(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ 143 ท่านเฮเลนากำลังอยากกินเนื้อ

Now you are reading (นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ Chapter 143 ท่านเฮเลนากำลังอยากกินเนื้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

อยากกินเนื้อจังเลยแฮะ

 

เฮเลนานึกขึ้นมาเช่นนั้นแบบกะทันหัน ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ หากจะให้พูดสักเหตุผลหนึ่งก็คงเป็นเพราะเธอกำลังถูกเมินอยู่กระมัง

เบื้องหน้าของเธอกำลังมีการเทศนาสั่งสอนที่น่าดูชมเกิดขึ้นอยู่ และที่ชวนแปลกตาก็คือคราวนี้เป้าหมายของการเทศนานั้นไม่ใช่ตัวเธอเอง แถมคนที่กำลังเทศนาอยู่ก็ไม่ใช่อเลกเซียด้วย

ผู้ที่กำลังนั่งพับเพียบคอตกอยู่บนพื้นเบื้องหน้าของฟาร์มาสนั้น ก็คือแองเจลิกานั่นเอง

 

“ทำไมเจ้าถึงได้ทำอะไรไม่คิดประจำเลยนะ! หัดสำนึกในความเป็นราชนิกุลซะบ้างสิ! ไม่เข้าใจรึไงว่าการกระทำแต่ละอย่างของเจ้ามันเกี่ยวโยงไปถึงภาพลักษณ์ของจักรวรรดิกันเกรฟโดยตรงน่ะ!”

 

“ข ขออภัยค่ะ……”

 

“ถามจริงเถอะว่ามาที่ห้องของเฮเลนาแล้วสิ่งที่ทำอย่างแรกกลับเป็นการจู่โจมทีเผลอเนี่ยคิดอะไรอยู่กันแน่! โชคดีไปที่เฮเลนาหลบได้ทัน แต่ถ้าโดนขึ้นมาจะคิดจะทำยังไงกัน! เจ้าอาจจะถูกครหาว่าเป็นราชนิกุลที่เคยทำร้ายพระชายาไปชั่วชีวิตเลยก็เป็นได้นะ!”

 

“อุ อุ……”

 

หากจะนำไปย่าง อย่างไรตัวเอกของงานก็ต้องเป็นเนื้อวัวเลย ไม่ใช่วัวที่เลี้ยงไว้ใช้งาน แต่ต้องเป็นวัวที่เลี้ยงไว้กินซึ่งมีไขมันติดเนื้อเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเนื้อแดงรสชาติเยี่ยม ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งเอร็ดอร่อย

ตัวละครต่อมา เนื้อหมูเองก็ขาดไม่ได้ แม้จะต้องนำมันไปผ่านความร้อนให้ดีก่อน แต่รสอร่อยกับไขมันซึ่งอัดแน่นอยู่ในนั้นก็ควรค่าแก่การรับประทาน อย่างเช่นตอนย่างเสร็จใหม่ ๆ มีมันเยิ้ม ๆ แค่นึกภาพก็น้ำลายไหล

และนอกจากนั้น แม้บ่อยครั้งมันจะถูกบดบังอยู่ใต้เงาของเนื้อวัวและหมู แต่เนื้อไก่เองก็อร่อยเหมือนกัน เพราะตัวมันเล็ก ในหนึ่งตัวจึงสามารถเพลิดเพลินกับหลากหลายส่วนที่มีสัมผัสตอนกินต่างกันได้ ที่อร่อยเป็นพิเศษก็ส่วนหนัง หากย่างให้มันกรอบ ๆ แล้วเอาไปกินแกล้มกับสุรา ก็เป็นช่วงเวลาที่สุขสมยิ่งนัก

 

แต่จินตนาการ ท้องของเฮเลนาก็ร้องอย่างไม่ตั้งใจเสียแล้ว

อยากกินเนื้อย่างร้อน ๆ แล้วสิ

 

“การที่ไม่รู้ว่าข้าอยู่ข้างในมันก็ช่วยไม่ได้ แต่สมมติโดนข้าขึ้นมาจะทำยังไง! จะบอกว่าเจ้ามีปัญญาแบกรับประเทศทั้งที่มีแต่ข้าราชการทุจริตเต็มไปหมดแบบนี้งั้นรึ!”

 

“……ฮึก”

 

“ร้องไห้ไปก็ไม่มีใครช่วยหรอก! รู้จักอับอายเสียบ้าง!”

 

“งือ……”

 

ถึงจะรสดิบเถื่อนหน่อย แต่เนื้อหมูป่าเองก็อร่อยนะ เพราะมีรสชาติเฉพาะตัวโดยปกติแล้วจึงนิยมนำไปต้มกับเครื่องเทศสมุนไพร แต่เอามาย่างก็อร่อยเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรสชาติที่มีความบริสุทธ์สูงซึ่งหาได้เฉพาะจากสัตว์ป่านั้น มันเทียบเคียงกับหมูเลี้ยงชั้นเลิศได้เลยทีเดียว

และที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดก็คือเนื้องู เนื้อมันรสชาติคล้าย ๆ เนื้อไก่ แต่มีความเด้ง แม้จะยุ่งยากตรงที่ต้องลอกเกล็ดมันออกก่อน แต่ก็มีเนื้อเยอะกว่าไก่จึงทำให้กินง่าย

 

ยิ่งจินตนาการไป ก็ชักอยากกินมากขึ้นเรื่อย ๆ

เอาเป็นว่าตอนนี้มีเนื้องูแล้ว แต่อย่างอื่นที่เหลือไม่มีเลย ถ้าไปบอกห้องครัวจะขอรับมาได้ไหมนะ

ไม่สิ ก่อนจะไปถึงเรื่องนั้น อุปกรณ์สำหรับย่างก็ยังไม่มีเลย หากย่างไฟโดยตรงจะใช้ไฟจากการเผาหญ้าเผาใบไม้ก็พอได้อยู่ แต่อย่างไรเนื้อที่ย่างด้วยไฟถ่านมันก็อร่อยกว่าอยู่ดี เพื่อการนั้นแล้วก็จำเป็นต้องมีถ่านด้วยสิ

 

“เข้าใจถึงสถานะของราชวงศ์ในปัจจุบันรึเปล่าแองเจลิกา!”

 

“ร เรื่องนั้น……”

 

“โนลด์ลุนด์มันกำลังใช้อำนาจตามอำเภอใจในราชสำนัก เสนอแต่ร่างกฎหมายที่จะทำให้ตนเองได้ประโยชน์! ถ้าในสถานการณ์นี้เกิดมีปัจจัยที่ทำให้ราชวงศ์ถูกครหาได้เพิ่มขึ้นมามันจะเป็นยังไง! ไอ้เจ้านั่นมันจะล้มราชวงศ์เรา แล้วไปแต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่ ประเทศได้แตกเป็นเสี่ยงแน่น่ะสิ!”

 

“อุ……”

 

เรื่องราวชักจะซับซ้อนขึ้นแล้วสิ พอเกี่ยวกับราชสำนักปุ๊บ เฮเลนาก็ไม่เข้าใจอีกต่อไป

ว่าแต่ว่า มันจำเป็นต้องดุด่าว่ากล่าวแองเจลิกาถึงขนาดนั้นด้วยรึ

ถึงกระนั้น หากฟาร์มาสคิดว่าแองเจลิกาต้องโดนดุ เฮเลนาก็ควรจับตาดูไปอย่างสงบเสงี่ยมล่ะนะ

 

ทำยังไงดีนะ

เรื่องการจัดหาเนื้อ ฝากให้มาริเอลจัดการก็ได้กระมัง ทว่าจะให้ฝากหาอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยเลยก็เกรงใจอยู่เหมือนกัน

เมื่อก่อน เธอเคยไปกับแม่ ขึ้นภูเขาเพื่อไปกินเนื้อย่างโดยที่ไม่มีวัตถุดิบอะไรติดตัวไปเลย ตอนนั้นเรย์ลาผู้เป็นมารดาของเธอได้ช่วยจัดการหมีกับหมูป่ากับกวางให้ด้วยมือเปล่า แม้แต่การแล่เนื้อแยกชิ้นส่วนก็ทำด้วยมือเปล่าทั้งหมด ทำให้รู้ซึ้งถึงความสุดยอดของแม่ได้ดีทีเดียว หากเป็นเฮเลนา ถ้าไม่มีของมีคมเธอก็คงไม่สามารถแยกชิ้นส่วนได้

หมายความว่า ที่ตระกูลมาร์ควิสเรลโนตต้องมีตะแกรงเหล็กที่เคยใช้ย่างเนื้อเมื่อสมัยก่อนอยู่แน่ แต่ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นใช้วิธีย่างไฟโดยตรง ดังนั้นน่าจะไม่มีเตาที่เอาไว้ใส่ถ่าน

 

“ให้ตายเถอะ……เฮเลนา เจ้าเองก็ช่วยพูดอะไรบ้างสิ”

 

“รู้งี้ควรจับหมีมาดีกว่ารึเปล่านะ”

 

“……หา?”

 

“อ่า เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

 

ความคิดมันลาดเอียงไปหาเนื้อมากไปหน่อย ก็เลยเผลอหลุดปากออกมาซะได้

ในกรณีเลวร้ายที่สุดจะย่างไฟกับโดยตรงก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ลองไหว้วานให้แอนตันช่วยเอาตะแกรงเหล็กนั่นมาให้หน่อยดีกว่า

‘อื้ม’ เฮเลนาพยักหน้า

 

“เอ่อ……แล้ว ว่ากระไรนะคะ?”

 

“เจ้าเองก็ช่วยตักเตือนข้อด้อยแองเจลิกาบ้างสิ”

 

“รับทราบค่ะ……แองเจลิกา”

 

“……ค่ะ”

 

“เจ้าควรจับสัมผัสตัวตนล่วงหน้าให้ดีกว่านี้แล้วค่อยลงมือนะ ไม่ใช่ปาออกมาในวินาทีที่ข้าเปิดประตู แต่ปาล่วงหน้าให้มาถึงตรงหน้าทันทีที่เปิดประตู แบบนั้นก็ย่อมไม่สามารถปัดทิ้งได้โดยง่าย จงหัดสัมผัสตัวตนที่เคลื่อนไหวอยู่หลังประตูให้แม่นยำซะ”

 

“ค่ะ ท่านเฮเลนา!”

 

“อื้ม จากนี้ไปก็หมั่นเพียรฝึกฝนเข้าล่ะ”

 

“พูดเรื่องอะไรกันอยู่น่ะ!?”

 

แม้เฮเลนาจะกล่าวความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาถึงที่สุดแล้ว แต่ฟาร์มาสกลับพูดเช่นนั้นและมองเฮเลนากับแองเจลิกาสลับไปมา

จากนั้นก็ก้มหน้าสลดอย่างแรงแล้วถอนหายใจออกมา

มันมีอะไรให้ต้องถอนหายใจซะขนาดนั้นด้วยรึ

 

“อ่า……นั่นสินะ เจ้าเป็นสตรีเช่นนั้นอยู่แล้วนี่นะ”

 

“เอ่อ……?”

 

“ช่างเถอะ ใกล้ได้เวลาที่เราจะต้องไปทำงานแล้ว แองเจลิกา จากนี้ก็ระมัดระวังด้วยเล่า”

 

“ค ค่ะ……”

 

ฟาร์มาสลุกขึ้นยืน

โดยที่ขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังโกรธอยู่นิดหน่อย

 

“เฮเลนา”

 

“คะ……?”

 

“มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ ช่วยออกมานอกประตูสักครู่ได้ไหม”

 

“รับทราบค่ะ”

 

“แองเจลิกานั่งสำนึกผิดไปซะ อย่าออกมาล่ะ”

 

“ค ค่ะ……เสด็จพี่”

 

คิดว่าแค่ไปส่งถึงหน้าประตูเหมือนทุกครั้งก็พอ แต่เขากลับว่ามาแบบนั้น

ดูเหมือนเขาจะกำลังโกรธอยู่พอสมควร ถึงเหตุผลหลักน่าจะเป็นเพราะแองเจลิกาก็เถอะ

ทว่าคนที่ฝึกให้แองเจลิกาเป็นแบบนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเฮเลนาเองนี่แหละ

 

เฮเลนาออกมานอกห้องกับฟาร์มาสโดยทิ้งให้แองเจลิกาอยู่ในห้องคนเดียว

แน่นอนว่าตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าตรู่อยู่ รอบข้างจึงไม่มีเค้าลางของผู้คนเลย นี่มันใกล้จะได้เวลาอเลกเซียมาทำงานแล้วรึยังนะ

‘อ๊ะ’ ทันใดนั้นเธอก็นึกบางอย่างออก

กะอีแค่ถ่านกับอุปกรณ์สำหรับย่าง เธอฝากให้อเลกเซียช่วยจัดหามาให้ก็ได้ล่ะมั้ง ที่วังหลังอาจมีพัสดุภัณฑ์พวกนั้นอยู่แล้วก็เป็นได้ เหล่านางสนมรุ่นก่อน ๆ มันคงมีสักคนสองคนที่เคยพูดว่าอยากจะทานเนื้อย่างกันบ้างแหละน่า

ดีล่ะ พออเลกเซียมาแล้วลองถามดูสีกว่า

 

และแล้ว ในตอนนั้นเองฟาร์มาสซึ่งเดินนำเฮเลนาออกมาก็ได้หันหลังกลับมา แล้วยิ้มอย่างหน้าชื่นอกตรม

 

“โทษทีนะเฮเลนา”

 

“……คะ?”

 

“ให้เจ้าได้ฟังของที่ไม่รื่นหูอย่างการเทศนาสั่งสอนไปซะแล้ว หากเจ้าเด็กคนนั้นไม่รู้จักเลิกติดพี่ชายเสียทีเราเองก็ลำบากใจน่ะนะ”

 

“ค่ะ……”

 

ส่วนใหญ่เธอเอาแต่คิดเรื่องเนื้อเลยไม่ได้ฟังอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องราชสำนักอะไรนั่นยิ่งเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาโดยสมบูรณ์เลย

ทว่าเมื่อเห็นเฮเลนาดังนั้น ฟาร์มาสก็ยิ้ม

 

“รู้ไหมว่าทำไมเราถึงพาเจ้าออกมา?”

 

“ไม่ค่ะ……”

 

“ให้เจ้าเด็กนั่นเห็นไม่ได้น่ะสิ มันยังเร็วเกินไป”

 

‘หึ ๆ’ เขายิ้มเหมือนมีแผนร้าย

จากนั้นก็ ‘จุ๊บ’ จุมพิตที่ริมฝีปากของเฮเลนาเหมือนดังเช่นทุกครั้ง

 

“……!!”

 

เธอสะดุ้งและหันมองรอบด้าน

เมื่อกี้ก็เพิ่งจะตรวจดูไป แต่รอบข้างก็ยังไม่มีใครอยู่จริง ๆ โชคดีไปทีที่ไม่มีใครเห็น—เธอโล่งใจขึ้นมาเช่นนั้น

 

“คืนนี้เราจะมาหาใหม่นะ ฝากบอกแองเจลิกาว่าคราวหลังให้มาหลังเวลาอาหารเช้าด้วยล่ะ”

 

“ค ค่ะ……”

 

กี่ครั้งก็ไม่ชินเสียที การจูบกลั่นแกล้งของฟาร์มาสแบบนี้น่ะ

‘อ๊า โธ่เอ้ย’ เฮเลนาแลบลิ้นเบา ๆ ใส่แผ่นหลังที่ค่อย ๆ เดินจากไป

 

ตอนนี้เอาเป็นว่าส่ายหัวแล้วก็ลืม ๆ มันไปซะ

จากนั้นก็ไปเตรียมทำเนื้อย่างดีกว่า เฮเลนาคิดก่อนที่จะกลับเข้าไปในห้องของตนเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด