(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 109

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 109 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“จะว่าไปแล้ว”

 

จู่ ๆ อเลกเซียก็เปิดปากขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยกับเฮเลนาซึ่งได้กินอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว

หากเป็นปกตินี่ก็เป็นเวลาที่ฟาร์มาสใกล้จะมาแล้ว ทว่าเขาได้บอกไว้ว่าวันนี้จะไม่มาหา และหน้าที่ของอเลกเซียโดยพื้นฐานแล้วก็คือการต้องอยู่ข้างกายเฮเลนาจนกว่าเธอจะเข้านอน

เพราะฉะนั้นวันนี้อเลกเซียจึงได้ยังอยู่ใกล้ตัวเฮเลนาแม้ว่าจะผ่านมื้อเย็นไปแล้วนั่นเอง

แต่หากจะให้พูดอย่างเป็นรูปธรรม ก็คือกำลังนั่งขี่อยู่บนหลัง

 

“มีอะไรรึ?”

 

‘ฮึบ ฮึบ’ เฮเลนาวิดพื้นอย่างต่อเนื่องโดยที่มีอเลกเซียขี่อยู่บนหลัง

หากมีบุคคลที่สามมามองดูคงจะเป็นภาพที่แปลกพิลึก แต่สำหรับอเลกเซียที่ดันคุ้นเคย (ในความหมายทางลบ) กับสตรีที่ชื่อว่าเฮเลนาไปเสียแล้ว เธอไม่รู้สึกขัดข้องอะไรอีกต่อไป

 

“มารดาของท่านเฮเลนาก็คือแม่ทัพเรย์ลา กาลี ขุนศึกหมาป่าเงินในตำนานคนนั้นใช่ไหมคะ?”

 

“อา แล้วมันทำไมรึ?”

 

“เปล่าหรอกค่ะ……ก็แค่ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องของแม่ทัพเรย์ลามาบ้างเหมือนกัน เธอแข็งแกร่งยิ่งกว่าท่านเฮเลนาอีกหรือคะ?”

 

“อย่างเทียบไม่ติดเชียวล่ะ”

 

เมื่อได้ฟังคำถามของอเลกเซีย เฮเลนาก็ตอบไปอย่างตรงประเด็นก่อนจะทอดถอนใจเบา ๆ

สำหรับเฮเลนาแล้ว เรย์ลาผู้เป็นมารดานั้นเป็นทั้งเป้าหมายชั่วชีวิตและกำแพงที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้ ถึงแม้ในตอนนี้เธอยังไม่เห็นวี่แววว่าจะก้าวข้ามได้เลยสักนิดก็ตามที

 

“นั่นสินะ”

 

เธอนึกย้อนถึงความทรงจำต่าง ๆ ที่มีร่วมกับแม่

ผู้ที่ช่วยฝึกฝนวิชาให้เฮเลนานั้นโดยส่วนใหญ่ก็คือแม่ผู้ล่วงลับไปแล้ว เพราะมีตัวตนที่เรียกว่าแม่ของเธออยู่ เฮเลนาจึงแข็งแกร่งขึ้นมาได้เช่นนี้

บางที การเล่าเรื่องความทรงจำที่มีกับร่วมแม่แบบนั้นออกมาสักเล็กน้อยก็คงไม่เป็นไรกระมัง

 

“……พูดเรื่องเก่า ๆ สักหน่อยก็แล้วกัน”

 

นั่นคือ ก่อนที่แม่จะเสียไป

ในสมัยที่เฮเลนา เรลโนตยังคงเป็นเด็กน้อยวัยอ่อนเยาว์—

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ย้าก!”

 

“ยังก้าวเท้าตื้นไปนะ แบบนั้นน่ะต่อให้อีกร้อยปีก็ไม่เข้าเป้าหรอก”

 

ก่อนหน้าที่เฮเลนาจะเข้ากองทัพเล็กน้อย

การฝึกฝนร่วมกับมารดาเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอมาตั้งแต่ตอนห้าขวบ แม้มันจะทำให้แอนตันผู้เป็นบิดาทอดถอนใจอยู่เสมอ แต่หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกสามสาวพี่น้องเรลโนตซึ่งรวมเฮเลนาด้วยก็จะเข้าท้าทายมารดาร่วมกันทั้งสามคน วนเวียนไปเช่นนี้อยู่เป็นประจำ

เฮเลนาบุตรสาวคนโตอายุสิบสี่ อัลเบราบุตรสาวคนรองอายุสิบเอ็ด ลิลิธบุตรสาวคนที่สามอายุเก้าปี

เฮเลนาซึ่งมีการเจริญเติบโตอย่างเห็นได้ชัดกว่าสตรีรุ่นราวคราวเดียวกันนั้น ได้ตัวสูงแซงมารดาจนเธอต้องก้มมองไปแล้ว

 

“ย้าก!”

