ตำนานเทพยุทธ์ 83

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 83 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายในสุสานบรรพกาลที่บัดนี้ทั้งสามร่างนายบ่าว บ้างนั่งบ้างนอน บนก้อนผลึกที่ใหญ่โตขนาดเท่าหมู่ตึกขนาดเล็กได้ ด้วยของสิ่งนี้คือสุสานที่อดีตสัตว์เทพสองตนได้มาฝากกายของตนเองกลับคืนสู่ปฐพีที่ยิ่งใหญ่

หนึ่งมีร่างสีเหลืองทองอร่าม คือวิหคสวรรค์ สองคือ วิหคพฤกษา ทั่งสองเป็นคู่รักกันจนได้ก้าวข้ามสู่แดนเทพพร้อมเพียงกันนั่นเอง

เมื่อร่างที่มีพลังมากมายที่สั่งสมมาช้านาน ได้ถูกทอดทิ้งไว้ยังผืนแผ่นดินนี้ จนกลายเป็นหยกสวรรค์ขนาดใหญ่ หยกที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด และยังนับว่าเป็นยอดโอสถทิพย์ได้ด้วยเช่นกัน เป่าฮู่หลังจากที่ได้ใช้เวลาครึ่งปีฝึกร่างกายของตนเองมา เพื่อทะลวงไปยังระดับชั้นต่อไป

ร่างกายที่กำลังดูดซับจากหยกสีเขียวที่เป็นพลังลมปราณธาตุไม้ ในร่างของเป่าฮู่มีแก่นแท้แห่งพิษที่เป็นธาตุไม้ในกายทำให้เป่าฮู่สามารถใช้ลมปราณธาตุไม้ได้ด้วย แม้พื้นฐานจะมากจากลมปราณธาตุน้ำก็ตาม

ส่วนเหล่าสัตว์อสูรในพันธะสัญญาไม่จำกัดว่าต้องเป็นลมปราณธาตุอะไร พวกมันทั้งสองไม่รอให้เวลาสูญไปเปล่าเช่นนายของมันที่ต้องค่อยๆดูซับ หากแต่เป็นการกัดกินหยกสวรรค์เข้าไปดั่งการกินอาหารเลยทีเดียว

จากหยกสวรรค์ก้อนเท่าหมู่ตึกขนาดเล็ก ราชาอสรพิษที่ดูดซับพลังตะบะที่สัตว์เทพสั่งสมมาเข้าสู่ร่างกายทำให้สิ่งที่ตามมาคือการเข้าสู่การวิวัฒนาการจากงูยักษ์ เลื่อนเข้าสู่ร่างที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์ และเต่าอักขระเองก็ยกระดับจนร่างกายที่มีขนาดเท่าฝ่ามือได้เข้าสู่การวิวัฒนาการเช่นเดียวกัน

สัตว์อสูรย่อมไม่ต้องเสียเวลาในการดูดซับ ทางอ้อมเช่นเป่าฮู่ แต่กับกัดกินจนรู้สึกอิ่มในพลังเหล่านั้นโดยตรง เป่าฮู่หลังจากที่โคจรลมปราณธาตุไม้จนเริ่มรู้สึกว่าตนเองอิ่มเอม

อิ่มจนอยากระบายแรงกดดันนั้นออกมา เมื่อผนึกระดับจักรพรรดิที่ขวางกั้นเบื้องหน้ากำแพงสีหม่นที่ยิ่งใหญ่ นี้กำลังถูกชายหนุ่มรวบรวมลมปราณที่ดูดซับมาเข้ากระแทกกับกำแพงเหล่านั้น

แต่หากกระแทกไปกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม เป่าฮู่จึงรู้สึกว่าตนต้องทำให้ลมปราณที่มีกล้าแกร่งมากกว่านี้ จึงเริ่มถ่ายเทลมปราณที่ดูดซับมาได้เข้าสู่แก่นแท้แห่งเหมันต์เพื่อเติมเต็มทั้งสองแก่นลมปราณให้อิ่มเอมก่อนสิ่งอื่นใด

หลังจากที่พบเจอสุสานบรรพกาลมากว่า 10 วัน ก็ยังไม่อาจทะลวงกำแพงลมปราณได้ จึงทำให้เป่าฮู่ต้องหันมาพิจารณาตามเคล็ดวิชาลมปราณเทพเต่าดำอีกครั้งว่าการจะทะลวงไปสู่ขั้นต่อไปนั้นต้องทำเช่นไร

 

เพียงการทำความเข้าใจในเคล็ดวิชาลมปราณอย่างถี่ถ้วน ก็ทำให้ตัวเป่าฮู่รู้ว่า กำแพงของผู้ฝึกเคล็ดลมปราณเทพย่อมต้องกล้าแกร่งกว่ากำแพงคนทั่วไป ยิ่งเป็นลมปราณสายป้องกัน ที่เสริมสร้างพลังป้องกันให้แก่จุดลมปราณหรือตันเถียนได้เป็นพิเศษ นั่นย่อมทำให้ร่างกายผ่านการฝึกปรือจนแกร่งกว่าสิ่งอื่นใด ภายในภายนอกแกร่งกล้ายิ่งกว่าสิ่งใด

เมื่อยังไม่อาจทะลวงไปได้นั่น จึงทำให้เป่าฮู่คิดว่าตนต้องรีบหาทางทำอะไรสักอย่าง และเกรงว่าผลของโอสถทิพย์เช่นหยกสวรรค์นี้จะเสื่อมสภาพไปอย่างรวดเร็ว

แต่หลังจากที่เต่าบ้ายอได้ผ่านการวิวัฒนาการได้เสร็จ เต่าบ้ายอก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมม่านพลังสีเหลืองทองที่ห่อหุ้มร่างกายก็ปริแตกออกเผยให้เห็นความงดงามของเต่าอักขระตัวใหม่นั่นเอง

 

(เต่าบ้ายอ)

พร้อมกันนั้นไม่นานม่านผลึกที่ครอบคลุมตัวของราชาอสรพิษฟ้าครามก็ปริแตกออกมาและภาพที่เห็นก็คือ ร่างใหม่ที่สง่างามกว่าเดิมของราชาอสรพิษฟ้าครามตนนั้น

 

(มังกรเขียว)

เมื่อสัตว์ในพันธะสัญญาลืมตาขึ้นมาก็ทำให้เป่าฮู่รู้สึกตื่นเต้นกับพลังที่ได้เห็นนี้ และตัวเป่าฮู่เองก็มาฉุดคิดขึ้นได้ว่า ตั้งแต่แรกเห็นเหล่าสัตว์ทั้งสองกัดกินหยกสวรรค์ดั่งของอร่อย นั่นอาจเป็นสิ่งที่ควรที่จะกัดกินเพื่อทะลวงจุดหรือเลือนระดับชั้นก็เป็นได้

ไม่เพียงคิดหลังจากสายตาที่เหลือบไปเห็นก้อนหยกสวรรค์ที่ปริแตกออกมาขนาดเท่าหัวแม่มือ เป่าฮู่ก็ได้หยิบมันขึ้นมาพร้อมไม่สนใจว่าตนเองจะเป็นอย่างไรต่อไป

(((อึ๊ก))) เสียงการกลืนหยกสวรรค์ไปทั้งที่ไม่ได้รู้ถึงพิษภัยของมัน หากตนเองไม่ใช้เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรที่มีพื้นฐานร่างกายที่แข็งแกร่งมาแต่กำเนิด

หลังจากเต่าอักขระได้ยินและหันมาพบเขากับการกระทำที่บ้าบิ่นนั้น ดวงตาของมันก็ปูดโปนจ้อมมาที่ชายหนุ่มผู้เป็นนายทันที

“เจ้างูเขียว แย่แล้วเจ้าเด็กนั่นกลืนหยกสวรรค์ไปตรงๆ”

