(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 120

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 120 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ซากศพกระจัดกระจาย

วลีนั้นคงจะเหมาะสมกับสถานการณ์นี้ที่สุดแล้วกระมัง

 

“ให้ตายสิ……”

 

บัดนี้ได้ล่วงเลยเวลาสำรับเที่ยงมานานมากจนเกือบจะถึงเวลาสำรับเย็นอยู่แล้ว แองเจลิกากับฟรองซัวส์ได้ล้มพับไปเรียบร้อย คลาริสซากับชาร์ลอตเตหอบหายใจอยู่ในท่าคลานสี่ขา ส่วนมาริเอลก็กำลังยืนพิงกำแพงอยู่อย่างอ้อนล้า

และที่กลางห้องก็คือเจ้างูที่กำลังแลบลิ้นแผล่บ ๆ ราวกับกำลังล้อเลียนพวกเธอทุกคนอยู่ก็ไม่ปาน

 

แม้จะใช้เวลาตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น แต่งูตัวนี้ก็ยังหนีรอดอยู่ได้โดยไม่มีถูกจับเลยสักครั้ง

อย่างไรก็ตาม เพราะว่ามีเฮเลนาคอยยืนขวางประตูเข้าออก และหน้าต่างเองก็อยู่สูงพอสมควร มันจึงไม่สามารถหนีออกไปนอกห้องได้

 

“แฮ่ก แฮ่ก……”

 

“ม ไม่ไหวแล้วค่ะ……”

 

“งู ไม่เอางูแล้ว……”

 

ทั้งห้าออกปากร้องไห้คร่ำครวญกันต่อไป

อาจเป็นเพราะออกกำลังที่ไม่คุ้นเคยในช่วงเช้า แล้วยังต้องอดสำรับเที่ยง หนำซ้ำยังต้องมาเจออะไรอย่างการจับงูเป็นครั้งแรกอีก จิตใจของพวกเธอจึงหมดสิ้นสภาพกันแล้ว อนึ่ง เฮเลนาผู้เป็นครูฝึกเองก็อดสำรับเที่ยงด้วยเช่นกัน เธอไม่ทำอะไรที่ไร้ยางอายอย่างการได้กินอาหารอยู่คนเดียวหรอก

ทว่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้เตรียมสำรับเย็นกันเสียที

ต่างจากเฮเลนาซึ่งต่อให้ไม่กินอะไรวันสองวันในสมรภูมิก็ไม่เป็นไร พวกเธอคงไม่เคยมีประสบการณ์ต้องอดอาหารกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

การให้ได้ลิ้มรสความหิวโหยถึงที่สุดมันยังเป็นหัวข้อการฝึกอบรมหลังจากนี้ไป

 

“เฮ้อ ช่วยไม่ได้นะ”

 

เจ้างูกำลังแลบลิ้นข่มขวัญ

สำหรับเหล่าบุตรีขุนนางซึ่งถูกงูตัวนั้นไล่กวดเหมือนเป็นของเล่นมาอย่างต่อเนื่อง บางทีพวกเธอคงไม่อยากจะเห็นภาพงูอีกแล้วด้วยซ้ำกระมัง

 

ทว่า

‘ควับ’ เฮเลนาคว้างูตัวนั้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย

และในสภาพที่คว้าตรงบริเวณคองูเพื่อไม่ให้มันกัดอยู่ เธอก็จับมันใส่กลับเข้าไปในถุงกระสอบซึ่งวางทิ้งไว้ตรงมุมห้อง แล้วก็มัดปิดปากถุง

เจ้างูกลับไปอาละวาดอยู่ภายในกระสอบอีกครั้ง

 

“เอ๋……”

 

“ทำไมถึงจับได้ง่ายแบบนั้น……”

 

“ไม่อยากจะเชื่อเลยเจ้าค่ะ……”

 

“กับแค่งูยังโดนมันหยอกเล่นถึงขนาดนี้ น่าเวทนากันซะจริง”

 

‘เฮ้อ’ เฮเลนาถอนหายใจคำโตพลางยักไหล่

ในความเป็นจริงแล้ว งูตัวนี้เองก็อยู่ในสภาพที่ไม่ได้กินอะไรมาพักใหญ่แล้ว เทียบกับตอนที่เฮเลนาจับมันมาแล้วการเคลื่อนไหวของมันจึงอ่อนกำลังลงไปมาก เห็นได้ชัดจากการที่เธอใช้มือคว้าลำคอมันได้อย่างง่ายดาย