 

“ลอบจู่โจมได้ดีเฮเลนา แต่ถ้าคิดจะเล่นทีเผลอก็ไม่ควรส่งเสียงออกมาสิ”

 

“อ๊ะ-!”

 

‘วูบ’ ปลายคางของเฮเลนาถูกฟาดด้วยความรวดเร็วจนมองตามไม่ทัน

สำหรับเรย์ลาผู้เป็นมารดา มันเป็นการจู่โจมที่ออมมือแล้ว ถึงกระนั้นมันก็เป็นการโจมตีที่ทำให้สมองสั่นสะเทือนได้โดยตรง จนทำให้เฮเลนาสติหลุดลอยไปชั่ววูบ

ทว่าดวงตานั้นก็ยังสะท้อนภาพการโจมตีที่ซ่อนอยู่อีกชั้น

 

“—!”

 

“อย่างนี้เอง คิดว่าอัลเบราบุกมาเป็นตัวล่อแล้วให้เฮเลนาลอบจู่โจม แต่ที่จริงเป็นการโจมตีสามชั้นสินะ ทว่ายังอ่อนหัดนะลิลิธ”

 

“โอ้ย!?”

 

การโจมตีประสานของสามสาวพี่น้องที่นัดแนะกันไว้ล่วงหน้า

ทั้งอัลเบราที่บุกเข้าไปพร้อมดาบจากทางด้านหน้าโดยตรง และเฮเลนาที่บุกเข้าประชิดจากทางด้านหลัง พวกเธอทั้งสองคนต่างก็เป็นตัวล่อ โดยให้ลิลิธซึ่งตัวเล็กที่สุดทำการจู่โจมครั้งสุดท้ายแบบไร้สุ้มเสียง

ทว่าลิลิธก็ได้ถูกนิ้วดีดเข้าที่หน้าผาก ราวกับเป็นการปฏิเสธภูมิปัญญาตื้น ๆ เหล่านั้นอย่างไร้เยื่อใย

ถึงแม้จะแค่ถูกดีดหน้าผากเท่านั้น แต่ก็ทำเอาลิลิธล้มลงไปดิ้นทุรนทุรายแล้ว

 

“ปัดโธ่……”

 

“นึกว่าจะไปด้วยสวยแล้วแท้ ๆ เชียวค่ะ……”

 

เฮเลนากับอัลเบรายืนขึ้นมา

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของเหล่าพี่น้อง เรย์ลาก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้ายินดี

 

“ไม่หรอก ตัวแผนน่ะไม่เลวร้ายเท่าไหร่ แต่ให้อัลเบรามาคนเดียวแบบนั้นก็เดาไม่ยากอยู่แล้วว่าเป็นตัวล่อน่ะนะ อย่างน้อยต้องมาพร้อมกันสองคนสิ”

 

“ดีล่ะ คุณแม่! ขออีกรอบ!”

 

“เอ๋ พี่สาวยังจะเอาอีกเหรอ……?”

 

ลิลิธบ่นออกมาในขณะที่เอามือกุมหน้าผากร้องโอดโอยไปด้วย

ลิลิธซึ่งตัวเล็กที่สุดนั้นยังมีพลังกายที่ไล่ไม่ทันคนอื่น มันก็อาจช่วยไม่ได้ที่เธอแสดงความไม่พอใจออกมาแบบนั้น

ทว่า

 

“ไม่อยากใช้ดาบแล้วอ่ะ”

 

“พูดอะไรกันคะลิลิธ การต่อสู้ด้วยดาบสิถึงจะมีเกียรติ!”

 

“ก็ข้าชอบใช้มือเปล่ามากกว่าดาบนี่นา!”

 

“การสู้มือเปล่ามันก็แค่วิชาไว้แก้ขัดเวลาที่เสียดาบไปเท่านั้นแหละค่ะ! การต่อสู้ด้วยดาบต่างหากคือความงดงามของสนามรบ!”

 

“ไม่ใช่ว่าจะมีดาบอยู่ติดมือได้ตลอดซะหน่อย! ต้องสู้ด้วยมือเปล่าได้สิถึงจะเป็นนักรบที่แท้จริงอ่ะ!”

 

“เดี๋ยวเหอะ ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันน่า”

 

เฮเลนาเข้าห้ามทัพทั้งสองคนที่เริ่มจะมีปากเสียงกัน

อัลเบรานั้นโดดเด่นในวิชาดาบ ส่วนลิลิธก็โดดเด่นในวิชาต่อสู้มือเปล่า ทว่าอย่างไรก็ตามเวลาที่ทั้งสามคนช่วยกันรุมเรย์ลา พวกเธอจะพยายามใช้อาวุธให้เหมือนกัน

วันนี้อัลเบรายืนกรานเป็นพิเศษ ดังนั้นมันจึงเป็นการฝึกซ้อมต่อสู้ด้วยดาบ ซึ่งนั่นเลยทำให้ลิลิธไม่พอใจกระมัง

 

“ถ้างั้น พี่สาวรอง! ลองใช้ดาบเอาชนะข้าให้ดูสิ!”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอยากจะลงไปหมอบคลานบนพื้นมากขนาดนั้นทางนี้ก็ไม่ห้ามหรอกนะคะ!”