เมื่อมังกรเขียวที่กำเนิดใหม่จากฤทธิ์ของหยกสวรรค์ ทำให้มันจ้องมองมา แม้ตัวตนที่สงบเยือกเย็นหลังจากได้เห็นก้อนหยกขนาดเท่าหัวแม่มือลงสู่ท้องของนายท่านของมันทำให้มันยกยิ้มและหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆๆ ปล่อยนายท่านเถอะ เท่านั้นไม่ตายหรอก อย่าลืมว่านายท่านมีเคล็ดวิชาเกราะเหล็กพันชั่งอยู่ เคล็ดพลังทางกายที่เสริมสร้างแม้แต่ตันเถียนให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องกลัว”

 

แต่ไม่ทันที่เสียงความสุขใจของมังกรเขียวจะจบลง เป่าฮู่ที่เคยยกยิ้มกลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปก่อนที่ความเจ็บปวดที่ท้อง ดั่งขุนเขาที่สร้างจากเข็ม นับหมื่นยนับแสนเล่มถล่มลงมาทับร่างของตน

(((((อ๊ากกกกกกก))))) การร้องคำรามออกมาดั่งเพลิงนรกแผดเผา ดิ้นทุรนทรายไปกับพื้นหยกสวรรค์ ดวงตาที่แดงกร่ำด้วยความเจ็บปวด มังกรเขียวก็กล่าวออกไปเพียงว่า

“นายท่านเคล็ดวิชาทางกาย เกราะเหล็กพันชั่งจะช่วยท่านได้ แต่ต้องโคจรมันด้วยพลังลมปราณเทพเต่าดำและชักนำมันไปที่กำแพงระดับชั้นนั่น หากไม่พอที่จะทำลายมันลงได้ ข้าจะช่วยท่านอีกแรง”

เมื่อกล่าวเสร็จเต่าอักขระที่งุนงงกับคำกล่าวของมังกรเขียว ก็หันไปถามว่า

“เจ้ามังกรเขียว จะช่วยนายท่านของเจ้าอย่างไร?”

เพียงเต่าอักขระกล่าวคำเหล่านั้นขึ้นมา มังกรเขียวก็ใช้เล็บที่มีจากแขนที่ถูกสร้างมาใหม่ กรีดตัดเนื้อของก้อนหยกออกเป็นก้อนเท่าลูกเต๋ามากมาย

“นี่อย่างไร เมื่อเชื่อเพลิงไม่พอก็ใส่เพิ่ม ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

(หยกสีทอง)

จากการกระทำนั้นทำให้เต่าอักขระเข้าใจ และแล้วจากนั้นเหล่าสัตว์เลี้ยงก็พากัน ทรมานผู้เป็นอย่างสุขใจ เมื่อพลังจากหยกสวรรค์จากก้อนที่ 5 แล้วเป่าฮู่ยังไม่อาจทำลายกำแพงยักษ์นั่นลงมาได้นอกจากสร้างรอยร้าวแก่มันมากจนมองเห็นได้

“เจ้างูเขียว เอามันมาอีก”

เสียงคำสั่งของนายท่านสั่งมาให้มอบชิ้นหยกสวรรค์มาให้แก่ตนอีก เพื่อใช้ออกไปเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อมังกรเขียวไดเห็นและรับรู้ผ่านพันธสัญญาวิญญาณ ตัวเจ้ามังกรเขียวก็บอกออกไปถึง หยกชิ้นสุดท้ายที่ร่างกายของเป่าฮู่จะทานทนได้ในการทะลวงระดับชั้นตอนนี้

“นายท่านนี่จะขนาดใหญ่กว่าเดิม แต่เชื่อเถอะว่าทำลายได้แน่”

เมื่อลมปราณที่มากมายในหยกสวรรค์ถูกดูดซับ หนึ่งในสามไปสู่การทะลวงระดับชั้น แต่อีก 2 ส่วนล้วนถูกแย่งชิงเข้าสู่แก่นแท้ในตันเถียนจนตอนนี้ จากก้อนแก่นแท้ กลับกลายเป็นเม็ดกลมๆที่เรียกว่ามุขไปแล้ว

(มุกพิษ)

(มุกเยือกแข็ง)

เมื่อมุกแห่งพิษและมุกเยือกแข็งได้รับพลังมากจนอิ่มตัว พลังจากหยกสวรรค์ที่มีจากการดูดซับของหยกสวรรค์ก้อนสุดท้ายก็ไม่ต้องมีการดูดซับมายังมุกในตันเถียน หากแต่ถูกชักนำไปที่กำแพงระดับชั้นอย่างรวดเร็ว

((((ปุ่ง!)))) เสียงดังลั่นออกมาพร้อมความอบอุ่นที่แสนจะสบายเพียงชั่วพริบตาแต่ใครจะคาดคิดว่าลมปราณที่หยกสวรรค์มอบให้จะมากยิ่งกว่าจะหยุดเพียงเท่านั้น

แต่แล้วสิ่งที่ประหลาดกับเป็นตันเถียนที่ผ่านการกระทุ้งหลายต่อหลายครั้งกลับขายขนาดขั้นตามระดับชั้น เมื่อผ่านเข้ามาในเขตแดนจักรพรรดิวงแหวนสีส้มด้านหลังก็ดูดซับพลังจากรอบด้านเข้าไป เพื่อเสริมสร้างให้แก่ผู้ครอบครอง

เมื่อเป่าฮู่ที่ยกระดับตนเองและเป็นชายหนุ่มคนแรกในหน้าประวัติศาตร์ของแดนสัตว์เทพที่สามารถยกระดับตนเองมาจนถึงระดับจักรพรรดิได้ในอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น

หลังจากที่ได้ทะลวงระดับมาจนถึงระดับจักรพรรดิและใช้เวลาอีก 5 วันในการปรับสภาพลมปราณในร่างกายให้เสถียร ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

(ฝู่!)….เสียงถอนหายใจหลังจากที่ร่างกายขับเอาสิ่งสกปรกออกมาจนคิดว่ารอบกายมีเพียงสวมที่อัดแน่น จากคราบสีดำจนกลายเป็นไอปราณที่ซึมออกมาจากรูขุมขนทั่วร่างกาย

“ฮ่าๆๆๆๆ เด็กน้อย เจ้านี่ช่างเป็นคนที่แปลกนัก กินก้อนหยกไปแต่กลับไม่ตายฮ่าๆๆๆๆ”

เสียงเต่าที่บ้ายอ แต่ครั้งนี้กับแกว่งเท้าหาเสี้ยน เป่าฮู่ก็กล่าวกลับอย่างมั่นไส้

“ฮึ ! กล้าพูดแบบนี้ จากนี้ข้าจะผนึกวงแหวนของเจ้าไว้เสียดีหรือไม่?”

เมื่อทะลวงระดับชั้นมาเป็นชนชั้นจักรพรรดิ ก็มีความสามารถมากพอที่จะสยบสัตว์พันธะสัญญาของตนที่อยู่ชนชั้นจักรพรรดิเช่นกันได้แล้ว

เพียงเต่าอักขระได้ฟัง ก็นำพาตนเองหาย.ไปในวงแหวนก่อนที่อารมณ์ของชายหนุ่มจะฉุนมากกว่านี้ แต่ขณะที่มังกรเขียวจะจากไป เป่าฮู่กลับกล่าวออกไปว่า

“เจ้ามังกรเขียว เจ้าสามาถตัดหยกสวรรค์เหล่านี้เป็นก้อนๆเท่าหัวแม่มือได้หรือไม่ ข้าจะนำมันออกไปด้วย ฮ่าๆๆๆ รับรองว่านิกายของข้าจะต้องสยบพวกบัดซบนี้ได้ในเวลาไม่นาน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ตำนานเทพยุทธ์ 83

