(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 13 รุ่งสางของคืนที่ยาวนาน

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 13 รุ่งสางของคืนที่ยาวนาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อื ม……”

 

จิ๊บจิ๊บ เสียงนกร้องพร้อมกับแสงแดดยามเช้าที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง ในเวลาเดียวกันนั้นเฮเลนาก็ลุกขึ้นจากเตียงพลางกุมศีรษะที่กำลังปวดหนึบ

ดูเหมือนเมื่อคืนจะดื่มหนักไปพอสมควร กระนั้นการที่เธอตื่นมาในช่วงที่ตะวันกำลังขึ้นพอดีก็คงเป็นเพราะนิสัยที่เฮเลนาติดมาจากกองทัพ ถึงแม้ปกติแล้วจะตื่นก่อนตะวันขึ้นเสมอก็เถอะ เทียบกันแล้ววันนี้จะเรียกว่าตื่นสายนิดหน่อยก็ว่าได้

สุราชั้นดีที่ขอยืมมาจากบ้านตระกูลมาร์ควิสเรลโนต ดูเหมือนว่ามันจะทั้งอร่อย ทั้งดื่มง่าย แล้วก็ดีกรีแรงกว่าที่เฮเลนาคาดไว้ซะอีก

 

“ปวด หัว……”

 

“ก็ดื่มไปตั้งมากนี่นะ ไม่แปลกใจเลย เอ้า น้ำ”

 

“อา……ขอบใจ วิก”

 

เธอรับน้ำมาดื่มหนึ่งคำ เพียงเท่านั้นก็รู้สึกว่าอาการปวดศีรษะดีขึ้นบ้างแล้ว อาการเมาค้างเนี่ยใช้น้ำช่วยได้จริง ๆ

เอ๋? ตอนนั้นเองที่รู้สึกสงสัยขึ้นมา

ในสายตาที่ไม่ค่อยจะโฟกัสเพราะความปวดหัว มีภาพของผู้ชายสะท้อนอยู่ และที่สำคัญที่นี่คือวังหลังนั่นจึงย่อมไม่ใช่วิกเตอร์

ซึ่งก็หมายความว่า

 

“ฝ ฝ่าบาท—!?”

 

“……มันมีอะไรต้องตกใจขนาดนั้นด้วยรึ”

 

‘ควับ’ เฮเลนารีบสำรวจร่างกายของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก

เธอยังอยู่ในชุดเดรสตัวเดิมที่ใส่อยู่เมื่อคืน แล้วก็ไม่ได้ส่วนที่ฉีกขาดหรือถูกถอดออกไปเป็นพิเศษ ถ้าจะให้ออกความเห็นอะไรสักอย่างก็คงจะมีแค่ว่าชุดมันยับสุด ๆ เพราะนอนหลับไปทั้งแบบนั้นแค่นั้น

ซึ่งก็แปลว่า เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นนั่นเอง

 

“……ดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อใจเราเลยสินะ”

 

“ฝ ฝ่าบาท!? ขออภัยด้วยค่ะ! มันเผลอไป!”

 

“ไม่เป็นไรหรอก มันคงเป็นสัญชาติญาณของสตรีที่ตื่นมาแล้วพบว่ามีบุรุษอยู่ด้วยล่ะมั้งนะ น่าเสียดายว่าเราน่ะไม่คิดจะโอบกอดสตรีที่เมาอยู่หรอกนะ แต่ยังไงก็ตามจะทิ้งเจ้าที่เมาไม่ได้สติอยู่แล้วกลับไปทั้งแบบนั้นก็กระไรอยู่”

 

ในที่สุดสายตาก็โฟกัสได้สักที ภาพที่เห็นเหมือนมีหมอกบังก็ค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นทีละน้อย เฮเลนาจึงมองดูสภาพของห้อง

ขวดสุราสี่ขวด ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์และนอนกลิ้งอยู่ตามพื้น

นั่นคือสุราชั้นเลิศยี่ห้อดังทั้งหมดที่เฮเลนาขอยืมมาจากบ้านตระกูลมาร์ควิสเรลโนต ซึ่งก็หมายความว่าเธอได้ดื่มสุราแรง ๆ แบบนั้นเข้าไปจนหมดทั้งสี่ขวดเมื่อคืนซะแล้ว

และเวลาที่เฮเลนาเมา เธอก็มักจะจำอะไรไม่ได้

 

“ฝ ฝ่าบาทคะ……เอ่อ ข้าน่ะคออ่อนมาก แล้วก็มีบางครั้งที่จำอะไรไม่ค่อยได้……”

 

หมายความว่า ต่อให้เมื่อคืนได้ทำอะไรที่เสียมารยาทลงไป เธอก็จะจำไม่ได้

แย่ล่ะสิ

เคยโดนวิกเตอร์ตักเตือนมาหลายต่อหลายครั้งจนนับไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ว่า ‘เธอเนี่ยเวลาเมาเหล้าแล้วแย่มาก’

 

“ไม่ต้องกังวลหรอก อย่างที่เราได้บอกไปว่าเมื่อคืนจะไม่ถือเรื่องหมื่นเบื้องสูงใด ๆ ทั้งนั้น อีกอย่างก็เหมือนได้เห็นอีกด้านหนึ่งที่น่ารักของหญิงสาวด้วยน่ะ ไม่มีอะไรให้เราต้องต่อว่าหรอก”

 

“ข ขอบพระคุณมากค่ะ……”

 

“แต่ว่ายังจำเรื่องที่เราบอกเมื่อคืนได้ใช่ไหม?”

 

‘หือ’ เธอขมวดคิ้ว

เรื่องที่ฟาร์มาสบอกเมื่อคืน เธอพยายามนึกอย่างสุดชีวิต

ไม่สิ เพราะโดนบอกหลายต่อหลายเรื่องมากเกินไป จนไม่รู้ว่าหมายถึงเรื่องไหนต่างหาก

บางทีอาจจะหมายถึงเรื่องที่ขอร้องว่าให้ไปออกงานเลี้ยงในฐานะชายาเอก น่าจะใช่ล่ะมั้งนะ

 

“……เรื่องนั้น จำได้ค่ะ”

 

“งั้นก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องหลังจากที่เจ้าเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องมันก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเรื่องล้อเล่น ไม่จำเป็นต้องไปจำหรอก”

 

ฟาร์มาสกล่าวเช่นนั้นและหันหลังให้เฮเลนา

และตรงโซฟากับโต๊ะที่มีอยู่ในห้องของเฮเลนา–ซึ่งบนโต๊ะนั้นมีเอกสารจำนวนมากวางซ้อนกันอยู่ เขาก็เริ่มทำงานโดยการหยิบมันขึ้นมาตรวจดูทีละแผ่น

 

“……เอ่อ ฝ่าบาทคะ”

 

“ไว้ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเราค่อยไปราชสำนักละกัน แหม่ วังหลังนี่สะดวกดีจริง ๆ นะ เอางานที่ทำในห้องทำงานไม่ได้มาทำที่นี่ได้ด้วย”

 

‘หึๆ’ ฟาร์มาสหัวเราะ ดูท่าว่าเขาจะติดนิสัยชอบทำเสียงหัวเราะแบบนั้นล่ะมั้ง

จากนั้นเขาก็ยื่นกระดาษหนังแกะแผ่นหนึ่งมาให้เฮเลนาดู

 

“……นี่คือ?”

 

“เอกสารรายงานรายรับรายจ่ายในเขตปกครองของตระกูลมาร์ควิสโนลด์ลุนด์น่ะ อ้อแล้วก็เป็นอะไรที่ห้ามให้คนนอกเห็นด้วย เพราะงั้นจับไว้ให้ดี ๆ ล่ะ”

 

“แล้วทำไมเอามาให้ข้าดูล่ะคะ!?”

 

เธอตกใจจนมือลื่นเกือบจะเผลอทำตก

เฮเลนานับว่าเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์ เป็นคนที่ไม่ควรจะได้ดูเอกสารนี้แน่ ๆ ถึงอย่างนั้นฟาร์มาสกลับเอาของแบบนี้มาให้เธอดูหน้าตาเฉย ไม่เข้าใจเลยว่าคิดอะไรอยู่

เขากำลังยิ้ม เหมือนกับว่าแกล้งคนได้สำเร็จแล้วหรืออะไรทำนองนั้นอยู่ ทั้งที่ฟาร์มาสมีโครงหน้าซึ่งเข้าที่เข้าทางขนาดเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มรูปงามแท้ ๆ แต่กลับดูเหมาะกับสีหน้าชั่วร้ายแบบนี้มาก

 

“ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ ตอนนี้เจ้าก็เป็นเหมือนชายาเอกของเราไง”

 

“……ก็แค่ ‘เป็นเหมือน’ นะคะ”

 

“งั้นก็นับว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องแล้ว อีกอย่าง เรื่องที่พูดในราชสำนักเบื้องหน้าไม่ได้น่ะ อย่างน้อยขอให้ได้บ่นออกมาที่นี่บ้างเถอะ ข้าเองก็เหนื่อยนิดหน่อยเหมือนกันน่ะ”

 

‘เฮ้อ’ ฟาร์มาสถอนหายใจเบา ๆ

ตั้งแต่เมื่อกี้ฟาร์มาสก็กำลังตรวจดูเอกสารต่าง ๆ นานา แล้วก็กำลังทำเครื่องหมายลงไปที่จุดต่าง ๆ อยู่ อย่างเช่นใบรายงานการเงินของตระกูลมาร์ควิสโนลด์ลุนด์ที่เฮเลนาถืออยู่ก็มีการทำเครื่องหมายสีแดงเอาไว้ตรงที่ต่าง ๆ เหมือนกัน

เธอไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเลขพวกนี้มันมีความหมายว่ายังไง

 

“เฮเลนา เจ้าคำนวณเลขเป็นไหม?”

 

“ไม่เป็นค่ะ”

 

“……ยืดอกตอบอย่างมั่นใจเลยนะ ถ้าคำนวณเลขเป็นก็จะอธิบายให้ฟังได้ง่าย ๆ น่ะ”

 

‘ฟู่’ ดูเหมือนฟาร์มาสจะรู้สึกเหนื่อย เขาจึงเอนหลังทิ้งตัวลงบนโซฟา

เอกสารที่อยู่ตรงหน้าวางกองอยู่เป็นภูเขาสองลูก ท่าทางว่าด้านหนึ่งจะเป็นกองที่ตรวจสอบเสร็จทั้งหมดแล้ว ส่วนอีกด้านคือกองที่ยังไม่ได้ตรวจดูล่ะมั้ง

นี่เขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่กี่โมงกันเนี่ย

 

“รายได้ที่รายงานมา มันน้อยเกินไปน่ะสิ”

 

“……หมายความว่ายังไงหรือคะ?”

 

“ตัวอย่างเช่น ตรงนี้มีหัวข้อเรื่องค่าใช้จ่ายทางการทหารอยู่ แน่นอนว่าในอาณาเขตซึ่งมอบให้ขุนนางปกครองจะมีค่าใช้จ่ายทางการทหารเกิดขึ้นมาบ้างก็ไม่แปลก โดยเฉพาะกับอาณาเขตที่ติดต่อกับต่างชาติ ทว่าค่าใช้จ่ายทางการทหารที่มาร์ควิสโนลด์ลุนด์รายงานมาน่ะมันมากเกินไป ที่ดินตรงนั้นมันไม่ได้ติดต่อกับต่างชาติเลย แล้วก็ไม่มีบันทึกว่ามีการส่งกำลังเสริมกองหนุนไปช่วยใครด้วย”

 

“อ่า……”

 

สำหรับเฮเลนาที่เคยอยู่ในกองทัพ มันเป็นเรื่องที่เธอไม่รู้สึกว่าแปลกสักเท่าไหร่

ทหารก็เหมือนกับแมลงที่สูบกินทุนทรัพย์ โดยเฉพาะเมื่อมียศเป็นอัศวินก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพียงแค่มีตัวตนอยู่ก็เท่ากับผลาญเงินไปแล้ว แถมยังไม่ได้สร้างผลผลิตอะไรขึ้นมาอีกด้วย

การที่ค่าใช้จ่ายทางการทหารสูงมันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่นา

 

“ค่าใช้จ่ายทางการทหารที่ตระกูลมาร์ควิสโนลด์ลุนด์ส่งรายงานมาน่ะ จำนวนมันมากพอจะใช้บริหารจัดการกองกำลังอัศวินของประเทศเราได้กองกำลังนึงเลยล่ะ”

 

“นั่นมันมหาศาลเลยไม่ใช่หรือคะ!”

 

“……ก็กำลังจะบอกแบบนั้นอยู่ไงล่ะ”

 

ฟาร์มาสถอนหายใจอย่างดูเหนื่อย ๆ

จำนวนเงินที่มากพอจะบริหารจัดการกองกำลังอัศวินได้หนึ่งกอง มันคือจำนวนเงินที่มากโขเลยทีเดียว อย่างน้อยที่สุดแค่กองกำลังอัศวินพยัคฆ์แดงที่เฮเลนาเคยสังกัดอยู่ ก็มีอัศวินอยู่ถึงหนึ่งกรม—หรือก็คือประมาณห้าพันนาย และทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่แค่ทหารธรรมดาแต่เป็นอัศวิน ค่าจ้างจึงย่อมสูงกว่าทหารทั่วไปอย่างมากมาย

ในทางกลับกัน กองกำลังอัศวินแบบที่ประกอบไปด้วยทหารราบกองหนุนก็จะมีทหารเป็นหลักหลายหมื่น โดยมีแกนกลางเป็นผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นอัศวิน

จำนวนเงินที่มากพอจะจัดเตรียมกองทัพแบบนั้นได้—ก็คงเรียกเป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกนอกจากคำว่ามหาศาล

 

“เพื่ออะไรกัน……”

 

“เรื่องมันก็ง่ายนิดเดียว มันกำลังพยายามยักยอกเงินโดยไม่ให้ข้ารู้ตัวไงล่ะ”

 

“นั่นเป็นความผิดถึงขั้นที่โดนโทษตัดคอได้เลยนี่คะ……”

 

การยักยอกเงินหลวงโทษคือประหารชีวิต แอนตันบิดาของเฮเลนามีอาชีพเป็นที่ปรึกษาหลวงซึ่งเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างพิเศษ จึงเป็นขุนนางที่ไม่มีอาณาเขตในปกครอง แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องข้องเกี่ยวกับเงินหลวงไม่มากก็น้อย

ด้วยนิสัยของแอนตัน คิดว่าคงไม่มีทางยักยอกอะไรแน่ ๆ อยู่แล้ว แต่สมมุติเกิดไปทำเข้าก็จะถูกประหารโดยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใด ๆ เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมายที่วางไว้แล้ว และจะไม่มีผิดแปลกไปจากนี้

หมายความว่า สำหรับมาร์ควิสโนลด์ลุนด์ ผู้ที่มือสกปรกไปเสียแล้วนั้น—

 

“ใช่ แต่ว่าตอนนี้จะปล่อยให้มันรอดไปก่อน ขุนนางคนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน ต่อให้เอาสิ่งนี้ไปกล่าวโทษมันเดี๋ยวนี้ ก็เป็นได้แค่การไปตัดหางจิ้งจกเท่านั้น ตอนนี้ต้องรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนา และสักวันข้าจะลากไอ้พวกฝีหนองที่แฝงอยู่ในประเทศของข้าออกมาให้หมดเลย จะต้องให้มันนึกเสียใจที่มาดูถูกข้าคนนี้”

 

“……เอ่อ ฝ่าบาทคะ ตั้งแต่เมื่อกี้ พูด ‘ข้า’ ”

 

เธอรู้สึกคาใจยังไงชอบกล ที่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วฟาร์มาสได้เปลี่ยนสรรพนามบุคคลที่หนึ่งจาก “เรา” เป็น “ข้า”

ชวนให้คิดสงสัยว่านี่คงจะเป็นบุคลิกที่แท้จริงล่ะมั้ง

 

“อา นั่นสินะ เผลอหลุดไปซะได้ แต่ก็ช่างมันเถอะ……ตอนนี้ได้เวลาที่เราต้องมุ่งหน้าไปราชสำนักแล้วล่ะ”

 

“ฝ่าบาท อย่าฝืนเกินไปนะคะ……”

 

“อา งั้นก็ลาก่อนนะเฮเลนาเอ๋ย ไว้เราจะมาใหม่”

 

“ให้ข้าไปส่งถึงประตูนะคะ”

 

ฟาร์มาสกำลังจะหอบเอกสารที่กองเป็นภูเขาแล้วเดินไปที่ประตูห้อง มือทั้งสองไม่ว่างอยู่แบบนั้นคงจะเปิดประตูไม่ได้แน่ ว่าแต่ว่าเอาเอกสารพวกนั้นเข้ามาได้ยังไงกันแน่เนี่ย

เฮเลนาเดินตามหลัง มองแผ่นหลังของจักรพรรดิที่สูงพอ ๆ กับเธอ—หรืออาจจะเตี้ยกว่าด้วยซ้ำ พลางคิดขึ้นว่า

แผ่นหลังนี้ต้องแบกรับความรับผิดชอบเอาไว้มากมายขนาดไหนกันนะ

 

“อา จริงสิ”

 

“คะ?”

 

“ได้เพลิดเพลินกับใบหน้าน่ารักตอนนอนไปแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างน้อยขอรางวัลแค่นี้คงไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

ระหว่างที่ฟังคำพูดนั้นเฮเลนากำลังเปิดประตู

เธอก้าวออกไปนอกห้องหนึ่งก้าว ตั้งใจว่าจะมองส่งตอนที่ฟาร์มาสจากไป

แล้วก็ราวกับเล่นทีเผลอ

 

‘จุ๊บ’ ริมฝีปากเธอสัมผัสเข้ากับบางสิ่งที่อ่อนนุ่ม

 

“แล้วพบกันนะ สนมฟ้าสุริยาของเรา”

 

เพียงแค่นั้น แค่ริมฝีปากที่สัมผัสกันเบา ๆ

แค่นั้นเองแท้ ๆ

เฮเลนากลับยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เหมือนกับว่าได้กลายเป็นหินไปซะแล้ว

มันทีเผลอมาก ๆ ซะจนไม่สามารถหลบได้ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าฟาร์มาสจะทำอะไรแบบนั้นออกมา

ทั้งที่เฮเลนาอายุมากกว่าตั้งสิบปี และควรจะไม่มีเสน่ห์ในสายตาของฟาร์มาสแม้แต่น้อยเลยแท้ ๆ

ถึงจะเธอรับรู้ได้ว่าชีพจรมันกำลังเต้นรัวขึ้นมา แต่ก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่

 ‘อ๊า—’ เธอร้องในใจ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดได้ถึงแค่ตรงนั้น

 

เฮเลนาก็เลือกโยนการใช้ความคิดทิ้งไปอีกตามเคย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 13 รุ่งสางของคืนที่ยาวนาน

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 13 รุ่งสางของคืนที่ยาวนาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อื ม……”

 

จิ๊บจิ๊บ เสียงนกร้องพร้อมกับแสงแดดยามเช้าที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง ในเวลาเดียวกันนั้นเฮเลนาก็ลุกขึ้นจากเตียงพลางกุมศีรษะที่กำลังปวดหนึบ

ดูเหมือนเมื่อคืนจะดื่มหนักไปพอสมควร กระนั้นการที่เธอตื่นมาในช่วงที่ตะวันกำลังขึ้นพอดีก็คงเป็นเพราะนิสัยที่เฮเลนาติดมาจากกองทัพ ถึงแม้ปกติแล้วจะตื่นก่อนตะวันขึ้นเสมอก็เถอะ เทียบกันแล้ววันนี้จะเรียกว่าตื่นสายนิดหน่อยก็ว่าได้

สุราชั้นดีที่ขอยืมมาจากบ้านตระกูลมาร์ควิสเรลโนต ดูเหมือนว่ามันจะทั้งอร่อย ทั้งดื่มง่าย แล้วก็ดีกรีแรงกว่าที่เฮเลนาคาดไว้ซะอีก

 

“ปวด หัว……”

 

“ก็ดื่มไปตั้งมากนี่นะ ไม่แปลกใจเลย เอ้า น้ำ”

 

“อา……ขอบใจ วิก”

 

เธอรับน้ำมาดื่มหนึ่งคำ เพียงเท่านั้นก็รู้สึกว่าอาการปวดศีรษะดีขึ้นบ้างแล้ว อาการเมาค้างเนี่ยใช้น้ำช่วยได้จริง ๆ

เอ๋? ตอนนั้นเองที่รู้สึกสงสัยขึ้นมา

ในสายตาที่ไม่ค่อยจะโฟกัสเพราะความปวดหัว มีภาพของผู้ชายสะท้อนอยู่ และที่สำคัญที่นี่คือวังหลังนั่นจึงย่อมไม่ใช่วิกเตอร์

ซึ่งก็หมายความว่า

 

“ฝ ฝ่าบาท—!?”

 

“……มันมีอะไรต้องตกใจขนาดนั้นด้วยรึ”

 

‘ควับ’ เฮเลนารีบสำรวจร่างกายของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก

เธอยังอยู่ในชุดเดรสตัวเดิมที่ใส่อยู่เมื่อคืน แล้วก็ไม่ได้ส่วนที่ฉีกขาดหรือถูกถอดออกไปเป็นพิเศษ ถ้าจะให้ออกความเห็นอะไรสักอย่างก็คงจะมีแค่ว่าชุดมันยับสุด ๆ เพราะนอนหลับไปทั้งแบบนั้นแค่นั้น

ซึ่งก็แปลว่า เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นนั่นเอง

 

“……ดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อใจเราเลยสินะ”

 

“ฝ ฝ่าบาท!? ขออภัยด้วยค่ะ! มันเผลอไป!”

 

“ไม่เป็นไรหรอก มันคงเป็นสัญชาติญาณของสตรีที่ตื่นมาแล้วพบว่ามีบุรุษอยู่ด้วยล่ะมั้งนะ น่าเสียดายว่าเราน่ะไม่คิดจะโอบกอดสตรีที่เมาอยู่หรอกนะ แต่ยังไงก็ตามจะทิ้งเจ้าที่เมาไม่ได้สติอยู่แล้วกลับไปทั้งแบบนั้นก็กระไรอยู่”

 

ในที่สุดสายตาก็โฟกัสได้สักที ภาพที่เห็นเหมือนมีหมอกบังก็ค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นทีละน้อย เฮเลนาจึงมองดูสภาพของห้อง

ขวดสุราสี่ขวด ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์และนอนกลิ้งอยู่ตามพื้น

นั่นคือสุราชั้นเลิศยี่ห้อดังทั้งหมดที่เฮเลนาขอยืมมาจากบ้านตระกูลมาร์ควิสเรลโนต ซึ่งก็หมายความว่าเธอได้ดื่มสุราแรง ๆ แบบนั้นเข้าไปจนหมดทั้งสี่ขวดเมื่อคืนซะแล้ว

และเวลาที่เฮเลนาเมา เธอก็มักจะจำอะไรไม่ได้

 

“ฝ ฝ่าบาทคะ……เอ่อ ข้าน่ะคออ่อนมาก แล้วก็มีบางครั้งที่จำอะไรไม่ค่อยได้……”

 

หมายความว่า ต่อให้เมื่อคืนได้ทำอะไรที่เสียมารยาทลงไป เธอก็จะจำไม่ได้

แย่ล่ะสิ

เคยโดนวิกเตอร์ตักเตือนมาหลายต่อหลายครั้งจนนับไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ว่า ‘เธอเนี่ยเวลาเมาเหล้าแล้วแย่มาก’

 

“ไม่ต้องกังวลหรอก อย่างที่เราได้บอกไปว่าเมื่อคืนจะไม่ถือเรื่องหมื่นเบื้องสูงใด ๆ ทั้งนั้น อีกอย่างก็เหมือนได้เห็นอีกด้านหนึ่งที่น่ารักของหญิงสาวด้วยน่ะ ไม่มีอะไรให้เราต้องต่อว่าหรอก”

 

“ข ขอบพระคุณมากค่ะ……”

 

“แต่ว่ายังจำเรื่องที่เราบอกเมื่อคืนได้ใช่ไหม?”

 

‘หือ’ เธอขมวดคิ้ว

เรื่องที่ฟาร์มาสบอกเมื่อคืน เธอพยายามนึกอย่างสุดชีวิต

ไม่สิ เพราะโดนบอกหลายต่อหลายเรื่องมากเกินไป จนไม่รู้ว่าหมายถึงเรื่องไหนต่างหาก

บางทีอาจจะหมายถึงเรื่องที่ขอร้องว่าให้ไปออกงานเลี้ยงในฐานะชายาเอก น่าจะใช่ล่ะมั้งนะ

 

“……เรื่องนั้น จำได้ค่ะ”

 

“งั้นก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องหลังจากที่เจ้าเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องมันก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเรื่องล้อเล่น ไม่จำเป็นต้องไปจำหรอก”

 

ฟาร์มาสกล่าวเช่นนั้นและหันหลังให้เฮเลนา

และตรงโซฟากับโต๊ะที่มีอยู่ในห้องของเฮเลนา–ซึ่งบนโต๊ะนั้นมีเอกสารจำนวนมากวางซ้อนกันอยู่ เขาก็เริ่มทำงานโดยการหยิบมันขึ้นมาตรวจดูทีละแผ่น

 

“……เอ่อ ฝ่าบาทคะ”

 

“ไว้ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเราค่อยไปราชสำนักละกัน แหม่ วังหลังนี่สะดวกดีจริง ๆ นะ เอางานที่ทำในห้องทำงานไม่ได้มาทำที่นี่ได้ด้วย”

 

‘หึๆ’ ฟาร์มาสหัวเราะ ดูท่าว่าเขาจะติดนิสัยชอบทำเสียงหัวเราะแบบนั้นล่ะมั้ง

จากนั้นเขาก็ยื่นกระดาษหนังแกะแผ่นหนึ่งมาให้เฮเลนาดู

 

“……นี่คือ?”

 

“เอกสารรายงานรายรับรายจ่ายในเขตปกครองของตระกูลมาร์ควิสโนลด์ลุนด์น่ะ อ้อแล้วก็เป็นอะไรที่ห้ามให้คนนอกเห็นด้วย เพราะงั้นจับไว้ให้ดี ๆ ล่ะ”

 

“แล้วทำไมเอามาให้ข้าดูล่ะคะ!?”

 

เธอตกใจจนมือลื่นเกือบจะเผลอทำตก

เฮเลนานับว่าเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์ เป็นคนที่ไม่ควรจะได้ดูเอกสารนี้แน่ ๆ ถึงอย่างนั้นฟาร์มาสกลับเอาของแบบนี้มาให้เธอดูหน้าตาเฉย ไม่เข้าใจเลยว่าคิดอะไรอยู่

เขากำลังยิ้ม เหมือนกับว่าแกล้งคนได้สำเร็จแล้วหรืออะไรทำนองนั้นอยู่ ทั้งที่ฟาร์มาสมีโครงหน้าซึ่งเข้าที่เข้าทางขนาดเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มรูปงามแท้ ๆ แต่กลับดูเหมาะกับสีหน้าชั่วร้ายแบบนี้มาก

 

“ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ ตอนนี้เจ้าก็เป็นเหมือนชายาเอกของเราไง”

 

“……ก็แค่ ‘เป็นเหมือน’ นะคะ”

 

“งั้นก็นับว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องแล้ว อีกอย่าง เรื่องที่พูดในราชสำนักเบื้องหน้าไม่ได้น่ะ อย่างน้อยขอให้ได้บ่นออกมาที่นี่บ้างเถอะ ข้าเองก็เหนื่อยนิดหน่อยเหมือนกันน่ะ”

 

‘เฮ้อ’ ฟาร์มาสถอนหายใจเบา ๆ

ตั้งแต่เมื่อกี้ฟาร์มาสก็กำลังตรวจดูเอกสารต่าง ๆ นานา แล้วก็กำลังทำเครื่องหมายลงไปที่จุดต่าง ๆ อยู่ อย่างเช่นใบรายงานการเงินของตระกูลมาร์ควิสโนลด์ลุนด์ที่เฮเลนาถืออยู่ก็มีการทำเครื่องหมายสีแดงเอาไว้ตรงที่ต่าง ๆ เหมือนกัน

เธอไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเลขพวกนี้มันมีความหมายว่ายังไง

 

“เฮเลนา เจ้าคำนวณเลขเป็นไหม?”

 

“ไม่เป็นค่ะ”

 

“……ยืดอกตอบอย่างมั่นใจเลยนะ ถ้าคำนวณเลขเป็นก็จะอธิบายให้ฟังได้ง่าย ๆ น่ะ”

 

‘ฟู่’ ดูเหมือนฟาร์มาสจะรู้สึกเหนื่อย เขาจึงเอนหลังทิ้งตัวลงบนโซฟา

เอกสารที่อยู่ตรงหน้าวางกองอยู่เป็นภูเขาสองลูก ท่าทางว่าด้านหนึ่งจะเป็นกองที่ตรวจสอบเสร็จทั้งหมดแล้ว ส่วนอีกด้านคือกองที่ยังไม่ได้ตรวจดูล่ะมั้ง

นี่เขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่กี่โมงกันเนี่ย

 

“รายได้ที่รายงานมา มันน้อยเกินไปน่ะสิ”

 

“……หมายความว่ายังไงหรือคะ?”

 

“ตัวอย่างเช่น ตรงนี้มีหัวข้อเรื่องค่าใช้จ่ายทางการทหารอยู่ แน่นอนว่าในอาณาเขตซึ่งมอบให้ขุนนางปกครองจะมีค่าใช้จ่ายทางการทหารเกิดขึ้นมาบ้างก็ไม่แปลก โดยเฉพาะกับอาณาเขตที่ติดต่อกับต่างชาติ ทว่าค่าใช้จ่ายทางการทหารที่มาร์ควิสโนลด์ลุนด์รายงานมาน่ะมันมากเกินไป ที่ดินตรงนั้นมันไม่ได้ติดต่อกับต่างชาติเลย แล้วก็ไม่มีบันทึกว่ามีการส่งกำลังเสริมกองหนุนไปช่วยใครด้วย”

 

“อ่า……”

 

สำหรับเฮเลนาที่เคยอยู่ในกองทัพ มันเป็นเรื่องที่เธอไม่รู้สึกว่าแปลกสักเท่าไหร่

ทหารก็เหมือนกับแมลงที่สูบกินทุนทรัพย์ โดยเฉพาะเมื่อมียศเป็นอัศวินก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพียงแค่มีตัวตนอยู่ก็เท่ากับผลาญเงินไปแล้ว แถมยังไม่ได้สร้างผลผลิตอะไรขึ้นมาอีกด้วย

การที่ค่าใช้จ่ายทางการทหารสูงมันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่นา

 

“ค่าใช้จ่ายทางการทหารที่ตระกูลมาร์ควิสโนลด์ลุนด์ส่งรายงานมาน่ะ จำนวนมันมากพอจะใช้บริหารจัดการกองกำลังอัศวินของประเทศเราได้กองกำลังนึงเลยล่ะ”

 

“นั่นมันมหาศาลเลยไม่ใช่หรือคะ!”

 

“……ก็กำลังจะบอกแบบนั้นอยู่ไงล่ะ”

 

ฟาร์มาสถอนหายใจอย่างดูเหนื่อย ๆ

จำนวนเงินที่มากพอจะบริหารจัดการกองกำลังอัศวินได้หนึ่งกอง มันคือจำนวนเงินที่มากโขเลยทีเดียว อย่างน้อยที่สุดแค่กองกำลังอัศวินพยัคฆ์แดงที่เฮเลนาเคยสังกัดอยู่ ก็มีอัศวินอยู่ถึงหนึ่งกรม—หรือก็คือประมาณห้าพันนาย และทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่แค่ทหารธรรมดาแต่เป็นอัศวิน ค่าจ้างจึงย่อมสูงกว่าทหารทั่วไปอย่างมากมาย

ในทางกลับกัน กองกำลังอัศวินแบบที่ประกอบไปด้วยทหารราบกองหนุนก็จะมีทหารเป็นหลักหลายหมื่น โดยมีแกนกลางเป็นผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นอัศวิน

จำนวนเงินที่มากพอจะจัดเตรียมกองทัพแบบนั้นได้—ก็คงเรียกเป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกนอกจากคำว่ามหาศาล

 

“เพื่ออะไรกัน……”

 

“เรื่องมันก็ง่ายนิดเดียว มันกำลังพยายามยักยอกเงินโดยไม่ให้ข้ารู้ตัวไงล่ะ”

 

“นั่นเป็นความผิดถึงขั้นที่โดนโทษตัดคอได้เลยนี่คะ……”

 

การยักยอกเงินหลวงโทษคือประหารชีวิต แอนตันบิดาของเฮเลนามีอาชีพเป็นที่ปรึกษาหลวงซึ่งเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างพิเศษ จึงเป็นขุนนางที่ไม่มีอาณาเขตในปกครอง แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องข้องเกี่ยวกับเงินหลวงไม่มากก็น้อย

ด้วยนิสัยของแอนตัน คิดว่าคงไม่มีทางยักยอกอะไรแน่ ๆ อยู่แล้ว แต่สมมุติเกิดไปทำเข้าก็จะถูกประหารโดยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใด ๆ เรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมายที่วางไว้แล้ว และจะไม่มีผิดแปลกไปจากนี้

หมายความว่า สำหรับมาร์ควิสโนลด์ลุนด์ ผู้ที่มือสกปรกไปเสียแล้วนั้น—

 

“ใช่ แต่ว่าตอนนี้จะปล่อยให้มันรอดไปก่อน ขุนนางคนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน ต่อให้เอาสิ่งนี้ไปกล่าวโทษมันเดี๋ยวนี้ ก็เป็นได้แค่การไปตัดหางจิ้งจกเท่านั้น ตอนนี้ต้องรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนา และสักวันข้าจะลากไอ้พวกฝีหนองที่แฝงอยู่ในประเทศของข้าออกมาให้หมดเลย จะต้องให้มันนึกเสียใจที่มาดูถูกข้าคนนี้”

 

“……เอ่อ ฝ่าบาทคะ ตั้งแต่เมื่อกี้ พูด ‘ข้า’ ”

 

เธอรู้สึกคาใจยังไงชอบกล ที่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วฟาร์มาสได้เปลี่ยนสรรพนามบุคคลที่หนึ่งจาก “เรา” เป็น “ข้า”

ชวนให้คิดสงสัยว่านี่คงจะเป็นบุคลิกที่แท้จริงล่ะมั้ง

 

“อา นั่นสินะ เผลอหลุดไปซะได้ แต่ก็ช่างมันเถอะ……ตอนนี้ได้เวลาที่เราต้องมุ่งหน้าไปราชสำนักแล้วล่ะ”

 

“ฝ่าบาท อย่าฝืนเกินไปนะคะ……”

 

“อา งั้นก็ลาก่อนนะเฮเลนาเอ๋ย ไว้เราจะมาใหม่”

 

“ให้ข้าไปส่งถึงประตูนะคะ”

 

ฟาร์มาสกำลังจะหอบเอกสารที่กองเป็นภูเขาแล้วเดินไปที่ประตูห้อง มือทั้งสองไม่ว่างอยู่แบบนั้นคงจะเปิดประตูไม่ได้แน่ ว่าแต่ว่าเอาเอกสารพวกนั้นเข้ามาได้ยังไงกันแน่เนี่ย

เฮเลนาเดินตามหลัง มองแผ่นหลังของจักรพรรดิที่สูงพอ ๆ กับเธอ—หรืออาจจะเตี้ยกว่าด้วยซ้ำ พลางคิดขึ้นว่า

แผ่นหลังนี้ต้องแบกรับความรับผิดชอบเอาไว้มากมายขนาดไหนกันนะ

 

“อา จริงสิ”

 

“คะ?”

 

“ได้เพลิดเพลินกับใบหน้าน่ารักตอนนอนไปแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างน้อยขอรางวัลแค่นี้คงไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

ระหว่างที่ฟังคำพูดนั้นเฮเลนากำลังเปิดประตู

เธอก้าวออกไปนอกห้องหนึ่งก้าว ตั้งใจว่าจะมองส่งตอนที่ฟาร์มาสจากไป

แล้วก็ราวกับเล่นทีเผลอ

 

‘จุ๊บ’ ริมฝีปากเธอสัมผัสเข้ากับบางสิ่งที่อ่อนนุ่ม

 

“แล้วพบกันนะ สนมฟ้าสุริยาของเรา”

 

เพียงแค่นั้น แค่ริมฝีปากที่สัมผัสกันเบา ๆ

แค่นั้นเองแท้ ๆ

เฮเลนากลับยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เหมือนกับว่าได้กลายเป็นหินไปซะแล้ว

มันทีเผลอมาก ๆ ซะจนไม่สามารถหลบได้ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าฟาร์มาสจะทำอะไรแบบนั้นออกมา

ทั้งที่เฮเลนาอายุมากกว่าตั้งสิบปี และควรจะไม่มีเสน่ห์ในสายตาของฟาร์มาสแม้แต่น้อยเลยแท้ ๆ

ถึงจะเธอรับรู้ได้ว่าชีพจรมันกำลังเต้นรัวขึ้นมา แต่ก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่

 ‘อ๊า—’ เธอร้องในใจ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดได้ถึงแค่ตรงนั้น

 

เฮเลนาก็เลือกโยนการใช้ความคิดทิ้งไปอีกตามเคย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+