 

“ลุยล่ะนะ!”

 

“เข้ามาเลยค่ะ!”

 

ลิลิธโยนดาบทิ้งแล้วตั้งท่าต่อสู้ด้วยมือเปล่า

อีกด้านหนึ่ง อัลเบรานั้นจับด้ามดาบด้วยทั้งสองมือ หันปลายดาบไปทางลิลิธ

เป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธที่ต่างฝ่ายต่างก็ถนัดและเชื่อมั่นที่สุด

 

“อะฮะ ๆๆๆๆๆ”

 

“ลงไปคลานกับพื้นอย่างน่าเวทนาซะเถอะค่ะ!”

 

และในระหว่างที่ชมดูลิลิธกับอัลเบราตีกันไปพลาง เฮเลนากับเรย์ลาก็พักเหนื่อยกัน

บางครั้งการได้มองดูการต่อสู้ของเหล่าน้องสาวเช่นนี้ก็สนุกไปอีกแบบ

 

“คุณแม่”

 

“มีอะไรรึ เฮเลนา”

 

“ข้า……คิดว่าจะเข้ากองทัพน่ะ”

 

“งั้นเหรอ”

 

เมื่อปีก่อน ริกฮาร์ดผู้เป็นพี่ชายได้เข้าประจำการในกองทัพไปแล้ว

พี่ชายผู้ประกาศว่าจะก้าวข้ามคุณแม่ให้ดู ได้ยินว่าเขาได้ไปมีประสบการณ์ในสนามรบหลายครั้งแล้ว ในจดหมายซึ่งพร่ำถึงความรักที่มีต่อน้องสาวไปซะแปดส่วนมันเขียนไว้ว่าแบบนั้นน่ะนะ

เฮเลนาไม่อยากแพ้พี่ชาย และสักวันก็อยากจะชนะมารดาดูสักครั้ง ดังนั้นเธอจึงได้ตัดสินใจว่าจะเข้ากองทัพ

ทว่า—ทั้งที่เธอได้เตรียมใจเพื่อบอกการตัดสินใจของตนเองไปแบบนั้น แต่เรย์ลากลับพยักหน้ารับอย่างง่ายดายเสียเหลือเกิน

 

“แอนตันว่ายังไงบ้างล่ะ?”

 

“ ‘อย่าไป’ น่ะ คุณพ่อบอกว่า ‘บุตรีมาร์ควิสไม่ต้องไปเข้ากองทัพก็ได้’ ”

 

“เดี๋ยวแม่ไปอัดมันให้ทีหลังเอง เจ้าน่ะใช้ชีวิตอย่างที่อยากเถอะ เฮเลนา”

 

“……ได้เหรอ?”

 

เฮเลนาเหลือบตาขึ้นมองมารดาอย่างไม่สบายใจ

ฝ่ายมารดาก็ยิ้มและวางมือ ‘แปะ ๆ’ ลงบนศีรษะของเฮเลนาเบา ๆ

 

“ต้องทำยังไง”

 

“หืม?”

 

“ต้องทำยังไง……ถึงจะแข็งแกร่งเหมือนคุณแม่ได้ล่ะ?”

 

“อืม—……”

 

ต่อหน้าคำถามนั้นจากเฮเลนา เรย์ลาก็เอียงศีรษะอย่างแปลกใจ

ในการต่อสู้ระหว่างพี่สาวน้องสาวกันเอง เฮเลนานั้นแข็งแกร่งที่สุด ต่อให้เป็นชายรุ่นราวคราวเดียวกันเธอก็คงไม่มีทางแพ้ด้วยซ้ำ ทว่าแม้กระนั้นเธอก็รู้สึกว่ายังเทียบไม่ติดแม้กระทั่งปลายเท้าในความแข็งแกร่งของเรย์ลาผู้เป็นแม่เลย

ต่อให้มุมานะอย่างไม่หยุดยั้ง ฝึกฝนอย่างไม่หยุดยั้ง ก็ยังไม่มีความรู้สึกว่าจะไล่ทันได้สักนิดเดียว

เรย์ลากอดอกพลางใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง

 

“ไม่รู้”

 

เธอตอบกลับมาอย่างปราศจากเยื่อใยเช่นนั้น

เพราะเป็นคำตอบที่ผิดคาดอย่างมาก เฮเลนาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากขมวดคิ้ว

 

“คือว่านะ……ถ้าถามว่าทำไมถึงได้แข็งแกร่ง แม่เองก็ไม่รู้หรอก”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“คิดว่านกมันรู้ไหมล่ะ ว่าทำไมถึงบินไปบนท้องฟ้าได้?”

 

“อืม—……”

 

ว่าไปแล้วก็อาจจะจริงตามนั้น

แต่ว่าแบบนี้มันก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลยน่ะสิ

 

“เอาน่า……แม่เองก็ไม่ได้แข็งแกร่งแบบนี้มาตลอดหรอกนะ”

 

“งั้นเหรอ?”

 

“อา เมื่อก่อนเคยมีอยู่ครั้งนึงที่แพ้ด้วยล่ะ”

 

“เอ๋!?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดที่คาดไม่ถึง เฮเลนาจึงอุทานด้วยความตกใจ

แม่ผู้แข็งแกร่งที่สุดผู้นี้เคยพ่ายแพ้ มันเป็นคำพูดที่เธอไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย

 

“ห ให้กับใคร……?”

 

“ความลับน่ะ แต่ว่า เอาเถอะ……เฮเลนาเองก็เริ่มจะโตแล้ว หลังจากนี้ไปเจ้าเองก็คงจะแต่งงานเหมือนกันกระมัง”

 

“อ่า……”

 

แม้เฮเลนาจะนึกภาพอนาคตที่ว่าตนเองจะแต่งงานไม่ออกเท่าไหร่เลย แต่ก็พยักหน้ารับสั่ว ๆ ไปก่อน

ในหมู่ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมีบางคนที่มีคู่หมั้นแล้วด้วยซ้ำไป แม้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการแต่งงานทางการเมืองก็เถอะ

 

“สักวันเฮเลนาเองก็คงจะมีแน่ คู่ต่อสู้ที่คิดว่า ‘หากเป็นคนคนนี้ล่ะก็ ถึงแพ้ก็ไม่เป็นไร’ น่ะ”

 

“……หมายความว่าไงเหรอ?”

 

“สักวันก็จะเข้าใจเองนั่นแหละ ทั้งที่รู้อยู่แล้วแต่ก็หลบเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่ตอบสนองได้ทันแต่ร่างกายมันกลับไม่ยอมขยับ และหากถามว่าทำไม ก็เป็นเพราะทางนี้เองก็คาดหวังมันอยู่เหมือนกันน่ะสิ แม้ในตอนแรกอาจทำใจยอมรับได้ยาก แต่ก็ต้องมีสักวันที่เจ้ารู้ตัวขึ้นมาจนได้”

 

“……?”

 

“เอาเถอะ อย่างไรเสียก็เป็นลูกสาวของฉัน ชายที่เป็นคู่ต่อสู้คงจะต้องเหนื่อยน่าดูเลยล่ะ”

 

เรย์ลาหัวเราะ ‘หึ ๆๆ’

ฝ่ายเฮเลนาก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก จึงได้แต่เอียงศีรษะอย่างฉงนเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“เคยคุยอะไรแบบนั้นกับคุณแม่ด้วยเหมือนกันนะ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ยอมบอกเลยว่าแพ้ให้กับใครน่ะ”

 

“……เอ่อ เรื่องนั้น”

 

“เป็นถึงคู่ต่อสู้ที่เอาชนะคุณแม่ได้ ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน แต่ข้าก็คิดอยู่เสมอเลยนะว่าอยากจะลองประมือด้วยดูสักครั้ง”

 

มารดาผู้แข็งแกร่งที่สุด ขนาดที่สามพี่น้องช่วยกันรุมยังแพ้อย่างไม่มีทางสู้

ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นอัลเบรา ลิลิธ หรือพี่ริกฮาร์ดก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน ว่ามีคู่ต่อสู้ที่โค่นมารดาผู้นั้นลงได้ด้วย

 

เกรงว่าคงจะเป็นอาจารย์ของแม่หรืออะไรทำนองนั้น แต่จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ

 

“……อย่างนี้นี่เอง”

 

“แต่ระบุเจาะจงว่า ‘ชายที่เป็นคู่ต่อสู้’ ดังนั้นก็น่าจะเป็นบุรุษ……”

 

“ค่ะ ก็น่าจะเป็นตามนั้นนะคะ……”

 

“หืม?”

 

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด อเลกเซียถึงกำลังกุมขมับอยู่

ได้ฟังคำของอเลกเซียดังนั้น เฮเลนาจึงหยุดวิดพื้น

 

“เจ้ารู้อะไรงั้นรึ?”

 

“เปล่าหรอกค่ะ……ก็แค่คิดว่าฝ่าบาทคงจะต้องเหนื่อยน่าดูเลย เท่านั้นแหละค่ะ”

 

“คุยเรื่องนี้อยู่แล้วฝ่าบาทโผล่มาได้ยังไงกันน่ะ?”

