(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 65: ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลัง—เตรียมพร้อม

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 65: ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลัง—เตรียมพร้อม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“แหม! ท่านเฮเลนาจะทำให้ด้วยตัวเองเลยหรือคะ! ขอบพระคุณค่ะ!”

 

“นาน ๆ ทีก็อยากกินของอุ่น ๆ เหมือนกันนะคะ ขอความกรุณาเช่นกันค่ะ”

 

แม้จะมีการออกนอกเรื่องแบบพิสดารไปเป็นการสอนวิชาเนตรจิต แต่เมื่อกลับเข้าหัวข้อหลักซึ่งก็คือการเชิญชวนไปกินหม้อไฟ ทั้งสองคนก็ยอมตอบตกลงเช่นนั้น

ไม่มีสายตาเคลือบแคลงสงสัยว่า ‘เธอทำเป็นจริง ๆ เรอะ’ เหมือนของอเลกเซีย ดูเหมือนสองคนนี้จะยอมเชื่อใจเฮเลนาในหลาย ๆ เรื่องแล้วล่ะ

 

“อา แล้วคุณหนูมาริเอลก็จะมาด้วยนะ……กำลังนึกอยู่ว่าสถานที่เอาเป็นทีไหนดีน่ะ”

 

“เช่นนั้น! ก็โปรดใช้ห้องนี้ได้เลยค่ะ!”

 

“ไม่เป็นไรงั้นรึ?”

 

“ค่ะ! ปกติก็ไม่มีใครมานอกจากคลาริสซาอยู่แล้วค่ะ!”

 

ความจริงจะจัดกันในห้องของเฮเลนาก็ได้ แต่ถ้าเกิดจังหวะผีทิฟฟานีมาเยือนพอดีก็คงกลายเป็นเรื่องลำบากใจ ดีไม่ดีทิฟฟานีอาจสั่งให้ทุกคนในกองอัศวินหมาป่าเงินมารวมตัวกันเลยก็ได้

เพื่อหลีกเลี่ยงอนาคตดังกล่าว หากเป็นไปได้เฮเลนาก็ไม่อยากจะให้จัดที่ห้องของตนเองเหมือนกัน

ดังนั้นข้อเสนอของฟรองซัวส์จึงเหมือนกับเรือที่มาในตอนที่อยากข้ามแม่น้ำพอดี

 

“งั้นก็ขอใช้แล้วกัน ฝากให้เตรียมเก้าอี้ด้วยได้ไหม?”

 

“ค่ะ! ท่านเฮเลนาเอาเก้าอี้แบบคราวก่อนใช่ไหมคะ!?”

 

“อา อันนั้นมันนั่งสบายดีนะ”

 

เฮเลนาหวนย้อนถึงเก้าอี้ที่ได้นั่งในงานเลี้ยงน้ำชาของฟรองซัวส์

สัมผัสราคาถูกนั้น สำหรับเฮเลนาแล้วมันรู้สึกนั่งสบายมาก ดีกว่าโซฟาที่นั่งแล้วจมลึกเกินไปแบบแปลก ๆ เยอะเลย

นึกอยากถามทีหลังอยู่เหมือนกัน ว่าฟรองซัวส์ไปยืมเก้าอี้นั่นมาจากที่ไหนกันแน่

 

“งั้นอเลกเซีย ช่วยไปแจ้งกับคุณหนูมาริเอลทีได้ไหม? ว่าสถานที่คือห้องของฟรองซัวส์น่ะ”

 

“รับทราบแล้วค่ะ”

 

อเลกเซียโค้งคำนับรับคำสั่งของเฮเลนา ก่อนจะออกไปจากห้อง

‘เอาล่ะ’ เฮเลนาตัดสินใจตรวจสอบห้องครัวที่มีติดมาในห้องของฟรองซัวส์ก่อนเป็นอันดับแรก

สภาพมันไม่ต่างจากห้องของเฮเลนาเท่าไร ดูเหมือนว่าห้องทั้งวังหลังคงจะถูกสร้างมาแบบเดียวกันหมด แม้ห้องของเฮเลนาจะกว้างขวางกว่าห้องนี้เล็กน้อย แต่นั่นคงเป็นเพราะมันคือที่อยู่ของสามสนมฟ้านั่นเอง

 

สำหรับหม้อ ฟรองซัวส์มีหม้อขนาดค่อนข้างใหญ่ที่นำติดมาด้วย ดังนั้นเฮเลนาจึงเลือกใช้หม้อนั้น

ขั้นตอนแรกที่ต้องทำก็คือการปรุงรสของหม้อไฟ

ทว่า หม้อไฟนั้นเปลี่ยนแปลงได้ร้อยพันรูปแบบขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาปรุง หากเป็นหม้อไฟซึ่งเติมผักและเนื้อลงไปในประมาณมาก เพียงแค่นั้นน้ำเนื้อและผักมันก็จะออกมาทำให้มีรสอร่อยแล้ว

ในทางกลับกัน หากมีการใช้วัตถุดิบที่มีกลิ่นคาว ก็จำเป็นต้องเติมเครื่องเทศลงไปเพื่อกลบกลิ่นด้วย

งั้นเอาไว้วัตถุดิบมาถึงก่อนค่อยตัดสินใจวิธีปรุงโดยละเอียดแล้วกัน

 

มีเตาสี่เหลี่ยมเปรอะขี้เถ้าวางอยู่บนแท่นซึ่งสูงประมาณเอว

เฮเลนาเรียงถ่านฟืนไว้บนนั้นเหมือนอย่างที่เคยทำ แม้จะมีข้อเสียที่มันใช้เวลาสักหน่อยกว่าถ่านจะติดไฟทั่ว แต่เธอก็รู้วิธีเฉลี่ยเวลาเพื่อการนั้นแล้ว เพราะตอนที่ฟาร์มาสมาเยือนเธอก็จุดไฟชงชาให้เขาแบบนี้ทุกเช้า

 

เมื่อรอไปสักพัก อเลกเซียก็กลับมา

 

“ท่านเฮเลนาคะ ก กลับมาแล้ว ค่ะ……!”

 

สองมือของเธอแบกลังไม้มาด้วย

‘ฮึบ’ อเลกเซียออกแรงหย่อนลังไม้ลง มันถูกวางลงกับพื้นพร้อมกับเสียงกระแทกดังตึงตัง ส่วนอเลกเซียก็หายใจหอบอยู่พอสมควร

 

“อ……อื้ม อเลกเซีย ลังไม้นั่นคือ……?”

 

“จากท่านมาริเอลค่ะ เธอบอกว่ามันคือของที่สัญญาไว้ ยังมีลังไม้แบบเดียวกันนี้อยู่อีกสองลังค่ะ”

 

“……”

 

นี่เตรียมวัตถุดิบได้เร็วถึงขนาดนี้เชียวรึ

เฮเลนาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านในอำนาจของตระกูลมาริเอลพลางเปิดกล่องออกดู

ภายในนั้นคือผักสดหลากหลายชนิด

 

“โอ้……”

 

“แคลร์ โปรดมาช่วยกันหน่อยค่ะ ยังมีอยู่อีกสองลัง”

 

“เอ๋……เอาจริงดิ”

 

แคลร์ไปพร้อมกับอเลกเซียเพื่อมุ่งไปเอาลังไม้ที่เหลือมา

แม้จะรู้สึกผิดกับทั้งสอง แต่วัตถุดิบที่มาริเอลช่วยจัดเตรียมมาให้มันก็เป็นของชั้นหนึ่งจริง ๆ และยังมีแต่ของสดใหม่ที่น่าจะเพิ่งมาวางขายในตลาดได้ไม่นานทั้งนั้น

หากมีผักมากขนาดนี้ก็คงจะทำเป็นน้ำซุปที่ดีได้แน่ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวเอกซึ่งก็คือเนื้อหรือปลามันจะเป็นยังไงล่ะนะ

 

“……ข ขออภัย ที่ให้รอ ค่ะ”

 

“น หนักกกก”

 

อเลกเซียกับแคลร์วางลังไม้ลงคนละใบ

เฮเลนารีบเข้าไปตรวจสอบดู จากนั้นก็ยิ้มกว้าง

 

ข้างหนึ่งคือเนื้อ แถมยังเป็นเนื้อชั้นดีเยี่ยมอีกด้วย มีตั้งแต่เนื้อลายหินอ่อนที่มีมันเต็มไปหมด ไปจนถึงเนื้อแดงซึ่งปราศจากไขมัน เรียกได้ว่ามีหลากหลายรูปแบบ เนื้อลายหินอ่อนนี่ดูท่าว่าแทนที่จะเอามาทำหม้อไฟ สู้เอาไปย่างโรยเกลือนิดหน่อยอาจจะอร่อยกว่ามั้ง

ส่วนอีกข้างหนึ่งคือของทะเล ในนครหลวงซึ่งห่างไกลจากทะเล ปกติคงไม่มีโอกาสได้เห็นปลากับกุ้งมารวมกันมากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะกุ้งซึ่งน่ายินดีมากที่มีอยู่ แม้จะเสียเวลาแกะเปลือก แต่ในความเห็นของเฮเลนาความอร่อยของมันก็จัดว่าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จากบรรดาของทะเลทั้งหมด

 

“ฮืม……”

 

“จะทำเป็นหม้อไฟแบบไหนหรือคะ?”

 

“มีวัตถุดิบครบขนาดนี้ คงไม่ต้องปรุงรสอะไรให้วุ่นวายมากแล้วล่ะ ผสมเกลือกับไวน์ทำเป็นบุยยาเบสก็แล้วกัน”

 

“……”

 

แค่มีของทะเลก็เป็นน้ำซุปที่อร่อยได้แล้ว เฮเลนาไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งอะไรมากมายหรอก

การทำหม้อไฟนั้นควรจะเป็นแค่การดึงเอาความอร่อยของวัตถุดิบออกมา

ทว่า ไม่รู้ทำไมอเลกเซียจึงเบิกตากว้างกับคำพูดของเฮเลนา

 

“……เป็นอะไรไปรึ?”

 

“เปล่าค่ะ……ขออภัยด้วย คำตอบมันปกติกว่าที่คิดไว้ก็เลยตกใจน่ะค่ะ”

 

“……”

 

เฮเลนาบึนปาก

ดูเหมือนในเรื่องการทำอาหาร อเลกเซียจะไม่ได้เชื่อใจเธอโดยสมบูรณ์

อันดับแรก เฮเลนาก็เรียงวัตถุดิบบนเขียงและค่อย ๆ หั่นมัน ซึ่งเธอก็หั่นให้ชิ้นใหญ่เล็กน้อยสำหรับใส่หม้อไฟ โดยแล่เนื้อเป็นแผ่นบาง กุ้งเอาไว้ทั้งแบบนั้น และปลาก็สับเป็นท่อน ๆ

เติมวัตถุดิบทั้งหมดลงในซุปซึ่งปรุงรสด้วยไวน์ขาวกับเกลือ จากนั้นก็ต้มช้า ๆ บนเปลวไฟ อนึ่ง เธอยังไม่ได้ใส่เนื้อลงไป ในการเอาเนื้อลงหม้อนั้นจังหวะเวลามีความสำคัญมาก หากเอาลงเร็วเกินไปเนื้อมันจะแข็งตัวได้

อุตส่าห์ได้เนื้อชั้นเลิศขนาดนี้มาก็อยากจะกินแบบที่มันนุ่ม ๆ เพราะฉะนั้นเธอจึงวางมันแยกเอาไว้ก่อน

 

น้ำเริ่มเดือดปุด ดูเหมือนไฟจะผ่านทั่วทั้งหม้อแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำไฟให้เล็กลงก่อน และต้มต่อไปอีกสักพักหนึ่งโดยใช้ไฟอ่อน ๆ

กลิ่นหอมอบอวลน่าอร่อยกระจายไปทั่วห้อง

 

“น น่าอร่อยจังเลยค่ะ!”

 

“หวา อยากรีบ ๆ รับประทานแล้วล่ะค่ะ”

 

“อเลกเซีย มันใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ช่วยไปเรียกคุณหนูมาริเอลมาที”

 

“รับทราบค่ะ”

 

จากนั้นเฮเลนาก็วางแผ่นไม้ลงบนโต๊ะซึ่งรายล้อมไปด้วยเก้าอี้สองตัวที่ฟรองซัวส์นำมากับโซฟาอีกสองตัว

เพราะก้นหม้อมันร้อนอยู่ ดังนั้นจึงต้องวางรองเพื่อไม่ให้โต๊ะไหม้

อนึ่ง ในแคมป์กลางสนามรบปกติจะใช้วิธีเอาหม้อแขวนห้อยไว้แล้วจุดไฟด้านล่าง จึงไม่จำเป็นต้องคำนึงอะไรแบบนี้ ทว่าที่นี่คือวังหลังมันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

สุดท้ายก็เอาเนื้อใส่ลงในหม้อ แล้วปิดฝารอสักครู่

เท่านี้ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว

 

“กลับมาแล้วค……”

 

“ท่านพี่หญิงคะ! มาริเอลกำลังตั้งหน้าตั้งตารออยู่เลยค่ะ! แหม! กลิ่นหอมน่าอร่อยอะไรอย่างนี้!”

 

“เชิญค่ะคุณมาริเอล! โปรดนั่งก่อนเลยค่ะ!”

 

“อ๊ะ ข้านั่งเก้าอี้ทางนี้เองก็แล้วกัน คุณมาริเอลนั่งโซฟาน่าจะดีกว่านะ”

 

“ขออนุญาตค่ะ วันนี้ดิฉันก็ตั้งตารอที่จะได้ร่วมรับประทานอาหารกับท่านทั้งสองอยู่เหมือนกันนะคะ”

 

ฟรองซัวส์ คลาริสซา มาริเอล ต่างคนก็ต่างนั่งลงล้อมรอบโต๊ะ

ส่วนเฮเลนาก็ใช้สองมือหิ้วหม้อที่กำลังเดือดปุด แล้วนำมันไปที่โต๊ะ

 

“เอ้า ได้แล้วล่ะ มากินกันเถอะ”

 

เฮเลนาวางหม้อลงบนโต๊ะแล้วตัวเธอเองก็นั่งลง ก่อนจะเปิดฝาหม้อออก

เพียงเท่านั้น กลิ่นหอมซึ่งแฝงด้วยความอร่อยของวัตถุดิบที่มาริเอลได้เตรียมมาก็อบอวลไปทั่ว

 

“น่าอร่อยจังเลย!”

 

“ว้าว สุดยอด……นี่ กินได้จริง ๆ หรือคะ?”

 

“อาหารทำมือของท่านพี่หญิง……อ๊าห์”

 

“อื้ม เอ้า มากินกันเถอะ”

 

และแล้ว

ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลังของทั้งสี่คนก็ได้เริ่มขึ้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 65: ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลัง—เตรียมพร้อม

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 65: ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลัง—เตรียมพร้อม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“แหม! ท่านเฮเลนาจะทำให้ด้วยตัวเองเลยหรือคะ! ขอบพระคุณค่ะ!”

 

“นาน ๆ ทีก็อยากกินของอุ่น ๆ เหมือนกันนะคะ ขอความกรุณาเช่นกันค่ะ”

 

แม้จะมีการออกนอกเรื่องแบบพิสดารไปเป็นการสอนวิชาเนตรจิต แต่เมื่อกลับเข้าหัวข้อหลักซึ่งก็คือการเชิญชวนไปกินหม้อไฟ ทั้งสองคนก็ยอมตอบตกลงเช่นนั้น

ไม่มีสายตาเคลือบแคลงสงสัยว่า ‘เธอทำเป็นจริง ๆ เรอะ’ เหมือนของอเลกเซีย ดูเหมือนสองคนนี้จะยอมเชื่อใจเฮเลนาในหลาย ๆ เรื่องแล้วล่ะ

 

“อา แล้วคุณหนูมาริเอลก็จะมาด้วยนะ……กำลังนึกอยู่ว่าสถานที่เอาเป็นทีไหนดีน่ะ”

 

“เช่นนั้น! ก็โปรดใช้ห้องนี้ได้เลยค่ะ!”

 

“ไม่เป็นไรงั้นรึ?”

 

“ค่ะ! ปกติก็ไม่มีใครมานอกจากคลาริสซาอยู่แล้วค่ะ!”

 

ความจริงจะจัดกันในห้องของเฮเลนาก็ได้ แต่ถ้าเกิดจังหวะผีทิฟฟานีมาเยือนพอดีก็คงกลายเป็นเรื่องลำบากใจ ดีไม่ดีทิฟฟานีอาจสั่งให้ทุกคนในกองอัศวินหมาป่าเงินมารวมตัวกันเลยก็ได้

เพื่อหลีกเลี่ยงอนาคตดังกล่าว หากเป็นไปได้เฮเลนาก็ไม่อยากจะให้จัดที่ห้องของตนเองเหมือนกัน

ดังนั้นข้อเสนอของฟรองซัวส์จึงเหมือนกับเรือที่มาในตอนที่อยากข้ามแม่น้ำพอดี

 

“งั้นก็ขอใช้แล้วกัน ฝากให้เตรียมเก้าอี้ด้วยได้ไหม?”

 

“ค่ะ! ท่านเฮเลนาเอาเก้าอี้แบบคราวก่อนใช่ไหมคะ!?”

 

“อา อันนั้นมันนั่งสบายดีนะ”

 

เฮเลนาหวนย้อนถึงเก้าอี้ที่ได้นั่งในงานเลี้ยงน้ำชาของฟรองซัวส์

สัมผัสราคาถูกนั้น สำหรับเฮเลนาแล้วมันรู้สึกนั่งสบายมาก ดีกว่าโซฟาที่นั่งแล้วจมลึกเกินไปแบบแปลก ๆ เยอะเลย

นึกอยากถามทีหลังอยู่เหมือนกัน ว่าฟรองซัวส์ไปยืมเก้าอี้นั่นมาจากที่ไหนกันแน่

 

“งั้นอเลกเซีย ช่วยไปแจ้งกับคุณหนูมาริเอลทีได้ไหม? ว่าสถานที่คือห้องของฟรองซัวส์น่ะ”

 

“รับทราบแล้วค่ะ”

 

อเลกเซียโค้งคำนับรับคำสั่งของเฮเลนา ก่อนจะออกไปจากห้อง

‘เอาล่ะ’ เฮเลนาตัดสินใจตรวจสอบห้องครัวที่มีติดมาในห้องของฟรองซัวส์ก่อนเป็นอันดับแรก

สภาพมันไม่ต่างจากห้องของเฮเลนาเท่าไร ดูเหมือนว่าห้องทั้งวังหลังคงจะถูกสร้างมาแบบเดียวกันหมด แม้ห้องของเฮเลนาจะกว้างขวางกว่าห้องนี้เล็กน้อย แต่นั่นคงเป็นเพราะมันคือที่อยู่ของสามสนมฟ้านั่นเอง

 

สำหรับหม้อ ฟรองซัวส์มีหม้อขนาดค่อนข้างใหญ่ที่นำติดมาด้วย ดังนั้นเฮเลนาจึงเลือกใช้หม้อนั้น

ขั้นตอนแรกที่ต้องทำก็คือการปรุงรสของหม้อไฟ

ทว่า หม้อไฟนั้นเปลี่ยนแปลงได้ร้อยพันรูปแบบขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาปรุง หากเป็นหม้อไฟซึ่งเติมผักและเนื้อลงไปในประมาณมาก เพียงแค่นั้นน้ำเนื้อและผักมันก็จะออกมาทำให้มีรสอร่อยแล้ว

ในทางกลับกัน หากมีการใช้วัตถุดิบที่มีกลิ่นคาว ก็จำเป็นต้องเติมเครื่องเทศลงไปเพื่อกลบกลิ่นด้วย

งั้นเอาไว้วัตถุดิบมาถึงก่อนค่อยตัดสินใจวิธีปรุงโดยละเอียดแล้วกัน

 

มีเตาสี่เหลี่ยมเปรอะขี้เถ้าวางอยู่บนแท่นซึ่งสูงประมาณเอว

เฮเลนาเรียงถ่านฟืนไว้บนนั้นเหมือนอย่างที่เคยทำ แม้จะมีข้อเสียที่มันใช้เวลาสักหน่อยกว่าถ่านจะติดไฟทั่ว แต่เธอก็รู้วิธีเฉลี่ยเวลาเพื่อการนั้นแล้ว เพราะตอนที่ฟาร์มาสมาเยือนเธอก็จุดไฟชงชาให้เขาแบบนี้ทุกเช้า

 

เมื่อรอไปสักพัก อเลกเซียก็กลับมา

 

“ท่านเฮเลนาคะ ก กลับมาแล้ว ค่ะ……!”

 

สองมือของเธอแบกลังไม้มาด้วย

‘ฮึบ’ อเลกเซียออกแรงหย่อนลังไม้ลง มันถูกวางลงกับพื้นพร้อมกับเสียงกระแทกดังตึงตัง ส่วนอเลกเซียก็หายใจหอบอยู่พอสมควร

 

“อ……อื้ม อเลกเซีย ลังไม้นั่นคือ……?”

 

“จากท่านมาริเอลค่ะ เธอบอกว่ามันคือของที่สัญญาไว้ ยังมีลังไม้แบบเดียวกันนี้อยู่อีกสองลังค่ะ”

 

“……”

 

นี่เตรียมวัตถุดิบได้เร็วถึงขนาดนี้เชียวรึ

เฮเลนาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านในอำนาจของตระกูลมาริเอลพลางเปิดกล่องออกดู

ภายในนั้นคือผักสดหลากหลายชนิด

 

“โอ้……”

 

“แคลร์ โปรดมาช่วยกันหน่อยค่ะ ยังมีอยู่อีกสองลัง”

 

“เอ๋……เอาจริงดิ”

 

แคลร์ไปพร้อมกับอเลกเซียเพื่อมุ่งไปเอาลังไม้ที่เหลือมา

แม้จะรู้สึกผิดกับทั้งสอง แต่วัตถุดิบที่มาริเอลช่วยจัดเตรียมมาให้มันก็เป็นของชั้นหนึ่งจริง ๆ และยังมีแต่ของสดใหม่ที่น่าจะเพิ่งมาวางขายในตลาดได้ไม่นานทั้งนั้น

หากมีผักมากขนาดนี้ก็คงจะทำเป็นน้ำซุปที่ดีได้แน่ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวเอกซึ่งก็คือเนื้อหรือปลามันจะเป็นยังไงล่ะนะ

 

“……ข ขออภัย ที่ให้รอ ค่ะ”

 

“น หนักกกก”

 

อเลกเซียกับแคลร์วางลังไม้ลงคนละใบ

เฮเลนารีบเข้าไปตรวจสอบดู จากนั้นก็ยิ้มกว้าง

 

ข้างหนึ่งคือเนื้อ แถมยังเป็นเนื้อชั้นดีเยี่ยมอีกด้วย มีตั้งแต่เนื้อลายหินอ่อนที่มีมันเต็มไปหมด ไปจนถึงเนื้อแดงซึ่งปราศจากไขมัน เรียกได้ว่ามีหลากหลายรูปแบบ เนื้อลายหินอ่อนนี่ดูท่าว่าแทนที่จะเอามาทำหม้อไฟ สู้เอาไปย่างโรยเกลือนิดหน่อยอาจจะอร่อยกว่ามั้ง

ส่วนอีกข้างหนึ่งคือของทะเล ในนครหลวงซึ่งห่างไกลจากทะเล ปกติคงไม่มีโอกาสได้เห็นปลากับกุ้งมารวมกันมากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะกุ้งซึ่งน่ายินดีมากที่มีอยู่ แม้จะเสียเวลาแกะเปลือก แต่ในความเห็นของเฮเลนาความอร่อยของมันก็จัดว่าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จากบรรดาของทะเลทั้งหมด

 

“ฮืม……”

 

“จะทำเป็นหม้อไฟแบบไหนหรือคะ?”

 

“มีวัตถุดิบครบขนาดนี้ คงไม่ต้องปรุงรสอะไรให้วุ่นวายมากแล้วล่ะ ผสมเกลือกับไวน์ทำเป็นบุยยาเบสก็แล้วกัน”

 

“……”

 

แค่มีของทะเลก็เป็นน้ำซุปที่อร่อยได้แล้ว เฮเลนาไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งอะไรมากมายหรอก

การทำหม้อไฟนั้นควรจะเป็นแค่การดึงเอาความอร่อยของวัตถุดิบออกมา

ทว่า ไม่รู้ทำไมอเลกเซียจึงเบิกตากว้างกับคำพูดของเฮเลนา

 

“……เป็นอะไรไปรึ?”

 

“เปล่าค่ะ……ขออภัยด้วย คำตอบมันปกติกว่าที่คิดไว้ก็เลยตกใจน่ะค่ะ”

 

“……”

 

เฮเลนาบึนปาก

ดูเหมือนในเรื่องการทำอาหาร อเลกเซียจะไม่ได้เชื่อใจเธอโดยสมบูรณ์

อันดับแรก เฮเลนาก็เรียงวัตถุดิบบนเขียงและค่อย ๆ หั่นมัน ซึ่งเธอก็หั่นให้ชิ้นใหญ่เล็กน้อยสำหรับใส่หม้อไฟ โดยแล่เนื้อเป็นแผ่นบาง กุ้งเอาไว้ทั้งแบบนั้น และปลาก็สับเป็นท่อน ๆ

เติมวัตถุดิบทั้งหมดลงในซุปซึ่งปรุงรสด้วยไวน์ขาวกับเกลือ จากนั้นก็ต้มช้า ๆ บนเปลวไฟ อนึ่ง เธอยังไม่ได้ใส่เนื้อลงไป ในการเอาเนื้อลงหม้อนั้นจังหวะเวลามีความสำคัญมาก หากเอาลงเร็วเกินไปเนื้อมันจะแข็งตัวได้

อุตส่าห์ได้เนื้อชั้นเลิศขนาดนี้มาก็อยากจะกินแบบที่มันนุ่ม ๆ เพราะฉะนั้นเธอจึงวางมันแยกเอาไว้ก่อน

 

น้ำเริ่มเดือดปุด ดูเหมือนไฟจะผ่านทั่วทั้งหม้อแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำไฟให้เล็กลงก่อน และต้มต่อไปอีกสักพักหนึ่งโดยใช้ไฟอ่อน ๆ

กลิ่นหอมอบอวลน่าอร่อยกระจายไปทั่วห้อง

 

“น น่าอร่อยจังเลยค่ะ!”

 

“หวา อยากรีบ ๆ รับประทานแล้วล่ะค่ะ”

 

“อเลกเซีย มันใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ช่วยไปเรียกคุณหนูมาริเอลมาที”

 

“รับทราบค่ะ”

 

จากนั้นเฮเลนาก็วางแผ่นไม้ลงบนโต๊ะซึ่งรายล้อมไปด้วยเก้าอี้สองตัวที่ฟรองซัวส์นำมากับโซฟาอีกสองตัว

เพราะก้นหม้อมันร้อนอยู่ ดังนั้นจึงต้องวางรองเพื่อไม่ให้โต๊ะไหม้

อนึ่ง ในแคมป์กลางสนามรบปกติจะใช้วิธีเอาหม้อแขวนห้อยไว้แล้วจุดไฟด้านล่าง จึงไม่จำเป็นต้องคำนึงอะไรแบบนี้ ทว่าที่นี่คือวังหลังมันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

สุดท้ายก็เอาเนื้อใส่ลงในหม้อ แล้วปิดฝารอสักครู่

เท่านี้ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว

 

“กลับมาแล้วค……”

 

“ท่านพี่หญิงคะ! มาริเอลกำลังตั้งหน้าตั้งตารออยู่เลยค่ะ! แหม! กลิ่นหอมน่าอร่อยอะไรอย่างนี้!”

 

“เชิญค่ะคุณมาริเอล! โปรดนั่งก่อนเลยค่ะ!”

 

“อ๊ะ ข้านั่งเก้าอี้ทางนี้เองก็แล้วกัน คุณมาริเอลนั่งโซฟาน่าจะดีกว่านะ”

 

“ขออนุญาตค่ะ วันนี้ดิฉันก็ตั้งตารอที่จะได้ร่วมรับประทานอาหารกับท่านทั้งสองอยู่เหมือนกันนะคะ”

 

ฟรองซัวส์ คลาริสซา มาริเอล ต่างคนก็ต่างนั่งลงล้อมรอบโต๊ะ

ส่วนเฮเลนาก็ใช้สองมือหิ้วหม้อที่กำลังเดือดปุด แล้วนำมันไปที่โต๊ะ

 

“เอ้า ได้แล้วล่ะ มากินกันเถอะ”

 

เฮเลนาวางหม้อลงบนโต๊ะแล้วตัวเธอเองก็นั่งลง ก่อนจะเปิดฝาหม้อออก

เพียงเท่านั้น กลิ่นหอมซึ่งแฝงด้วยความอร่อยของวัตถุดิบที่มาริเอลได้เตรียมมาก็อบอวลไปทั่ว

 

“น่าอร่อยจังเลย!”

 

“ว้าว สุดยอด……นี่ กินได้จริง ๆ หรือคะ?”

 

“อาหารทำมือของท่านพี่หญิง……อ๊าห์”

 

“อื้ม เอ้า มากินกันเถอะ”

 

และแล้ว

ปาร์ตี้หม้อไฟในวังหลังของทั้งสี่คนก็ได้เริ่มขึ้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+