(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 67: ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลัง—ปิดงาน

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 67: ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลัง—ปิดงาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

อเลกเซีย เบอร์การ์ซาร์ด คือนางกำนัลติดห้องที่รับใช้เฮเลนาเรลโนต ผู้เป็น “สนมฟ้าสุริยา” หนึ่งในสามสนมฟ้า ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสำหรับพระสนมที่ใกล้เคียงพระชายาเอกมากที่สุด

ถึงกระนั้น โดยทางการแล้วก็ไม่ใช่ว่าเธอกำลังรับใช้เฮเลนาโดยตรง แต่จะนับว่าอเลกเซียเป็นเพียงนางกำนัลติดห้องเท่านั้น เป็นตัวตนที่โดยพื้นฐานแล้วจะอยู่ติดกับห้อง ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าเฮเลนาต้องออกไปข้างนอก เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องติดตามไปด้วย อันที่จริงแล้วงานพื้นฐานของเธอคือการทำความสะอาดห้องเวลาที่เจ้านายออกไปข้างนอกนั่นเอง

นั่นก็เพราะบุตรีขุนนางที่ได้รับเลือกเป็นสามสนมฟ้าส่วนใหญ่จะพาสาวใช้จำนวนมากมาด้วยเป็นธรรมดา และยังมีสาเหตุอีกอย่างคือพวกเธอมักจะไม่ไว้ใจนางกำนัลติดห้องกันเท่าไรนัก ตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่ายก็เช่น “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเต เอียนส์เวิร์ธ ซึ่งมีความคิดว่าสาวใช้ที่รับใช้ตนมานานย่อมเชื่อใจได้มากกว่านางกำนัลติดห้อง ดังนั้นจึงมีการกล่าวกันว่าเป็นนางกำนัลติดห้องทำงานง่ายกว่าสาวใช้เสียอีก

ทว่า—ความสัมพันธ์ของอเลกเซียกับเฮเลนามันแตกต่างจากความสัมพันธ์ธรรมดาทั่วไปแบบนั้นอยู่มาก

 

แต่เดิมทีแล้วอเลกเซียเกิดจากอนุนอกสมรสของตระกูลวิสเคานต์ เพราะเจ้าตระกูลได้ลงไม้ลงมือกับสาวใช้ที่ทำงานรับใช้ในบ้านตระกูลวิสเคานต์นั่นเอง

ทว่าวิสเคานต์เบอร์การ์ซาร์ดก็ยังแตกต่างจากขุนนางที่ไร้ศีลธรรมคนอื่น ตรงที่เขายอมรับอเลกเซีย โดยมอบสกุลเบอร์การ์ซาร์ดให้ในฐานะที่เป็นบุตรีของตนเอง ส่งเสียเลี้ยงดูจนบรรลุนิติภาวะ และยังจัดหางานในวังหลวงให้ทำอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นทั้งบุตรชายคนโตและคนรองของตระกูลวิสเคานต์เบอร์การ์ซาร์ดก็ยังปฏิบัติต่ออเลกเซียในฐานะน้องสาวจริง ๆ

โดยเฉพาะบาร์โตโลเมผู้เป็นพี่ชายคนรองที่เอ็นดูอเลกเซียมากทีเดียว

เทียบกับพี่ชายคนโตซึ่งแต่งงานไปอย่างรวดเร็วแล้ว บาร์โตโลเมนั้นไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังไม่ได้แต่งงานเสียที เขาจึงเอ็นดูอเลกเซียเหมือนกับเป็นลูกสาวเลยทีเดียว หากมองจากมุมของพี่ชายคนโต การที่มีน้องสาวซึ่งอายุน้อยกว่าบุตรชายตนเองเสียอีกคงจะทำให้เขาไม่รู้จะทำตัวยังไงดีกระมัง

 

บาร์โตโลเมเคยแนะนำเฮเลนาให้เธอรู้จักเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก

ในตอนนั้นอเลกเซียเคยรู้สึกตกใจ ว่ามีสตรีที่งดงามเช่นนี้ด้วยหรือ

 

—เจ้าคืออเลกเซียงั้นรึ

 

เฮเลนากล่าวเช่นนั้นด้วยรอยยิ้มกับอเลกเซียซึ่งยังเป็นเด็ก

จากนั้นก็จับมือเธอ และแนะนำตัวเองต่อว่า

 

—ข้าชื่อว่าเฮเลนา เรลโนต เป็นผู้ที่จะโค่นล้มพี่ชายของเจ้าในสักวันหนึ่งไงล่ะ

 

……

พอมานึกดู ก็มีนิสัยน่าเสียดายสุด ๆ มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแฮะ

 

หลังจากดีลจักรพรรดิองค์ก่อนสวรรคตและฟาร์มาสจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ อเลกเซียก็ได้มาทำหน้าที่เป็นนางกำนัลในวังหลัง