 

เพราะไม่อาจเข้าใจคำบ่นเบา ๆ ของอเลกเซียได้

เฮเลนาจึงได้แต่เอียงศีรษะอย่างฉงนใจเท่านั้นเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 109

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 109 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“จะว่าไปแล้ว”

 

จู่ ๆ อเลกเซียก็เปิดปากขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยกับเฮเลนาซึ่งได้กินอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว

หากเป็นปกตินี่ก็เป็นเวลาที่ฟาร์มาสใกล้จะมาแล้ว ทว่าเขาได้บอกไว้ว่าวันนี้จะไม่มาหา และหน้าที่ของอเลกเซียโดยพื้นฐานแล้วก็คือการต้องอยู่ข้างกายเฮเลนาจนกว่าเธอจะเข้านอน

เพราะฉะนั้นวันนี้อเลกเซียจึงได้ยังอยู่ใกล้ตัวเฮเลนาแม้ว่าจะผ่านมื้อเย็นไปแล้วนั่นเอง

แต่หากจะให้พูดอย่างเป็นรูปธรรม ก็คือกำลังนั่งขี่อยู่บนหลัง

 

“มีอะไรรึ?”

 

‘ฮึบ ฮึบ’ เฮเลนาวิดพื้นอย่างต่อเนื่องโดยที่มีอเลกเซียขี่อยู่บนหลัง

หากมีบุคคลที่สามมามองดูคงจะเป็นภาพที่แปลกพิลึก แต่สำหรับอเลกเซียที่ดันคุ้นเคย (ในความหมายทางลบ) กับสตรีที่ชื่อว่าเฮเลนาไปเสียแล้ว เธอไม่รู้สึกขัดข้องอะไรอีกต่อไป

 

“มารดาของท่านเฮเลนาก็คือแม่ทัพเรย์ลา กาลี ขุนศึกหมาป่าเงินในตำนานคนนั้นใช่ไหมคะ?”

 

“อา แล้วมันทำไมรึ?”

 

“เปล่าหรอกค่ะ……ก็แค่ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องของแม่ทัพเรย์ลามาบ้างเหมือนกัน เธอแข็งแกร่งยิ่งกว่าท่านเฮเลนาอีกหรือคะ?”

 

“อย่างเทียบไม่ติดเชียวล่ะ”

 

เมื่อได้ฟังคำถามของอเลกเซีย เฮเลนาก็ตอบไปอย่างตรงประเด็นก่อนจะทอดถอนใจเบา ๆ

สำหรับเฮเลนาแล้ว เรย์ลาผู้เป็นมารดานั้นเป็นทั้งเป้าหมายชั่วชีวิตและกำแพงที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้ ถึงแม้ในตอนนี้เธอยังไม่เห็นวี่แววว่าจะก้าวข้ามได้เลยสักนิดก็ตามที

 

“นั่นสินะ”

 

เธอนึกย้อนถึงความทรงจำต่าง ๆ ที่มีร่วมกับแม่

ผู้ที่ช่วยฝึกฝนวิชาให้เฮเลนานั้นโดยส่วนใหญ่ก็คือแม่ผู้ล่วงลับไปแล้ว เพราะมีตัวตนที่เรียกว่าแม่ของเธออยู่ เฮเลนาจึงแข็งแกร่งขึ้นมาได้เช่นนี้

บางที การเล่าเรื่องความทรงจำที่มีกับร่วมแม่แบบนั้นออกมาสักเล็กน้อยก็คงไม่เป็นไรกระมัง

 

“……พูดเรื่องเก่า ๆ สักหน่อยก็แล้วกัน”

 

นั่นคือ ก่อนที่แม่จะเสียไป

ในสมัยที่เฮเลนา เรลโนตยังคงเป็นเด็กน้อยวัยอ่อนเยาว์—

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ย้าก!”

 

“ยังก้าวเท้าตื้นไปนะ แบบนั้นน่ะต่อให้อีกร้อยปีก็ไม่เข้าเป้าหรอก”

 

ก่อนหน้าที่เฮเลนาจะเข้ากองทัพเล็กน้อย

การฝึกฝนร่วมกับมารดาเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอมาตั้งแต่ตอนห้าขวบ แม้มันจะทำให้แอนตันผู้เป็นบิดาทอดถอนใจอยู่เสมอ แต่หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกสามสาวพี่น้องเรลโนตซึ่งรวมเฮเลนาด้วยก็จะเข้าท้าทายมารดาร่วมกันทั้งสามคน วนเวียนไปเช่นนี้อยู่เป็นประจำ

เฮเลนาบุตรสาวคนโตอายุสิบสี่ อัลเบราบุตรสาวคนรองอายุสิบเอ็ด ลิลิธบุตรสาวคนที่สามอายุเก้าปี

เฮเลนาซึ่งมีการเจริญเติบโตอย่างเห็นได้ชัดกว่าสตรีรุ่นราวคราวเดียวกันนั้น ได้ตัวสูงแซงมารดาจนเธอต้องก้มมองไปแล้ว

 

“ย้าก!”