Now you are reading ตำนานเทพยุทธ์ Chapter 83 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายในสุสานบรรพกาลที่บัดนี้ทั้งสามร่างนายบ่าว บ้างนั่งบ้างนอน บนก้อนผลึกที่ใหญ่โตขนาดเท่าหมู่ตึกขนาดเล็กได้ ด้วยของสิ่งนี้คือสุสานที่อดีตสัตว์เทพสองตนได้มาฝากกายของตนเองกลับคืนสู่ปฐพีที่ยิ่งใหญ่

หนึ่งมีร่างสีเหลืองทองอร่าม คือวิหคสวรรค์ สองคือ วิหคพฤกษา ทั่งสองเป็นคู่รักกันจนได้ก้าวข้ามสู่แดนเทพพร้อมเพียงกันนั่นเอง

เมื่อร่างที่มีพลังมากมายที่สั่งสมมาช้านาน ได้ถูกทอดทิ้งไว้ยังผืนแผ่นดินนี้ จนกลายเป็นหยกสวรรค์ขนาดใหญ่ หยกที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด และยังนับว่าเป็นยอดโอสถทิพย์ได้ด้วยเช่นกัน เป่าฮู่หลังจากที่ได้ใช้เวลาครึ่งปีฝึกร่างกายของตนเองมา เพื่อทะลวงไปยังระดับชั้นต่อไป

ร่างกายที่กำลังดูดซับจากหยกสีเขียวที่เป็นพลังลมปราณธาตุไม้ ในร่างของเป่าฮู่มีแก่นแท้แห่งพิษที่เป็นธาตุไม้ในกายทำให้เป่าฮู่สามารถใช้ลมปราณธาตุไม้ได้ด้วย แม้พื้นฐานจะมากจากลมปราณธาตุน้ำก็ตาม

ส่วนเหล่าสัตว์อสูรในพันธะสัญญาไม่จำกัดว่าต้องเป็นลมปราณธาตุอะไร พวกมันทั้งสองไม่รอให้เวลาสูญไปเปล่าเช่นนายของมันที่ต้องค่อยๆดูซับ หากแต่เป็นการกัดกินหยกสวรรค์เข้าไปดั่งการกินอาหารเลยทีเดียว

จากหยกสวรรค์ก้อนเท่าหมู่ตึกขนาดเล็ก ราชาอสรพิษที่ดูดซับพลังตะบะที่สัตว์เทพสั่งสมมาเข้าสู่ร่างกายทำให้สิ่งที่ตามมาคือการเข้าสู่การวิวัฒนาการจากงูยักษ์ เลื่อนเข้าสู่ร่างที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์ และเต่าอักขระเองก็ยกระดับจนร่างกายที่มีขนาดเท่าฝ่ามือได้เข้าสู่การวิวัฒนาการเช่นเดียวกัน

สัตว์อสูรย่อมไม่ต้องเสียเวลาในการดูดซับ ทางอ้อมเช่นเป่าฮู่ แต่กับกัดกินจนรู้สึกอิ่มในพลังเหล่านั้นโดยตรง เป่าฮู่หลังจากที่โคจรลมปราณธาตุไม้จนเริ่มรู้สึกว่าตนเองอิ่มเอม

อิ่มจนอยากระบายแรงกดดันนั้นออกมา เมื่อผนึกระดับจักรพรรดิที่ขวางกั้นเบื้องหน้ากำแพงสีหม่นที่ยิ่งใหญ่ นี้กำลังถูกชายหนุ่มรวบรวมลมปราณที่ดูดซับมาเข้ากระแทกกับกำแพงเหล่านั้น

แต่หากกระแทกไปกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม เป่าฮู่จึงรู้สึกว่าตนต้องทำให้ลมปราณที่มีกล้าแกร่งมากกว่านี้ จึงเริ่มถ่ายเทลมปราณที่ดูดซับมาได้เข้าสู่แก่นแท้แห่งเหมันต์เพื่อเติมเต็มทั้งสองแก่นลมปราณให้อิ่มเอมก่อนสิ่งอื่นใด

