(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 122

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 122 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

การฝึกช่วงเช้าเป็นการตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียว

พื้นฐานของการเพิ่มพูนพลังกายก็คือการวิ่ง ไม่มีวิธีใดที่จะขัดเกลาพลังกายของคนได้ดีไปกว่าการวิ่งอีกแล้ว

การสั่งสมอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี่แหละ ที่จะช่วยเพิ่มพูนพลังของคนคนนั้น

 

ใช่แล้ว

แม้ว่าคนทั้งหลายที่ว่านั้นจะกำลังล้มพับเหมือนศพไปหมดแล้วด้วยการฝึกแค่ช่วงเช้าก็ตามที

 

“เอาล่ะ งั้นก็กินมื้อเที่ยงกัน! ไปที่ห้องของข้า จัดแถว!”

 

“อุ……”

 

พวกเธอต้องรู้สึกเหมือนขาเป็นท่อนไม้กันไปแล้วอย่างแน่นอน แต่เหล่าศิษย์ทั้งห้าก็ต่างเริ่มขยับตัวกันด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าแค่จะยืนขึ้นยากเย็น

ดูเหมือนทุกคนจะมีความมานะอดทนกันมากกว่าที่เฮเลนาคิดไว้

สำหรับคลาริสซาซึ่งที่ผ่านมาแค่ตามน้ำไปเรื่อย ๆ เมื่อตอนนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วมันจึงแตกต่างอย่างมาก ส่วนแองเจลิกานั้นก็รู้สึกว่าจะเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ได้ด้วยความแค้นเคืองที่มีต่อเฮเลนาล้วน ๆ

 

ทว่า ที่น่าแปลกก็คือชาร์ลอตเต

การที่เธอตามการฝึกมาได้เช่นนี้ เฮเลนาไม่รู้เลยว่ามันมีความรู้สึกเช่นไรเป็นรากฐานผลักดันเธออยู่กันแน่

แต่เดิมทีฟรองซัวส์ คลาริสซา มาริเอลนั้นเข้าร่วมโดยที่ตกลงยืนยันความสมัครใจกันล่วงหน้าแล้ว ส่วนแองเจลิกาก็มาเข้าร่วมเพราะมีคำขอจากลูเครเซียว่าอยากให้ช่วยฝึก

แต่การมาเข้าร่วมของชาร์ลอตเตนั้น เฮเลนาเป็นคนตัดสินเอาเองตามใจชอบ เจ้าตัวไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าร่วมมาก่อนสักนิด

 

“……อืม ช่างมันละกัน”

 

ต่อให้คิดมากเรื่องชาร์ลอตเตไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก

ตอนนี้คิดซะว่าชาร์ลอตเตคงมีแรงผลักดันอะไรบางอย่างเธอถึงได้พยายามอยู่ก็พอแล้ว

 

เมื่อกลับมาที่ห้อง ก็ได้เวลามื้อเที่ยง

แม้ทุกคนจะไม่ค่อยอยากอาหารเหมือนเคย แต่ก็ยังรู้ว่าจะกินเหลือไม่ได้ จึงรับประทานจนหมดกันทุกคน

จากนั้นในช่วงบ่ายก็กลับไปที่สวนระหว่างอาคารอีกครั้ง

 

ที่สวน เฮเลนารอให้ทุกคนยืนเรียงแถวกันให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนที่จะไปยืนเบื้องหน้า

 

“เอาล่ะ ต่อไปจะเริ่มการฝึกช่วงบ่าย!”

 

“ค่ะ!!”

 

มนุษย์เรานั้น โดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะขยับตัวไปมาทั้งวัน

มันจำเป็นต้องมีการพักผ่อนให้พอเหมาะ โดยเฉพาะในช่วงที่แรงกายยังไม่สมบูรณ์ดีเช่นนี้ การฝึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายพังทลายได้

จนกว่าจะถึงเกือบ ๆ มื้อเย็นเฮเลนาจึงจะจัดการฝึกที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากขนาดนั้น

 

หรือก็คือ

การฝึกทางด้านเทคนิควิชานั่นเอง

 

“ขานเลข—!”

 

“หนึ่ง—!”

 

“สอง—!”

 

“สาม—!”

 

“สี่—!”

 

“ห้า—!”

 

“ดี!!”

 

แม้จะโงนเงนกันนิดหน่อย แต่ทุกคนก็ยืนเรียงหน้ากระดานและขานเลขกันได้อย่างดี

คงรับรู้แล้วกระมังว่ายังไงก็ต้องทำตามคำสั่ง แต่พูดอีกอย่างการฝึกทหารใหม่มันก็มีไว้เพื่อการนั้นอยู่แล้วล่ะนะ

เฮเลนาเดินไปมาอยู่เบื้องหน้าของทั้งห้า

 

“พวกเจ้าทั้งห้าคน คือสหายร่วมรบที่ต้องเชื่อใจกันและกันให้มากที่สุดตลอดการฝึกนี้ ทั้งห้าจะต้องสามัคคีร่วมใจกันเสมอ ตอนนี้คงจะเข้าใจเรื่องนั้นกันเป็นอย่างดีแล้วสินะ”

 

เฮเลนาพาดพัดกระดาษใส่มือพลางจ้องเขม่นอย่างดุดัน

ทั้งห้าคนไม่มีใครขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

เพราะพวกเธอเข้าใจกันดีแล้วนั่นเอง ว่าห้ามออกปากอะไรโดยที่เฮเลนาไม่อนุญาต

 

“หมายความว่า พวกเจ้าจะต้องญาติดีกันเข้าไว้ แม้แต่การแตกแยกกันเพียงเล็กน้อยก็ห้ามมี ความผิดพลาดของหนึ่งคนทุกคนจะต้องร่วมกันแก้ไข รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวก้าวข้ามการฝึกอบรมนี้ไปให้ได้ เข้าใจแล้วรึยัง!”

 

“ค่ะ!!”

 

“และสิ่งที่จะช่วยสร้างความสามัคคีได้ดีที่สุด ก็คือการที่พวกเจ้าทั้งห้าได้เผชิญอุปสรรคร่วมกัน ต่อให้ยากเย็นแค่ไหนก็ตาม หากห้าคนร่วมใจก็อาจก้าวข้ามมันไปได้ ทว่าหากเอาแต่พึ่งพลังของคนใดคนหนึ่ง สิ่งนั้นย่อมยากยิ่งนัก จงจดจำข้อนั้นไว้ให้ดี แล้วก็ตั้งใจในการฝึกหลังจากนี้ไปซะ”

 

“ค่ะ!!”

 

“เอาล่ะ อเลกเซีย!”

 

เฮเลนาส่งเสียงไปหาอเลกเซียซึ่งคอยเตรียมพร้อมอยู่ที่บริเวณทางเข้าออกของสวนระหว่างอาคาร

เมื่อคืนก่อนเฮเลนาได้ไหว้วานให้เธอเตรียมบางอย่างให้ แม้จะไม่รู้ว่าช่วยจัดหามาแบบไหน แต่ก็ดูจะมีครบส่วนของหลายคนพอดี

อเลกเซียโอบของสิ่งนั้นซึ่งดูหนักพอสมควร ก่อนจะนำมาวางไว้ในสวนระหว่างอาคาร

 

“ของที่ไหว้วาน จัดเตรียมมาให้แล้วค่ะ”

 

“ขอบใจ”

 

“เช่นนั้น ข้าขอตัวนะคะ”

 

อเลกเซียถอยฉากจนลับตาไป

แม้จะมองจากมุมนี้ไม่เห็น แต่เธอคงจะอยู่ในจุดที่เสียงของเฮเลนาไปถึงเสมอนั่นแหละ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เฮเลนาไม่ได้ยินเสียงพูดแม้แต่น้อย คงเป็นเพราะเธออดทนรออยู่โดยไม่พูดอะไรตลอดเลยสินะ

ช่างเอาใจใส่จนรู้สึกซาบซึ้งเลยทีเดียว

 

“เอาล่ะ ทุกคน หยิบขึ้นมาคนละอันซะ”

 

“ค ค่ะ……สิ่งนี้คือ……?”

 

“แค่ดูก็รู้แล้วนี่ ถ้าขาดสามัญสำนึกซะจนไม่รู้จักว่านี่คืออะไร งั้นเดี๋ยวข้าจะสอนให้รู้ถึงอานุภาพของมันด้วยร่างกายซะเลยดีไหม”

 

“ร รู้จักค่ะ! รู้จักค่ะ!”

 

สิ่งที่เฮเลนาไหว้วานอเลกเซียและนำมาแจกจ่ายนั้น

มันก็คือคันธนูกับลูกธนู และมัดฟางที่ใช้สำหรับเป็นเป้ายิงนั่นเอง

แน่นอนว่า ด้วยกฎห้ามนำอาวุธเข้าวังหลัง ที่ปลายลูกธนูจึงไม่ได้ติดอะไรไว้ แต่เนื่องจากเป้ายิงเป็นมัดฟาง ต่อให้ใช้ลูกธนูหัวกลมมนเช่นนี้มันก็คงเจาะเข้าเป้าได้

 

“พวกเจ้าไม่รู้แม้กระทั่งพื้นฐานของการต่อสู้ด้วยซ้ำ ลองถือดาบออกไปในสมรภูมิด้วยฝีมือแค่นั้นดูสิ คงจะถูกฟันตายในทันทีนั่นแหละ เช่นนั้นแล้ว คนที่ไม่มีทั้งพลังทั้งความอึด ต่ำต้อยยิ่งกว่าตัวหนอนแมลงเช่นพวกเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะโค่นล้มศัตรูได้”

 

“ต ตัวหนอน……!?”

 

“มีอะไรรึแองเจิลกา เจ้ามีอะไรที่เหนือกว่าตัวหนอนงั้นรึ?”

 

“ดูถูกกันนี่……!”

 

“โฮ่ ดูเหมือนแองเจลิกาจะอยากให้ข้าเปลี่ยนอาวุธเป็นอันที่เจ็บกว่านี้สินะ พวกเจ้าทุกคนเห็นเช่นเดียวกันหรือไม่ ชาร์ลอตเต”

 

“……!! ขอโทษสิเจ้าคะแองเจลิกา!”

 

“ขึ่ก……!!”

 

แองเจลิกามองเฮเลนาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกชัดเจนว่าทำใจยอมรับไม่ได้

แม้เธอจะอดทนต่อการฝึกได้ด้วยความแค้นเคือง แต่โดนต่อว่าต่ำกว่าหนอนแมลงแบบนี้ดูเหมือนจะทนไม่ได้สินะ

ทว่าก็ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกว่าการแข็งข้อเช่นนั้นมันไร้ความหมาย

 

“พอกันที ทนไม่ไหวแล้ว! ทำไมฉันจะต้องมาฟังคำสั่งของคนอย่างเธอด้วย……!”

 

“ก็เอาสิ เจ้าบอกว่าจะไม่ฟังคำสั่งข้าสินะ”

 

“ฉันจะไม่ฟังคำสั่งเธออีกต่อไปแล้ว! ยัยหญิงทึนทึกนี่!”

 

“เอาล่ะ……เช่นนั้นก็ ฟรองซัวส์ ก้าวออกมาข้างหน้า”

 

“เอ๊ะ……!”

 

“หา……?”

 

เฮเลนาไม่ว่าอะไรกับแองเจลิกาที่ตะโกนว่าจะไม่เชื่อฟังแล้ว แต่กลับเรียกให้ฟรองซัวส์ก้าวออกมาข้างหน้าแทน

ฝ่ายฟรองซัวส์ แม้จะยังดูสับสนอยู่ แต่ก็ยอมทำตามและก้าวออกมาโดยไม่บ่นอะไร

 

“ข้าได้บอกไปแล้วใช่ไหม ว่าในการฝึกอบรมนี้ทั้งห้าจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะให้มีความแตกแยกแม้แต่น้อยไม่ได้ ต้องก้าวข้ามกันไปให้ได้ทั้งห้าคน”

 

“ค ค่ะ!!”

 

“เช่นนั้น ความผิดนี้ที่แองเจลิกาแข็งข้อกับข้าผู้เป็นครูฝึก ก็ถือเป็นความผิดของทุกคนเช่นกัน ฟรองซัวส์ เพื่อเป็นการลงโทษที่แองเจลิกาใช้วาจาก้าวร้าวหยาบคาย ข้าขอสั่งให้เจ้าวิดพื้นห้าสิบครั้ง”

 

“อ อะไรกันน่ะ!?”

 

“แองเจลิกา ข้าไม่ได้อนุญาตให้เจ้าพูด เอ้า ฟรองซัวส์ ทำซะ”

 

“ค ค ค่ะ!!”

 

แม้จะยังดูสับสนอยู่ แต่ฟรองซัวส์ก็รับคำพร้อมกับเริ่มวิดพื้น

แม้เมื่อตอนเริ่มฝึกครั้งแรกฟรองซัวส์จะวิดพื้นแทบไม่ได้เลย แต่ในตอนนี้เธอเริ่มจะมีพลังกายขึ้นมาบ้างแล้ว แค่ห้าสิบครั้งคงพอทำได้อยู่กระมัง

แม้การลงโทษฟรองซัวส์ที่เคารพเธอเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งด้วยความผิดที่ไม่ได้ก่อแบบนี้จะทำให้เฮเลนาปวดใจอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้มันก็ช่วยไม่ได้

เฮเลนาต้องขจัดความใจอ่อนออกไปให้หมดสิ้นอย่างสุดความสามารถ

 

“หนึ่ง!! สอง!! สาม!!”