 

“ลอบจู่โจมได้ดีเฮเลนา แต่ถ้าคิดจะเล่นทีเผลอก็ไม่ควรส่งเสียงออกมาสิ”

 

“อ๊ะ-!”

 

‘วูบ’ ปลายคางของเฮเลนาถูกฟาดด้วยความรวดเร็วจนมองตามไม่ทัน

สำหรับเรย์ลาผู้เป็นมารดา มันเป็นการจู่โจมที่ออมมือแล้ว ถึงกระนั้นมันก็เป็นการโจมตีที่ทำให้สมองสั่นสะเทือนได้โดยตรง จนทำให้เฮเลนาสติหลุดลอยไปชั่ววูบ

ทว่าดวงตานั้นก็ยังสะท้อนภาพการโจมตีที่ซ่อนอยู่อีกชั้น

 

“—!”

 

“อย่างนี้เอง คิดว่าอัลเบราบุกมาเป็นตัวล่อแล้วให้เฮเลนาลอบจู่โจม แต่ที่จริงเป็นการโจมตีสามชั้นสินะ ทว่ายังอ่อนหัดนะลิลิธ”

 

“โอ้ย!?”

 

การโจมตีประสานของสามสาวพี่น้องที่นัดแนะกันไว้ล่วงหน้า

ทั้งอัลเบราที่บุกเข้าไปพร้อมดาบจากทางด้านหน้าโดยตรง และเฮเลนาที่บุกเข้าประชิดจากทางด้านหลัง พวกเธอทั้งสองคนต่างก็เป็นตัวล่อ โดยให้ลิลิธซึ่งตัวเล็กที่สุดทำการจู่โจมครั้งสุดท้ายแบบไร้สุ้มเสียง

ทว่าลิลิธก็ได้ถูกนิ้วดีดเข้าที่หน้าผาก ราวกับเป็นการปฏิเสธภูมิปัญญาตื้น ๆ เหล่านั้นอย่างไร้เยื่อใย

ถึงแม้จะแค่ถูกดีดหน้าผากเท่านั้น แต่ก็ทำเอาลิลิธล้มลงไปดิ้นทุรนทุรายแล้ว

 

“ปัดโธ่……”

 

“นึกว่าจะไปด้วยสวยแล้วแท้ ๆ เชียวค่ะ……”

 

เฮเลนากับอัลเบรายืนขึ้นมา

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของเหล่าพี่น้อง เรย์ลาก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้ายินดี

 

“ไม่หรอก ตัวแผนน่ะไม่เลวร้ายเท่าไหร่ แต่ให้อัลเบรามาคนเดียวแบบนั้นก็เดาไม่ยากอยู่แล้วว่าเป็นตัวล่อน่ะนะ อย่างน้อยต้องมาพร้อมกันสองคนสิ”

 

“ดีล่ะ คุณแม่! ขออีกรอบ!”

 

“เอ๋ พี่สาวยังจะเอาอีกเหรอ……?”

 

ลิลิธบ่นออกมาในขณะที่เอามือกุมหน้าผากร้องโอดโอยไปด้วย

ลิลิธซึ่งตัวเล็กที่สุดนั้นยังมีพลังกายที่ไล่ไม่ทันคนอื่น มันก็อาจช่วยไม่ได้ที่เธอแสดงความไม่พอใจออกมาแบบนั้น

ทว่า

 

“ไม่อยากใช้ดาบแล้วอ่ะ”

 

“พูดอะไรกันคะลิลิธ การต่อสู้ด้วยดาบสิถึงจะมีเกียรติ!”

 

“ก็ข้าชอบใช้มือเปล่ามากกว่าดาบนี่นา!”

 

“การสู้มือเปล่ามันก็แค่วิชาไว้แก้ขัดเวลาที่เสียดาบไปเท่านั้นแหละค่ะ! การต่อสู้ด้วยดาบต่างหากคือความงดงามของสนามรบ!”

 

“ไม่ใช่ว่าจะมีดาบอยู่ติดมือได้ตลอดซะหน่อย! ต้องสู้ด้วยมือเปล่าได้สิถึงจะเป็นนักรบที่แท้จริงอ่ะ!”

 

“เดี๋ยวเหอะ ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันน่า”

 

เฮเลนาเข้าห้ามทัพทั้งสองคนที่เริ่มจะมีปากเสียงกัน

อัลเบรานั้นโดดเด่นในวิชาดาบ ส่วนลิลิธก็โดดเด่นในวิชาต่อสู้มือเปล่า ทว่าอย่างไรก็ตามเวลาที่ทั้งสามคนช่วยกันรุมเรย์ลา พวกเธอจะพยายามใช้อาวุธให้เหมือนกัน

วันนี้อัลเบรายืนกรานเป็นพิเศษ ดังนั้นมันจึงเป็นการฝึกซ้อมต่อสู้ด้วยดาบ ซึ่งนั่นเลยทำให้ลิลิธไม่พอใจกระมัง

 

“ถ้างั้น พี่สาวรอง! ลองใช้ดาบเอาชนะข้าให้ดูสิ!”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอยากจะลงไปหมอบคลานบนพื้นมากขนาดนั้นทางนี้ก็ไม่ห้ามหรอกนะคะ!”