ในโอกาสนั้น เธอก็ได้ฟังคำอธิบายจากหัวหน้านางกำนัลอิซาเบลว่าห้องไหนจะมีบุตรีขุนนางจากตระกูลไหนเข้ามาอยู่ แล้วก็ได้เปิดรับสมัครผู้ที่อยากจะเป็นนางกำนัลติดห้อง เป็นการคำนึงถึงว่า หากมีบุตรีขุนนางที่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อนเข้าวังหลัง ก็น่าจะทำงานกันได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

และชื่อหนึ่งที่ได้เห็นในนั้นก็คือ—เฮเลนา เรลโนต

อเลกเซียจึงไม่ลังเลที่จะเสนอตัวเป็นนางกำนัลติดห้องของเฮเลนา—ของ “สนมฟ้าสุริยา” ในทันที

 

รอเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีก็ยังไม่มีใครมาเสียที อเลกเซียจึงได้แต่ทำความสะอาดห้องไปเรื่อย ๆ ทุกวัน

เธอทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันไม่ให้มีฝุ่นแม้แต่เม็ดเดียว เพื่อให้พร้อมต้อนรับอีกฝ่ายเข้าวังได้ทุกเมื่อ

แล้วในที่สุดเฮเลนาคนนั้นก็ได้มาถึงเสียที เมื่อไม่นานมานี้เอง

เฮเลนาที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจากที่เจอกันเมื่อสมัยเด็ก มาอยู่ตรงนั้นแล้ว

 

“เฮ้อ……”

 

แม้ทุกวันจะถูกเฮเลนาลากไปมาให้หัวหมุนบ่อย ๆ แต่อเลกเซียก็สนุกสนานกับทุก ๆ วันไม่น้อย

ความคิดอ่านของเฮเลนาที่มักจะมุ่งไปผิดทิศทาง บอกตามตรงบางครั้งเธอเองก็ตามไม่ค่อยทัน ทว่าการได้เฝ้ามองเฮเลนาซึ่งแตกต่างจากบุตรีขุนนางธรรมดาทั่วไป ช่วงนี้เธอก็เริ่มรู้สึกว่ามันสนุกดีขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

อย่างวันนี้ ที่จู่ ๆ ก็พูดออกมาว่าอยากกินหม้อไฟอย่างกะทันหัน เธอก็ชักจะชินแล้วล่ะ

 

ก็ชักจะชินแล้วล่ะ แต่ว่านะ

 

“อะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะ!!!!!”

 

ที่มุมหนึ่งของห้อง ฟรองซัวส์กำลังหันหน้าเข้ามุมห้องพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่หยุดหย่อน

 

“ก็แล้วทำมาย เธอถึงได้นุ่มขนาดน้านหา สำนึกผิดเดี๋ยวนี้เลยน้า”

 

คลาริสซากำลังเทศนาเช่นนั้นใส่เตียงที่มีตั้งอยู่ในห้อง

 

“อ๊าง ท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่ยิ๋ง—!”

 

“ม่ายช่ายน้า ข้าม่ายด้ายอ้วนซ้าหน่อยอ่ะ ฮึก……”

 

เฮเลนาที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นในขณะที่เมินมาริเอลโดยสมบูรณ์

 

 

“……”

 

ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ

 

อเลกเซียกุมขมับ พลางมองดูสี่สาวซึ่งแสดงออกถึงความสับสนอลม่าน แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

สาเหตุของเรื่องนี้ มันมาจากสุราซึ่งมาริเอลนำมาอย่างไม่ต้องสงสัย

ก่อนหน้านี้ เฮเลนาเคยเมาค้างจนทำให้อเลกเซียต้องตกใจจนเกือบหัวใจจะวายแบบไม่ใช่การอุปมาอุปไมยมาแล้ว

ตอนที่เจอเธอล้มเปื้อนเลือดอยู่กลางห้อง อเลกเซียยังจำภาพนั้นได้ดีอยู่เลย ตอนแรกถึงขนาดนึกว่าตายไปแล้วซะอีก

สุดท้ายดันกลายเป็นว่าแค่เมาค้าง เป็นเรื่องผิดคาดที่ชวนเอือมระอาใจเหลือเกิน

 

ตั้งแต่วันนั้นมา อเลกเซียก็พร่ำบอกเฮเลนาว่าให้งดเว้นสุราเสีย

และเฮเลนาเองก็ดูเหมือนจะรู้แล้วว่าตัวเองเป็นคนเมาที่นิสัยเสียขนาดไหน จึงไม่ได้เมามายสุราอีกเลยนับแต่วันนั้น

แม้แต่ในวันนี้ เธอก็ยังเหลือบตามามองอเลกเซียในเสี้ยววินาทีที่มาริเอลนำสุราออกมาอยู่เลย

‘วันแบบนี้ก็ปล่อยไปสักวันก็ได้มั้ง’ อเลกเซียคิดเช่นนั้นจึงไม่ได้ห้ามปรามอะไร ทว่า—

 

“……ทำไมเมาแล้วนิสัยแย่กันหมดทั้งสี่คนเลยล่ะคะ”

 

ฟรองซัวส์หัวเราะ คลาริสซาเทศน์บ่น มาริเอลไล่กอด เฮเลนาร้องไห้

ไม่ว่าหน้าไหน ๆ ก็เป็นตัวอย่างตามตำราว่า ‘หากไม่อยากเป็นเช่นนี้ก็จงอย่าดื่มสุรา’ กันทั้งนั้นเลย

 

“อเลกเซีย จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดีเนี่ย”

 

“ถามว่าทำยังไงก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เอาเป็นว่าข้าจะพาท่านเฮเลนากลับห้องก็แล้วกัน”

 

“……สาวใช้ของพระสนมฟ้าดาราล่ะ?”

 

“รอรับอยู่นอกห้องแล้วค่ะ ตอนที่กลับข้าจะช่วยบอกให้แล้วกัน”

 

อเลกเซียพูดคุยกับแคลร์พลางถอนหายใจ

สถานการณ์ที่ชวนเหนื่อยหน่ายนี้ มันคงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอีกแล้ว อีกไม่นานก็คงพากันหมดสติไปทีละคนแน่นอน

 

“อะฮะฮะฮะฮะฮะ! ทำไมมุมห้องมันถึงได้น่าตลกแบบนี้คะ! อะฮะฮะฮะฮะฮะ!”

 

“อะไรเล่า เป็นแค่เตียงแท้ ๆ จะต่อต้านข้างั้นเหรอ? อย่างเธอน่ะมีดีแค่อบอุ่นในหน้าหนาวแค่น้านแหละ”

 

“ท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่ยิ๋ง—……ครอกฟี้—……”

 

“พระสนมฟ้าดาราหมดสติไปแล้วค่ะ โปรดช่วยไปบอกสาวใช้ทีนะคะแคลร์”

 

“……จ้าจ้า”

 

แคลร์ออกไปด้านนอกและพูดคุยกับสาวใช้ของมาริเอลเล็กน้อย จากนั้นก็มีสามคนมาช่วยกันเก็บตัวมาริเอลไป

พวกเธอมองส่งมาริเอล ซึ่งขนาดหมดสติไปแล้วครึ่งนึงก็ยังพร่ำเพ้อท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงอยู่อีก

 

“ฮึก ฮึก ข้า ข้าต้องไดเอ็ตอ่า……”

 

“เอาล่ะ ดูเหมือนงานสังสรรค์จบแล้วล่ะค่ะ ข้าจะไปส่งท่านเฮเลนาตอนนี้เลยแล้วกัน”

 

“อเลกเซีย คนเดียวไหวเหรอ?”

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เห็นแบบนี้ข้าก็เป็นน้องสาวของแปดยอดขุนศึก ‘ขุนศึกหมีน้ำเงิน’ นะคะ”

 

แม้จะไม่ถึงขั้นของเฮเลนา แต่อเลกเซียก็ได้รับการฝึกฝนมาจากพี่ชายพอสมควร ถึงกระนั้นในปัจจุบันเธอก็อยู่ในระดับที่สามารถรับมือชายฉกรรจ์ได้สักหนึ่งคนเท่านั้น

อเลกเซียค่อย ๆ เข้าไปใกล้เฮเลนา

 

“เอาล่ะค่ะ ท่านเฮเลนา”

 

“งือ……อาเลกเซีย……ข้าน่ะ ม่ายด้ายอ้วนน้า”

 

“ค่ะ ไม่อ้วนก็ไม่อ้วนค่ะ เพราะงั้นกลับห้องกันดีกว่านะคะ”

 

‘ฮึบ’ เธอแบกเฮเลนาขึ้นหลัง

เฮเลนามีกล้ามเนื้อเยอะจึงตัวหนักกว่าสตรีทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่อเลกเซียสามารถแบกไหว

 

“เช่นนั้นก็ฝากที่เหลือด้วยนะคะแคลร์”

 

“……ถึงจะบอกว่าฝากก็เหอะนะ”

 

“อะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะ!”

