[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 32.5 [Side story] People who come from far away

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 32.5 [Side story] People who come from far away at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มันเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า

พื้นดินที่ขรุขระในแนวราบ ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง และมีเพียงฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว

ดินแดนอันบิดเบี้ยวที่ปราศจากกาลเวลาและชีวิต

ดินแดนที่ตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปไฮดราเกีย ไกลออกไปยิ่งกว่าไมน็อกกราห์และฟอว์นคาเวน

ดินแดนที่ว่ากันว่ายังไม่ได้รับการบุกเบิกที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งสรรพชีวิต ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่

ภายในดินแดนที่ไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆนี้ มีชายคนหนึ่งยืนมองผืนดินอย่างเงียบงัน

เขาเป็นชายที่แปลกประหลาด

ไม่มีใครทราบอายุของเขา แต่จากรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนังทำให้เขาดูเหมือนชายชรา

เขาสวมใส่ผ้าคลุมสีดำที่ขาดวิ่น ทำให้ดูราวกับขอทาน

อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเขาแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา

เขามีผมสีดำที่ตัดสั้น และดวงตาอันเฉียบคม

จากร่างกายที่สามารถมองเห็นได้ผ่านรูของผ้าคลุมแล้ว ราวกับว่าเขามักจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในการต่อสู้เสี่ยงตายอยู่เสมอ แต่ดวงตาของเขาก็ยังส่องประกายแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาอันชาญฉลาด

ชายคนนั้นมองไปที่ผืนดิน ยืนอยู่เงียบๆ

“อ๊ะ! ท่านจอมมาร! กำลังมองอะไรอยู่หรือคะ?”

มีใครบางคนทำลายความเงียบงันนั้น 

มันเป็นหญิงสาวที่มีผิวซีดขาว และแต่งกายด้วยชุดสีเขียวอ่อน ผู้ซึ่งเรียกชายคนนั้นว่า “จอมมาร”

ปัจจุบัน เหล่าคนเถื่อนได้ทำการบุกโจมตีจากทางใต้ของไมน็อกกราห์

ชายคนนี้คือสาเหตุของการกระทำนั้น

ปราการด่านสุดท้ายที่รอคอยผู้เล่นในฉากจบของเกม RPG ชื่อดังอย่าง “Brave Quest”

ตัวตนนั้นถูกเรียกว่าจอมมารเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีชื่อเรียกอื่นๆเลย

และนั่นคือชื่อของชายผู้นั้น

“กำลังดูพื้นดินอยู่น่ะ”

จอมมารตอบคำถามของหญิงสาวคนนั้นอย่างเงียบๆ

สายตาของเขายังจับจ้องไปยังพื้นดิน และไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

หญิงสาวคนนั้นก็ไม่สามารถคาดเดาความคิดของจอมมารได้

ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความงุนงง

“พื้นดินงั้นหรือคะ? ท่านกำลังกังวลเกี่ยวกับแผ่นดินบนโลกใบนี้รึเปล่าคะ?”

“ไม่ใช่ ข้าแค่ประทับใจที่มันมีแผ่นดินที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้อยู่ด้วย”

กลิ่นของพืชพรรณซึ่งลอยมาจากที่ไกลๆ นกที่กำลังโบยบินอยู่บนฟ้า สายลมที่พัดมาเป็นครั้งคราว และดินแดนอันอบอุ่นได้เติมเต็มประสาทสัมผัสทั้งห้าของจอมมาร

เมื่อเขาสูดลมหายใจเบาๆ อากาศอันสดชื่นได้ไหลเข้าสู่ปอดและแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา

มันต่างไปจากโลกที่เขาเคยรู้จัก ซึ่งมีแต่ผืนดินที่มอดไหม้ ท้องฟ้าอันดำมืด และหมอกพิษที่สูดดมเข้าไปในปอด

มันเป็นประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจจอมมารอย่างมาก

เขาที่เคยเอาแต่นั่งอยู่ในส่วนลึกของปราสาทจอมมาร และไม่เคยได้ก้าวเท้าออกมายังโลกภายนอก

ตั้งแต่เกิดจนตาย จอมมารไม่เคยได้ออกมานอกปราสาทของเขามาก่อน

แน่นอนว่าเขารู้ถึงการดำรงอยู่ของพื้นดิน และท้องฟ้า แต่ว่าการรู้ว่ามีกับการได้สัมผัสของจริงมันต่างกันมาก ข้อแตกต่างนั้นทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างลึกล้ำ

อาจจะฟังดูน่าขัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมายังโลกภายนอก

เขาจะรู้สึกยินดีขนาดไหน…

จอมมารอยากจะลืมพวกสามัญสำนักพื้นฐานไป และเอ่ยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา แต่เขาก็ยังเลือกที่จะปิดปาก เนื่องจากรู้ดีว่าพวกราชาสวรรค์ของเขาคงจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้

“โอ้! เยี่ยมไปเลยค่ะ ดูเหมือนท่านจอมมารจะชอบที่นี้สินะคะ! ใช่แล้ว เพียงแค่ท่านเอ่ยปาก พวกเราจะรีบยึดครองดินแดนนี้และนำมามอบให้แก่ท่านตอนนี้เลยค่ะ! ท่านสามารถสั่งการมาได้เลยค่ะ!”

ราชาสวรรค์เพศหญิงตนนี้กางมือของเธอออกมาด้วยท่าทีเกินจริง คว้าไปยังอากาศรอบๆ ราวกับว่าเธอกำลังโอบอุ้มโลกทั้งใบ และทำให้มันกลายเป็นโลกของพวกเขา

ในฐานะที่เป็นลูกน้องของจอมมาร ท่าทีเทิดทูนของเธอนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่โชคร้ายที่มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถสั่นคลอนจิตใจของจอมมารได้ในเวลานี้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเบื่อกับท่าทีเดิมๆพวกนี้เต็มทน และเมินมันด้วยซ้ำไป

เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นคำถามก็ผุดขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรกับโลกใบนี้ดี

“เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำยังไง?”

ประโยคที่ทำให้หญิงสาวผู้นั้นกะพริบตาไปมาอย่างหวาดกลัว

“อะไรนะ? อ๊ะ ไม่สิ ไม่ใช่! ขออภัยด้วยค่ะ! ข้าประหลาดใจกับประโยคนั้นเล็กน้อย ใช่แล้ว ใช่แล้วล่ะ”

เขารู้ดีว่ามันเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมในฐานะจอมมาร

อย่างไรก็ตาม จอมมารตัดสินใจที่จะถามมันออกมา ดังนั้น ต่อให้หญิงสาวคนนี้จะแสดงท่าทีเสียมารยาทออกมา เขาก็ไม่ได้ถือสา

บางทีเขาอาจจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าลูกน้องจะมีท่าทีตอบกลับยังไง…

ถึงอย่างนั้น เขาก็ได้ถามออกไปแล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือรอคำตอบกลับมา

จอมมารรอคำตอบจากหญิงสาวพร้อมกับไปมองไปยังพื้นดินเงียบๆ

ในที่สุด หลังจากที่ช่วงเวลาอันน่าอึดอัดผ่านพ้นไปแล้ว หญิงสาวคนนั้นก็ตอบกลับมา

“จากคำถามเมื่อสักครู่ของท่าน–แน่นอนเลยค่ะ! ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านปรารถนา! ไม่ว่าท่านจะปรารถนาสิ่งหากท่านต้องการที่จะยึดครองโลก มันก็จะตกเป็นของท่านอย่างแน่นอน! ใช่แล้วค่ะ! นั่นคือสิ่งที่ท่านปรารถนาใช่ไหมคะ?”

พูดจาใหญ่โต อลังการ และประจบอีกนิดหน่อย

–เหมือนที่คิดไว้ เป็นคำตอบที่น่าเบื่อเสียจริง

“งั้นหรือ…? ไม่สิ แบบนั้นแหละ”

และจอมมารก็เงียบไปอีกครั้ง

หญิงสาวเป็นกังวลมาก เธอคิดว่าตัวเธอทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าเปิดปากขออภัยในความผิดพลาดของตนเอง

มันไม่เหมือนกับการเข้าใจผิดทั่วไป บางทีการขออภัยนั้นอาจจะทำให้จอมมารหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีก

“เจ้าไปเถอะ ข้าจะมองดูแผ่นดินนี้อีกสักพัก”

หลังจากนั้น ดูเหมือนจอมมารจะนึกอะไรได้ และมอบคำสั่งให้แก่หญิงสาวคนนั้น

ความกังวลของเธอได้หายไป เธอรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอทำความเคารพเขาด้วยน้ำเสียงขึงขังตามปกติ และรีบพาตัวเองออกมา

….จอมมารจมดิ่งอยู่กับความคิดของตนเอง

แม้ว่าหญิงสาวที่เป็นราชาสวรรค์คนนั้นจะจากไปแล้ว เขาก็ยังคงเอาแต่มองไปที่แผ่นดิน และครุ่นคิดอยู่กับตัวเองอย่างเงียบๆ

ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าที่เรียบสงบของเขาคืออะไร ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่หลังจากที่สัมผัสเหนือมนุษย์ของเขาบอกว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว จอมมารก็หลุดประโยคที่ราวกับเป็นการถามตัวเองออกมา

“—เพื่อความแน่ใจ…”

นั่นหมายความว่ายังไงกันแน่?

ดูเหมือนจะเป็นคำถาม และการยืนยันอะไรบางอย่างกับตนเอง

ถ้าราชาสวรรค์ทั้งหมดอยู่ตรงนี้ หนึ่งในพวกเขาคงตั้งคำถามถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของจอมมารเป็นแน่

แต่ที่ตรงนี้มีเพียงแค่จอมมารยืนอยู่

เป็นเพราะไม่มีผู้ใดอยู่ที่แห่งนี้ ก่อนหน้านี้จอมมารจึงเอ่ยประโยคนั้นออกมา

ราวกับว่าเขาอดไม่ได้ที่จะพูดความลับซึ่งไม่มีใครรู้ออกมา

“นี่คือความสงบ ที่ข้าตามหาสินะ”

คำพูดได้หลุดออกมาอีกครั้ง

สายลมได้พัดพาประโยคอันน่าเศร้าออกไป

ไม่มีใครได้ยินและเข้าใจมัน

เขาได้ยินเสียงของปีศาจมาจากระยะไกล

แม้ว่ามันจะเป็นเสียงที่มีแต่พวกที่ไม่ใช่มนุษย์ – หรือปีศาจได้ยินก็ตาม

มันเป็นเสียงกรีดร้องของปีศาจที่เข้าจู่โจมมนุษย์จากระยะไกล

เห็นได้ชัดเลยว่า ตอนนี้การยึดครองโลกได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

มันคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยาวไกล ยาวออกไปอย่างไม่รู้จบ…

จอมมารเหม่อลอยไปอีกครั้ง

ช่วงเวลาแห่งสงครามได้มาถึงแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 32.5 [Side story] People who come from far away