 

“ลุยล่ะนะ!”

 

“เข้ามาเลยค่ะ!”

 

ลิลิธโยนดาบทิ้งแล้วตั้งท่าต่อสู้ด้วยมือเปล่า

อีกด้านหนึ่ง อัลเบรานั้นจับด้ามดาบด้วยทั้งสองมือ หันปลายดาบไปทางลิลิธ

เป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธที่ต่างฝ่ายต่างก็ถนัดและเชื่อมั่นที่สุด

 

“อะฮะ ๆๆๆๆๆ”

 

“ลงไปคลานกับพื้นอย่างน่าเวทนาซะเถอะค่ะ!”

 

และในระหว่างที่ชมดูลิลิธกับอัลเบราตีกันไปพลาง เฮเลนากับเรย์ลาก็พักเหนื่อยกัน

บางครั้งการได้มองดูการต่อสู้ของเหล่าน้องสาวเช่นนี้ก็สนุกไปอีกแบบ

 

“คุณแม่”

 

“มีอะไรรึ เฮเลนา”

 

“ข้า……คิดว่าจะเข้ากองทัพน่ะ”

 

“งั้นเหรอ”

 

เมื่อปีก่อน ริกฮาร์ดผู้เป็นพี่ชายได้เข้าประจำการในกองทัพไปแล้ว

พี่ชายผู้ประกาศว่าจะก้าวข้ามคุณแม่ให้ดู ได้ยินว่าเขาได้ไปมีประสบการณ์ในสนามรบหลายครั้งแล้ว ในจดหมายซึ่งพร่ำถึงความรักที่มีต่อน้องสาวไปซะแปดส่วนมันเขียนไว้ว่าแบบนั้นน่ะนะ

เฮเลนาไม่อยากแพ้พี่ชาย และสักวันก็อยากจะชนะมารดาดูสักครั้ง ดังนั้นเธอจึงได้ตัดสินใจว่าจะเข้ากองทัพ

ทว่า—ทั้งที่เธอได้เตรียมใจเพื่อบอกการตัดสินใจของตนเองไปแบบนั้น แต่เรย์ลากลับพยักหน้ารับอย่างง่ายดายเสียเหลือเกิน

 

“แอนตันว่ายังไงบ้างล่ะ?”

 

“ ‘อย่าไป’ น่ะ คุณพ่อบอกว่า ‘บุตรีมาร์ควิสไม่ต้องไปเข้ากองทัพก็ได้’ ”

 

“เดี๋ยวแม่ไปอัดมันให้ทีหลังเอง เจ้าน่ะใช้ชีวิตอย่างที่อยากเถอะ เฮเลนา”

 

“……ได้เหรอ?”

 

เฮเลนาเหลือบตาขึ้นมองมารดาอย่างไม่สบายใจ

ฝ่ายมารดาก็ยิ้มและวางมือ ‘แปะ ๆ’ ลงบนศีรษะของเฮเลนาเบา ๆ

 

“ต้องทำยังไง”

 

“หืม?”

 

“ต้องทำยังไง……ถึงจะแข็งแกร่งเหมือนคุณแม่ได้ล่ะ?”

 

“อืม—……”

 

ต่อหน้าคำถามนั้นจากเฮเลนา เรย์ลาก็เอียงศีรษะอย่างแปลกใจ

ในการต่อสู้ระหว่างพี่สาวน้องสาวกันเอง เฮเลนานั้นแข็งแกร่งที่สุด ต่อให้เป็นชายรุ่นราวคราวเดียวกันเธอก็คงไม่มีทางแพ้ด้วยซ้ำ ทว่าแม้กระนั้นเธอก็รู้สึกว่ายังเทียบไม่ติดแม้กระทั่งปลายเท้าในความแข็งแกร่งของเรย์ลาผู้เป็นแม่เลย

ต่อให้มุมานะอย่างไม่หยุดยั้ง ฝึกฝนอย่างไม่หยุดยั้ง ก็ยังไม่มีความรู้สึกว่าจะไล่ทันได้สักนิดเดียว

เรย์ลากอดอกพลางใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง

 

“ไม่รู้”

 

เธอตอบกลับมาอย่างปราศจากเยื่อใยเช่นนั้น

เพราะเป็นคำตอบที่ผิดคาดอย่างมาก เฮเลนาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากขมวดคิ้ว

 

“คือว่านะ……ถ้าถามว่าทำไมถึงได้แข็งแกร่ง แม่เองก็ไม่รู้หรอก”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“คิดว่านกมันรู้ไหมล่ะ ว่าทำไมถึงบินไปบนท้องฟ้าได้?”

 

“อืม—……”

 

ว่าไปแล้วก็อาจจะจริงตามนั้น

แต่ว่าแบบนี้มันก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลยน่ะสิ

 

“เอาน่า……แม่เองก็ไม่ได้แข็งแกร่งแบบนี้มาตลอดหรอกนะ”

 

“งั้นเหรอ?”

 

“อา เมื่อก่อนเคยมีอยู่ครั้งนึงที่แพ้ด้วยล่ะ”

 

“เอ๋!?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดที่คาดไม่ถึง เฮเลนาจึงอุทานด้วยความตกใจ

แม่ผู้แข็งแกร่งที่สุดผู้นี้เคยพ่ายแพ้ มันเป็นคำพูดที่เธอไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย

 

“ห ให้กับใคร……?”

 

“ความลับน่ะ แต่ว่า เอาเถอะ……เฮเลนาเองก็เริ่มจะโตแล้ว หลังจากนี้ไปเจ้าเองก็คงจะแต่งงานเหมือนกันกระมัง”

 

“อ่า……”

 

แม้เฮเลนาจะนึกภาพอนาคตที่ว่าตนเองจะแต่งงานไม่ออกเท่าไหร่เลย แต่ก็พยักหน้ารับสั่ว ๆ ไปก่อน

ในหมู่ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมีบางคนที่มีคู่หมั้นแล้วด้วยซ้ำไป แม้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการแต่งงานทางการเมืองก็เถอะ

 

“สักวันเฮเลนาเองก็คงจะมีแน่ คู่ต่อสู้ที่คิดว่า ‘หากเป็นคนคนนี้ล่ะก็ ถึงแพ้ก็ไม่เป็นไร’ น่ะ”

 

“……หมายความว่าไงเหรอ?”

 

“สักวันก็จะเข้าใจเองนั่นแหละ ทั้งที่รู้อยู่แล้วแต่ก็หลบเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่ตอบสนองได้ทันแต่ร่างกายมันกลับไม่ยอมขยับ และหากถามว่าทำไม ก็เป็นเพราะทางนี้เองก็คาดหวังมันอยู่เหมือนกันน่ะสิ แม้ในตอนแรกอาจทำใจยอมรับได้ยาก แต่ก็ต้องมีสักวันที่เจ้ารู้ตัวขึ้นมาจนได้”

 

“……?”

 

“เอาเถอะ อย่างไรเสียก็เป็นลูกสาวของฉัน ชายที่เป็นคู่ต่อสู้คงจะต้องเหนื่อยน่าดูเลยล่ะ”

 

เรย์ลาหัวเราะ ‘หึ ๆๆ’

ฝ่ายเฮเลนาก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก จึงได้แต่เอียงศีรษะอย่างฉงนเท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“เคยคุยอะไรแบบนั้นกับคุณแม่ด้วยเหมือนกันนะ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ยอมบอกเลยว่าแพ้ให้กับใครน่ะ”

 

“……เอ่อ เรื่องนั้น”

 

“เป็นถึงคู่ต่อสู้ที่เอาชนะคุณแม่ได้ ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน แต่ข้าก็คิดอยู่เสมอเลยนะว่าอยากจะลองประมือด้วยดูสักครั้ง”

 

มารดาผู้แข็งแกร่งที่สุด ขนาดที่สามพี่น้องช่วยกันรุมยังแพ้อย่างไม่มีทางสู้

ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นอัลเบรา ลิลิธ หรือพี่ริกฮาร์ดก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน ว่ามีคู่ต่อสู้ที่โค่นมารดาผู้นั้นลงได้ด้วย

 

เกรงว่าคงจะเป็นอาจารย์ของแม่หรืออะไรทำนองนั้น แต่จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ

 

“……อย่างนี้นี่เอง”

 

“แต่ระบุเจาะจงว่า ‘ชายที่เป็นคู่ต่อสู้’ ดังนั้นก็น่าจะเป็นบุรุษ……”

 

“ค่ะ ก็น่าจะเป็นตามนั้นนะคะ……”

 

“หืม?”

 

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด อเลกเซียถึงกำลังกุมขมับอยู่

ได้ฟังคำของอเลกเซียดังนั้น เฮเลนาจึงหยุดวิดพื้น

 

“เจ้ารู้อะไรงั้นรึ?”

 

“เปล่าหรอกค่ะ……ก็แค่คิดว่าฝ่าบาทคงจะต้องเหนื่อยน่าดูเลย เท่านั้นแหละค่ะ”

 

“คุยเรื่องนี้อยู่แล้วฝ่าบาทโผล่มาได้ยังไงกันน่ะ?”

 

เพราะไม่อาจเข้าใจคำบ่นเบา ๆ ของอเลกเซียได้

เฮเลนาจึงได้แต่เอียงศีรษะอย่างฉงนใจเท่านั้นเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+