หลังจากที่พบเจอสุสานบรรพกาลมากว่า 10 วัน ก็ยังไม่อาจทะลวงกำแพงลมปราณได้ จึงทำให้เป่าฮู่ต้องหันมาพิจารณาตามเคล็ดวิชาลมปราณเทพเต่าดำอีกครั้งว่าการจะทะลวงไปสู่ขั้นต่อไปนั้นต้องทำเช่นไร

 

เพียงการทำความเข้าใจในเคล็ดวิชาลมปราณอย่างถี่ถ้วน ก็ทำให้ตัวเป่าฮู่รู้ว่า กำแพงของผู้ฝึกเคล็ดลมปราณเทพย่อมต้องกล้าแกร่งกว่ากำแพงคนทั่วไป ยิ่งเป็นลมปราณสายป้องกัน ที่เสริมสร้างพลังป้องกันให้แก่จุดลมปราณหรือตันเถียนได้เป็นพิเศษ นั่นย่อมทำให้ร่างกายผ่านการฝึกปรือจนแกร่งกว่าสิ่งอื่นใด ภายในภายนอกแกร่งกล้ายิ่งกว่าสิ่งใด

เมื่อยังไม่อาจทะลวงไปได้นั่น จึงทำให้เป่าฮู่คิดว่าตนต้องรีบหาทางทำอะไรสักอย่าง และเกรงว่าผลของโอสถทิพย์เช่นหยกสวรรค์นี้จะเสื่อมสภาพไปอย่างรวดเร็ว

แต่หลังจากที่เต่าบ้ายอได้ผ่านการวิวัฒนาการได้เสร็จ เต่าบ้ายอก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมม่านพลังสีเหลืองทองที่ห่อหุ้มร่างกายก็ปริแตกออกเผยให้เห็นความงดงามของเต่าอักขระตัวใหม่นั่นเอง

 

(เต่าบ้ายอ)

พร้อมกันนั้นไม่นานม่านผลึกที่ครอบคลุมตัวของราชาอสรพิษฟ้าครามก็ปริแตกออกมาและภาพที่เห็นก็คือ ร่างใหม่ที่สง่างามกว่าเดิมของราชาอสรพิษฟ้าครามตนนั้น

 

(มังกรเขียว)

เมื่อสัตว์ในพันธะสัญญาลืมตาขึ้นมาก็ทำให้เป่าฮู่รู้สึกตื่นเต้นกับพลังที่ได้เห็นนี้ และตัวเป่าฮู่เองก็มาฉุดคิดขึ้นได้ว่า ตั้งแต่แรกเห็นเหล่าสัตว์ทั้งสองกัดกินหยกสวรรค์ดั่งของอร่อย นั่นอาจเป็นสิ่งที่ควรที่จะกัดกินเพื่อทะลวงจุดหรือเลือนระดับชั้นก็เป็นได้

ไม่เพียงคิดหลังจากสายตาที่เหลือบไปเห็นก้อนหยกสวรรค์ที่ปริแตกออกมาขนาดเท่าหัวแม่มือ เป่าฮู่ก็ได้หยิบมันขึ้นมาพร้อมไม่สนใจว่าตนเองจะเป็นอย่างไรต่อไป

(((อึ๊ก))) เสียงการกลืนหยกสวรรค์ไปทั้งที่ไม่ได้รู้ถึงพิษภัยของมัน หากตนเองไม่ใช้เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรที่มีพื้นฐานร่างกายที่แข็งแกร่งมาแต่กำเนิด

หลังจากเต่าอักขระได้ยินและหันมาพบเขากับการกระทำที่บ้าบิ่นนั้น ดวงตาของมันก็ปูดโปนจ้อมมาที่ชายหนุ่มผู้เป็นนายทันที

“เจ้างูเขียว แย่แล้วเจ้าเด็กนั่นกลืนหยกสวรรค์ไปตรงๆ”

เมื่อมังกรเขียวที่กำเนิดใหม่จากฤทธิ์ของหยกสวรรค์ ทำให้มันจ้องมองมา แม้ตัวตนที่สงบเยือกเย็นหลังจากได้เห็นก้อนหยกขนาดเท่าหัวแม่มือลงสู่ท้องของนายท่านของมันทำให้มันยกยิ้มและหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆๆ ปล่อยนายท่านเถอะ เท่านั้นไม่ตายหรอก อย่าลืมว่านายท่านมีเคล็ดวิชาเกราะเหล็กพันชั่งอยู่ เคล็ดพลังทางกายที่เสริมสร้างแม้แต่ตันเถียนให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องกลัว”

 

แต่ไม่ทันที่เสียงความสุขใจของมังกรเขียวจะจบลง เป่าฮู่ที่เคยยกยิ้มกลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปก่อนที่ความเจ็บปวดที่ท้อง ดั่งขุนเขาที่สร้างจากเข็ม นับหมื่นยนับแสนเล่มถล่มลงมาทับร่างของตน

(((((อ๊ากกกกกกก))))) การร้องคำรามออกมาดั่งเพลิงนรกแผดเผา ดิ้นทุรนทรายไปกับพื้นหยกสวรรค์ ดวงตาที่แดงกร่ำด้วยความเจ็บปวด มังกรเขียวก็กล่าวออกไปเพียงว่า

“นายท่านเคล็ดวิชาทางกาย เกราะเหล็กพันชั่งจะช่วยท่านได้ แต่ต้องโคจรมันด้วยพลังลมปราณเทพเต่าดำและชักนำมันไปที่กำแพงระดับชั้นนั่น หากไม่พอที่จะทำลายมันลงได้ ข้าจะช่วยท่านอีกแรง”

เมื่อกล่าวเสร็จเต่าอักขระที่งุนงงกับคำกล่าวของมังกรเขียว ก็หันไปถามว่า

“เจ้ามังกรเขียว จะช่วยนายท่านของเจ้าอย่างไร?”

เพียงเต่าอักขระกล่าวคำเหล่านั้นขึ้นมา มังกรเขียวก็ใช้เล็บที่มีจากแขนที่ถูกสร้างมาใหม่ กรีดตัดเนื้อของก้อนหยกออกเป็นก้อนเท่าลูกเต๋ามากมาย

“นี่อย่างไร เมื่อเชื่อเพลิงไม่พอก็ใส่เพิ่ม ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

(หยกสีทอง)

จากการกระทำนั้นทำให้เต่าอักขระเข้าใจ และแล้วจากนั้นเหล่าสัตว์เลี้ยงก็พากัน ทรมานผู้เป็นอย่างสุขใจ เมื่อพลังจากหยกสวรรค์จากก้อนที่ 5 แล้วเป่าฮู่ยังไม่อาจทำลายกำแพงยักษ์นั่นลงมาได้นอกจากสร้างรอยร้าวแก่มันมากจนมองเห็นได้

“เจ้างูเขียว เอามันมาอีก”

เสียงคำสั่งของนายท่านสั่งมาให้มอบชิ้นหยกสวรรค์มาให้แก่ตนอีก เพื่อใช้ออกไปเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อมังกรเขียวไดเห็นและรับรู้ผ่านพันธสัญญาวิญญาณ ตัวเจ้ามังกรเขียวก็บอกออกไปถึง หยกชิ้นสุดท้ายที่ร่างกายของเป่าฮู่จะทานทนได้ในการทะลวงระดับชั้นตอนนี้

“นายท่านนี่จะขนาดใหญ่กว่าเดิม แต่เชื่อเถอะว่าทำลายได้แน่”

เมื่อลมปราณที่มากมายในหยกสวรรค์ถูกดูดซับ หนึ่งในสามไปสู่การทะลวงระดับชั้น แต่อีก 2 ส่วนล้วนถูกแย่งชิงเข้าสู่แก่นแท้ในตันเถียนจนตอนนี้ จากก้อนแก่นแท้ กลับกลายเป็นเม็ดกลมๆที่เรียกว่ามุขไปแล้ว

(มุกพิษ)

(มุกเยือกแข็ง)

เมื่อมุกแห่งพิษและมุกเยือกแข็งได้รับพลังมากจนอิ่มตัว พลังจากหยกสวรรค์ที่มีจากการดูดซับของหยกสวรรค์ก้อนสุดท้ายก็ไม่ต้องมีการดูดซับมายังมุกในตันเถียน หากแต่ถูกชักนำไปที่กำแพงระดับชั้นอย่างรวดเร็ว

((((ปุ่ง!)))) เสียงดังลั่นออกมาพร้อมความอบอุ่นที่แสนจะสบายเพียงชั่วพริบตาแต่ใครจะคาดคิดว่าลมปราณที่หยกสวรรค์มอบให้จะมากยิ่งกว่าจะหยุดเพียงเท่านั้น

แต่แล้วสิ่งที่ประหลาดกับเป็นตันเถียนที่ผ่านการกระทุ้งหลายต่อหลายครั้งกลับขายขนาดขั้นตามระดับชั้น เมื่อผ่านเข้ามาในเขตแดนจักรพรรดิวงแหวนสีส้มด้านหลังก็ดูดซับพลังจากรอบด้านเข้าไป เพื่อเสริมสร้างให้แก่ผู้ครอบครอง

เมื่อเป่าฮู่ที่ยกระดับตนเองและเป็นชายหนุ่มคนแรกในหน้าประวัติศาตร์ของแดนสัตว์เทพที่สามารถยกระดับตนเองมาจนถึงระดับจักรพรรดิได้ในอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น

หลังจากที่ได้ทะลวงระดับมาจนถึงระดับจักรพรรดิและใช้เวลาอีก 5 วันในการปรับสภาพลมปราณในร่างกายให้เสถียร ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

(ฝู่!)….เสียงถอนหายใจหลังจากที่ร่างกายขับเอาสิ่งสกปรกออกมาจนคิดว่ารอบกายมีเพียงสวมที่อัดแน่น จากคราบสีดำจนกลายเป็นไอปราณที่ซึมออกมาจากรูขุมขนทั่วร่างกาย

“ฮ่าๆๆๆๆ เด็กน้อย เจ้านี่ช่างเป็นคนที่แปลกนัก กินก้อนหยกไปแต่กลับไม่ตายฮ่าๆๆๆๆ”

เสียงเต่าที่บ้ายอ แต่ครั้งนี้กับแกว่งเท้าหาเสี้ยน เป่าฮู่ก็กล่าวกลับอย่างมั่นไส้

“ฮึ ! กล้าพูดแบบนี้ จากนี้ข้าจะผนึกวงแหวนของเจ้าไว้เสียดีหรือไม่?”

เมื่อทะลวงระดับชั้นมาเป็นชนชั้นจักรพรรดิ ก็มีความสามารถมากพอที่จะสยบสัตว์พันธะสัญญาของตนที่อยู่ชนชั้นจักรพรรดิเช่นกันได้แล้ว

เพียงเต่าอักขระได้ฟัง ก็นำพาตนเองหาย.ไปในวงแหวนก่อนที่อารมณ์ของชายหนุ่มจะฉุนมากกว่านี้ แต่ขณะที่มังกรเขียวจะจากไป เป่าฮู่กลับกล่าวออกไปว่า

“เจ้ามังกรเขียว เจ้าสามาถตัดหยกสวรรค์เหล่านี้เป็นก้อนๆเท่าหัวแม่มือได้หรือไม่ ข้าจะนำมันออกไปด้วย ฮ่าๆๆๆ รับรองว่านิกายของข้าจะต้องสยบพวกบัดซบนี้ได้ในเวลาไม่นาน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+