าศิษย์ที่ติดตามเข้ามาก็พอมีฝีมืออยู่บ้างทำให้หลายคนหันไปให้ความสนใจอย่างเนืองแน่น ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวของสัตว์อสูรเสือขาวที่ผู้นำไป๋เสียนฟงครอบครองยังทำให้ฐานะของไป๋เสียนฟงยิ่งมั่นคงขึ้น

ส่วนผู้ที่เดินเข้ามาเป็นกลุ่มสุดท้ายต่อจาก นิกายเสือขาวกลับเป็น เจ้าเมืองตระกูลหง ที่นำพาหนึ่งในยอดฝีมือระดับสูงของยุทธภพเดินเข้ามา หลังจากที่บาดเจ็บไปเพราะเหตุร้ายแรงที่ดินแดนมังกรฟ้า

กลุ่มของหย่วนปงเดินเข้ามา พร้อมกับเจ้าเมืองตระกูลหง สร้างความตกใจแก่คนในศาลาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของแดนใต้อย่างมากนัก เมื่อเร่อหลุนห่าว ได้เห็นศัตรูคู่แค้นก็กล่าวออกมาด้วยโทสะอ่อนๆ

“เจ้าแก่หนังเหนียว ยังไม่ตายไปอีกหรือแถมระดับยุทะ์ของมันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว…..”

แต่วาจานั้น เร่อต้วนซุยรู้ดีว่าบิดาของตัวมันโกรธมากเพียงใด หย่วนปงเดินมาที่นั่งของตนเอง จนไม่นานกลับมีคนสองคนเดินมานั่งไม่ห่างออกไป สองคนที่เดินานั่งด้วย ก็คือเป่าฮู่และซิวหยูนั่นเอง…..

“ไม่พบกันนาน อาวุโสหย่วนจากระดับที่เสียไป คงฟื้นฟูกลับมาได้แล้วนะขอรับ?”

ด้านซิวหยู ก็หันไปคาราวะเจ้าเมืองตระกูลหง และยิ้มให้กับน้องสาวของตนที่เฝ้ามองลงมาจากที่ไกลๆ

“ท่านพี่!…” แต่ด้วยความจำเป็นจึงทำให้เป่าฮู่ก้าวถอยหลังออกไป หลังจากทำความเคารพบบิดาบุญธรรมของตนเสร็จ….”

เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว เวลาของการรประลองก็ได้เริ่ม โดยกฏกติกานั้นทางกรรมการจากตระกูลเต้าก็ได้กล่าวอธิบายออกไป และก็เป็นดั่งที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ รุ่นเยาว์ตั้งแต่อายุ 10 ปี ถึง 30 จะได้ก้าวออกมาประลองกันอย่างเปิดเผยบนลานประลองแห่งนี้

เพียงการให้สัญญาณเริ่มประลอง เหล่าผู้ที่คิดว่าตนมีความสามารถก็พากันก้าวเดินออกมา ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ที่คิดแสดงฝีมือให้ถูกตาต้องใจ ผู้มาจากพรรคใหญ่

ไม่นาน ก็มีคุณชายมากความสามารถผู้หนึ่งก้าวขึ้นมา และหน้าที่ของซิวหยูก็ได้เริ่มขึ้นอย่างทันท่วงที

“ฝากด้วยซิวหยู เอาให้หนัก และเป้าหมายของเราต้องได้ผล……”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+