(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 132

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 132 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

‘จิ๊บ ๆ’ เสียงนกตัวเล็ก ๆ ร้องกังวานปลุกให้เฮเลนาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

เมื่อมองดูหน้าต่างรับแสง ก็เห็นว่าตะวันสาดแสงเจิดจ้าแล้ว ดูเหมือนเธอจะหลับไปนานพอสมควร

ภายในหัวรู้สึกปวดทึบเหมือนมีใครมารัวกลองอยู่ ท่าทางเมื่อคืนเธอจะดื่มเยอะเกินไป

 

“อา……”

 

ถึงกระนั้นก็ไม่ควรนอนต่อไปตลอดทั้งแบบนี้ อันดับแรกเธอคงต้องพยายามลุกขึ้นก่อน

เฮเลนาเอามือกดศีรษะพลางค่อย ๆ ลุกขึ้นมา จนผ้าห่มไหลตกออกจากร่าง

 

แล้วก็พบว่าเธอเปลือยอยู่

 

“……เอ๋?”

 

ดูเหมือนเธอจะนอนหลับโดยที่ไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดียว

จำไม่ได้แม้แต่น้อยว่าถอดไปตอนไหน สำหรับเฮเลนาที่มีนิสัยเสียตรงดื่มสุรามากไปแล้วก็มักจะจำอะไรไม่ได้ การสูญเสียความทรงจำเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในบางครั้ง

และ ที่เป็นปัญหามากที่สุด

ก็คือที่ด้านข้างของเฮเลนาที่ลุกขึ้นมาแล้วนั้น

 

มีอเลกเซียที่เปลือยเปล่าเหมือนกันเปี๊ยบนอนหลับอยู่

 

“……ไม่สิ เดี๋ยวนะ ใจเย็นก่อนตัวข้า”

 

‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่’ แม้เธอจะถามตัวเองแต่ก็ไม่มีคำตอบปรากฏออกมา

เมื่อคืน เฮเลนาพอจะจำได้บางส่วนว่ามันมีเรื่องอะไร เพื่อเป็นการฉลองที่จบบู้ตแคมป์ เธอเลยดื่มสุรากันสองคนกับอเลกเซีย

ระหว่างที่กำลังดื่มกันอยู่ก็ได้รู้ว่าอเลกเซียมีนิสัยเวลาเมาแล้วชอบรัวปากเทศน์เป็นชุด แล้วก็โดนดุแบบไม่มีพัก ไม่ได้โดนดุขนาดนั้นมาตั้งแต่วันแรกที่ทะเล่อทะล่าไปเยือนห้องของมาริเอลกับชาร์ลอตเตแล้วกระมัง

พอฟังติดต่อกันไปยาว ๆ ก็เริ่มเหนื่อย เฮเลนาจึงได้เร่งความเร็วในการดื่มของตน แล้วก็ยกซดเอา ซดเอา

และขวดสุราห้าขวดที่กองกันอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะในตอนนี้ก็คงจะเป็นผลลัพธ์ของเหตุการณ์นั้นกระมัง

 

ทว่าปัญหาก็คือ ทำไมตัวเธอกับอเลกเซียถึงได้มานอนเปลือยเคียงคู่อยู่บนเตียงเดียวกันเช่นนี้ได้

พยายามย้อนนึกอย่างสุดชีวิตแล้ว แต่ก็เหมือนมีม่านหมอกมาบดบังทำให้นึกไม่ออก

แบบนี้มัน เหมือนเธอทำเรื่องประหลาดพิกลไปกับอเลกเซียเลยไม่ใช่รึ—

 

“อืมม……”

 

“……”

 

อเลกเซียนอนพลิกตัว เผยให้เห็นหน้าอกที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก

หากมีแค่ตัวเธอเองที่เปลือยอยู่ก็พอจะมองได้ว่ามันร้อนเลยถอดออก แต่แม้แต่อเลกเซียก็เปลือยด้วยแบบนี้จะให้มองว่ายังไงดีล่ะเนี่ย

ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็ไม่มีคำอื่นผุดขึ้นมานอกจาก ‘เสร็จกิจไปแล้ว’