 

“ก็เธอมันนุ่มนี่นา ทำมายต้องทำห้ายมีความสุขขนาดน้านด้วยฮึ”

 

เฮเลนาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ในห้องนี้อีกต่อไปแล้ว อเลกเซียจึงออกจากห้อง

ที่เหลือยกให้แคลร์จัดการทั้งหมดเลยก็แล้วกัน

 

“อาเลกเซีย”

 

“ค่ะ ๆ กลับห้องกันนะคะ”

 

“งืม……”

 

หลังออกมาจากห้องทั้งแบบนั้นก็เดินไปตามโถงทางเดินซึ่งตอนนี้มืดแล้ว

หากถูกใครเข้าจู่โจมในจังหวะนี้คงลำบาก ทว่าตอนนี้มีกองอัศวินหมาป่าเงินคอยดูแลความปลอดภัยอย่างดีอยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่มีพวกคนน่าสงสัยหรอกมั้ง

อเลกเซียรู้สึกวางใจเช่นนั้นพลางเดินตัดผ่านโถงทางเดิน มุ่งไปยังมุมหนึ่งที่มีประตูห้องของสามสนมฟ้าเรียงรายกันอยู่

 

“เอ๋……”

 

ที่นั่น—เธอก็ได้เห็นร่างของคนสองคนยืนอยู่หน้าห้องของเฮเลนา

 

“หืม”

 

“โอ้”

 

มันไม่ใช่คนน่าสงสัยที่ไหน แต่เป็นผู้ที่สมควรแล้วที่จะมาอยู่ที่นี่

จักรพรรดิฟาร์มาส ดีล ลูเครเซีย กันเกรฟ กับอดีต “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” เกรเดีย โรมุลุส ซึ่งเป็นผู้ติดตามนั่นเอง

 

‘แย่ล่ะสิ’ อเลกเซียยั้งเท้าเอาไว้

ทว่าเธอก็ไม่สามารถก้มหัวให้จักรพรรดิได้ทั้งที่กำลังแบกเฮเลนาอยู่ และหากวางเฮเลนาลงก็จะกลายเป็นว่าเธอวางพระสนมซึ่งฟาร์มาสรักใคร่โปรดปรานลงกองกับพื้น แบบนั้นมันอาจทำให้เขาโกรธก็เป็นได้

สถานการณ์ที่จะทำยังไงก็แย่ไปหมด ทำให้อเลกเซียต้องหน้าซีด

 

“ผู้ติดตามของเฮเลนารึ”

 

“ค……ค่ะ! นางกำนัลติดห้องของท่านเฮเล……พระสนมฟ้าสุริยา ชื่อว่าอเลกเซีย เบอร์การ์ซาร์ดค่ะ!”

 

“ที่อยู่บนหลังนั่นเฮเลนาใช่ไหม”

 

“ค ค่ะ!”

 

ต้องมาสนทนากับจักรพรรดิโดยไม่ทันตั้งตัว เธอจึงไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี

ทว่าฟาร์มาสก็เดินผ่านด้านข้างของอเลกเซีย และเข้าไปลูบผมของเฮเลนาซึ่งอยู่บนหลังเบา ๆ

 

“งืม……”

 

“ดื่มสุรากันงั้นรึ?”

 

“ค ค่ะ! พระสนมฟ้าสุริยาได้ดื่มสุรากับพระสนมทุกคนที่สนิมสนมกันอยู่ค่ะ!”

 

“งั้นรึ……”

 

‘หึ’ ฟาร์มาสยิ้ม

ไม่รู้ว่าอเลกเซียคิดไปเองหรือไม่ แต่มันดูเหมือนรอยยิ้มที่มีความยิ้มเยาะตำหนิตนเองอยู่

 

“คืนนี้เรากลับก่อนแล้วกัน ช่วยบอกด้วยล่ะว่าคืนพรุ่งนี้เราจะมาเยือน”

 

“ค ค่ะ!”

 

“เฮเลนาเอ๋ย ไว้พบกันใหม่คืนพรุ่งนี้นะ”

 

“งืม……”

 

ฟาร์มาสกล่าวเช่นนั้นพลางลูบแก้มของเฮเลนา

ฝ่ายเฮเลนาก็ดูเหมือนจะรู้สึกจั๊กจี๋ จึงขยับตัวเล็กน้อย

จากนั้นก็

 

“งืม ข้าน่ะ……ม่ายด้ายอ้วน……”

 

“……”

 

เฮเลนาคงกังวลเรื่องนี้มากจนถึงกับพูดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งอเลกเซียก็ได้แต่รู้สึกเอือมระอา

ทว่า

ฟาร์มาสที่ได้ฟังเฮเลนาพึมพำเช่นนั้น ก็เบิกตาอย่างตกตะลึง

จากนั้นก็ยิ้มกว้าง

 

“งั้นรึ! เป็นเช่นนั้นเองรึ!”

 

“……เอ๋”

 

“ป เปล่า! ไม่มีอะไร ไม่ต้องใส่ใจหรอก เช่นนั้นคืนพรุ่งนี้เราจะมาใหม่นะ”

 

“ค ค่ะ! รับทราบแล้วค่ะ!”

 

เมื่อได้ยินฟาร์มาสกล่าว อเลกเซียก็ตอบส่งไปเช่นนั้นโดยอัตโนมัติ

ทว่า

 

เธอก็ได้แต่เอียงศีรษะอย่างฉงนใส่แผ่นหลังของฟาร์มาสที่ค่อย ๆ กลับไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีสุด ๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 67: ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลัง—ปิดงาน

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 67: ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลัง—ปิดงาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

อเลกเซีย เบอร์การ์ซาร์ด คือนางกำนัลติดห้องที่รับใช้เฮเลนาเรลโนต ผู้เป็น “สนมฟ้าสุริยา” หนึ่งในสามสนมฟ้า ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสำหรับพระสนมที่ใกล้เคียงพระชายาเอกมากที่สุด

ถึงกระนั้น โดยทางการแล้วก็ไม่ใช่ว่าเธอกำลังรับใช้เฮเลนาโดยตรง แต่จะนับว่าอเลกเซียเป็นเพียงนางกำนัลติดห้องเท่านั้น เป็นตัวตนที่โดยพื้นฐานแล้วจะอยู่ติดกับห้อง ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าเฮเลนาต้องออกไปข้างนอก เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องติดตามไปด้วย อันที่จริงแล้วงานพื้นฐานของเธอคือการทำความสะอาดห้องเวลาที่เจ้านายออกไปข้างนอกนั่นเอง

นั่นก็เพราะบุตรีขุนนางที่ได้รับเลือกเป็นสามสนมฟ้าส่วนใหญ่จะพาสาวใช้จำนวนมากมาด้วยเป็นธรรมดา และยังมีสาเหตุอีกอย่างคือพวกเธอมักจะไม่ไว้ใจนางกำนัลติดห้องกันเท่าไรนัก ตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่ายก็เช่น “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเต เอียนส์เวิร์ธ ซึ่งมีความคิดว่าสาวใช้ที่รับใช้ตนมานานย่อมเชื่อใจได้มากกว่านางกำนัลติดห้อง ดังนั้นจึงมีการกล่าวกันว่าเป็นนางกำนัลติดห้องทำงานง่ายกว่าสาวใช้เสียอีก

ทว่า—ความสัมพันธ์ของอเลกเซียกับเฮเลนามันแตกต่างจากความสัมพันธ์ธรรมดาทั่วไปแบบนั้นอยู่มาก

 

แต่เดิมทีแล้วอเลกเซียเกิดจากอนุนอกสมรสของตระกูลวิสเคานต์ เพราะเจ้าตระกูลได้ลงไม้ลงมือกับสาวใช้ที่ทำงานรับใช้ในบ้านตระกูลวิสเคานต์นั่นเอง

ทว่าวิสเคานต์เบอร์การ์ซาร์ดก็ยังแตกต่างจากขุนนางที่ไร้ศีลธรรมคนอื่น ตรงที่เขายอมรับอเลกเซีย โดยมอบสกุลเบอร์การ์ซาร์ดให้ในฐานะที่เป็นบุตรีของตนเอง ส่งเสียเลี้ยงดูจนบรรลุนิติภาวะ และยังจัดหางานในวังหลวงให้ทำอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นทั้งบุตรชายคนโตและคนรองของตระกูลวิสเคานต์เบอร์การ์ซาร์ดก็ยังปฏิบัติต่ออเลกเซียในฐานะน้องสาวจริง ๆ

โดยเฉพาะบาร์โตโลเมผู้เป็นพี่ชายคนรองที่เอ็นดูอเลกเซียมากทีเดียว

เทียบกับพี่ชายคนโตซึ่งแต่งงานไปอย่างรวดเร็วแล้ว บาร์โตโลเมนั้นไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังไม่ได้แต่งงานเสียที เขาจึงเอ็นดูอเลกเซียเหมือนกับเป็นลูกสาวเลยทีเดียว หากมองจากมุมของพี่ชายคนโต การที่มีน้องสาวซึ่งอายุน้อยกว่าบุตรชายตนเองเสียอีกคงจะทำให้เขาไม่รู้จะทำตัวยังไงดีกระมัง

 

บาร์โตโลเมเคยแนะนำเฮเลนาให้เธอรู้จักเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก

ในตอนนั้นอเลกเซียเคยรู้สึกตกใจ ว่ามีสตรีที่งดงามเช่นนี้ด้วยหรือ

 

—เจ้าคืออเลกเซียงั้นรึ

 

เฮเลนากล่าวเช่นนั้นด้วยรอยยิ้มกับอเลกเซียซึ่งยังเป็นเด็ก

จากนั้นก็จับมือเธอ และแนะนำตัวเองต่อว่า

 

—ข้าชื่อว่าเฮเลนา เรลโนต เป็นผู้ที่จะโค่นล้มพี่ชายของเจ้าในสักวันหนึ่งไงล่ะ

 

……

พอมานึกดู ก็มีนิสัยน่าเสียดายสุด ๆ มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแฮะ

 

หลังจากดีลจักรพรรดิองค์ก่อนสวรรคตและฟาร์มาสจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ อเลกเซียก็ได้มาทำหน้าที่เป็นนางกำนัลในวังหลัง

ในโอกาสนั้น เธอก็ได้ฟังคำอธิบายจากหัวหน้านางกำนัลอิซาเบลว่าห้องไหนจะมีบุตรีขุนนางจากตระกูลไหนเข้ามาอยู่ แล้วก็ได้เปิดรับสมัครผู้ที่อยากจะเป็นนางกำนัลติดห้อง เป็นการคำนึงถึงว่า หากมีบุตรีขุนนางที่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อนเข้าวังหลัง ก็น่าจะทำงานกันได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

และชื่อหนึ่งที่ได้เห็นในนั้นก็คือ—เฮเลนา เรลโนต

อเลกเซียจึงไม่ลังเลที่จะเสนอตัวเป็นนางกำนัลติดห้องของเฮเลนา—ของ “สนมฟ้าสุริยา” ในทันที

 

รอเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีก็ยังไม่มีใครมาเสียที อเลกเซียจึงได้แต่ทำความสะอาดห้องไปเรื่อย ๆ ทุกวัน

เธอทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันไม่ให้มีฝุ่นแม้แต่เม็ดเดียว เพื่อให้พร้อมต้อนรับอีกฝ่ายเข้าวังได้ทุกเมื่อ

แล้วในที่สุดเฮเลนาคนนั้นก็ได้มาถึงเสียที เมื่อไม่นานมานี้เอง

เฮเลนาที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจากที่เจอกันเมื่อสมัยเด็ก มาอยู่ตรงนั้นแล้ว

 

“เฮ้อ……”

 

แม้ทุกวันจะถูกเฮเลนาลากไปมาให้หัวหมุนบ่อย ๆ แต่อเลกเซียก็สนุกสนานกับทุก ๆ วันไม่น้อย

ความคิดอ่านของเฮเลนาที่มักจะมุ่งไปผิดทิศทาง บอกตามตรงบางครั้งเธอเองก็ตามไม่ค่อยทัน ทว่าการได้เฝ้ามองเฮเลนาซึ่งแตกต่างจากบุตรีขุนนางธรรมดาทั่วไป ช่วงนี้เธอก็เริ่มรู้สึกว่ามันสนุกดีขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

อย่างวันนี้ ที่จู่ ๆ ก็พูดออกมาว่าอยากกินหม้อไฟอย่างกะทันหัน เธอก็ชักจะชินแล้วล่ะ

 

ก็ชักจะชินแล้วล่ะ แต่ว่านะ

 

“อะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะ!!!!!”

 

ที่มุมหนึ่งของห้อง ฟรองซัวส์กำลังหันหน้าเข้ามุมห้องพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่หยุดหย่อน

 

“ก็แล้วทำมาย เธอถึงได้นุ่มขนาดน้านหา สำนึกผิดเดี๋ยวนี้เลยน้า”

 

คลาริสซากำลังเทศนาเช่นนั้นใส่เตียงที่มีตั้งอยู่ในห้อง

 

“อ๊าง ท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่ยิ๋ง—!”

 

“ม่ายช่ายน้า ข้าม่ายด้ายอ้วนซ้าหน่อยอ่ะ ฮึก……”

 

เฮเลนาที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นในขณะที่เมินมาริเอลโดยสมบูรณ์

 

 

“……”

 

ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ

 

อเลกเซียกุมขมับ พลางมองดูสี่สาวซึ่งแสดงออกถึงความสับสนอลม่าน แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

สาเหตุของเรื่องนี้ มันมาจากสุราซึ่งมาริเอลนำมาอย่างไม่ต้องสงสัย

ก่อนหน้านี้ เฮเลนาเคยเมาค้างจนทำให้อเลกเซียต้องตกใจจนเกือบหัวใจจะวายแบบไม่ใช่การอุปมาอุปไมยมาแล้ว

ตอนที่เจอเธอล้มเปื้อนเลือดอยู่กลางห้อง อเลกเซียยังจำภาพนั้นได้ดีอยู่เลย ตอนแรกถึงขนาดนึกว่าตายไปแล้วซะอีก

สุดท้ายดันกลายเป็นว่าแค่เมาค้าง เป็นเรื่องผิดคาดที่ชวนเอือมระอาใจเหลือเกิน

 

ตั้งแต่วันนั้นมา อเลกเซียก็พร่ำบอกเฮเลนาว่าให้งดเว้นสุราเสีย

และเฮเลนาเองก็ดูเหมือนจะรู้แล้วว่าตัวเองเป็นคนเมาที่นิสัยเสียขนาดไหน จึงไม่ได้เมามายสุราอีกเลยนับแต่วันนั้น

แม้แต่ในวันนี้ เธอก็ยังเหลือบตามามองอเลกเซียในเสี้ยววินาทีที่มาริเอลนำสุราออกมาอยู่เลย

‘วันแบบนี้ก็ปล่อยไปสักวันก็ได้มั้ง’ อเลกเซียคิดเช่นนั้นจึงไม่ได้ห้ามปรามอะไร ทว่า—

 

“……ทำไมเมาแล้วนิสัยแย่กันหมดทั้งสี่คนเลยล่ะคะ”

 

ฟรองซัวส์หัวเราะ คลาริสซาเทศน์บ่น มาริเอลไล่กอด เฮเลนาร้องไห้

ไม่ว่าหน้าไหน ๆ ก็เป็นตัวอย่างตามตำราว่า ‘หากไม่อยากเป็นเช่นนี้ก็จงอย่าดื่มสุรา’ กันทั้งนั้นเลย

 

“อเลกเซีย จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดีเนี่ย”

 

“ถามว่าทำยังไงก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เอาเป็นว่าข้าจะพาท่านเฮเลนากลับห้องก็แล้วกัน”

 

“……สาวใช้ของพระสนมฟ้าดาราล่ะ?”

 

“รอรับอยู่นอกห้องแล้วค่ะ ตอนที่กลับข้าจะช่วยบอกให้แล้วกัน”

 

อเลกเซียพูดคุยกับแคลร์พลางถอนหายใจ

สถานการณ์ที่ชวนเหนื่อยหน่ายนี้ มันคงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอีกแล้ว อีกไม่นานก็คงพากันหมดสติไปทีละคนแน่นอน

 

“อะฮะฮะฮะฮะฮะ! ทำไมมุมห้องมันถึงได้น่าตลกแบบนี้คะ! อะฮะฮะฮะฮะฮะ!”

 

“อะไรเล่า เป็นแค่เตียงแท้ ๆ จะต่อต้านข้างั้นเหรอ? อย่างเธอน่ะมีดีแค่อบอุ่นในหน้าหนาวแค่น้านแหละ”

 

“ท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงท่านพี่ยิ๋ง—……ครอกฟี้—……”

 

“พระสนมฟ้าดาราหมดสติไปแล้วค่ะ โปรดช่วยไปบอกสาวใช้ทีนะคะแคลร์”

 

“……จ้าจ้า”

 

แคลร์ออกไปด้านนอกและพูดคุยกับสาวใช้ของมาริเอลเล็กน้อย จากนั้นก็มีสามคนมาช่วยกันเก็บตัวมาริเอลไป

พวกเธอมองส่งมาริเอล ซึ่งขนาดหมดสติไปแล้วครึ่งนึงก็ยังพร่ำเพ้อท่านพี่หญิงท่านพี่หญิงอยู่อีก

 

“ฮึก ฮึก ข้า ข้าต้องไดเอ็ตอ่า……”

 

“เอาล่ะ ดูเหมือนงานสังสรรค์จบแล้วล่ะค่ะ ข้าจะไปส่งท่านเฮเลนาตอนนี้เลยแล้วกัน”

 

“อเลกเซีย คนเดียวไหวเหรอ?”

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เห็นแบบนี้ข้าก็เป็นน้องสาวของแปดยอดขุนศึก ‘ขุนศึกหมีน้ำเงิน’ นะคะ”

 

แม้จะไม่ถึงขั้นของเฮเลนา แต่อเลกเซียก็ได้รับการฝึกฝนมาจากพี่ชายพอสมควร ถึงกระนั้นในปัจจุบันเธอก็อยู่ในระดับที่สามารถรับมือชายฉกรรจ์ได้สักหนึ่งคนเท่านั้น

อเลกเซียค่อย ๆ เข้าไปใกล้เฮเลนา

 

“เอาล่ะค่ะ ท่านเฮเลนา”

 

“งือ……อาเลกเซีย……ข้าน่ะ ม่ายด้ายอ้วนน้า”

 

“ค่ะ ไม่อ้วนก็ไม่อ้วนค่ะ เพราะงั้นกลับห้องกันดีกว่านะคะ”

 

‘ฮึบ’ เธอแบกเฮเลนาขึ้นหลัง

เฮเลนามีกล้ามเนื้อเยอะจึงตัวหนักกว่าสตรีทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่อเลกเซียสามารถแบกไหว

 

“เช่นนั้นก็ฝากที่เหลือด้วยนะคะแคลร์”

 

“……ถึงจะบอกว่าฝากก็เหอะนะ”

 

“อะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะ!”