 

“ทำให้มันเร็วกว่านี้! อย่าชักช้าให้คนต้องอื่นรอ!”

 

“ค ค่ะ!!”

 

“ทำไมถึงสั่งให้เธอทำแทนฉันล่ะ!? เพื่ออะไรเนี่ย!!”

 

“ข้าบอกให้หุบปากไว้ไม่ใช่รึ”

 

“แต่ว่า!!”

 

“ฝ่าฝืนคำสั่งสินะ คลาริสซา ก้าวออกมา ข้าขอสั่งให้เจ้าวิดพื้นห้าสิบครั้ง”

 

“ค ค่ะ!!”

 

“ไหงเป็นงั้นล่ะ—!?”

 

ข้าง ๆ แองเจลิกาที่กำลังตะโกนโวยวาย คลาริสซาก็เริ่มทำการวิดพื้น

จะอย่างไรเฮเลนาก็ได้บอกไปแล้วว่าทั้งห้าคนต้องร่วมมือกัน หมายความว่ามันต้องเกิดความรับผิดชอบร่วมกันอย่างแน่นอน

และการเห็นผู้อื่นต้องมารับโทษเพราะความผิดของตนเอง—หากเป็นคนที่มีจิตใจปกติ มันย่อมยากที่จะทานทนได้

ในฐานะผู้ที่เป็นสาเหตุให้แองเจลิกาต้องรับประสบการณ์ที่ยากจะทนเช่นนี้ เฮเลนาเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน ทว่าการอดทนต่อความรู้สึกที่บีบคั้นนี้ก็ถือเป็นหน้าที่ของครูฝึก

 

“ห หยุด หยุดนะ! ถ้าจะลงโทษก็ลงที่ฉันสิ!”

 

“จะต้องให้สั่งให้หุบปากอีกกี่ครั้งกัน ชาร์ลอตเต มาริเอล ก้าวออกมาข้างหน้า ข้าขอสั่งให้วิดพื้นห้าสิบครั้ง”

 

“……เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

 

“รับคราบค่ะ”

 

“ม ไม่นะ—!!”

 

เมื่อเห็นชาร์ลอตเตเริ่มวิดพื้นโดยไม่ต่อต้าน แองเจลิกาก็ถึงกับเข่าทรุด

พลางเอามือปิดหน้าราวกับกำลังบอกว่าไม่สามารถทนดูอีกต่อไปแล้ว

 

“ลุกขึ้นมาแองเจลิกา”

 

“ไม่เอา ไม่เอาแล้ว—……!”

 

“ข้ากำลังสั่ง ยืนขึ้นมา”

 

“ยืนก็ได้!!”

 

‘ฮือ’ แองเจลิกาลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังมีสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว

ที่ฉายอยู่ในแววตานั้นคือความเกลียดชังอย่างแจ่มชัด

ห้าคนที่เพิ่งจะจับกลุ่มกันเมื่อวานนี้ ซ้ำยังเป็นคนที่แองเจิลกาไม่เคยพบหน้ามาก่อนเลยจนถึงเมื่อวาน แม้จะเป็นตัวตนที่มีความสัมพันธ์อันเบาบางเช่นนั้น แต่หากรู้ว่าทุกคนต้องมารับเคราะห์เพราะตนเองก็ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะทานทนอยู่แล้ว

ตอนนี้แองเจลิกายืนขึ้นอยู่เพียงคนเดียว ส่วนคนที่เหลือกำลังวิดพื้น

ในระหว่างนั้น แองเจลิกาก็ได้กล่าวพร้อมหน้าแดงก่ำว่า

 

“ข ขออนุญาต……พูดได้หรือไม่คะ!!”

 

“ก็ได้”

 

“ได้โปรด ให้ฉัน……วิดพื้น ด้วยเถอะค่ะ……!!”

 

“อยากทำนักก็เชิญ”

 

แล้วแองเจลิกาก็เริ่มวิดพื้นเรียงแถวกับอีกสี่คน

แม้ดูยังมีใจเคียดแค้นต่อเฮเลนาอยู่ แต่เพียงเท่านี้คงเข้าใจแล้วกระมังว่าขัดขืนไปก็ไร้ความหมาย

 

ต่อหน้าทั้งห้าที่กำลังวิดพื้นอยู่อย่างเนื่อง เฮเลนาเองก็อดกลั้นใจที่เจ็บปวด พลางรักษาสีหน้านิ่งเฉยเอาไว้ต่อไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 122

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 122 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

การฝึกช่วงเช้าเป็นการตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียว

พื้นฐานของการเพิ่มพูนพลังกายก็คือการวิ่ง ไม่มีวิธีใดที่จะขัดเกลาพลังกายของคนได้ดีไปกว่าการวิ่งอีกแล้ว

การสั่งสมอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี่แหละ ที่จะช่วยเพิ่มพูนพลังของคนคนนั้น

 

ใช่แล้ว

แม้ว่าคนทั้งหลายที่ว่านั้นจะกำลังล้มพับเหมือนศพไปหมดแล้วด้วยการฝึกแค่ช่วงเช้าก็ตามที

 

“เอาล่ะ งั้นก็กินมื้อเที่ยงกัน! ไปที่ห้องของข้า จัดแถว!”

 

“อุ……”

 

พวกเธอต้องรู้สึกเหมือนขาเป็นท่อนไม้กันไปแล้วอย่างแน่นอน แต่เหล่าศิษย์ทั้งห้าก็ต่างเริ่มขยับตัวกันด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าแค่จะยืนขึ้นยากเย็น

ดูเหมือนทุกคนจะมีความมานะอดทนกันมากกว่าที่เฮเลนาคิดไว้

สำหรับคลาริสซาซึ่งที่ผ่านมาแค่ตามน้ำไปเรื่อย ๆ เมื่อตอนนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วมันจึงแตกต่างอย่างมาก ส่วนแองเจลิกานั้นก็รู้สึกว่าจะเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ได้ด้วยความแค้นเคืองที่มีต่อเฮเลนาล้วน ๆ

 

ทว่า ที่น่าแปลกก็คือชาร์ลอตเต

การที่เธอตามการฝึกมาได้เช่นนี้ เฮเลนาไม่รู้เลยว่ามันมีความรู้สึกเช่นไรเป็นรากฐานผลักดันเธออยู่กันแน่

แต่เดิมทีฟรองซัวส์ คลาริสซา มาริเอลนั้นเข้าร่วมโดยที่ตกลงยืนยันความสมัครใจกันล่วงหน้าแล้ว ส่วนแองเจลิกาก็มาเข้าร่วมเพราะมีคำขอจากลูเครเซียว่าอยากให้ช่วยฝึก

แต่การมาเข้าร่วมของชาร์ลอตเตนั้น เฮเลนาเป็นคนตัดสินเอาเองตามใจชอบ เจ้าตัวไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าร่วมมาก่อนสักนิด

 

“……อืม ช่างมันละกัน”

 

ต่อให้คิดมากเรื่องชาร์ลอตเตไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก

ตอนนี้คิดซะว่าชาร์ลอตเตคงมีแรงผลักดันอะไรบางอย่างเธอถึงได้พยายามอยู่ก็พอแล้ว

 

เมื่อกลับมาที่ห้อง ก็ได้เวลามื้อเที่ยง

แม้ทุกคนจะไม่ค่อยอยากอาหารเหมือนเคย แต่ก็ยังรู้ว่าจะกินเหลือไม่ได้ จึงรับประทานจนหมดกันทุกคน

จากนั้นในช่วงบ่ายก็กลับไปที่สวนระหว่างอาคารอีกครั้ง

 

ที่สวน เฮเลนารอให้ทุกคนยืนเรียงแถวกันให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนที่จะไปยืนเบื้องหน้า

 

“เอาล่ะ ต่อไปจะเริ่มการฝึกช่วงบ่าย!”

 

“ค่ะ!!”

 

มนุษย์เรานั้น โดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะขยับตัวไปมาทั้งวัน

มันจำเป็นต้องมีการพักผ่อนให้พอเหมาะ โดยเฉพาะในช่วงที่แรงกายยังไม่สมบูรณ์ดีเช่นนี้ การฝึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายพังทลายได้

จนกว่าจะถึงเกือบ ๆ มื้อเย็นเฮเลนาจึงจะจัดการฝึกที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากขนาดนั้น

 

หรือก็คือ

การฝึกทางด้านเทคนิควิชานั่นเอง

 

“ขานเลข—!”

 

“หนึ่ง—!”

 

“สอง—!”

 

“สาม—!”

 

“สี่—!”

 

“ห้า—!”

 

“ดี!!”

 

แม้จะโงนเงนกันนิดหน่อย แต่ทุกคนก็ยืนเรียงหน้ากระดานและขานเลขกันได้อย่างดี

คงรับรู้แล้วกระมังว่ายังไงก็ต้องทำตามคำสั่ง แต่พูดอีกอย่างการฝึกทหารใหม่มันก็มีไว้เพื่อการนั้นอยู่แล้วล่ะนะ

เฮเลนาเดินไปมาอยู่เบื้องหน้าของทั้งห้า

 

“พวกเจ้าทั้งห้าคน คือสหายร่วมรบที่ต้องเชื่อใจกันและกันให้มากที่สุดตลอดการฝึกนี้ ทั้งห้าจะต้องสามัคคีร่วมใจกันเสมอ ตอนนี้คงจะเข้าใจเรื่องนั้นกันเป็นอย่างดีแล้วสินะ”

 

เฮเลนาพาดพัดกระดาษใส่มือพลางจ้องเขม่นอย่างดุดัน

ทั้งห้าคนไม่มีใครขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

เพราะพวกเธอเข้าใจกันดีแล้วนั่นเอง ว่าห้ามออกปากอะไรโดยที่เฮเลนาไม่อนุญาต

 

“หมายความว่า พวกเจ้าจะต้องญาติดีกันเข้าไว้ แม้แต่การแตกแยกกันเพียงเล็กน้อยก็ห้ามมี ความผิดพลาดของหนึ่งคนทุกคนจะต้องร่วมกันแก้ไข รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวก้าวข้ามการฝึกอบรมนี้ไปให้ได้ เข้าใจแล้วรึยัง!”

 

“ค่ะ!!”

 

“และสิ่งที่จะช่วยสร้างความสามัคคีได้ดีที่สุด ก็คือการที่พวกเจ้าทั้งห้าได้เผชิญอุปสรรคร่วมกัน ต่อให้ยากเย็นแค่ไหนก็ตาม หากห้าคนร่วมใจก็อาจก้าวข้ามมันไปได้ ทว่าหากเอาแต่พึ่งพลังของคนใดคนหนึ่ง สิ่งนั้นย่อมยากยิ่งนัก จงจดจำข้อนั้นไว้ให้ดี แล้วก็ตั้งใจในการฝึกหลังจากนี้ไปซะ”

 

“ค่ะ!!”

 

“เอาล่ะ อเลกเซีย!”

 

เฮเลนาส่งเสียงไปหาอเลกเซียซึ่งคอยเตรียมพร้อมอยู่ที่บริเวณทางเข้าออกของสวนระหว่างอาคาร

เมื่อคืนก่อนเฮเลนาได้ไหว้วานให้เธอเตรียมบางอย่างให้ แม้จะไม่รู้ว่าช่วยจัดหามาแบบไหน แต่ก็ดูจะมีครบส่วนของหลายคนพอดี

อเลกเซียโอบของสิ่งนั้นซึ่งดูหนักพอสมควร ก่อนจะนำมาวางไว้ในสวนระหว่างอาคาร

 

“ของที่ไหว้วาน จัดเตรียมมาให้แล้วค่ะ”

 

“ขอบใจ”

 

“เช่นนั้น ข้าขอตัวนะคะ”

 

อเลกเซียถอยฉากจนลับตาไป

แม้จะมองจากมุมนี้ไม่เห็น แต่เธอคงจะอยู่ในจุดที่เสียงของเฮเลนาไปถึงเสมอนั่นแหละ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เฮเลนาไม่ได้ยินเสียงพูดแม้แต่น้อย คงเป็นเพราะเธออดทนรออยู่โดยไม่พูดอะไรตลอดเลยสินะ

ช่างเอาใจใส่จนรู้สึกซาบซึ้งเลยทีเดียว

 

“เอาล่ะ ทุกคน หยิบขึ้นมาคนละอันซะ”

 

“ค ค่ะ……สิ่งนี้คือ……?”

 

“แค่ดูก็รู้แล้วนี่ ถ้าขาดสามัญสำนึกซะจนไม่รู้จักว่านี่คืออะไร งั้นเดี๋ยวข้าจะสอนให้รู้ถึงอานุภาพของมันด้วยร่างกายซะเลยดีไหม”

 

“ร รู้จักค่ะ! รู้จักค่ะ!”

 

สิ่งที่เฮเลนาไหว้วานอเลกเซียและนำมาแจกจ่ายนั้น

มันก็คือคันธนูกับลูกธนู และมัดฟางที่ใช้สำหรับเป็นเป้ายิงนั่นเอง

แน่นอนว่า ด้วยกฎห้ามนำอาวุธเข้าวังหลัง ที่ปลายลูกธนูจึงไม่ได้ติดอะไรไว้ แต่เนื่องจากเป้ายิงเป็นมัดฟาง ต่อให้ใช้ลูกธนูหัวกลมมนเช่นนี้มันก็คงเจาะเข้าเป้าได้

 

“พวกเจ้าไม่รู้แม้กระทั่งพื้นฐานของการต่อสู้ด้วยซ้ำ ลองถือดาบออกไปในสมรภูมิด้วยฝีมือแค่นั้นดูสิ คงจะถูกฟันตายในทันทีนั่นแหละ เช่นนั้นแล้ว คนที่ไม่มีทั้งพลังทั้งความอึด ต่ำต้อยยิ่งกว่าตัวหนอนแมลงเช่นพวกเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะโค่นล้มศัตรูได้”

 

“ต ตัวหนอน……!?”

 

“มีอะไรรึแองเจิลกา เจ้ามีอะไรที่เหนือกว่าตัวหนอนงั้นรึ?”

 

“ดูถูกกันนี่……!”

 

“โฮ่ ดูเหมือนแองเจลิกาจะอยากให้ข้าเปลี่ยนอาวุธเป็นอันที่เจ็บกว่านี้สินะ พวกเจ้าทุกคนเห็นเช่นเดียวกันหรือไม่ ชาร์ลอตเต”

 

“……!! ขอโทษสิเจ้าคะแองเจลิกา!”

 

“ขึ่ก……!!”

 

แองเจลิกามองเฮเลนาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกชัดเจนว่าทำใจยอมรับไม่ได้

แม้เธอจะอดทนต่อการฝึกได้ด้วยความแค้นเคือง แต่โดนต่อว่าต่ำกว่าหนอนแมลงแบบนี้ดูเหมือนจะทนไม่ได้สินะ

ทว่าก็ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกว่าการแข็งข้อเช่นนั้นมันไร้ความหมาย

 

“พอกันที ทนไม่ไหวแล้ว! ทำไมฉันจะต้องมาฟังคำสั่งของคนอย่างเธอด้วย……!”

 

“ก็เอาสิ เจ้าบอกว่าจะไม่ฟังคำสั่งข้าสินะ”

 

“ฉันจะไม่ฟังคำสั่งเธออีกต่อไปแล้ว! ยัยหญิงทึนทึกนี่!”

 

“เอาล่ะ……เช่นนั้นก็ ฟรองซัวส์ ก้าวออกมาข้างหน้า”

 

“เอ๊ะ……!”

 

“หา……?”

 

เฮเลนาไม่ว่าอะไรกับแองเจลิกาที่ตะโกนว่าจะไม่เชื่อฟังแล้ว แต่กลับเรียกให้ฟรองซัวส์ก้าวออกมาข้างหน้าแทน

ฝ่ายฟรองซัวส์ แม้จะยังดูสับสนอยู่ แต่ก็ยอมทำตามและก้าวออกมาโดยไม่บ่นอะไร

 

“ข้าได้บอกไปแล้วใช่ไหม ว่าในการฝึกอบรมนี้ทั้งห้าจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะให้มีความแตกแยกแม้แต่น้อยไม่ได้ ต้องก้าวข้ามกันไปให้ได้ทั้งห้าคน”

 

“ค ค่ะ!!”

 

“เช่นนั้น ความผิดนี้ที่แองเจลิกาแข็งข้อกับข้าผู้เป็นครูฝึก ก็ถือเป็นความผิดของทุกคนเช่นกัน ฟรองซัวส์ เพื่อเป็นการลงโทษที่แองเจลิกาใช้วาจาก้าวร้าวหยาบคาย ข้าขอสั่งให้เจ้าวิดพื้นห้าสิบครั้ง”

 

“อ อะไรกันน่ะ!?”

 

“แองเจลิกา ข้าไม่ได้อนุญาตให้เจ้าพูด เอ้า ฟรองซัวส์ ทำซะ”

 

“ค ค ค่ะ!!”

 

แม้จะยังดูสับสนอยู่ แต่ฟรองซัวส์ก็รับคำพร้อมกับเริ่มวิดพื้น

แม้เมื่อตอนเริ่มฝึกครั้งแรกฟรองซัวส์จะวิดพื้นแทบไม่ได้เลย แต่ในตอนนี้เธอเริ่มจะมีพลังกายขึ้นมาบ้างแล้ว แค่ห้าสิบครั้งคงพอทำได้อยู่กระมัง

แม้การลงโทษฟรองซัวส์ที่เคารพเธอเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งด้วยความผิดที่ไม่ได้ก่อแบบนี้จะทำให้เฮเลนาปวดใจอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้มันก็ช่วยไม่ได้

เฮเลนาต้องขจัดความใจอ่อนออกไปให้หมดสิ้นอย่างสุดความสามารถ

 

“หนึ่ง!! สอง!! สาม!!”

 

“ทำให้มันเร็วกว่านี้! อย่าชักช้าให้คนต้องอื่นรอ!”

 

“ค ค่ะ!!”

 

“ทำไมถึงสั่งให้เธอทำแทนฉันล่ะ!? เพื่ออะไรเนี่ย!!”

 

“ข้าบอกให้หุบปากไว้ไม่ใช่รึ”

 

“แต่ว่า!!”

 

“ฝ่าฝืนคำสั่งสินะ คลาริสซา ก้าวออกมา ข้าขอสั่งให้เจ้าวิดพื้นห้าสิบครั้ง”

 

“ค ค่ะ!!”

 

“ไหงเป็นงั้นล่ะ—!?”

 

ข้าง ๆ แองเจลิกาที่กำลังตะโกนโวยวาย คลาริสซาก็เริ่มทำการวิดพื้น

จะอย่างไรเฮเลนาก็ได้บอกไปแล้วว่าทั้งห้าคนต้องร่วมมือกัน หมายความว่ามันต้องเกิดความรับผิดชอบร่วมกันอย่างแน่นอน

และการเห็นผู้อื่นต้องมารับโทษเพราะความผิดของตนเอง—หากเป็นคนที่มีจิตใจปกติ มันย่อมยากที่จะทานทนได้

ในฐานะผู้ที่เป็นสาเหตุให้แองเจลิกาต้องรับประสบการณ์ที่ยากจะทนเช่นนี้ เฮเลนาเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน ทว่าการอดทนต่อความรู้สึกที่บีบคั้นนี้ก็ถือเป็นหน้าที่ของครูฝึก

 

“ห หยุด หยุดนะ! ถ้าจะลงโทษก็ลงที่ฉันสิ!”

 

“จะต้องให้สั่งให้หุบปากอีกกี่ครั้งกัน ชาร์ลอตเต มาริเอล ก้าวออกมาข้างหน้า ข้าขอสั่งให้วิดพื้นห้าสิบครั้ง”

 

“……เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

 

“รับคราบค่ะ”

 

“ม ไม่นะ—!!”

 

เมื่อเห็นชาร์ลอตเตเริ่มวิดพื้นโดยไม่ต่อต้าน แองเจลิกาก็ถึงกับเข่าทรุด

พลางเอามือปิดหน้าราวกับกำลังบอกว่าไม่สามารถทนดูอีกต่อไปแล้ว

 

“ลุกขึ้นมาแองเจลิกา”

 

“ไม่เอา ไม่เอาแล้ว—……!”

 

“ข้ากำลังสั่ง ยืนขึ้นมา”

 

“ยืนก็ได้!!”

 

‘ฮือ’ แองเจลิกาลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังมีสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว

ที่ฉายอยู่ในแววตานั้นคือความเกลียดชังอย่างแจ่มชัด

ห้าคนที่เพิ่งจะจับกลุ่มกันเมื่อวานนี้ ซ้ำยังเป็นคนที่แองเจิลกาไม่เคยพบหน้ามาก่อนเลยจนถึงเมื่อวาน แม้จะเป็นตัวตนที่มีความสัมพันธ์อันเบาบางเช่นนั้น แต่หากรู้ว่าทุกคนต้องมารับเคราะห์เพราะตนเองก็ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะทานทนอยู่แล้ว

ตอนนี้แองเจลิกายืนขึ้นอยู่เพียงคนเดียว ส่วนคนที่เหลือกำลังวิดพื้น

ในระหว่างนั้น แองเจลิกาก็ได้กล่าวพร้อมหน้าแดงก่ำว่า

 

“ข ขออนุญาต……พูดได้หรือไม่คะ!!”

 

“ก็ได้”

 

“ได้โปรด ให้ฉัน……วิดพื้น ด้วยเถอะค่ะ……!!”

 

“อยากทำนักก็เชิญ”

 

แล้วแองเจลิกาก็เริ่มวิดพื้นเรียงแถวกับอีกสี่คน

แม้ดูยังมีใจเคียดแค้นต่อเฮเลนาอยู่ แต่เพียงเท่านี้คงเข้าใจแล้วกระมังว่าขัดขืนไปก็ไร้ความหมาย

 

ต่อหน้าทั้งห้าที่กำลังวิดพื้นอยู่อย่างเนื่อง เฮเลนาเองก็อดกลั้นใจที่เจ็บปวด พลางรักษาสีหน้านิ่งเฉยเอาไว้ต่อไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+