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 32.5 [Side story] People who come from far away at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มันเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า

พื้นดินที่ขรุขระในแนวราบ ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง และมีเพียงฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว

ดินแดนอันบิดเบี้ยวที่ปราศจากกาลเวลาและชีวิต

ดินแดนที่ตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปไฮดราเกีย ไกลออกไปยิ่งกว่าไมน็อกกราห์และฟอว์นคาเวน

ดินแดนที่ว่ากันว่ายังไม่ได้รับการบุกเบิกที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งสรรพชีวิต ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่

ภายในดินแดนที่ไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆนี้ มีชายคนหนึ่งยืนมองผืนดินอย่างเงียบงัน

เขาเป็นชายที่แปลกประหลาด

ไม่มีใครทราบอายุของเขา แต่จากรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนังทำให้เขาดูเหมือนชายชรา

เขาสวมใส่ผ้าคลุมสีดำที่ขาดวิ่น ทำให้ดูราวกับขอทาน

อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเขาแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา

เขามีผมสีดำที่ตัดสั้น และดวงตาอันเฉียบคม

จากร่างกายที่สามารถมองเห็นได้ผ่านรูของผ้าคลุมแล้ว ราวกับว่าเขามักจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในการต่อสู้เสี่ยงตายอยู่เสมอ แต่ดวงตาของเขาก็ยังส่องประกายแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาอันชาญฉลาด

ชายคนนั้นมองไปที่ผืนดิน ยืนอยู่เงียบๆ

“อ๊ะ! ท่านจอมมาร! กำลังมองอะไรอยู่หรือคะ?”

มีใครบางคนทำลายความเงียบงันนั้น 

มันเป็นหญิงสาวที่มีผิวซีดขาว และแต่งกายด้วยชุดสีเขียวอ่อน ผู้ซึ่งเรียกชายคนนั้นว่า “จอมมาร”

ปัจจุบัน เหล่าคนเถื่อนได้ทำการบุกโจมตีจากทางใต้ของไมน็อกกราห์

ชายคนนี้คือสาเหตุของการกระทำนั้น

ปราการด่านสุดท้ายที่รอคอยผู้เล่นในฉากจบของเกม RPG ชื่อดังอย่าง “Brave Quest”

ตัวตนนั้นถูกเรียกว่าจอมมารเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีชื่อเรียกอื่นๆเลย

และนั่นคือชื่อของชายผู้นั้น

“กำลังดูพื้นดินอยู่น่ะ”

จอมมารตอบคำถามของหญิงสาวคนนั้นอย่างเงียบๆ

สายตาของเขายังจับจ้องไปยังพื้นดิน และไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

หญิงสาวคนนั้นก็ไม่สามารถคาดเดาความคิดของจอมมารได้

ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความงุนงง

“พื้นดินงั้นหรือคะ? ท่านกำลังกังวลเกี่ยวกับแผ่นดินบนโลกใบนี้รึเปล่าคะ?”

“ไม่ใช่ ข้าแค่ประทับใจที่มันมีแผ่นดินที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้อยู่ด้วย”

กลิ่นของพืชพรรณซึ่งลอยมาจากที่ไกลๆ นกที่กำลังโบยบินอยู่บนฟ้า สายลมที่พัดมาเป็นครั้งคราว และดินแดนอันอบอุ่นได้เติมเต็มประสาทสัมผัสทั้งห้าของจอมมาร

เมื่อเขาสูดลมหายใจเบาๆ อากาศอันสดชื่นได้ไหลเข้าสู่ปอดและแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา

มันต่างไปจากโลกที่เขาเคยรู้จัก ซึ่งมีแต่ผืนดินที่มอดไหม้ ท้องฟ้าอันดำมืด และหมอกพิษที่สูดดมเข้าไปในปอด

มันเป็นประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจจอมมารอย่างมาก

เขาที่เคยเอาแต่นั่งอยู่ในส่วนลึกของปราสาทจอมมาร และไม่เคยได้ก้าวเท้าออกมายังโลกภายนอก

ตั้งแต่เกิดจนตาย จอมมารไม่เคยได้ออกมานอกปราสาทของเขามาก่อน

แน่นอนว่าเขารู้ถึงการดำรงอยู่ของพื้นดิน และท้องฟ้า แต่ว่าการรู้ว่ามีกับการได้สัมผัสของจริงมันต่างกันมาก ข้อแตกต่างนั้นทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างลึกล้ำ

อาจจะฟังดูน่าขัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมายังโลกภายนอก

เขาจะรู้สึกยินดีขนาดไหน…

จอมมารอยากจะลืมพวกสามัญสำนักพื้นฐานไป และเอ่ยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา แต่เขาก็ยังเลือกที่จะปิดปาก เนื่องจากรู้ดีว่าพวกราชาสวรรค์ของเขาคงจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้

“โอ้! เยี่ยมไปเลยค่ะ ดูเหมือนท่านจอมมารจะชอบที่นี้สินะคะ! ใช่แล้ว เพียงแค่ท่านเอ่ยปาก พวกเราจะรีบยึดครองดินแดนนี้และนำมามอบให้แก่ท่านตอนนี้เลยค่ะ! ท่านสามารถสั่งการมาได้เลยค่ะ!”

ราชาสวรรค์เพศหญิงตนนี้กางมือของเธอออกมาด้วยท่าทีเกินจริง คว้าไปยังอากาศรอบๆ ราวกับว่าเธอกำลังโอบอุ้มโลกทั้งใบ และทำให้มันกลายเป็นโลกของพวกเขา

ในฐานะที่เป็นลูกน้องของจอมมาร ท่าทีเทิดทูนของเธอนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่โชคร้ายที่มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถสั่นคลอนจิตใจของจอมมารได้ในเวลานี้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเบื่อกับท่าทีเดิมๆพวกนี้เต็มทน และเมินมันด้วยซ้ำไป

เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นคำถามก็ผุดขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรกับโลกใบนี้ดี

“เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำยังไง?”

ประโยคที่ทำให้หญิงสาวผู้นั้นกะพริบตาไปมาอย่างหวาดกลัว

“อะไรนะ? อ๊ะ ไม่สิ ไม่ใช่! ขออภัยด้วยค่ะ! ข้าประหลาดใจกับประโยคนั้นเล็กน้อย ใช่แล้ว ใช่แล้วล่ะ”

เขารู้ดีว่ามันเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมในฐานะจอมมาร

อย่างไรก็ตาม จอมมารตัดสินใจที่จะถามมันออกมา ดังนั้น ต่อให้หญิงสาวคนนี้จะแสดงท่าทีเสียมารยาทออกมา เขาก็ไม่ได้ถือสา

บางทีเขาอาจจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าลูกน้องจะมีท่าทีตอบกลับยังไง…

ถึงอย่างนั้น เขาก็ได้ถามออกไปแล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือรอคำตอบกลับมา

จอมมารรอคำตอบจากหญิงสาวพร้อมกับไปมองไปยังพื้นดินเงียบๆ

ในที่สุด หลังจากที่ช่วงเวลาอันน่าอึดอัดผ่านพ้นไปแล้ว หญิงสาวคนนั้นก็ตอบกลับมา

“จากคำถามเมื่อสักครู่ของท่าน–แน่นอนเลยค่ะ! ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านปรารถนา! ไม่ว่าท่านจะปรารถนาสิ่งหากท่านต้องการที่จะยึดครองโลก มันก็จะตกเป็นของท่านอย่างแน่นอน! ใช่แล้วค่ะ! นั่นคือสิ่งที่ท่านปรารถนาใช่ไหมคะ?”

พูดจาใหญ่โต อลังการ และประจบอีกนิดหน่อย

–เหมือนที่คิดไว้ เป็นคำตอบที่น่าเบื่อเสียจริง

“งั้นหรือ…? ไม่สิ แบบนั้นแหละ”

และจอมมารก็เงียบไปอีกครั้ง

หญิงสาวเป็นกังวลมาก เธอคิดว่าตัวเธอทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าเปิดปากขออภัยในความผิดพลาดของตนเอง

มันไม่เหมือนกับการเข้าใจผิดทั่วไป บางทีการขออภัยนั้นอาจจะทำให้จอมมารหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีก

“เจ้าไปเถอะ ข้าจะมองดูแผ่นดินนี้อีกสักพัก”

หลังจากนั้น ดูเหมือนจอมมารจะนึกอะไรได้ และมอบคำสั่งให้แก่หญิงสาวคนนั้น

ความกังวลของเธอได้หายไป เธอรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอทำความเคารพเขาด้วยน้ำเสียงขึงขังตามปกติ และรีบพาตัวเองออกมา

….จอมมารจมดิ่งอยู่กับความคิดของตนเอง

แม้ว่าหญิงสาวที่เป็นราชาสวรรค์คนนั้นจะจากไปแล้ว เขาก็ยังคงเอาแต่มองไปที่แผ่นดิน และครุ่นคิดอยู่กับตัวเองอย่างเงียบๆ

ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าที่เรียบสงบของเขาคืออะไร ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่หลังจากที่สัมผัสเหนือมนุษย์ของเขาบอกว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว จอมมารก็หลุดประโยคที่ราวกับเป็นการถามตัวเองออกมา

“—เพื่อความแน่ใจ…”

นั่นหมายความว่ายังไงกันแน่?

ดูเหมือนจะเป็นคำถาม และการยืนยันอะไรบางอย่างกับตนเอง

ถ้าราชาสวรรค์ทั้งหมดอยู่ตรงนี้ หนึ่งในพวกเขาคงตั้งคำถามถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของจอมมารเป็นแน่

แต่ที่ตรงนี้มีเพียงแค่จอมมารยืนอยู่

เป็นเพราะไม่มีผู้ใดอยู่ที่แห่งนี้ ก่อนหน้านี้จอมมารจึงเอ่ยประโยคนั้นออกมา

ราวกับว่าเขาอดไม่ได้ที่จะพูดความลับซึ่งไม่มีใครรู้ออกมา

“นี่คือความสงบ ที่ข้าตามหาสินะ”

คำพูดได้หลุดออกมาอีกครั้ง

สายลมได้พัดพาประโยคอันน่าเศร้าออกไป

ไม่มีใครได้ยินและเข้าใจมัน

เขาได้ยินเสียงของปีศาจมาจากระยะไกล

แม้ว่ามันจะเป็นเสียงที่มีแต่พวกที่ไม่ใช่มนุษย์ – หรือปีศาจได้ยินก็ตาม

มันเป็นเสียงกรีดร้องของปีศาจที่เข้าจู่โจมมนุษย์จากระยะไกล

เห็นได้ชัดเลยว่า ตอนนี้การยึดครองโลกได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

มันคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยาวไกล ยาวออกไปอย่างไม่รู้จบ…

จอมมารเหม่อลอยไปอีกครั้ง

ช่วงเวลาแห่งสงครามได้มาถึงแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 32.5 [Side story] People who come from far away

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 32.5 [Side story] People who come from far away at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มันเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า

พื้นดินที่ขรุขระในแนวราบ ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง และมีเพียงฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว

ดินแดนอันบิดเบี้ยวที่ปราศจากกาลเวลาและชีวิต

ดินแดนที่ตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปไฮดราเกีย ไกลออกไปยิ่งกว่าไมน็อกกราห์และฟอว์นคาเวน

ดินแดนที่ว่ากันว่ายังไม่ได้รับการบุกเบิกที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งสรรพชีวิต ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่

ภายในดินแดนที่ไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆนี้ มีชายคนหนึ่งยืนมองผืนดินอย่างเงียบงัน

เขาเป็นชายที่แปลกประหลาด

ไม่มีใครทราบอายุของเขา แต่จากรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนังทำให้เขาดูเหมือนชายชรา

เขาสวมใส่ผ้าคลุมสีดำที่ขาดวิ่น ทำให้ดูราวกับขอทาน

อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเขาแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา

เขามีผมสีดำที่ตัดสั้น และดวงตาอันเฉียบคม

จากร่างกายที่สามารถมองเห็นได้ผ่านรูของผ้าคลุมแล้ว ราวกับว่าเขามักจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในการต่อสู้เสี่ยงตายอยู่เสมอ แต่ดวงตาของเขาก็ยังส่องประกายแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาอันชาญฉลาด

ชายคนนั้นมองไปที่ผืนดิน ยืนอยู่เงียบๆ

“อ๊ะ! ท่านจอมมาร! กำลังมองอะไรอยู่หรือคะ?”

มีใครบางคนทำลายความเงียบงันนั้น 

มันเป็นหญิงสาวที่มีผิวซีดขาว และแต่งกายด้วยชุดสีเขียวอ่อน ผู้ซึ่งเรียกชายคนนั้นว่า “จอมมาร”

ปัจจุบัน เหล่าคนเถื่อนได้ทำการบุกโจมตีจากทางใต้ของไมน็อกกราห์

ชายคนนี้คือสาเหตุของการกระทำนั้น

ปราการด่านสุดท้ายที่รอคอยผู้เล่นในฉากจบของเกม RPG ชื่อดังอย่าง “Brave Quest”

ตัวตนนั้นถูกเรียกว่าจอมมารเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีชื่อเรียกอื่นๆเลย

และนั่นคือชื่อของชายผู้นั้น

“กำลังดูพื้นดินอยู่น่ะ”

จอมมารตอบคำถามของหญิงสาวคนนั้นอย่างเงียบๆ

สายตาของเขายังจับจ้องไปยังพื้นดิน และไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

หญิงสาวคนนั้นก็ไม่สามารถคาดเดาความคิดของจอมมารได้

ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความงุนงง

“พื้นดินงั้นหรือคะ? ท่านกำลังกังวลเกี่ยวกับแผ่นดินบนโลกใบนี้รึเปล่าคะ?”

“ไม่ใช่ ข้าแค่ประทับใจที่มันมีแผ่นดินที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้อยู่ด้วย”

กลิ่นของพืชพรรณซึ่งลอยมาจากที่ไกลๆ นกที่กำลังโบยบินอยู่บนฟ้า สายลมที่พัดมาเป็นครั้งคราว และดินแดนอันอบอุ่นได้เติมเต็มประสาทสัมผัสทั้งห้าของจอมมาร

เมื่อเขาสูดลมหายใจเบาๆ อากาศอันสดชื่นได้ไหลเข้าสู่ปอดและแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา

มันต่างไปจากโลกที่เขาเคยรู้จัก ซึ่งมีแต่ผืนดินที่มอดไหม้ ท้องฟ้าอันดำมืด และหมอกพิษที่สูดดมเข้าไปในปอด

มันเป็นประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจจอมมารอย่างมาก

เขาที่เคยเอาแต่นั่งอยู่ในส่วนลึกของปราสาทจอมมาร และไม่เคยได้ก้าวเท้าออกมายังโลกภายนอก

ตั้งแต่เกิดจนตาย จอมมารไม่เคยได้ออกมานอกปราสาทของเขามาก่อน

แน่นอนว่าเขารู้ถึงการดำรงอยู่ของพื้นดิน และท้องฟ้า แต่ว่าการรู้ว่ามีกับการได้สัมผัสของจริงมันต่างกันมาก ข้อแตกต่างนั้นทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างลึกล้ำ

อาจจะฟังดูน่าขัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมายังโลกภายนอก

เขาจะรู้สึกยินดีขนาดไหน…

จอมมารอยากจะลืมพวกสามัญสำนักพื้นฐานไป และเอ่ยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา แต่เขาก็ยังเลือกที่จะปิดปาก เนื่องจากรู้ดีว่าพวกราชาสวรรค์ของเขาคงจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้

“โอ้! เยี่ยมไปเลยค่ะ ดูเหมือนท่านจอมมารจะชอบที่นี้สินะคะ! ใช่แล้ว เพียงแค่ท่านเอ่ยปาก พวกเราจะรีบยึดครองดินแดนนี้และนำมามอบให้แก่ท่านตอนนี้เลยค่ะ! ท่านสามารถสั่งการมาได้เลยค่ะ!”

ราชาสวรรค์เพศหญิงตนนี้กางมือของเธอออกมาด้วยท่าทีเกินจริง คว้าไปยังอากาศรอบๆ ราวกับว่าเธอกำลังโอบอุ้มโลกทั้งใบ และทำให้มันกลายเป็นโลกของพวกเขา

ในฐานะที่เป็นลูกน้องของจอมมาร ท่าทีเทิดทูนของเธอนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่โชคร้ายที่มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถสั่นคลอนจิตใจของจอมมารได้ในเวลานี้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเบื่อกับท่าทีเดิมๆพวกนี้เต็มทน และเมินมันด้วยซ้ำไป

เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นคำถามก็ผุดขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรกับโลกใบนี้ดี

“เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำยังไง?”

ประโยคที่ทำให้หญิงสาวผู้นั้นกะพริบตาไปมาอย่างหวาดกลัว

“อะไรนะ? อ๊ะ ไม่สิ ไม่ใช่! ขออภัยด้วยค่ะ! ข้าประหลาดใจกับประโยคนั้นเล็กน้อย ใช่แล้ว ใช่แล้วล่ะ”

เขารู้ดีว่ามันเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมในฐานะจอมมาร

อย่างไรก็ตาม จอมมารตัดสินใจที่จะถามมันออกมา ดังนั้น ต่อให้หญิงสาวคนนี้จะแสดงท่าทีเสียมารยาทออกมา เขาก็ไม่ได้ถือสา

บางทีเขาอาจจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าลูกน้องจะมีท่าทีตอบกลับยังไง…

ถึงอย่างนั้น เขาก็ได้ถามออกไปแล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือรอคำตอบกลับมา

จอมมารรอคำตอบจากหญิงสาวพร้อมกับไปมองไปยังพื้นดินเงียบๆ

ในที่สุด หลังจากที่ช่วงเวลาอันน่าอึดอัดผ่านพ้นไปแล้ว หญิงสาวคนนั้นก็ตอบกลับมา

“จากคำถามเมื่อสักครู่ของท่าน–แน่นอนเลยค่ะ! ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านปรารถนา! ไม่ว่าท่านจะปรารถนาสิ่งหากท่านต้องการที่จะยึดครองโลก มันก็จะตกเป็นของท่านอย่างแน่นอน! ใช่แล้วค่ะ! นั่นคือสิ่งที่ท่านปรารถนาใช่ไหมคะ?”

พูดจาใหญ่โต อลังการ และประจบอีกนิดหน่อย

–เหมือนที่คิดไว้ เป็นคำตอบที่น่าเบื่อเสียจริง

“งั้นหรือ…? ไม่สิ แบบนั้นแหละ”

และจอมมารก็เงียบไปอีกครั้ง

หญิงสาวเป็นกังวลมาก เธอคิดว่าตัวเธอทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าเปิดปากขออภัยในความผิดพลาดของตนเอง

มันไม่เหมือนกับการเข้าใจผิดทั่วไป บางทีการขออภัยนั้นอาจจะทำให้จอมมารหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีก

“เจ้าไปเถอะ ข้าจะมองดูแผ่นดินนี้อีกสักพัก”

หลังจากนั้น ดูเหมือนจอมมารจะนึกอะไรได้ และมอบคำสั่งให้แก่หญิงสาวคนนั้น

ความกังวลของเธอได้หายไป เธอรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอทำความเคารพเขาด้วยน้ำเสียงขึงขังตามปกติ และรีบพาตัวเองออกมา

….จอมมารจมดิ่งอยู่กับความคิดของตนเอง

แม้ว่าหญิงสาวที่เป็นราชาสวรรค์คนนั้นจะจากไปแล้ว เขาก็ยังคงเอาแต่มองไปที่แผ่นดิน และครุ่นคิดอยู่กับตัวเองอย่างเงียบๆ

ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าที่เรียบสงบของเขาคืออะไร ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่หลังจากที่สัมผัสเหนือมนุษย์ของเขาบอกว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว จอมมารก็หลุดประโยคที่ราวกับเป็นการถามตัวเองออกมา

“—เพื่อความแน่ใจ…”

นั่นหมายความว่ายังไงกันแน่?

ดูเหมือนจะเป็นคำถาม และการยืนยันอะไรบางอย่างกับตนเอง

ถ้าราชาสวรรค์ทั้งหมดอยู่ตรงนี้ หนึ่งในพวกเขาคงตั้งคำถามถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของจอมมารเป็นแน่

แต่ที่ตรงนี้มีเพียงแค่จอมมารยืนอยู่

เป็นเพราะไม่มีผู้ใดอยู่ที่แห่งนี้ ก่อนหน้านี้จอมมารจึงเอ่ยประโยคนั้นออกมา

ราวกับว่าเขาอดไม่ได้ที่จะพูดความลับซึ่งไม่มีใครรู้ออกมา

“นี่คือความสงบ ที่ข้าตามหาสินะ”

คำพูดได้หลุดออกมาอีกครั้ง

สายลมได้พัดพาประโยคอันน่าเศร้าออกไป

ไม่มีใครได้ยินและเข้าใจมัน

เขาได้ยินเสียงของปีศาจมาจากระยะไกล

แม้ว่ามันจะเป็นเสียงที่มีแต่พวกที่ไม่ใช่มนุษย์ – หรือปีศาจได้ยินก็ตาม

มันเป็นเสียงกรีดร้องของปีศาจที่เข้าจู่โจมมนุษย์จากระยะไกล

เห็นได้ชัดเลยว่า ตอนนี้การยึดครองโลกได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

มันคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยาวไกล ยาวออกไปอย่างไม่รู้จบ…

จอมมารเหม่อลอยไปอีกครั้ง

ช่วงเวลาแห่งสงครามได้มาถึงแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 32.5 [Side story] People who come from far away

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 32.5 [Side story] People who come from far away at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มันเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า

พื้นดินที่ขรุขระในแนวราบ ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง และมีเพียงฝุ่นที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว

ดินแดนอันบิดเบี้ยวที่ปราศจากกาลเวลาและชีวิต

ดินแดนที่ตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปไฮดราเกีย ไกลออกไปยิ่งกว่าไมน็อกกราห์และฟอว์นคาเวน

ดินแดนที่ว่ากันว่ายังไม่ได้รับการบุกเบิกที่ว่างเปล่าและไร้ซึ่งสรรพชีวิต ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่

ภายในดินแดนที่ไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆนี้ มีชายคนหนึ่งยืนมองผืนดินอย่างเงียบงัน

เขาเป็นชายที่แปลกประหลาด

ไม่มีใครทราบอายุของเขา แต่จากรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนังทำให้เขาดูเหมือนชายชรา

เขาสวมใส่ผ้าคลุมสีดำที่ขาดวิ่น ทำให้ดูราวกับขอทาน

อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ของเขาแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา

เขามีผมสีดำที่ตัดสั้น และดวงตาอันเฉียบคม

จากร่างกายที่สามารถมองเห็นได้ผ่านรูของผ้าคลุมแล้ว ราวกับว่าเขามักจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในการต่อสู้เสี่ยงตายอยู่เสมอ แต่ดวงตาของเขาก็ยังส่องประกายแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาอันชาญฉลาด

ชายคนนั้นมองไปที่ผืนดิน ยืนอยู่เงียบๆ

“อ๊ะ! ท่านจอมมาร! กำลังมองอะไรอยู่หรือคะ?”

มีใครบางคนทำลายความเงียบงันนั้น 

มันเป็นหญิงสาวที่มีผิวซีดขาว และแต่งกายด้วยชุดสีเขียวอ่อน ผู้ซึ่งเรียกชายคนนั้นว่า “จอมมาร”

ปัจจุบัน เหล่าคนเถื่อนได้ทำการบุกโจมตีจากทางใต้ของไมน็อกกราห์

ชายคนนี้คือสาเหตุของการกระทำนั้น

ปราการด่านสุดท้ายที่รอคอยผู้เล่นในฉากจบของเกม RPG ชื่อดังอย่าง “Brave Quest”

ตัวตนนั้นถูกเรียกว่าจอมมารเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีชื่อเรียกอื่นๆเลย

และนั่นคือชื่อของชายผู้นั้น

“กำลังดูพื้นดินอยู่น่ะ”

จอมมารตอบคำถามของหญิงสาวคนนั้นอย่างเงียบๆ

สายตาของเขายังจับจ้องไปยังพื้นดิน และไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

หญิงสาวคนนั้นก็ไม่สามารถคาดเดาความคิดของจอมมารได้

ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความงุนงง

“พื้นดินงั้นหรือคะ? ท่านกำลังกังวลเกี่ยวกับแผ่นดินบนโลกใบนี้รึเปล่าคะ?”

“ไม่ใช่ ข้าแค่ประทับใจที่มันมีแผ่นดินที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้อยู่ด้วย”

กลิ่นของพืชพรรณซึ่งลอยมาจากที่ไกลๆ นกที่กำลังโบยบินอยู่บนฟ้า สายลมที่พัดมาเป็นครั้งคราว และดินแดนอันอบอุ่นได้เติมเต็มประสาทสัมผัสทั้งห้าของจอมมาร

เมื่อเขาสูดลมหายใจเบาๆ อากาศอันสดชื่นได้ไหลเข้าสู่ปอดและแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา

มันต่างไปจากโลกที่เขาเคยรู้จัก ซึ่งมีแต่ผืนดินที่มอดไหม้ ท้องฟ้าอันดำมืด และหมอกพิษที่สูดดมเข้าไปในปอด

มันเป็นประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจจอมมารอย่างมาก

เขาที่เคยเอาแต่นั่งอยู่ในส่วนลึกของปราสาทจอมมาร และไม่เคยได้ก้าวเท้าออกมายังโลกภายนอก

ตั้งแต่เกิดจนตาย จอมมารไม่เคยได้ออกมานอกปราสาทของเขามาก่อน

แน่นอนว่าเขารู้ถึงการดำรงอยู่ของพื้นดิน และท้องฟ้า แต่ว่าการรู้ว่ามีกับการได้สัมผัสของจริงมันต่างกันมาก ข้อแตกต่างนั้นทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างลึกล้ำ

อาจจะฟังดูน่าขัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมายังโลกภายนอก

เขาจะรู้สึกยินดีขนาดไหน…

จอมมารอยากจะลืมพวกสามัญสำนักพื้นฐานไป และเอ่ยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา แต่เขาก็ยังเลือกที่จะปิดปาก เนื่องจากรู้ดีว่าพวกราชาสวรรค์ของเขาคงจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้

“โอ้! เยี่ยมไปเลยค่ะ ดูเหมือนท่านจอมมารจะชอบที่นี้สินะคะ! ใช่แล้ว เพียงแค่ท่านเอ่ยปาก พวกเราจะรีบยึดครองดินแดนนี้และนำมามอบให้แก่ท่านตอนนี้เลยค่ะ! ท่านสามารถสั่งการมาได้เลยค่ะ!”

ราชาสวรรค์เพศหญิงตนนี้กางมือของเธอออกมาด้วยท่าทีเกินจริง คว้าไปยังอากาศรอบๆ ราวกับว่าเธอกำลังโอบอุ้มโลกทั้งใบ และทำให้มันกลายเป็นโลกของพวกเขา

ในฐานะที่เป็นลูกน้องของจอมมาร ท่าทีเทิดทูนของเธอนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่โชคร้ายที่มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถสั่นคลอนจิตใจของจอมมารได้ในเวลานี้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเบื่อกับท่าทีเดิมๆพวกนี้เต็มทน และเมินมันด้วยซ้ำไป

เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นคำถามก็ผุดขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรกับโลกใบนี้ดี

“เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำยังไง?”

ประโยคที่ทำให้หญิงสาวผู้นั้นกะพริบตาไปมาอย่างหวาดกลัว

“อะไรนะ? อ๊ะ ไม่สิ ไม่ใช่! ขออภัยด้วยค่ะ! ข้าประหลาดใจกับประโยคนั้นเล็กน้อย ใช่แล้ว ใช่แล้วล่ะ”

เขารู้ดีว่ามันเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมในฐานะจอมมาร

อย่างไรก็ตาม จอมมารตัดสินใจที่จะถามมันออกมา ดังนั้น ต่อให้หญิงสาวคนนี้จะแสดงท่าทีเสียมารยาทออกมา เขาก็ไม่ได้ถือสา

บางทีเขาอาจจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าลูกน้องจะมีท่าทีตอบกลับยังไง…

ถึงอย่างนั้น เขาก็ได้ถามออกไปแล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือรอคำตอบกลับมา

จอมมารรอคำตอบจากหญิงสาวพร้อมกับไปมองไปยังพื้นดินเงียบๆ

ในที่สุด หลังจากที่ช่วงเวลาอันน่าอึดอัดผ่านพ้นไปแล้ว หญิงสาวคนนั้นก็ตอบกลับมา

“จากคำถามเมื่อสักครู่ของท่าน–แน่นอนเลยค่ะ! ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านปรารถนา! ไม่ว่าท่านจะปรารถนาสิ่งหากท่านต้องการที่จะยึดครองโลก มันก็จะตกเป็นของท่านอย่างแน่นอน! ใช่แล้วค่ะ! นั่นคือสิ่งที่ท่านปรารถนาใช่ไหมคะ?”

พูดจาใหญ่โต อลังการ และประจบอีกนิดหน่อย

–เหมือนที่คิดไว้ เป็นคำตอบที่น่าเบื่อเสียจริง

“งั้นหรือ…? ไม่สิ แบบนั้นแหละ”

และจอมมารก็เงียบไปอีกครั้ง

หญิงสาวเป็นกังวลมาก เธอคิดว่าตัวเธอทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าเปิดปากขออภัยในความผิดพลาดของตนเอง

มันไม่เหมือนกับการเข้าใจผิดทั่วไป บางทีการขออภัยนั้นอาจจะทำให้จอมมารหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีก

“เจ้าไปเถอะ ข้าจะมองดูแผ่นดินนี้อีกสักพัก”

หลังจากนั้น ดูเหมือนจอมมารจะนึกอะไรได้ และมอบคำสั่งให้แก่หญิงสาวคนนั้น

ความกังวลของเธอได้หายไป เธอรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอทำความเคารพเขาด้วยน้ำเสียงขึงขังตามปกติ และรีบพาตัวเองออกมา

….จอมมารจมดิ่งอยู่กับความคิดของตนเอง

แม้ว่าหญิงสาวที่เป็นราชาสวรรค์คนนั้นจะจากไปแล้ว เขาก็ยังคงเอาแต่มองไปที่แผ่นดิน และครุ่นคิดอยู่กับตัวเองอย่างเงียบๆ

ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าที่เรียบสงบของเขาคืออะไร ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่หลังจากที่สัมผัสเหนือมนุษย์ของเขาบอกว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้ว จอมมารก็หลุดประโยคที่ราวกับเป็นการถามตัวเองออกมา

“—เพื่อความแน่ใจ…”

นั่นหมายความว่ายังไงกันแน่?

ดูเหมือนจะเป็นคำถาม และการยืนยันอะไรบางอย่างกับตนเอง

ถ้าราชาสวรรค์ทั้งหมดอยู่ตรงนี้ หนึ่งในพวกเขาคงตั้งคำถามถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของจอมมารเป็นแน่

แต่ที่ตรงนี้มีเพียงแค่จอมมารยืนอยู่

เป็นเพราะไม่มีผู้ใดอยู่ที่แห่งนี้ ก่อนหน้านี้จอมมารจึงเอ่ยประโยคนั้นออกมา

ราวกับว่าเขาอดไม่ได้ที่จะพูดความลับซึ่งไม่มีใครรู้ออกมา

“นี่คือความสงบ ที่ข้าตามหาสินะ”

คำพูดได้หลุดออกมาอีกครั้ง

สายลมได้พัดพาประโยคอันน่าเศร้าออกไป

ไม่มีใครได้ยินและเข้าใจมัน

เขาได้ยินเสียงของปีศาจมาจากระยะไกล

แม้ว่ามันจะเป็นเสียงที่มีแต่พวกที่ไม่ใช่มนุษย์ – หรือปีศาจได้ยินก็ตาม

มันเป็นเสียงกรีดร้องของปีศาจที่เข้าจู่โจมมนุษย์จากระยะไกล

เห็นได้ชัดเลยว่า ตอนนี้การยึดครองโลกได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

มันคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยาวไกล ยาวออกไปอย่างไม่รู้จบ…

จอมมารเหม่อลอยไปอีกครั้ง

ช่วงเวลาแห่งสงครามได้มาถึงแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+