 

“ก็เธอมันนุ่มนี่นา ทำมายต้องทำห้ายมีความสุขขนาดน้านด้วยฮึ”

 

เฮเลนาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ในห้องนี้อีกต่อไปแล้ว อเลกเซียจึงออกจากห้อง

ที่เหลือยกให้แคลร์จัดการทั้งหมดเลยก็แล้วกัน

 

“อาเลกเซีย”

 

“ค่ะ ๆ กลับห้องกันนะคะ”

 

“งืม……”

 

หลังออกมาจากห้องทั้งแบบนั้นก็เดินไปตามโถงทางเดินซึ่งตอนนี้มืดแล้ว

หากถูกใครเข้าจู่โจมในจังหวะนี้คงลำบาก ทว่าตอนนี้มีกองอัศวินหมาป่าเงินคอยดูแลความปลอดภัยอย่างดีอยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่มีพวกคนน่าสงสัยหรอกมั้ง

อเลกเซียรู้สึกวางใจเช่นนั้นพลางเดินตัดผ่านโถงทางเดิน มุ่งไปยังมุมหนึ่งที่มีประตูห้องของสามสนมฟ้าเรียงรายกันอยู่

 

“เอ๋……”

 

ที่นั่น—เธอก็ได้เห็นร่างของคนสองคนยืนอยู่หน้าห้องของเฮเลนา

 

“หืม”

 

“โอ้”

 

มันไม่ใช่คนน่าสงสัยที่ไหน แต่เป็นผู้ที่สมควรแล้วที่จะมาอยู่ที่นี่

จักรพรรดิฟาร์มาส ดีล ลูเครเซีย กันเกรฟ กับอดีต “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” เกรเดีย โรมุลุส ซึ่งเป็นผู้ติดตามนั่นเอง

 

‘แย่ล่ะสิ’ อเลกเซียยั้งเท้าเอาไว้

ทว่าเธอก็ไม่สามารถก้มหัวให้จักรพรรดิได้ทั้งที่กำลังแบกเฮเลนาอยู่ และหากวางเฮเลนาลงก็จะกลายเป็นว่าเธอวางพระสนมซึ่งฟาร์มาสรักใคร่โปรดปรานลงกองกับพื้น แบบนั้นมันอาจทำให้เขาโกรธก็เป็นได้

สถานการณ์ที่จะทำยังไงก็แย่ไปหมด ทำให้อเลกเซียต้องหน้าซีด

 

“ผู้ติดตามของเฮเลนารึ”

 

“ค……ค่ะ! นางกำนัลติดห้องของท่านเฮเล……พระสนมฟ้าสุริยา ชื่อว่าอเลกเซีย เบอร์การ์ซาร์ดค่ะ!”

 

“ที่อยู่บนหลังนั่นเฮเลนาใช่ไหม”

 

“ค ค่ะ!”

 

ต้องมาสนทนากับจักรพรรดิโดยไม่ทันตั้งตัว เธอจึงไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี

ทว่าฟาร์มาสก็เดินผ่านด้านข้างของอเลกเซีย และเข้าไปลูบผมของเฮเลนาซึ่งอยู่บนหลังเบา ๆ

 

“งืม……”

 

“ดื่มสุรากันงั้นรึ?”

 

“ค ค่ะ! พระสนมฟ้าสุริยาได้ดื่มสุรากับพระสนมทุกคนที่สนิมสนมกันอยู่ค่ะ!”

 

“งั้นรึ……”

 

‘หึ’ ฟาร์มาสยิ้ม

ไม่รู้ว่าอเลกเซียคิดไปเองหรือไม่ แต่มันดูเหมือนรอยยิ้มที่มีความยิ้มเยาะตำหนิตนเองอยู่

 

“คืนนี้เรากลับก่อนแล้วกัน ช่วยบอกด้วยล่ะว่าคืนพรุ่งนี้เราจะมาเยือน”

 

“ค ค่ะ!”

 

“เฮเลนาเอ๋ย ไว้พบกันใหม่คืนพรุ่งนี้นะ”

 

“งืม……”

 

ฟาร์มาสกล่าวเช่นนั้นพลางลูบแก้มของเฮเลนา

ฝ่ายเฮเลนาก็ดูเหมือนจะรู้สึกจั๊กจี๋ จึงขยับตัวเล็กน้อย

จากนั้นก็

 

“งืม ข้าน่ะ……ม่ายด้ายอ้วน……”

 

“……”

 

เฮเลนาคงกังวลเรื่องนี้มากจนถึงกับพูดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งอเลกเซียก็ได้แต่รู้สึกเอือมระอา

ทว่า

ฟาร์มาสที่ได้ฟังเฮเลนาพึมพำเช่นนั้น ก็เบิกตาอย่างตกตะลึง

จากนั้นก็ยิ้มกว้าง

 

“งั้นรึ! เป็นเช่นนั้นเองรึ!”

 

“……เอ๋”

 

“ป เปล่า! ไม่มีอะไร ไม่ต้องใส่ใจหรอก เช่นนั้นคืนพรุ่งนี้เราจะมาใหม่นะ”

 

“ค ค่ะ! รับทราบแล้วค่ะ!”

 

เมื่อได้ยินฟาร์มาสกล่าว อเลกเซียก็ตอบส่งไปเช่นนั้นโดยอัตโนมัติ

ทว่า

 

เธอก็ได้แต่เอียงศีรษะอย่างฉงนใส่แผ่นหลังของฟาร์มาสที่ค่อย ๆ กลับไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีสุด ๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+