 

“ไม่สิ อ่า……”

 

พอลองคิดดูดีๆ อีกที ทั้งเฮเลนาและอเลกเซียก็เป็นผู้หญิงนี่นา

หากเป็นชายหญิงมาอยู่ในสภาพนี้ก็อาจจินตนาการว่าเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นได้ แต่นี่เป็นหญิงทั้งคู่ ผู้หญิงด้วยกัน สนิทสนมกัน จะเปลือยกายนอนด้วยกันก็คงปกติล่ะเนอะ

 

‘ปกติก็บ้าแล้ว’ เฮเลนาลองแก้ต่างให้ตัวเองดูแต่ก็ต้องปัดตกไปทันควัน

 

เอาเป็นว่า พอลองดูสภาพการณ์แล้ว นี่มันแย่ในหลาย ๆ เรื่องเลย

บู้ตแคมป์เพิ่งจะจบไป คงไม่มีใครมาเยือนห้องของเฮเลนาหรอกกระมัง อเลกเซียที่ปกติมาเยือนทุกเช้าตอนนี้ก็มานอนหลับอยู่ข้าง ๆ เฮเลนาแล้วด้วย

ก่อนอื่นเธอต้องปลุกอเลกเซีย แล้วก็ยืนยันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เฮเลนาคิดได้ดังนั้นก็ยื่นมือไปจะจับไหล่ของอเลกเซีย

 

‘ก๊อก ๆ’ มีเสียงเคาะประตู

 

“……เอ๋?”

 

เฮเลนาเผลอซ่อนตัวในผ้าห่มโดยไม่ตั้งใจก่อนจะมองไปทางประตู

คนที่มาเยือนห้องของเฮเลนาในตอนเช้ามันควรจะมีแค่อเลกเซียเท่านั้นสิ ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ตอนนี้ประตูกลับโดนเคาะ

แปลว่ามีใครบางคนกำลังอยู่ที่อีกฟากของประตูนั้น

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ! ท่านเฮเลนา!”

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

 

เสียงที่ดังมาจากอีกฟากของประตู—คือฟรองซัวส์กับคลาริสซา

ทั้งที่การฝึกอบรมจบลงไปเมื่อวานแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงมากันล่ะ

เฮเลนาไม่มีหนทางที่จะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้แน่ ๆ

 

“ไม่อยู่รึไงนะ?”

 

“ไปฝึกอยู่ในสวนระหว่างอาคารแล้วรึเปล่าคะ!”

 

“เมื่อครู่ไปดูที่สวนมาแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยู่ที่นั่นเจ้าค่ะ”

 

แถมตอนนี้ยังมีเสียงของชาร์ลอตเตเพิ่มเข้ามาด้วย ทำไมมาพร้อมกันสามคนเลยล่ะ

ทว่าก็ยังพอไหว หากมีแค่ฟรองซัวส์ คลาริสซา และชาร์ลอตเตล่ะก็ จะถูกเห็นสภาพนี้ก็ไม่เดือดร้อน ไม่สิ ก็เดือดร้อนแหละ แต่คนที่เห็นแล้วจะเดือดร้อนที่สุดตอนนี้ไม่อยู่

เพราะหากมาริเอลมาเห็นเฮเลนากับอเลกเซียในตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอาการเบรกแตกแบบไหนบ้าง

 

“ถ้างั้น ฝ่าบาทมาหาอยู่ รึเปล่านะ……?”

 

“ได้ยินมาว่าฝ่าบาทไปทรงงานอยู่นะเจ้าคะ น่าจะกลับมาบ่ายวันนี้เจ้าค่ะ”

 

“อุ้ยแหม ชาร์ลอตเตเนี่ยล่ะก็ สืบความเคลื่อนไหวของฝ่าบาทมาดีจังนะ”

 

“หนวกหูน่าเจ้าค่ะ มาริเอล”

 

อยู่นี่หว่า

 