ทั้งที่เป็นเช่นนั้นแท้ ๆ เธอกลับไม่นึกเลยว่าเหล่าศิษย์จะใช้เวลากันมากถึงเพียงนี้

 

ทว่าการฝึกด้วยงูเองก็นับว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวนัก

อย่างเช่น อันที่จริงคลาริสซานั้นควรจะถึงขีดจำกัดของพลังกายไปแล้ว แต่พอถูกงูไล่ตามก็ยังพยายามหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคำกล่าวที่ว่าพลังใจสามารถก้าวข้ามพลังกายเลยล่ะ

ถึงแม้เฮเลนาลองดูดี ๆ แล้วจะรู้สึกว่างูมันก็ออกไปทางน่าเอ็นดูแท้ ๆ อย่างเช่นดวงตากลม ๆ ใส ๆ นั่นน่ะ

 

“เอาล่ะ งั้นก็มากินมื้อเย็นกัน อเลกเซีย!”

 

“ค่ะ ท่านเฮเลนา”

 

อเลกเซียซึ่งคงจะรออยู่ที่อีกฟากของประตูมาตลอดได้ตอบขึ้นเช่นนั้นแล้วก็เปิดประตูออก

สำรับเย็นของเฮเลนาได้รับการเข็นมาในรถเข็นสีเงิน ต่อจากนั้นเหล่าสาวใช้อย่างเอสเทลหรือโซฟีนาก็นำสำรับเย็นเข้ามาเช่นกัน

อนึ่ง ผู้ที่นำส่วนของแองเจลิกามาก็คืออิซาเบล ดูเหมือนเธอจะทำหน้าที่เป็นนางกำนัลเฉพาะกิจให้กระมัง

จากนั้นบรรดานางกำนัลก็เตรียมโต๊ะ และจัดวางสำรับเย็นบนโต๊ะนั้น

ทุกคนได้รับอาหารแบบเดียวกันหมด เฮเลนาก็ไม่เคยเห็นสำรับอาหารของกุลสตรีนางอื่นมาก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่มีการแบ่งแยกตามบรรดาศักดิ์สินะ

 

“เอาล่ะ งั้นก็มากินกันเลย อาหารคือต้นทุนที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายนะ”

 

ว่าแล้วเฮเลนาก็เริ่มรับประทานก่อน

เป็นอาหารที่แม้รสชาติจะใช้ได้แต่ก็เย็นชืดหมดแล้วตามเคย นับว่ายังดีที่มีชาร้อน ๆ ซึ่งอเลกเซียช่วยชงให้อยู่

‘หง่ำ ๆ’ เฮเลนากินอาหารไปตามปกติ ทว่าในทางกลับกัน—

 

“……”

 

“……”

 

“……”

 

“……”

 

มีอยู่สี่คนที่นั่งมองสำรับเย็นโดยไม่ขยับ

มีเพียงคนเดียวที่กินหงับ ๆ อย่างกระปรี้กระเปร่าคือฟรองซัวส์ โดยคลาริสซานั้นนั่งมองอาหารพลางถอนหายใจอย่างชัดเจน ชาร์ลอตเตก็ทำหน้ายู่พลางเอามือป้องปาก มาริเอลหลับตาลงอย่างอ้อนล้า ส่วนแองเจลิกาก็เอาแต่นั่งใจลอย

มีปัญหาอะไรกันแน่นะ

 

“ค คือว่า! ทุกคนคะ! มารับประทานกันเถอะค่ะ!”

 

“……ทำไมเธอยังกินลงอยู่น่ะฟรอง”

 

แม้ฟรองซัวส์จะพยายามให้กำลังใจ แต่ทั้งสี่คนก็ยังไม่เคลื่อนไหว

ในทางกลับกัน คลาริสซากลับมองฟรองซัวส์ที่กินได้เหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ

 

“เอ๊ะ ท ทำไมเหรอคะ!?”

 

“……คลื่นไส้เจ้าค่ะ”

 

“ไม่ไหวค่ะ……”

 

“โธ่ ไม่เอาแล้ว……”

 

ดูเหมือนพวกเธออ่อนล้าถึงขีดสุดจนกินอะไรไม่ลงกันนั่นเอง

สำหรับเฮเลนาแล้ว หากอยู่ในสมรภูมิ มีโอกาสกินดี ๆ เมื่อไรก็ต้องกิน ดังนั้นอาการกินอะไรไม่ลงเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน

ทว่าหากไม่กินก็จะเป็นปัญหาเอาได้ เพราะอาหารคือต้นทุนของร่างกายและยังส่งผลถึงความกระปรี้กระเปร่าในวันพรุ่งนี้ด้วย

 

“กินซะ ทุกคน”

 

“……”

 

“หากมีคนที่กินเหลือหนึ่งคน ก็จะเพิ่มจำนวนครั้งที่วิดพื้นหลังอาหารเย็นไปอีกหนึ่งร้อยครั้ง”

 

“รับประทานแล้วเจ้าค่ะ! แค่รับประทานก็พอใช่ไหมเจ้าคะ!!”

 

“อุ่……ท ทานค่ะ”

 

“จะไม่เหลือเลยค่ะ……”

 

“ม่ายน้า……”

 

ทั้งที่อาหารจัดว่าเป็นความสุขของชีวิตอย่างหนึ่งแท้ ๆ แต่ดูเหมือนสำหรับทั้งสี่มันจะเป็นเพียงความทุกข์ทรมานไปเสียแล้ว

เมื่อเห็นทั้งสี่ที่แม้จะอิดออดแต่ก็เริ่มลงมือกินกันอย่างช้า ๆ เฮเลนาก็วางใจและกลับไปกินอาหารของตนต่อเช่นกัน

 

“……ทั้งที่ฉันเกลียดผักแท้ ๆ”

 

“ได้โปรดรับประทานด้วยเถอะค่ะ! ถ้าไม่รับประทานจะโดนเพิ่มจำนวนวิดพื้นนะคะ!”

 

“ปกติแล้วถ้าฉันบอกให้เอาออก คนครัวก็จะเอาออกให้นี่นา! แต่นี่กลับ……!”

 

“รับประทานให้หมดเจ้าค่ะ ดิฉันไม่อยากวิดพื้นเพราะเธอนะเจ้าคะ”

 

“รู้แล้วน่า! อย่ามาสั่งฉันนะ!”

 

‘ฮึ่ม’ แองเจลิกาหายใจฟึดฟัด แต่ก็ยอมกินผักอย่างไม่เต็มใจนัก

คิดถูกจริง ๆ ที่ให้ทุกคนรับผิดชอบร่วมกัน วิธีที่ดีที่สุดที่จะให้ทุกคนเกิดความสามัคคีปรองดองก็คือการรับผิดชอบร่วมกันนั่นเอง

 

“หากไม่มีใครกินเหลือ การฝึกวันนี้ก็จะจบลงเพียงเท่านี้”

 

“จะไม่ให้เหลือเด็ดขาดเลยค่ะ!”

 

“ค่ะ!! จะรับประทานอย่างถวายชีวิตเลยค่ะ!”

 

“ไม่เอาแล้วเจ้าค่ะ!”

 

“ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย……”

 

ทุกคนเรียกแรงฮึด ค่อย ๆ เร่งความเร็วในการกินขึ้นไป

จนในที่สุดฟรองซัวส์ซึ่งเริ่มกินมาแต่แรกก็กินจนหมด แล้วก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ

 

“กินเสร็จแล้วทุกคนก็ไปอาบน้ำกันซะ หลังจากนั้นก็ไปรอที่เตียงของตนเอง”

 

“ค่ะ!! คุณแคลร์คะ!”

 

“ค่า กำลังเตรียมอยู่ค่า”

 

แคลร์ สาวใช้ผู้พูดจาติดสำเนียงยานคาง ได้เตรียมถังใส่น้ำร้อนและเข้าไปยังห้องอาบน้ำกับฟรองซัวส์

ต่อจากนั้นมาริเอลเองก็กินอาหารเสร็จ แล้วก็ตามฟรองซัวส์เข้าไปยังห้องอาบน้ำพร้อมกับโซฟีนาสาวใช้ของตน

ห้องอาบน้ำนั้นกว้างพอสมควร เข้าไปพร้อมกันสามคนก็ยังพอไหวอยู่กระมัง

 

“อุ๊ยตาย คุณฟรอง……ซ่อนรูปนะคะเนี่ย”

 

“ว้าย!! จ จับตรงไหนกันคะ! คุณมาริเอล!”

 

ไอ้การที่พักหลังมานี้มาริเอลกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางอันแปลกประหลาดชอบกลนั้น มันเป็นแค่เรื่องที่เฮเลนาคิดไปเอง เธอเลือกที่จะเชื่อเช่นนั้น

จากนั้นเมื่อทั้งสองคนออกจากห้องอาบน้ำ อีกสามคนที่เหลือก็กินเสร็จ แล้วก็ทยอยกันเข้าไปพร้อมกับสาวใช้ของแต่ละคน เป็นครั้งแรกที่เฮเลนาได้เห็นสาวใช้สูงวัยอย่างโบนันซาด้วย จากที่ได้ฟังมาดูเหมือนว่าเธอจะทำงานรับใช้ในตระกูลเคานต์เออเนมันน์มาตั้งแต่ก่อนที่คลาริสซาจะเกิดเสียอีก

หลังจากนั้นก็ถึงคิวของเฮเลนาเข้าไปอาบพร้อมกับอเลกเซีย แล้วก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนกลับมา

 

ซึ่งก็พบว่า แองเจลิกาได้เอนกาย นอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว

 

“ฟรองซัวส์”

 

“ค ค่ะ!!”

 

“ก่อนหน้านี้ ข้าได้บอกว่าให้ไปรอที่เตียงใช่ไหม”

 

“ใช่ค่ะ!!”

 

“ข้าว่าข้าไม่ได้บอกให้นอนหลับได้นะ”

 

“คุณแองเจลิกา ได้โปรดตื่นเถอะค่ะ!! ยังพักไม่ได้ค่ะ!!”

 

“ตื่นเดี๋ยวนี้ค่ะ!! อย่าแข็งข้อกับท่านพี่หญิงไปกว่านี้เลยนะคะ!”

 

“งือ……ไม่ เอา……”

 

“ตื่นสิเจ้าคะ!! ดิฉันไม่อยากโดนเพิ่มโทษอะไรเพราะเธอนะเจ้าคะ!!”

 

“ขอร้องล่ะตื่นเถอะ—!!”

 

โดนทั้งสี่คนช่วยกันรุมปลุก แองเจลิกาจึงลุกขึ้นมาพลางขยี้ตาอย่างงัวเงีย

อันที่จริงเฮเลนากะว่าจะให้พักผ่อนกันอยู่แล้ว ทว่าจะปล่อยคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งไว้เฉย ๆ มันก็ไม่ถูกต้องนัก

‘เอาล่ะ’ เฮเลนาหันไปทางเตียงนอนของตนเอง

 

“ถ้างั้น อเลกเซีย”

 

“ค่ะ พรุ่งนี้จะจัดการฝึกที่ไหนหรือคะ?”

 

“พรุ่งนี้จะฝึกในสวนระหว่างอาคารทั้งวัน แล้วก็มีของที่อยากให้เจ้าช่วยเตรียมด้วย”

 

“รับทราบค่ะ”

 

เฮเลนาบอกสิ่งของที่ต้องการกับอเลกเซีย เนื่องจากวันพรุ่งนี้จะต้องทำการฝึกด้านจิตใจรวมถึงด้านเทคนิควิชา อเลกเซียเมื่อได้ฟังก็พยักหน้ารับคำ จากนั้นบรรดาสาวใช้โดยมีอเลกเซียเป็นผู้นำก็กล่าว “ราตรีสวัสดิ์” ก่อนจะพากันถอนตัวจากไป

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เฮเลนาก็ได้หามเตียงของตนมาวางไว้ตรงหน้าประตูเข้าออก ด้วยตัวคนเดียว

 

“เอ๊ะ เอ๋……”

 

“กะว่าถ้าหลับกันหมดจะหนีไปแท้ ๆ……”

 

“อย่านะคะคุณแองเจลิกา!”

 

ปิดผนึกทางเข้าออกเรียบร้อย ส่วนหน้าต่างก็ไม่ได้มีช่องกว้างพอให้คนผ่านได้อยู่แล้ว

หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีออกไปจากห้อง

สีหน้าของแองเจลิกาเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด

 

“เอาล่ะ ทุกคนพักผ่อนได้”

 

“ค่ะ!!”

 

โคมไฟในห้องได้ถูกดับลง ให้ความมืดเข้าปกคลุมแทน

และแล้วหลักสูตรฝึกทหารใหม่ (บู้ตแคมป์) จากนรกในวันแรกก็ได้จบลงในที่สุด

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 120

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 120 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ซากศพกระจัดกระจาย

วลีนั้นคงจะเหมาะสมกับสถานการณ์นี้ที่สุดแล้วกระมัง

 

“ให้ตายสิ……”

 

บัดนี้ได้ล่วงเลยเวลาสำรับเที่ยงมานานมากจนเกือบจะถึงเวลาสำรับเย็นอยู่แล้ว แองเจลิกากับฟรองซัวส์ได้ล้มพับไปเรียบร้อย คลาริสซากับชาร์ลอตเตหอบหายใจอยู่ในท่าคลานสี่ขา ส่วนมาริเอลก็กำลังยืนพิงกำแพงอยู่อย่างอ้อนล้า

และที่กลางห้องก็คือเจ้างูที่กำลังแลบลิ้นแผล่บ ๆ ราวกับกำลังล้อเลียนพวกเธอทุกคนอยู่ก็ไม่ปาน

 

แม้จะใช้เวลาตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น แต่งูตัวนี้ก็ยังหนีรอดอยู่ได้โดยไม่มีถูกจับเลยสักครั้ง

อย่างไรก็ตาม เพราะว่ามีเฮเลนาคอยยืนขวางประตูเข้าออก และหน้าต่างเองก็อยู่สูงพอสมควร มันจึงไม่สามารถหนีออกไปนอกห้องได้

 

“แฮ่ก แฮ่ก……”

 

“ม ไม่ไหวแล้วค่ะ……”

 

“งู ไม่เอางูแล้ว……”

 

ทั้งห้าออกปากร้องไห้คร่ำครวญกันต่อไป

อาจเป็นเพราะออกกำลังที่ไม่คุ้นเคยในช่วงเช้า แล้วยังต้องอดสำรับเที่ยง หนำซ้ำยังต้องมาเจออะไรอย่างการจับงูเป็นครั้งแรกอีก จิตใจของพวกเธอจึงหมดสิ้นสภาพกันแล้ว อนึ่ง เฮเลนาผู้เป็นครูฝึกเองก็อดสำรับเที่ยงด้วยเช่นกัน เธอไม่ทำอะไรที่ไร้ยางอายอย่างการได้กินอาหารอยู่คนเดียวหรอก

ทว่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้เตรียมสำรับเย็นกันเสียที

ต่างจากเฮเลนาซึ่งต่อให้ไม่กินอะไรวันสองวันในสมรภูมิก็ไม่เป็นไร พวกเธอคงไม่เคยมีประสบการณ์ต้องอดอาหารกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

การให้ได้ลิ้มรสความหิวโหยถึงที่สุดมันยังเป็นหัวข้อการฝึกอบรมหลังจากนี้ไป

 

“เฮ้อ ช่วยไม่ได้นะ”

 

เจ้างูกำลังแลบลิ้นข่มขวัญ

สำหรับเหล่าบุตรีขุนนางซึ่งถูกงูตัวนั้นไล่กวดเหมือนเป็นของเล่นมาอย่างต่อเนื่อง บางทีพวกเธอคงไม่อยากจะเห็นภาพงูอีกแล้วด้วยซ้ำกระมัง

 

ทว่า

‘ควับ’ เฮเลนาคว้างูตัวนั้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย

และในสภาพที่คว้าตรงบริเวณคองูเพื่อไม่ให้มันกัดอยู่ เธอก็จับมันใส่กลับเข้าไปในถุงกระสอบซึ่งวางทิ้งไว้ตรงมุมห้อง แล้วก็มัดปิดปากถุง

เจ้างูกลับไปอาละวาดอยู่ภายในกระสอบอีกครั้ง

 

“เอ๋……”

 

“ทำไมถึงจับได้ง่ายแบบนั้น……”

 

“ไม่อยากจะเชื่อเลยเจ้าค่ะ……”

 

“กับแค่งูยังโดนมันหยอกเล่นถึงขนาดนี้ น่าเวทนากันซะจริง”

 

‘เฮ้อ’ เฮเลนาถอนหายใจคำโตพลางยักไหล่

ในความเป็นจริงแล้ว งูตัวนี้เองก็อยู่ในสภาพที่ไม่ได้กินอะไรมาพักใหญ่แล้ว เทียบกับตอนที่เฮเลนาจับมันมาแล้วการเคลื่อนไหวของมันจึงอ่อนกำลังลงไปมาก เห็นได้ชัดจากการที่เธอใช้มือคว้าลำคอมันได้อย่างง่ายดาย

ทั้งที่เป็นเช่นนั้นแท้ ๆ เธอกลับไม่นึกเลยว่าเหล่าศิษย์จะใช้เวลากันมากถึงเพียงนี้

 

ทว่าการฝึกด้วยงูเองก็นับว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวนัก

อย่างเช่น อันที่จริงคลาริสซานั้นควรจะถึงขีดจำกัดของพลังกายไปแล้ว แต่พอถูกงูไล่ตามก็ยังพยายามหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคำกล่าวที่ว่าพลังใจสามารถก้าวข้ามพลังกายเลยล่ะ

ถึงแม้เฮเลนาลองดูดี ๆ แล้วจะรู้สึกว่างูมันก็ออกไปทางน่าเอ็นดูแท้ ๆ อย่างเช่นดวงตากลม ๆ ใส ๆ นั่นน่ะ

 

“เอาล่ะ งั้นก็มากินมื้อเย็นกัน อเลกเซีย!”

 

“ค่ะ ท่านเฮเลนา”

 

อเลกเซียซึ่งคงจะรออยู่ที่อีกฟากของประตูมาตลอดได้ตอบขึ้นเช่นนั้นแล้วก็เปิดประตูออก

สำรับเย็นของเฮเลนาได้รับการเข็นมาในรถเข็นสีเงิน ต่อจากนั้นเหล่าสาวใช้อย่างเอสเทลหรือโซฟีนาก็นำสำรับเย็นเข้ามาเช่นกัน

อนึ่ง ผู้ที่นำส่วนของแองเจลิกามาก็คืออิซาเบล ดูเหมือนเธอจะทำหน้าที่เป็นนางกำนัลเฉพาะกิจให้กระมัง

จากนั้นบรรดานางกำนัลก็เตรียมโต๊ะ และจัดวางสำรับเย็นบนโต๊ะนั้น

ทุกคนได้รับอาหารแบบเดียวกันหมด เฮเลนาก็ไม่เคยเห็นสำรับอาหารของกุลสตรีนางอื่นมาก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่มีการแบ่งแยกตามบรรดาศักดิ์สินะ

 

“เอาล่ะ งั้นก็มากินกันเลย อาหารคือต้นทุนที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายนะ”

 

ว่าแล้วเฮเลนาก็เริ่มรับประทานก่อน

เป็นอาหารที่แม้รสชาติจะใช้ได้แต่ก็เย็นชืดหมดแล้วตามเคย นับว่ายังดีที่มีชาร้อน ๆ ซึ่งอเลกเซียช่วยชงให้อยู่

‘หง่ำ ๆ’ เฮเลนากินอาหารไปตามปกติ ทว่าในทางกลับกัน—

 

“……”

 

“……”

 

“……”

 

“……”

 

มีอยู่สี่คนที่นั่งมองสำรับเย็นโดยไม่ขยับ

มีเพียงคนเดียวที่กินหงับ ๆ อย่างกระปรี้กระเปร่าคือฟรองซัวส์ โดยคลาริสซานั้นนั่งมองอาหารพลางถอนหายใจอย่างชัดเจน ชาร์ลอตเตก็ทำหน้ายู่พลางเอามือป้องปาก มาริเอลหลับตาลงอย่างอ้อนล้า ส่วนแองเจลิกาก็เอาแต่นั่งใจลอย

มีปัญหาอะไรกันแน่นะ

 

“ค คือว่า! ทุกคนคะ! มารับประทานกันเถอะค่ะ!”

 

“……ทำไมเธอยังกินลงอยู่น่ะฟรอง”

 

แม้ฟรองซัวส์จะพยายามให้กำลังใจ แต่ทั้งสี่คนก็ยังไม่เคลื่อนไหว

ในทางกลับกัน คลาริสซากลับมองฟรองซัวส์ที่กินได้เหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ

 

“เอ๊ะ ท ทำไมเหรอคะ!?”

 

“……คลื่นไส้เจ้าค่ะ”

 

“ไม่ไหวค่ะ……”

 

“โธ่ ไม่เอาแล้ว……”

 

ดูเหมือนพวกเธออ่อนล้าถึงขีดสุดจนกินอะไรไม่ลงกันนั่นเอง

สำหรับเฮเลนาแล้ว หากอยู่ในสมรภูมิ มีโอกาสกินดี ๆ เมื่อไรก็ต้องกิน ดังนั้นอาการกินอะไรไม่ลงเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน

ทว่าหากไม่กินก็จะเป็นปัญหาเอาได้ เพราะอาหารคือต้นทุนของร่างกายและยังส่งผลถึงความกระปรี้กระเปร่าในวันพรุ่งนี้ด้วย

 

“กินซะ ทุกคน”

 

“……”

 

“หากมีคนที่กินเหลือหนึ่งคน ก็จะเพิ่มจำนวนครั้งที่วิดพื้นหลังอาหารเย็นไปอีกหนึ่งร้อยครั้ง”

 

“รับประทานแล้วเจ้าค่ะ! แค่รับประทานก็พอใช่ไหมเจ้าคะ!!”

 

“อุ่……ท ทานค่ะ”

 

“จะไม่เหลือเลยค่ะ……”

 

“ม่ายน้า……”

 

ทั้งที่อาหารจัดว่าเป็นความสุขของชีวิตอย่างหนึ่งแท้ ๆ แต่ดูเหมือนสำหรับทั้งสี่มันจะเป็นเพียงความทุกข์ทรมานไปเสียแล้ว

เมื่อเห็นทั้งสี่ที่แม้จะอิดออดแต่ก็เริ่มลงมือกินกันอย่างช้า ๆ เฮเลนาก็วางใจและกลับไปกินอาหารของตนต่อเช่นกัน

 

“……ทั้งที่ฉันเกลียดผักแท้ ๆ”

 

“ได้โปรดรับประทานด้วยเถอะค่ะ! ถ้าไม่รับประทานจะโดนเพิ่มจำนวนวิดพื้นนะคะ!”

 

“ปกติแล้วถ้าฉันบอกให้เอาออก คนครัวก็จะเอาออกให้นี่นา! แต่นี่กลับ……!”

 

“รับประทานให้หมดเจ้าค่ะ ดิฉันไม่อยากวิดพื้นเพราะเธอนะเจ้าคะ”

 

“รู้แล้วน่า! อย่ามาสั่งฉันนะ!”

 

‘ฮึ่ม’ แองเจลิกาหายใจฟึดฟัด แต่ก็ยอมกินผักอย่างไม่เต็มใจนัก

คิดถูกจริง ๆ ที่ให้ทุกคนรับผิดชอบร่วมกัน วิธีที่ดีที่สุดที่จะให้ทุกคนเกิดความสามัคคีปรองดองก็คือการรับผิดชอบร่วมกันนั่นเอง

 

“หากไม่มีใครกินเหลือ การฝึกวันนี้ก็จะจบลงเพียงเท่านี้”

 

“จะไม่ให้เหลือเด็ดขาดเลยค่ะ!”

 

“ค่ะ!! จะรับประทานอย่างถวายชีวิตเลยค่ะ!”

 

“ไม่เอาแล้วเจ้าค่ะ!”

 

“ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย……”

 

ทุกคนเรียกแรงฮึด ค่อย ๆ เร่งความเร็วในการกินขึ้นไป

จนในที่สุดฟรองซัวส์ซึ่งเริ่มกินมาแต่แรกก็กินจนหมด แล้วก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ

 

“กินเสร็จแล้วทุกคนก็ไปอาบน้ำกันซะ หลังจากนั้นก็ไปรอที่เตียงของตนเอง”

 

“ค่ะ!! คุณแคลร์คะ!”

 

“ค่า กำลังเตรียมอยู่ค่า”

 

แคลร์ สาวใช้ผู้พูดจาติดสำเนียงยานคาง ได้เตรียมถังใส่น้ำร้อนและเข้าไปยังห้องอาบน้ำกับฟรองซัวส์

ต่อจากนั้นมาริเอลเองก็กินอาหารเสร็จ แล้วก็ตามฟรองซัวส์เข้าไปยังห้องอาบน้ำพร้อมกับโซฟีนาสาวใช้ของตน

ห้องอาบน้ำนั้นกว้างพอสมควร เข้าไปพร้อมกันสามคนก็ยังพอไหวอยู่กระมัง

 

“อุ๊ยตาย คุณฟรอง……ซ่อนรูปนะคะเนี่ย”

 

“ว้าย!! จ จับตรงไหนกันคะ! คุณมาริเอล!”

 

ไอ้การที่พักหลังมานี้มาริเอลกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางอันแปลกประหลาดชอบกลนั้น มันเป็นแค่เรื่องที่เฮเลนาคิดไปเอง เธอเลือกที่จะเชื่อเช่นนั้น

จากนั้นเมื่อทั้งสองคนออกจากห้องอาบน้ำ อีกสามคนที่เหลือก็กินเสร็จ แล้วก็ทยอยกันเข้าไปพร้อมกับสาวใช้ของแต่ละคน เป็นครั้งแรกที่เฮเลนาได้เห็นสาวใช้สูงวัยอย่างโบนันซาด้วย จากที่ได้ฟังมาดูเหมือนว่าเธอจะทำงานรับใช้ในตระกูลเคานต์เออเนมันน์มาตั้งแต่ก่อนที่คลาริสซาจะเกิดเสียอีก

หลังจากนั้นก็ถึงคิวของเฮเลนาเข้าไปอาบพร้อมกับอเลกเซีย แล้วก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนกลับมา

 

ซึ่งก็พบว่า แองเจลิกาได้เอนกาย นอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว

 

“ฟรองซัวส์”

 

“ค ค่ะ!!”

 

“ก่อนหน้านี้ ข้าได้บอกว่าให้ไปรอที่เตียงใช่ไหม”

 

“ใช่ค่ะ!!”

 

“ข้าว่าข้าไม่ได้บอกให้นอนหลับได้นะ”

 

“คุณแองเจลิกา ได้โปรดตื่นเถอะค่ะ!! ยังพักไม่ได้ค่ะ!!”

 

“ตื่นเดี๋ยวนี้ค่ะ!! อย่าแข็งข้อกับท่านพี่หญิงไปกว่านี้เลยนะคะ!”

 

“งือ……ไม่ เอา……”

 

“ตื่นสิเจ้าคะ!! ดิฉันไม่อยากโดนเพิ่มโทษอะไรเพราะเธอนะเจ้าคะ!!”

 

“ขอร้องล่ะตื่นเถอะ—!!”

 

โดนทั้งสี่คนช่วยกันรุมปลุก แองเจลิกาจึงลุกขึ้นมาพลางขยี้ตาอย่างงัวเงีย

อันที่จริงเฮเลนากะว่าจะให้พักผ่อนกันอยู่แล้ว ทว่าจะปล่อยคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งไว้เฉย ๆ มันก็ไม่ถูกต้องนัก

‘เอาล่ะ’ เฮเลนาหันไปทางเตียงนอนของตนเอง

 

“ถ้างั้น อเลกเซีย”

 

“ค่ะ พรุ่งนี้จะจัดการฝึกที่ไหนหรือคะ?”

 

“พรุ่งนี้จะฝึกในสวนระหว่างอาคารทั้งวัน แล้วก็มีของที่อยากให้เจ้าช่วยเตรียมด้วย”

 

“รับทราบค่ะ”

 

เฮเลนาบอกสิ่งของที่ต้องการกับอเลกเซีย เนื่องจากวันพรุ่งนี้จะต้องทำการฝึกด้านจิตใจรวมถึงด้านเทคนิควิชา อเลกเซียเมื่อได้ฟังก็พยักหน้ารับคำ จากนั้นบรรดาสาวใช้โดยมีอเลกเซียเป็นผู้นำก็กล่าว “ราตรีสวัสดิ์” ก่อนจะพากันถอนตัวจากไป

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เฮเลนาก็ได้หามเตียงของตนมาวางไว้ตรงหน้าประตูเข้าออก ด้วยตัวคนเดียว

 

“เอ๊ะ เอ๋……”

 

“กะว่าถ้าหลับกันหมดจะหนีไปแท้ ๆ……”

 

“อย่านะคะคุณแองเจลิกา!”

 

ปิดผนึกทางเข้าออกเรียบร้อย ส่วนหน้าต่างก็ไม่ได้มีช่องกว้างพอให้คนผ่านได้อยู่แล้ว

หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีออกไปจากห้อง

สีหน้าของแองเจลิกาเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด

 

“เอาล่ะ ทุกคนพักผ่อนได้”

 

“ค่ะ!!”

 

โคมไฟในห้องได้ถูกดับลง ให้ความมืดเข้าปกคลุมแทน

และแล้วหลักสูตรฝึกทหารใหม่ (บู้ตแคมป์) จากนรกในวันแรกก็ได้จบลงในที่สุด

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+