ดันอยู่ด้วยซะได้

ลองเป็นแบบนี้ คงมีทางเดียวคือเนียนเป็นว่าไม่อยู่ห้องต่อไปให้ตลอดรอดฝั่ง

ตอนนี้เอาเป็นว่า ขอแค่เฮเลนาใส่เสื้อผ้าก็ยังดี จากนั้นหากซ่อนตัวอเลกเซียเอาไว้ใต้ผ้าห่ม ก็อาจจะพอหลอกให้คิดว่าตรงนั้นแค่มีฟูกอันใหญ่ ๆ อยู่ก็เป็นได้

หากสถานการณ์มันบีบบังคับให้เธอต้องไปเปิดประตู ก็ใช้วิธีนั้นแล้วกัน—

 

“อ๊ะ ไม่ได้ล็อกกุญแจไว้ค่ะ!”

 

“เดี๋ยวเถอะ ฟรอง เข้าไปเองตามใจชอบไม่ได้นะ”

 

“จริงด้วยค่ะ ไม่ควรเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนะ”

 

“……นั่นสิเจ้าคะ”

 

ทำไมไม่ได้ล็อกไว้เล่า

พอลองนึกดูดี ๆ มันก็เป็นเพราะผู้ที่ถือกุญแจของห้องนี้ไว้มีแค่อเลกเซีย แล้วปกติอเลกเซียก็จะเป็นคนล็อกประตูในตอนที่กลับไปนั่นเอง

และตอนนี้อเลกเซียก็ยังอยู่ที่ห้องนี้

จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ประตูมันไม่ได้ล็อก

 

“แต่ว่า! อย่างน้อยก็ลองเช็คดูหน่อย!”

 

“ก็บอกว่าไม่ได้ไง ห้ามเข้าห้องคนอื่นตามใจชอบนะ”

 

“ใช่แล้วค่ะ คุณฟรองเองถ้าห้องถูกใครเข้ามาตามอำเภอใจก็ไม่ชอบใช่ไหมล่ะคะ?”

 

ฟรองซัวส์พยายามเข้ามา แต่คลาริสซากับมาริเอลห้ามไว้

‘ทั้งสองคนพยายามเข้า’ เฮเลนาเอาใจช่วยในใจอย่างสุดชีวิต แม้มีทางเลือกที่จะรีบวิ่งไปล็อกกุญแจซะตอนนี้ แต่ดูเหมือนพวกเธอก็ลังเลนิดหน่อยที่จะเปิดประตูกันอยู่แล้ว

หากไปล็อกกุญแจตอนนี้ อาจทำให้พวกเธอคิดว่า ‘อยู่ข้างในนี่นา!’ แล้วก็พยายามเข้ามากันก็เป็นได้

ดังนั้นเฮเลนาจึงทำได้แค่สวดวิงวอน

ว่าในตอนนี้ แค่ตอนนี้เท่านั้น ทุกคนอย่าได้เข้ามาเลย

 

“เข้าไปดูซะให้จบ ๆ ก็ได้นี่เจ้าคะ”

 

“อุ้ยแหม แม้แต่ชาร์ลอตเตก็พูดแบบนั้นเหรอคะ?”

 

ไม่รู้ทำไมชาร์ลอตเตถึงไปเข้าข้างฟรองซัวส์ซะงั้น

เท่ากับว่าตอนนี้เสียงแตกเป็นสองต่อสอง หากมีอะไรมาทำลายสมดุลเพียงนิดเดียว ประตูก็คงจะถูกเปิดออกเป็นแน่

‘ซวยแล้ว ซวยแล้ว’ เฮเลนาตบบ่าอเลกเซีย

ก่อนอื่นถ้าปลุกอเลกเซียให้ลุกมาใส่เสื้อผ้าได้ ก็คงสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไปได้

 

“อืมม……ท่านเฮเลนา เอาอีกค่ะ……”

 

“เอาอะไรอีกเล่า!?”

 

เสียงละเมอของอเลกเซียทำให้เฮเลนาเผลอพูดออกมาเช่นนั้น ‘แย่ละสิ’ เธอรีบเอามือปิดปาก

คงไม่ได้ยินหรอกกระมัง—เธอหันมองประตู

 

“อ๊ะ! ได้ยินเสียงด้วยค่ะ!”

 

“……ก็แปลว่า อาจจะกำลังยุ่งอยู่มั้ง? ไว้มาใหม่ทีหลังก็ได้มั้ย”

 

“นั่นสินะคะ……”

 

“แต่ว่า!”

 

“ทุกคน ลืมเรื่องสำคัญกันไปรึเปล่าเจ้าคะ”

 

ฟรองซัวส์ที่พร้อมจะเข้ามาเต็มที่ กับคลาริสซาและมาริเอลที่คอยทักท้วง

และในระหว่างนั้นชาร์ลอตเตก็เกริ่นขึ้นมา

ฟังจากเสียงแล้วก็สัมผัสได้ว่ามั่นใจอย่างมาก เธอคิดจะพูดอะไรกันแน่นะ

 

“หากเข้าไปอาจจะโดนลงโทษก็ได้เจ้าค่ะ”

 

“จริงด้วยสิคะ!”

 

“แต่ถ้าการลงโทษนั่นเป็นการวิดพื้นล่ะก็ พวกเราทุกคนก็ทำได้เกินร้อยครั้งกันอยู่แล้วไงเจ้าคะ”

 

‘โน่ววววววว!’ เฮเลนาอดกลั้นความรู้สึกอยากตะโกนอย่างสุดความสามารถ

เหล่าเด็กสาวเติบโตขึ้นยิ่งกว่าที่คิด ตอนนี้พวกเธอไม่สะทกสะท้านกับการลงโทษเล็กน้อยของเฮเลนาอีกต่อไปแล้ว ผลเสียจากการฝึกฝนขัดเกลามันมาปรากฏในรูปแบบนี้นี่เอง

เฮเลนาพยายามเขย่าไหล่ของอเลกเซียอย่างสุดชีวิต แต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย

 

“อเลกเซีย! อเลกเซีย!”

 

“อืมม……ย ใหญ่จังค่ะ……ท่านเฮเลนา”

 

“อะไรใหญ่อะไรเล็กนะ!?”

 

‘ฮึ้ย ช่างมันแล้ว เอาเป็นว่าก่อนอื่นใส่เสื้อผ้าให้ตัวเองก่อนแล้วกัน’ เฮเลนาคิดก่อนจะมองไปรอบ ๆ

ที่กองอยู่ตรงนั้นคือเสื้อผ้าของเฮเลนากับเสื้อผ้าของอเลกเซีย

เฮเลนาหยิบเพียงเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา

 

และในจังหวะนั้นเอง

 

“อรุณสวัสดิ์! มัวยืนทำอะไรกันอยู่น่ะ! รีบ ๆ เข้าไปสิ!”

 

ทำไมแม้แต่เธอก็มาด้วยเนี่ยแองเจลิกา

หรือว่ามีแค่เฮเลนาคนเดียวที่เข้าใจผิดไปเองว่าบู้ตแคมป์มันจบแล้วงั้นรึ

และแล้วเมื่อแองเจลิกาโผล่มาดังนั้น ประตูจึงถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ! เอ๋……?”

 

“หวา……!”

 

“เอ๊ะ—!?”

 

“ห้ะ……?”

 

“อุ๊ยแหม……!”

 

เฮเลนาเปลือยกายห่มผ้าอยู่

ส่วนด้านข้างก็มีอเลกเซียที่กำลังนอนหลับสบาย (เปลือยเหมือนกัน)

ไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็คือสภาพหลังเสร็จกิจชัดๆ

 

“ม ไม่ใช่นะ……เรื่องนี้มันคือว่า……”

 

“แหม ท่านพี่หญิงคะ……”

 

‘ป๊อง’ ผู้ที่กล่าวพลางแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมาริเอล

ส่วนอีกสี่คนที่เหลือต่างก็ตัวแข็งทื่อพูดอะไรไม่ออกกันหมด

มันก็สมควรแล้วล่ะ หากเฮเลนาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่รู้จะพูดอะไรดีเหมือนกัน

 

“ถ้าท่านพี่หญิงต้องการล่ะก็ มาริเอลคนนี้พร้อมเสมอเลยค่ะ!”

 

“ทุกคนออกไปให้หมดดดดดด!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด