[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 34 Conflict between Evils 2

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 34 Conflict between Evils 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

–มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น

“โอ้ววววววววว!!”

ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงบนพื้น หินที่แตกกระจายได้กระเด็นเข้าใส่อาโทว

อาโทวหลบหลีกมันด้วยการเคลื่อนไหวแบบกายกรรม เธอมองไปที่ไอซ์ร็อคพร้อมกับยิ้มในขณะที่กวัดแกว่งดาบศักดิ์สิทธิ์

(เข้าใจแล้ว บางทีเขาคงเป็นราชาสวรรค์ประเภทที่ชอบใช้กำลังสินะ)

อาโทววิเคราะห์คู่ต่อสู้อย่างใจเย็น ขณะที่ขยับรยางค์ไปมาและคอยรักษาระยะห่าง

ศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหน?

อีกฝ่ายมาจากเกม RPG

พวกมันอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์คนละแบบ จึงมีความแตกต่างในด้านพลังอยู่

ถ้าเธอพลาด อาจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเป็นตัวละครในเกมที่เคยชินกับการสู้ตัวต่อตัว

ดูเหมือนพลังต่อสู้ของเขาจะแตกต่างจากอาโทวที่มักจะสู้กันในระดับกองทัพ

เมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลที่ทาคุโตะบอกเธอก็ค่อยๆได้รับพิสูจน์ว่าเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ

ดาบศักดิ์สิทธิ์หมุนไปมาเหมือนกังหันลม ราวกับเธอกำลังเต้นรำอยู่ อาโทวโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คอยหลบขวานศึกของไอซ์ร็อคไปด้วย

ขวานศึกพวกนั้นต่างก็ล้มเหลวในการฟันเธอ และได้แต่ทำลายพื้นแทน

“ย้ากก!”

“โอ้ร่าาา!”

“ฮึบ!”

ขณะที่ไอซ์ร็อคเหวี่ยงขวานไปมา และพยายามฟันใส่อาโทวที่กำลังเต้นรำอยู่นั้น รยางค์หลายเส้นได้โผล่ออกมาจากหลังเธอ

ไอซ์ร็อคเตรียมป้องกันการโจมตีจากรยางค์พวกนั้น แต่กลับกลายเป็นว่ารยางค์พวกนั้นเอาแต่โจมตีใส่ลูกน้องที่อยู่รอบๆตัวเขา

ไอซ์ร็อคพยายามที่จะหยุดการโจมตีของเธอโดยการตัดรยางค์พวกนั้น แต่อาโทวก็โจมตีไปยังช่องว่างของเขาด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขาต้องรีบดึงขวานศึกกลับมาป้องกันจุดตายพวกนั้น

(ชิ! เธอพยายามจะหยุดข้าเอาไว้!)

ไอซ์ร็อคโอดครวญอยู่ในใจ

เพราะเขารู้ดีว่าศัตรูกำลังคิดที่จะทำอะไร

ในกองกำลังที่เข้าจู่โจมฟอว์นคาเวน ไอซ์ร็อคเป็นเพียงคนเดียวที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุด

นอกจากไอซ์ร็อคและเหล่าปีศาจที่เป็นลูกน้องเขาแล้ว พวกปีศาจที่เหลือก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย

ดังนั้น หากอีกฝ่ายสามารถจัดการกับพวกเขาได้ พวกเขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน

ปีศาจที่ทำตามสัญชาตญาณของตนเองไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในกองทัพ พวกมันไม่มีสติปัญญาในการตัดสินใจและลงมือทำสิ่งต่างๆ กองทัพที่เต็มไปด้วยปีศาจโดยปราศจากแม่ทัพยังมีความสามารถด้อยกว่าฝูงสัตว์ซะอีก

ในการหยุดยั้งศัตรู ควรจะเล็งไปที่หัวหน้าก่อน

อย่างไรก็ตาม แค่พูดมันง่ายกว่าการลงมือทำ

ไอซ์ร็อคที่ภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองเกิดความสงสัยว่าทำไมอาโทวถึงกล้าลงมือทำเรื่องนี้เพียงลำพัง

“บัดซบ! อย่าเอาแต่หนีอย่างขี้ขลาด! เข้ามาสู้กับข้าอย่างยุติธรรมซะสิ!”

“ฟุฟุ หมารับใช้ของจอมมารอย่างแกมีสิทธิ์พูดอะไรแบบนั้นด้วยหรอ? อย่ามาทำให้ฉันขำหน่อยเลย เดี๋ยวดาบมันจะทื่อเอา”

อาโทวเพิกเฉยต่อคำยั่วยุของไอซ์ร็อค ในด้านพละกำลัง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

…มันมีปีศาจที่เป็นลูกน้องของไอซ์ร็อคอยู่ไม่มาก เธอจะต้องลดจำนวนของพวกมันลงให้ได้มากที่สุด

ไอซ์ร็อคเริ่มหมดความอดทน

ในทางกลับ อาโทวเข้าใจลักษณะนิสัยของกองทัพจอมมารว่าเป็นแบบไหน และให้ความสำคัญในการกำจัดพวกปีศาจที่คอยสั่งการอยู่

ตอนนี้สนามรบคือดินแดนต้องสาปที่เกิดจากเวทมนตร์ขนาดใหญ่

ถ้ากำจัดพวกปีศาจไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็แค่ต้องกำจัดมอนสเตอร์ท้องถิ่นที่อ่อนแอลงแล้ว ด้วยแมลงขายาวที่ได้รับการเสริมพลังมา กับผู้เฒ่ามอลทาร์คอยช่วยเหลือ เธอคิดว่ามันคงไม่เกินกำลัง

สิ่งเดียวที่น่ากังวลคือพวกปีศาจที่ได้รับการเสริมพลังโดยดินแดนต้องสาป แต่อาโทวก็ประสบผลสำเร็จในการฆ่าปีศาจพวกนั้นด้วยการชี้แนะจากทาคุโตะ

อาโทวหัวเราะอยู่ในใจ เธอยกย่องกลยุทธ์ของทาคุโตะที่ประสบผลสำเร็จอย่างมาก แม้จะขาดการเตรียมพร้อมก็ตาม

ถ้าพวกเขาทำแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็สามารถทำภารกิจให้เสร็จสิ้นได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ไอซ์ร็อคเป็นปีศาจชั้นสูงที่ได้รับฉายาราชาสวรรค์

เขาจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้แน่ๆ

“อสูรน้ำแข็ง! จงมา!”

เมื่อไอซ์ร็อคเรียกลูกน้องออกมา ทันใดนั้นหมาป่าน้ำแข็งที่มีขนสีเงินก็ปรากฏตัวขึ้น

ลิ้นที่ยืดยาวออกมาจากปากสีแดงสดของพวกมัน และฟันอันแหลมคมพร้อมกับกรงเล็บโลหะทำให้ดูโดดเด่นกว่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆ

(เข้าใจแล้ว สกิลอัญเชิญแบบไม่จำกัดสินะ…ถึงจะเป็นสกิลพื้นฐานในเกม RPG แต่ก็ยุ่งยากเอาเรื่อง)

อสูรน้ำแข็งที่ถูกอัญเชิญออกมา เข้าจู่โจมอาโทวพร้อมๆกัน

อาโทวที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ไล่ฆ่าปีศาจรอบๆตัว เหวี่ยงรยางค์ของเธอไปยังอสูรน้ำแข็งด้วยความใจเย็น

เลเวลของเหล่าฮีโร่ใน Eternal Nations จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาโทวเองก็ดูดกลืนสกิลมากมายจากศัตรูก่อนหน้านี้

อีกอย่าง รยางค์ของอาโทวได้รับการเสริมพลังจากสกิลดาบศักดิ์สิทธิ์ และไม่สามารถถูกทำลายได้ง่ายๆ

ไม่ว่าอสูรน้ำแข็งที่ถูกราชาสวรรค์น้ำแข็งอัญเชิญมาจะมากแค่ไหน สิ่งนี้เป็นการโจมตีที่หนักเกินไปสำหรับมัน สำหรับอาโทว พวกมันก็แค่มอนสเตอร์ตัวเล็กๆเท่านั้น

“โฮกก—กรั่ก!”

รยางค์ของอาโทวนั้นแข็งแกร่งกว่าเหล็กซะอีก รยางค์มากมายได้เจาะเข้าไปในผิวหนังของอสูรน้ำแข็งและสังหารมันอย่างง่ายดาย

ทันใดนั้นอาโทวก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ในขณะที่มองดูศพของมอนสเตอร์ร่วงลงบนพื้นและสลายหายไปเป็นเหรียญทอง

(…? เข้าโจมตีพร้อมกันได้แค่สองตัวเท่านั้น?)

ไอซ์ร็อคอัญเชิญอสูรน้ำแข็งออกมาห้าตัว เธอแทงไปหนึ่ง ดังนั้นจึงเหลืออีกสี่

อย่างไรก็ตาม มันแปลกมีอสูรน้ำแข็งแค่สองตัวเท่านั้นที่เข้าโจมตีอาโทว

เมื่อตัวหนึ่งถูกทำลาย อีกตัวก็จะเข้ามาแทนที่และเข้าร่วมการต่อสู้

(ระบบของเกมถูกตั้งค่าไว้แบบนี้สินะ)

เหมือนกับที่อาโทวและคนอื่นๆถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของ Eternal Nations อีกฝ่ายเองก็ถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของเกม RPG เช่นกัน

ตัวละครที่มาจากเกมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงถูกส่งมายังโลกใบนี้

อาโทวจดจ่อกับศัตรูที่อยู่ด้านหน้า ในขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ได้ยินอะไรบางอย่าง

“ทำไมเจ้าต้องมาขัดขวางกันด้วย!? เจ้าเองก็เป็นปีศาจเหมือนกันไม่ใช่รึ? จงสวามิภักดิ์แด่จอมมาร แล้วพวกเราจะได้พิชิตโลกไปด้วยกัน!”

 

ขณะที่เหวี่ยงขวานศึกของเขา ไอซ์ร็อคก็พูดกับอาโทว

ในเมื่อมีพลังขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของอาโทว ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขา

คำพูดของเขาฟังดูเหมือนข้ออ้าง เพราะไอซ์ร็อคเริ่มที่จะคิดแล้วว่าเธออาจจะเอาชนะพวกเขาได้จริงๆ

แต่ฮีโร่แห่งโคลนเลนผู้นี้ ได้นำโลกเข้าสู่การล่มสลายมาจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเรื่องการพิชิตโลก

เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจ ราวกับจะถามว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไรกัน

 

“อ่า เขาคือคนที่จะพิชิตโลกหรอ?”

“ใช่แล้ว เราจะสร้างโลกของพวกเราเหล่าปีศาจ กำจัดพวกมนุษย์และสรรเสริญกู่ร้องชื่อของเราไปทั่วดินแดน ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ของความมืดมิดได้มาถึงแล้ว!”

ไอซ์ร็อคเอ่ยออกมาราวกับว่ากำลังปราศรัยอยู่

มันมีช่องว่างมากมาย และถ้าอาโทวโจมตีตอนนี้ เธอคิดว่ารยางค์ของเธอน่าจะเจาะทะลุกะโหลกน้ำแข็งนั่นได้

นั่นคือสิ่งที่อาโทวคิด แต่

(การโจมตีระหว่างแปลงร่าง หรือตอนที่กำลังพูดอยู่มันจะผิดกฏรึเปล่านะ? ตอบเขาสักหน่อยแล้วกัน)

“ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไง แต่หลังจากพิชิตโลกได้แล้ว นายจะทำอะไรต่อล่ะ?”

“หืม?”

ไอซ์ร็อคหยุดพูดและครุ่นคิดถึงคำถามที่เหนือความคาดหมาย

อาโทวถอนหายใจให้กับท่าทีนั้น และพ่นประโยคใส่ราวกับว่าเขาเป็นคนโง่

“มันมีงานให้ทำอีกเยอะเลยนะ! อย่างตอนนี้ ฉันต้องทำงานจนหัวหมุนจนไม่มีเวลาแม้แต่จะคุยกับนายท่าน นี่แค่อาณาจักรธรรมดาๆอาณาจักรเดียวเองนะ….นึกภาพออกมั้ยว่าถ้าเป็นทั้งโลกล่ะ? นี่แกอยากทำงานบริหารจัดการพวกนั้นมากขนาดนั้นเลยรึไงกัน?”

อาโทวยิงคำถามเพิ่มอีก

มันง่ายที่จะพูดว่าพิชิตโลก แต่มันต้องใช้สติปัญญาในการทำความเข้าใจอย่างแท้จริง

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องการสร้างโลกในอุดมคติของตนเองขึ้นมา หลังจากทำลายศัตรูทั้งหมดแล้ว มันเป็นยูโทเปียที่ผู้นำทั้งหลายต่างใฝ่ฝันถึง

อย่างไรก็ตาม การพิชิตโลกก็แค่ความหมาย ไม่ใช่จุดจบ

สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณจะทำอะไรหลังจากยึดครองโลกได้แล้วต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะเป็นการยากสำหรับไอซ์ร็อคที่จะตอบมัน

มีแต่คำพูดสวยหรูอย่างการยึดครองโลกปรากฏอยู่ในหัวของเขา

เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องที่จะต้องทำหลังจากนั้นเลย เขาครุ่นคิดว่าจะตอบกลับยังไง และในที่สุดก็รู้ตัวว่าเขาไม่สามารถตอบได้

ดังนั้น อาโทวจึงปล่อยคำถามออกมาอีกด้วยท่าทีเย้ยหยัน

“หืม? หรือเป็นเพราะตัวละครของนายถูกตั้งค่าโดยผิวเผิน ทำให้การกระทำและความคิดมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น? นั่นสินะ ใช่แล้ว พวกบอสระดับกลางในเกม RPG ส่วนใหญ่จัดการได้ง่าย และพวกมันก็จบอยู่แค่นั้น”

เกม RPG อย่าง “Brave Quest” จัดได้ว่าเป็นเกมแบบเก่า

มันมีประวัติมายาวนานและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเกม RPG แบบดั้งเดิม และได้รับการนำมาสร้างใหม่หลายครั้งเพื่อลงเครื่องเล่นเกมแต่ละรุ่น

แม้ว่าจะมีการตั้งค่าบางอย่างเพิ่มขึ้นมา แต่โดยพื้นฐานแล้วเรื่องราวมักจะดำเนินไปตามการตั้งค่าเดิม

เรียกได้ว่าเป็นเศษเสี้ยวของวันเวลาเก่าๆ

เรื่องราวของมันดำเนินเป็นเส้นตรง และปริมาณข้อมูลต่างๆก็น้อยมาก แตกต่างจาก Eternal Nations ที่มีเนื้อหาลึกลงไป และการตั้งค่าที่เยอะกว่ามาก

ดังนั้น ราชาสวรรค์ไอซ์ร็อค จึงถูกตั้งค่าให้เป็นเพียงแค่ “ศัตรูที่เด่นด้านพละกำลัง และให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนซามูไร” เท่านั้น

“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดมาเลยแม้แต่น้อย! เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา

เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องแหกปากออกมา

เขาไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าเลย

แต่เขาสัมผัสได้ว่าประโยคเหล่านั้นคือการล้อเลียนเขา

โทสะได้พลุ่งพล่านไปทั่วร่างของเขา

หัวใจที่เป็นน้ำแข็งของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นสัญญาณของการหมดความอดทน อากาศอันหนาวเหน็บถูกปล่อยออกมาจากร่างของเขาแทนเหงื่อ

อาโทวเห็นไอซ์ร็อคโมโห จึงถอนหายใจอีกครั้ง

“แกนี่มัน…โง่กว่าที่คิดอีกนะ”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?”

ขวานศึกขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงลงมาด้วยพละกำลังทั้งหมด

อาโทวเห็นการโจมตีที่รุนแรงนั้น เธอจึงฟันดาบขึ้นจากด้านล่าง และทำการตอบโต้การโจมตีนั้นซึ่งๆหน้า ทำให้เกิดสะเก็ดไฟ และเสียงของโลหะกระทบกัน

อย่างไรก็ตาม นี่คือการยืนยันครั้งสุดท้ายของเธอ

เธอรู้สึกความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้จากการฟันก่อนหน้านี้

ถ้านี่คือทั้งหมดของศัตรูแล้ว งั้นก็ง่ายที่จะจัดการมัน

อาโทวตัดสินว่าไอซ์ร็อคแข็งแกร่งกว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่เธอเคยสู้ด้วยก่อนหน้านี้ แต่มันยังไม่ใช่คู่มือของเธอในปัจจุบัน

 “[ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์] สิ่งนี้คือทักษะที่ถูกสร้างโดยควอเลีย เพื่อกำจัดปีศาจอย่างพวกแก ชอบมันรึเปล่าล่ะ? น่ากลัวใช่ไหม?”

“ฮึ่ม! ทำไมปีศาจอย่างเจ้าถึงมีสกิลแบบนั้น? นี่เจ้ากระดิกหางให้กับพวกเทพนั่นแล้วรึ??”

“ไม่ใช่หรอก ทักษะพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับเทพหรอกนะ มันก็แค่หนึ่งในสกิลที่ฉันมีเท่านั้นเอง”

ความคิดของอาโทวค่อนข้างแหวกแนว

อย่างแรกเลย สิ่งเดียวที่เธอสนใจก็คือทาคุโตะ อย่างอื่นนอกจากนั้นเธอคร้านจะชายตามองด้วยซ้ำไป

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือปีศาจ ถ้าสิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อทาคุโตะ เธอก็จะใช้มันโดยไม่ลังเล 

เพราะฉะนั้น เธอจึงติดต่อกับดาร์คเอลฟ์โดยไม่มีไร้ซึ่งความเกลียดชัง และใช้ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เพื่อทาคุโตะแล้ว เธอทำได้ทุกอย่าง

อย่างไรก็ตาม ท่าทีไม่แยแส และความเชื่ออันแรงกล้าของเธอทำให้ไอซ์ร็อคหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

แท่งน้ำแข็งอันแหลมคมถูกพ่นออกมาจากปากของอสูรน้ำแข็ง

อาโทวหลบมันได้สำเร็จ และรยางค์เส้นหนึ่งของเธอได้แทงเข้าไปในปากของอสูรน้ำแข็งตัวนั้น

เหรียญทองดรอปออกมา และเสียงกระทบของโลหะก็ดังไปทั่วสนามรบ

(ถ้าสู้กันนานกว่านี้ แมลงขายาวจะไม่ไหวเอา ฉันจะมัวเสียเวลาไม่ได้)

ดินแดนต้องสาป และความสามารถของอิสลาทำให้แมลงขายาวมีพลังเพิ่มขึ้น

ถึงแม้ว่าพวกมันจะรับมือกับพวกปลาซิวปลาสร้อยได้ แต่พวกมันก็เป็นแค่ยูนิตสำรวจ ถ้าการต่อสู้ดำเนินไปนานกว่านี้ ความเสี่ยงที่พวกมันจะได้รับความเสียหายและถูกทำลายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทหารของเมืองมังกรตกอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากกว่าหลายเท่า

ถึงแม้พวกเขาจะโจมตีจากระยะไกลเป็นหลัก แต่พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเข้าต่อสู้ในระยะประชิดอยู่ดี หากศัตรูบุกมาถึงเมืองได้

ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาจะต้องดิ้นรนต่อสู้กับเผ่าปีศาจที่มีพลังกำลังและความสามารถที่เหนือกว่า

ในที่สุดอาโทวก็ตัดสินจัดการกับไอซ์ร็อคทันที

หากว่าเราสามารถอ่านสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายได้ เราก็จะไม่ได้รับอันตรายจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

อาโทวกุมด้ามดาบศักดิ์สิทธิ์ไว้แน่น และบรรยากาศของเธอก็ต่างไปจากก่อนหน้านี้

“แกบอกเอาไว้ว่ามีจอมมารอยู่สินะ”

เหล่าอสูรน้ำแข็งได้ถูกจัดการไปหมดแล้ว

มันเกิดขึ้นในขณะที่ไอซ์ร็อคพูดคุยกับอาโทว

สกิลอัญเชิญมักจะมีเวลาคูลดาวน์ที่นาน มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะอัญเชิญมันได้อีกครั้ง

หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ การใช้อสูรน้ำแข็งเป็นตัวล่อและถอยทัพไม่สามารถทำได้อีกต่อไป

ไอซ์ร็อคถูกหลอกโดยรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย และประเมินความสามารถของศัตรูต่ำไป

ในกรณีที่แย่ที่สุด เขาคงจะต้องขอความช่วยเหลือจากราชาสวรรค์คนอื่นๆ….ไม่สิ เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากจอมมารด้วยตัวเองเลย

ผู้กล้าที่ครั้งหนึ่งสามารถทำลายกองทัพจอมมารทั้งหมด และแทงดาบทะลุอกของจอมมารได้

อาโทว หญิงชาวปีศาจที่กำลังโจมตีพวกเขาอยู่

ทั้งสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ หรือคุณลักษณะต่างๆ… แต่ภาพของพวกเขาทั้งคู่ได้ซ้อนทับกันในสายตาของไอซ์ร็อค

“ทำไมแกถึงอยากจะครองโลกนัก? มันเป็นสัญชาตญาณงั้นหรอ? หรือเป็นความต้องการของตัวแกเอง? เคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงมีผู้กล้าโผล่ออกมาขัดขวางพวกแกอยู่ตลอดน่ะ?”

น้ำเสียงนั้นได้ดึงดูดจิตใจของไอซ์ร็อค

สัญชาตญาณของเขาร้องเตือนหลายครั้ง แต่ร่างกายเขากลับไม่ยอมเชื่อฟังมัน

“ผู้กล้าที่ปรากฏตัวออกมา และสังหารแกตั้งหลายครั้ง ทำแบบเดิม ซ้ำไป ซ้ำม–”

“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปากไปซะ!”

 

ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา

เขากรีดร้องออกมาอย่างน่าสงสาร

เขาดูน่าสงสารจริงๆ ไม่สมกับที่เป็นราชาสวรรค์ ผู้ซึ่งอยู่ภายใต้จอมมารโดยตรงแม้แต่น้อย แต่เป็นโชคดีหรือร้ายไม่รู้ ที่มันไม่มีลูกน้องหรือปีศาจตนอื่นๆอยู่รอบตัวเขาเลย

“รู้สึกตัวแล้วสินะ? คงยากที่จะไม่รู้สึกถึงมันล่ะนะ ถ้าแกเป็นเหมือนพวกเราก็คงจะจำมันได้ โอ๊ะ ดูสิ! น่ารักจังเลยนะ! ท่าทีแบบนั้นจากปีศาจอันโหดร้ายที่โจมตีมนุษยชาติและผู้กล้าเนี่ยนะ สิ้นหวังเลยใช่ไหมล่ะ?”

ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงไปด้วยความขมขื่น และโดนหญิงสาวที่มีขนาดตัวเล็กกว่าสองเท่าปัดทิ้งอย่างง่ายดาย

อาโทวหัวเราะ และทำการเยาะเย้ยศัตรูด้านหน้าเธอ

หญิงสาวตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าไอซ์ร็อคได้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง และราชาของเธอ…

“เจ้าต้องการพูดอะไรกันแน่!”

“สุดท้ายแล้ว แกก็เป็นแค่ตัวละครบอสในเรื่องราวเท่านั้นเอง”

ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว

เขาเป็นแค่ตัวหมาก เขาควรจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าพร้อมๆกับราชาสวรรค์คนอื่นๆ

เขาควรเผชิญหน้ากับผู้กล้าก่อนที่ผู้กล้าจะเพิ่มพลังได้ตั้งแต่แรก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตระหนักถึงเรื่องนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าในสถานที่เดิมๆเสมอ

แม้จะคิดแผนการได้มากมายแค่ไหน พวกมันทั้งหมดก็ไม่ถูกนำไปใช้

ไม่ว่าเขาจะทำมันอีกกี่ครั้ง

ไม่ว่าจะทำมันซ้ำไปซ้ำมามากแค่ไหน…

เขาก็ไม่เคยก้าวข้ามผู้กล้าได้ และในที่สุดเขาก็จบลงด้วยการถูกทำลาย

เขาเป็นค่หนึ่งในอุปสรรคที่มีตัวตนอยู่ในเรื่องราวที่ชื่อว่า “Brave Quest”

ตอนนี้ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว

“ฉันสัมผัสได้ถึงความกลัวของแกนะ คุณราชาสวรรค์ที่จอมมารภาคภูมิใจ”

“โอ้ววววววววว!!”

อาโทวมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างสนุกสนาน….

อาโทวแห่งโคลนเลน ทำการหัวเราะเยาะเย้ยศัตรูของเธอ

=========================================================

 

//ตอนนี้สงสารไอซ์ร็อคจังน้า พยายามเท่าไหร่ก็ไร้ความหมายอยู่ดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 34 Conflict between Evils 2

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 34 Conflict between Evils 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

–มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น

“โอ้ววววววววว!!”

ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงบนพื้น หินที่แตกกระจายได้กระเด็นเข้าใส่อาโทว

อาโทวหลบหลีกมันด้วยการเคลื่อนไหวแบบกายกรรม เธอมองไปที่ไอซ์ร็อคพร้อมกับยิ้มในขณะที่กวัดแกว่งดาบศักดิ์สิทธิ์

(เข้าใจแล้ว บางทีเขาคงเป็นราชาสวรรค์ประเภทที่ชอบใช้กำลังสินะ)

อาโทววิเคราะห์คู่ต่อสู้อย่างใจเย็น ขณะที่ขยับรยางค์ไปมาและคอยรักษาระยะห่าง

ศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหน?

อีกฝ่ายมาจากเกม RPG

พวกมันอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์คนละแบบ จึงมีความแตกต่างในด้านพลังอยู่

ถ้าเธอพลาด อาจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเป็นตัวละครในเกมที่เคยชินกับการสู้ตัวต่อตัว

ดูเหมือนพลังต่อสู้ของเขาจะแตกต่างจากอาโทวที่มักจะสู้กันในระดับกองทัพ

เมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลที่ทาคุโตะบอกเธอก็ค่อยๆได้รับพิสูจน์ว่าเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ

ดาบศักดิ์สิทธิ์หมุนไปมาเหมือนกังหันลม ราวกับเธอกำลังเต้นรำอยู่ อาโทวโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คอยหลบขวานศึกของไอซ์ร็อคไปด้วย

ขวานศึกพวกนั้นต่างก็ล้มเหลวในการฟันเธอ และได้แต่ทำลายพื้นแทน

“ย้ากก!”

“โอ้ร่าาา!”

“ฮึบ!”

ขณะที่ไอซ์ร็อคเหวี่ยงขวานไปมา และพยายามฟันใส่อาโทวที่กำลังเต้นรำอยู่นั้น รยางค์หลายเส้นได้โผล่ออกมาจากหลังเธอ

ไอซ์ร็อคเตรียมป้องกันการโจมตีจากรยางค์พวกนั้น แต่กลับกลายเป็นว่ารยางค์พวกนั้นเอาแต่โจมตีใส่ลูกน้องที่อยู่รอบๆตัวเขา

ไอซ์ร็อคพยายามที่จะหยุดการโจมตีของเธอโดยการตัดรยางค์พวกนั้น แต่อาโทวก็โจมตีไปยังช่องว่างของเขาด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขาต้องรีบดึงขวานศึกกลับมาป้องกันจุดตายพวกนั้น

(ชิ! เธอพยายามจะหยุดข้าเอาไว้!)

ไอซ์ร็อคโอดครวญอยู่ในใจ

เพราะเขารู้ดีว่าศัตรูกำลังคิดที่จะทำอะไร

ในกองกำลังที่เข้าจู่โจมฟอว์นคาเวน ไอซ์ร็อคเป็นเพียงคนเดียวที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุด

นอกจากไอซ์ร็อคและเหล่าปีศาจที่เป็นลูกน้องเขาแล้ว พวกปีศาจที่เหลือก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย

ดังนั้น หากอีกฝ่ายสามารถจัดการกับพวกเขาได้ พวกเขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน

ปีศาจที่ทำตามสัญชาตญาณของตนเองไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในกองทัพ พวกมันไม่มีสติปัญญาในการตัดสินใจและลงมือทำสิ่งต่างๆ กองทัพที่เต็มไปด้วยปีศาจโดยปราศจากแม่ทัพยังมีความสามารถด้อยกว่าฝูงสัตว์ซะอีก

ในการหยุดยั้งศัตรู ควรจะเล็งไปที่หัวหน้าก่อน

อย่างไรก็ตาม แค่พูดมันง่ายกว่าการลงมือทำ

ไอซ์ร็อคที่ภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองเกิดความสงสัยว่าทำไมอาโทวถึงกล้าลงมือทำเรื่องนี้เพียงลำพัง

“บัดซบ! อย่าเอาแต่หนีอย่างขี้ขลาด! เข้ามาสู้กับข้าอย่างยุติธรรมซะสิ!”

“ฟุฟุ หมารับใช้ของจอมมารอย่างแกมีสิทธิ์พูดอะไรแบบนั้นด้วยหรอ? อย่ามาทำให้ฉันขำหน่อยเลย เดี๋ยวดาบมันจะทื่อเอา”

อาโทวเพิกเฉยต่อคำยั่วยุของไอซ์ร็อค ในด้านพละกำลัง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

…มันมีปีศาจที่เป็นลูกน้องของไอซ์ร็อคอยู่ไม่มาก เธอจะต้องลดจำนวนของพวกมันลงให้ได้มากที่สุด

ไอซ์ร็อคเริ่มหมดความอดทน

ในทางกลับ อาโทวเข้าใจลักษณะนิสัยของกองทัพจอมมารว่าเป็นแบบไหน และให้ความสำคัญในการกำจัดพวกปีศาจที่คอยสั่งการอยู่

ตอนนี้สนามรบคือดินแดนต้องสาปที่เกิดจากเวทมนตร์ขนาดใหญ่

ถ้ากำจัดพวกปีศาจไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็แค่ต้องกำจัดมอนสเตอร์ท้องถิ่นที่อ่อนแอลงแล้ว ด้วยแมลงขายาวที่ได้รับการเสริมพลังมา กับผู้เฒ่ามอลทาร์คอยช่วยเหลือ เธอคิดว่ามันคงไม่เกินกำลัง

สิ่งเดียวที่น่ากังวลคือพวกปีศาจที่ได้รับการเสริมพลังโดยดินแดนต้องสาป แต่อาโทวก็ประสบผลสำเร็จในการฆ่าปีศาจพวกนั้นด้วยการชี้แนะจากทาคุโตะ

อาโทวหัวเราะอยู่ในใจ เธอยกย่องกลยุทธ์ของทาคุโตะที่ประสบผลสำเร็จอย่างมาก แม้จะขาดการเตรียมพร้อมก็ตาม

ถ้าพวกเขาทำแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็สามารถทำภารกิจให้เสร็จสิ้นได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ไอซ์ร็อคเป็นปีศาจชั้นสูงที่ได้รับฉายาราชาสวรรค์

เขาจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้แน่ๆ

“อสูรน้ำแข็ง! จงมา!”

เมื่อไอซ์ร็อคเรียกลูกน้องออกมา ทันใดนั้นหมาป่าน้ำแข็งที่มีขนสีเงินก็ปรากฏตัวขึ้น

ลิ้นที่ยืดยาวออกมาจากปากสีแดงสดของพวกมัน และฟันอันแหลมคมพร้อมกับกรงเล็บโลหะทำให้ดูโดดเด่นกว่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆ

(เข้าใจแล้ว สกิลอัญเชิญแบบไม่จำกัดสินะ…ถึงจะเป็นสกิลพื้นฐานในเกม RPG แต่ก็ยุ่งยากเอาเรื่อง)

อสูรน้ำแข็งที่ถูกอัญเชิญออกมา เข้าจู่โจมอาโทวพร้อมๆกัน

อาโทวที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ไล่ฆ่าปีศาจรอบๆตัว เหวี่ยงรยางค์ของเธอไปยังอสูรน้ำแข็งด้วยความใจเย็น

เลเวลของเหล่าฮีโร่ใน Eternal Nations จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาโทวเองก็ดูดกลืนสกิลมากมายจากศัตรูก่อนหน้านี้

อีกอย่าง รยางค์ของอาโทวได้รับการเสริมพลังจากสกิลดาบศักดิ์สิทธิ์ และไม่สามารถถูกทำลายได้ง่ายๆ

ไม่ว่าอสูรน้ำแข็งที่ถูกราชาสวรรค์น้ำแข็งอัญเชิญมาจะมากแค่ไหน สิ่งนี้เป็นการโจมตีที่หนักเกินไปสำหรับมัน สำหรับอาโทว พวกมันก็แค่มอนสเตอร์ตัวเล็กๆเท่านั้น

“โฮกก—กรั่ก!”

รยางค์ของอาโทวนั้นแข็งแกร่งกว่าเหล็กซะอีก รยางค์มากมายได้เจาะเข้าไปในผิวหนังของอสูรน้ำแข็งและสังหารมันอย่างง่ายดาย

ทันใดนั้นอาโทวก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ในขณะที่มองดูศพของมอนสเตอร์ร่วงลงบนพื้นและสลายหายไปเป็นเหรียญทอง

(…? เข้าโจมตีพร้อมกันได้แค่สองตัวเท่านั้น?)

ไอซ์ร็อคอัญเชิญอสูรน้ำแข็งออกมาห้าตัว เธอแทงไปหนึ่ง ดังนั้นจึงเหลืออีกสี่

อย่างไรก็ตาม มันแปลกมีอสูรน้ำแข็งแค่สองตัวเท่านั้นที่เข้าโจมตีอาโทว

เมื่อตัวหนึ่งถูกทำลาย อีกตัวก็จะเข้ามาแทนที่และเข้าร่วมการต่อสู้

(ระบบของเกมถูกตั้งค่าไว้แบบนี้สินะ)

เหมือนกับที่อาโทวและคนอื่นๆถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของ Eternal Nations อีกฝ่ายเองก็ถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของเกม RPG เช่นกัน

ตัวละครที่มาจากเกมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงถูกส่งมายังโลกใบนี้

อาโทวจดจ่อกับศัตรูที่อยู่ด้านหน้า ในขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ได้ยินอะไรบางอย่าง

“ทำไมเจ้าต้องมาขัดขวางกันด้วย!? เจ้าเองก็เป็นปีศาจเหมือนกันไม่ใช่รึ? จงสวามิภักดิ์แด่จอมมาร แล้วพวกเราจะได้พิชิตโลกไปด้วยกัน!”

 

ขณะที่เหวี่ยงขวานศึกของเขา ไอซ์ร็อคก็พูดกับอาโทว

ในเมื่อมีพลังขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของอาโทว ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขา

คำพูดของเขาฟังดูเหมือนข้ออ้าง เพราะไอซ์ร็อคเริ่มที่จะคิดแล้วว่าเธออาจจะเอาชนะพวกเขาได้จริงๆ

แต่ฮีโร่แห่งโคลนเลนผู้นี้ ได้นำโลกเข้าสู่การล่มสลายมาจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเรื่องการพิชิตโลก

เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจ ราวกับจะถามว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไรกัน

 

“อ่า เขาคือคนที่จะพิชิตโลกหรอ?”

“ใช่แล้ว เราจะสร้างโลกของพวกเราเหล่าปีศาจ กำจัดพวกมนุษย์และสรรเสริญกู่ร้องชื่อของเราไปทั่วดินแดน ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ของความมืดมิดได้มาถึงแล้ว!”

ไอซ์ร็อคเอ่ยออกมาราวกับว่ากำลังปราศรัยอยู่

มันมีช่องว่างมากมาย และถ้าอาโทวโจมตีตอนนี้ เธอคิดว่ารยางค์ของเธอน่าจะเจาะทะลุกะโหลกน้ำแข็งนั่นได้

นั่นคือสิ่งที่อาโทวคิด แต่

(การโจมตีระหว่างแปลงร่าง หรือตอนที่กำลังพูดอยู่มันจะผิดกฏรึเปล่านะ? ตอบเขาสักหน่อยแล้วกัน)

“ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไง แต่หลังจากพิชิตโลกได้แล้ว นายจะทำอะไรต่อล่ะ?”

“หืม?”

ไอซ์ร็อคหยุดพูดและครุ่นคิดถึงคำถามที่เหนือความคาดหมาย

อาโทวถอนหายใจให้กับท่าทีนั้น และพ่นประโยคใส่ราวกับว่าเขาเป็นคนโง่

“มันมีงานให้ทำอีกเยอะเลยนะ! อย่างตอนนี้ ฉันต้องทำงานจนหัวหมุนจนไม่มีเวลาแม้แต่จะคุยกับนายท่าน นี่แค่อาณาจักรธรรมดาๆอาณาจักรเดียวเองนะ….นึกภาพออกมั้ยว่าถ้าเป็นทั้งโลกล่ะ? นี่แกอยากทำงานบริหารจัดการพวกนั้นมากขนาดนั้นเลยรึไงกัน?”

อาโทวยิงคำถามเพิ่มอีก

มันง่ายที่จะพูดว่าพิชิตโลก แต่มันต้องใช้สติปัญญาในการทำความเข้าใจอย่างแท้จริง

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องการสร้างโลกในอุดมคติของตนเองขึ้นมา หลังจากทำลายศัตรูทั้งหมดแล้ว มันเป็นยูโทเปียที่ผู้นำทั้งหลายต่างใฝ่ฝันถึง

อย่างไรก็ตาม การพิชิตโลกก็แค่ความหมาย ไม่ใช่จุดจบ

สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณจะทำอะไรหลังจากยึดครองโลกได้แล้วต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะเป็นการยากสำหรับไอซ์ร็อคที่จะตอบมัน

มีแต่คำพูดสวยหรูอย่างการยึดครองโลกปรากฏอยู่ในหัวของเขา

เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องที่จะต้องทำหลังจากนั้นเลย เขาครุ่นคิดว่าจะตอบกลับยังไง และในที่สุดก็รู้ตัวว่าเขาไม่สามารถตอบได้

ดังนั้น อาโทวจึงปล่อยคำถามออกมาอีกด้วยท่าทีเย้ยหยัน

“หืม? หรือเป็นเพราะตัวละครของนายถูกตั้งค่าโดยผิวเผิน ทำให้การกระทำและความคิดมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น? นั่นสินะ ใช่แล้ว พวกบอสระดับกลางในเกม RPG ส่วนใหญ่จัดการได้ง่าย และพวกมันก็จบอยู่แค่นั้น”

เกม RPG อย่าง “Brave Quest” จัดได้ว่าเป็นเกมแบบเก่า

มันมีประวัติมายาวนานและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเกม RPG แบบดั้งเดิม และได้รับการนำมาสร้างใหม่หลายครั้งเพื่อลงเครื่องเล่นเกมแต่ละรุ่น

แม้ว่าจะมีการตั้งค่าบางอย่างเพิ่มขึ้นมา แต่โดยพื้นฐานแล้วเรื่องราวมักจะดำเนินไปตามการตั้งค่าเดิม

เรียกได้ว่าเป็นเศษเสี้ยวของวันเวลาเก่าๆ

เรื่องราวของมันดำเนินเป็นเส้นตรง และปริมาณข้อมูลต่างๆก็น้อยมาก แตกต่างจาก Eternal Nations ที่มีเนื้อหาลึกลงไป และการตั้งค่าที่เยอะกว่ามาก

ดังนั้น ราชาสวรรค์ไอซ์ร็อค จึงถูกตั้งค่าให้เป็นเพียงแค่ “ศัตรูที่เด่นด้านพละกำลัง และให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนซามูไร” เท่านั้น

“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดมาเลยแม้แต่น้อย! เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา

เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องแหกปากออกมา

เขาไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าเลย

แต่เขาสัมผัสได้ว่าประโยคเหล่านั้นคือการล้อเลียนเขา

โทสะได้พลุ่งพล่านไปทั่วร่างของเขา

หัวใจที่เป็นน้ำแข็งของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นสัญญาณของการหมดความอดทน อากาศอันหนาวเหน็บถูกปล่อยออกมาจากร่างของเขาแทนเหงื่อ

อาโทวเห็นไอซ์ร็อคโมโห จึงถอนหายใจอีกครั้ง

“แกนี่มัน…โง่กว่าที่คิดอีกนะ”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?”

ขวานศึกขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงลงมาด้วยพละกำลังทั้งหมด

อาโทวเห็นการโจมตีที่รุนแรงนั้น เธอจึงฟันดาบขึ้นจากด้านล่าง และทำการตอบโต้การโจมตีนั้นซึ่งๆหน้า ทำให้เกิดสะเก็ดไฟ และเสียงของโลหะกระทบกัน

อย่างไรก็ตาม นี่คือการยืนยันครั้งสุดท้ายของเธอ

เธอรู้สึกความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้จากการฟันก่อนหน้านี้

ถ้านี่คือทั้งหมดของศัตรูแล้ว งั้นก็ง่ายที่จะจัดการมัน

อาโทวตัดสินว่าไอซ์ร็อคแข็งแกร่งกว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่เธอเคยสู้ด้วยก่อนหน้านี้ แต่มันยังไม่ใช่คู่มือของเธอในปัจจุบัน

 “[ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์] สิ่งนี้คือทักษะที่ถูกสร้างโดยควอเลีย เพื่อกำจัดปีศาจอย่างพวกแก ชอบมันรึเปล่าล่ะ? น่ากลัวใช่ไหม?”

“ฮึ่ม! ทำไมปีศาจอย่างเจ้าถึงมีสกิลแบบนั้น? นี่เจ้ากระดิกหางให้กับพวกเทพนั่นแล้วรึ??”

“ไม่ใช่หรอก ทักษะพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับเทพหรอกนะ มันก็แค่หนึ่งในสกิลที่ฉันมีเท่านั้นเอง”

ความคิดของอาโทวค่อนข้างแหวกแนว

อย่างแรกเลย สิ่งเดียวที่เธอสนใจก็คือทาคุโตะ อย่างอื่นนอกจากนั้นเธอคร้านจะชายตามองด้วยซ้ำไป

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือปีศาจ ถ้าสิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อทาคุโตะ เธอก็จะใช้มันโดยไม่ลังเล 

เพราะฉะนั้น เธอจึงติดต่อกับดาร์คเอลฟ์โดยไม่มีไร้ซึ่งความเกลียดชัง และใช้ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เพื่อทาคุโตะแล้ว เธอทำได้ทุกอย่าง

อย่างไรก็ตาม ท่าทีไม่แยแส และความเชื่ออันแรงกล้าของเธอทำให้ไอซ์ร็อคหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

แท่งน้ำแข็งอันแหลมคมถูกพ่นออกมาจากปากของอสูรน้ำแข็ง

อาโทวหลบมันได้สำเร็จ และรยางค์เส้นหนึ่งของเธอได้แทงเข้าไปในปากของอสูรน้ำแข็งตัวนั้น

เหรียญทองดรอปออกมา และเสียงกระทบของโลหะก็ดังไปทั่วสนามรบ

(ถ้าสู้กันนานกว่านี้ แมลงขายาวจะไม่ไหวเอา ฉันจะมัวเสียเวลาไม่ได้)

ดินแดนต้องสาป และความสามารถของอิสลาทำให้แมลงขายาวมีพลังเพิ่มขึ้น

ถึงแม้ว่าพวกมันจะรับมือกับพวกปลาซิวปลาสร้อยได้ แต่พวกมันก็เป็นแค่ยูนิตสำรวจ ถ้าการต่อสู้ดำเนินไปนานกว่านี้ ความเสี่ยงที่พวกมันจะได้รับความเสียหายและถูกทำลายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทหารของเมืองมังกรตกอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากกว่าหลายเท่า

ถึงแม้พวกเขาจะโจมตีจากระยะไกลเป็นหลัก แต่พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเข้าต่อสู้ในระยะประชิดอยู่ดี หากศัตรูบุกมาถึงเมืองได้

ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาจะต้องดิ้นรนต่อสู้กับเผ่าปีศาจที่มีพลังกำลังและความสามารถที่เหนือกว่า

ในที่สุดอาโทวก็ตัดสินจัดการกับไอซ์ร็อคทันที

หากว่าเราสามารถอ่านสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายได้ เราก็จะไม่ได้รับอันตรายจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

อาโทวกุมด้ามดาบศักดิ์สิทธิ์ไว้แน่น และบรรยากาศของเธอก็ต่างไปจากก่อนหน้านี้

“แกบอกเอาไว้ว่ามีจอมมารอยู่สินะ”

เหล่าอสูรน้ำแข็งได้ถูกจัดการไปหมดแล้ว

มันเกิดขึ้นในขณะที่ไอซ์ร็อคพูดคุยกับอาโทว

สกิลอัญเชิญมักจะมีเวลาคูลดาวน์ที่นาน มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะอัญเชิญมันได้อีกครั้ง

หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ การใช้อสูรน้ำแข็งเป็นตัวล่อและถอยทัพไม่สามารถทำได้อีกต่อไป

ไอซ์ร็อคถูกหลอกโดยรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย และประเมินความสามารถของศัตรูต่ำไป

ในกรณีที่แย่ที่สุด เขาคงจะต้องขอความช่วยเหลือจากราชาสวรรค์คนอื่นๆ….ไม่สิ เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากจอมมารด้วยตัวเองเลย

ผู้กล้าที่ครั้งหนึ่งสามารถทำลายกองทัพจอมมารทั้งหมด และแทงดาบทะลุอกของจอมมารได้

อาโทว หญิงชาวปีศาจที่กำลังโจมตีพวกเขาอยู่

ทั้งสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ หรือคุณลักษณะต่างๆ… แต่ภาพของพวกเขาทั้งคู่ได้ซ้อนทับกันในสายตาของไอซ์ร็อค

“ทำไมแกถึงอยากจะครองโลกนัก? มันเป็นสัญชาตญาณงั้นหรอ? หรือเป็นความต้องการของตัวแกเอง? เคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงมีผู้กล้าโผล่ออกมาขัดขวางพวกแกอยู่ตลอดน่ะ?”

น้ำเสียงนั้นได้ดึงดูดจิตใจของไอซ์ร็อค

สัญชาตญาณของเขาร้องเตือนหลายครั้ง แต่ร่างกายเขากลับไม่ยอมเชื่อฟังมัน

“ผู้กล้าที่ปรากฏตัวออกมา และสังหารแกตั้งหลายครั้ง ทำแบบเดิม ซ้ำไป ซ้ำม–”

“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปากไปซะ!”

 

ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา

เขากรีดร้องออกมาอย่างน่าสงสาร

เขาดูน่าสงสารจริงๆ ไม่สมกับที่เป็นราชาสวรรค์ ผู้ซึ่งอยู่ภายใต้จอมมารโดยตรงแม้แต่น้อย แต่เป็นโชคดีหรือร้ายไม่รู้ ที่มันไม่มีลูกน้องหรือปีศาจตนอื่นๆอยู่รอบตัวเขาเลย

“รู้สึกตัวแล้วสินะ? คงยากที่จะไม่รู้สึกถึงมันล่ะนะ ถ้าแกเป็นเหมือนพวกเราก็คงจะจำมันได้ โอ๊ะ ดูสิ! น่ารักจังเลยนะ! ท่าทีแบบนั้นจากปีศาจอันโหดร้ายที่โจมตีมนุษยชาติและผู้กล้าเนี่ยนะ สิ้นหวังเลยใช่ไหมล่ะ?”

ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงไปด้วยความขมขื่น และโดนหญิงสาวที่มีขนาดตัวเล็กกว่าสองเท่าปัดทิ้งอย่างง่ายดาย

อาโทวหัวเราะ และทำการเยาะเย้ยศัตรูด้านหน้าเธอ

หญิงสาวตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าไอซ์ร็อคได้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง และราชาของเธอ…

“เจ้าต้องการพูดอะไรกันแน่!”

“สุดท้ายแล้ว แกก็เป็นแค่ตัวละครบอสในเรื่องราวเท่านั้นเอง”

ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว

เขาเป็นแค่ตัวหมาก เขาควรจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าพร้อมๆกับราชาสวรรค์คนอื่นๆ

เขาควรเผชิญหน้ากับผู้กล้าก่อนที่ผู้กล้าจะเพิ่มพลังได้ตั้งแต่แรก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตระหนักถึงเรื่องนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าในสถานที่เดิมๆเสมอ

แม้จะคิดแผนการได้มากมายแค่ไหน พวกมันทั้งหมดก็ไม่ถูกนำไปใช้

ไม่ว่าเขาจะทำมันอีกกี่ครั้ง

ไม่ว่าจะทำมันซ้ำไปซ้ำมามากแค่ไหน…

เขาก็ไม่เคยก้าวข้ามผู้กล้าได้ และในที่สุดเขาก็จบลงด้วยการถูกทำลาย

เขาเป็นค่หนึ่งในอุปสรรคที่มีตัวตนอยู่ในเรื่องราวที่ชื่อว่า “Brave Quest”

ตอนนี้ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว

“ฉันสัมผัสได้ถึงความกลัวของแกนะ คุณราชาสวรรค์ที่จอมมารภาคภูมิใจ”

“โอ้ววววววววว!!”

อาโทวมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างสนุกสนาน….

อาโทวแห่งโคลนเลน ทำการหัวเราะเยาะเย้ยศัตรูของเธอ

=========================================================

 

//ตอนนี้สงสารไอซ์ร็อคจังน้า พยายามเท่าไหร่ก็ไร้ความหมายอยู่ดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 34 Conflict between Evils 2

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 34 Conflict between Evils 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

–มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น

“โอ้ววววววววว!!”

ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงบนพื้น หินที่แตกกระจายได้กระเด็นเข้าใส่อาโทว

อาโทวหลบหลีกมันด้วยการเคลื่อนไหวแบบกายกรรม เธอมองไปที่ไอซ์ร็อคพร้อมกับยิ้มในขณะที่กวัดแกว่งดาบศักดิ์สิทธิ์

(เข้าใจแล้ว บางทีเขาคงเป็นราชาสวรรค์ประเภทที่ชอบใช้กำลังสินะ)

อาโทววิเคราะห์คู่ต่อสู้อย่างใจเย็น ขณะที่ขยับรยางค์ไปมาและคอยรักษาระยะห่าง

ศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหน?

อีกฝ่ายมาจากเกม RPG

พวกมันอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์คนละแบบ จึงมีความแตกต่างในด้านพลังอยู่

ถ้าเธอพลาด อาจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเป็นตัวละครในเกมที่เคยชินกับการสู้ตัวต่อตัว

ดูเหมือนพลังต่อสู้ของเขาจะแตกต่างจากอาโทวที่มักจะสู้กันในระดับกองทัพ

เมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลที่ทาคุโตะบอกเธอก็ค่อยๆได้รับพิสูจน์ว่าเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ

ดาบศักดิ์สิทธิ์หมุนไปมาเหมือนกังหันลม ราวกับเธอกำลังเต้นรำอยู่ อาโทวโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คอยหลบขวานศึกของไอซ์ร็อคไปด้วย

ขวานศึกพวกนั้นต่างก็ล้มเหลวในการฟันเธอ และได้แต่ทำลายพื้นแทน

“ย้ากก!”

“โอ้ร่าาา!”

“ฮึบ!”

ขณะที่ไอซ์ร็อคเหวี่ยงขวานไปมา และพยายามฟันใส่อาโทวที่กำลังเต้นรำอยู่นั้น รยางค์หลายเส้นได้โผล่ออกมาจากหลังเธอ

ไอซ์ร็อคเตรียมป้องกันการโจมตีจากรยางค์พวกนั้น แต่กลับกลายเป็นว่ารยางค์พวกนั้นเอาแต่โจมตีใส่ลูกน้องที่อยู่รอบๆตัวเขา

ไอซ์ร็อคพยายามที่จะหยุดการโจมตีของเธอโดยการตัดรยางค์พวกนั้น แต่อาโทวก็โจมตีไปยังช่องว่างของเขาด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขาต้องรีบดึงขวานศึกกลับมาป้องกันจุดตายพวกนั้น

(ชิ! เธอพยายามจะหยุดข้าเอาไว้!)

ไอซ์ร็อคโอดครวญอยู่ในใจ

เพราะเขารู้ดีว่าศัตรูกำลังคิดที่จะทำอะไร

ในกองกำลังที่เข้าจู่โจมฟอว์นคาเวน ไอซ์ร็อคเป็นเพียงคนเดียวที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุด

นอกจากไอซ์ร็อคและเหล่าปีศาจที่เป็นลูกน้องเขาแล้ว พวกปีศาจที่เหลือก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย

ดังนั้น หากอีกฝ่ายสามารถจัดการกับพวกเขาได้ พวกเขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน

ปีศาจที่ทำตามสัญชาตญาณของตนเองไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในกองทัพ พวกมันไม่มีสติปัญญาในการตัดสินใจและลงมือทำสิ่งต่างๆ กองทัพที่เต็มไปด้วยปีศาจโดยปราศจากแม่ทัพยังมีความสามารถด้อยกว่าฝูงสัตว์ซะอีก

ในการหยุดยั้งศัตรู ควรจะเล็งไปที่หัวหน้าก่อน

อย่างไรก็ตาม แค่พูดมันง่ายกว่าการลงมือทำ

ไอซ์ร็อคที่ภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองเกิดความสงสัยว่าทำไมอาโทวถึงกล้าลงมือทำเรื่องนี้เพียงลำพัง

“บัดซบ! อย่าเอาแต่หนีอย่างขี้ขลาด! เข้ามาสู้กับข้าอย่างยุติธรรมซะสิ!”

“ฟุฟุ หมารับใช้ของจอมมารอย่างแกมีสิทธิ์พูดอะไรแบบนั้นด้วยหรอ? อย่ามาทำให้ฉันขำหน่อยเลย เดี๋ยวดาบมันจะทื่อเอา”

อาโทวเพิกเฉยต่อคำยั่วยุของไอซ์ร็อค ในด้านพละกำลัง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

…มันมีปีศาจที่เป็นลูกน้องของไอซ์ร็อคอยู่ไม่มาก เธอจะต้องลดจำนวนของพวกมันลงให้ได้มากที่สุด

ไอซ์ร็อคเริ่มหมดความอดทน

ในทางกลับ อาโทวเข้าใจลักษณะนิสัยของกองทัพจอมมารว่าเป็นแบบไหน และให้ความสำคัญในการกำจัดพวกปีศาจที่คอยสั่งการอยู่

ตอนนี้สนามรบคือดินแดนต้องสาปที่เกิดจากเวทมนตร์ขนาดใหญ่

ถ้ากำจัดพวกปีศาจไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็แค่ต้องกำจัดมอนสเตอร์ท้องถิ่นที่อ่อนแอลงแล้ว ด้วยแมลงขายาวที่ได้รับการเสริมพลังมา กับผู้เฒ่ามอลทาร์คอยช่วยเหลือ เธอคิดว่ามันคงไม่เกินกำลัง

สิ่งเดียวที่น่ากังวลคือพวกปีศาจที่ได้รับการเสริมพลังโดยดินแดนต้องสาป แต่อาโทวก็ประสบผลสำเร็จในการฆ่าปีศาจพวกนั้นด้วยการชี้แนะจากทาคุโตะ

อาโทวหัวเราะอยู่ในใจ เธอยกย่องกลยุทธ์ของทาคุโตะที่ประสบผลสำเร็จอย่างมาก แม้จะขาดการเตรียมพร้อมก็ตาม

ถ้าพวกเขาทำแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็สามารถทำภารกิจให้เสร็จสิ้นได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ไอซ์ร็อคเป็นปีศาจชั้นสูงที่ได้รับฉายาราชาสวรรค์

เขาจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้แน่ๆ

“อสูรน้ำแข็ง! จงมา!”

เมื่อไอซ์ร็อคเรียกลูกน้องออกมา ทันใดนั้นหมาป่าน้ำแข็งที่มีขนสีเงินก็ปรากฏตัวขึ้น

ลิ้นที่ยืดยาวออกมาจากปากสีแดงสดของพวกมัน และฟันอันแหลมคมพร้อมกับกรงเล็บโลหะทำให้ดูโดดเด่นกว่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆ

(เข้าใจแล้ว สกิลอัญเชิญแบบไม่จำกัดสินะ…ถึงจะเป็นสกิลพื้นฐานในเกม RPG แต่ก็ยุ่งยากเอาเรื่อง)

อสูรน้ำแข็งที่ถูกอัญเชิญออกมา เข้าจู่โจมอาโทวพร้อมๆกัน

อาโทวที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ไล่ฆ่าปีศาจรอบๆตัว เหวี่ยงรยางค์ของเธอไปยังอสูรน้ำแข็งด้วยความใจเย็น

เลเวลของเหล่าฮีโร่ใน Eternal Nations จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาโทวเองก็ดูดกลืนสกิลมากมายจากศัตรูก่อนหน้านี้

อีกอย่าง รยางค์ของอาโทวได้รับการเสริมพลังจากสกิลดาบศักดิ์สิทธิ์ และไม่สามารถถูกทำลายได้ง่ายๆ

ไม่ว่าอสูรน้ำแข็งที่ถูกราชาสวรรค์น้ำแข็งอัญเชิญมาจะมากแค่ไหน สิ่งนี้เป็นการโจมตีที่หนักเกินไปสำหรับมัน สำหรับอาโทว พวกมันก็แค่มอนสเตอร์ตัวเล็กๆเท่านั้น

“โฮกก—กรั่ก!”

รยางค์ของอาโทวนั้นแข็งแกร่งกว่าเหล็กซะอีก รยางค์มากมายได้เจาะเข้าไปในผิวหนังของอสูรน้ำแข็งและสังหารมันอย่างง่ายดาย

ทันใดนั้นอาโทวก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ในขณะที่มองดูศพของมอนสเตอร์ร่วงลงบนพื้นและสลายหายไปเป็นเหรียญทอง

(…? เข้าโจมตีพร้อมกันได้แค่สองตัวเท่านั้น?)

ไอซ์ร็อคอัญเชิญอสูรน้ำแข็งออกมาห้าตัว เธอแทงไปหนึ่ง ดังนั้นจึงเหลืออีกสี่

อย่างไรก็ตาม มันแปลกมีอสูรน้ำแข็งแค่สองตัวเท่านั้นที่เข้าโจมตีอาโทว

เมื่อตัวหนึ่งถูกทำลาย อีกตัวก็จะเข้ามาแทนที่และเข้าร่วมการต่อสู้

(ระบบของเกมถูกตั้งค่าไว้แบบนี้สินะ)

เหมือนกับที่อาโทวและคนอื่นๆถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของ Eternal Nations อีกฝ่ายเองก็ถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของเกม RPG เช่นกัน

ตัวละครที่มาจากเกมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงถูกส่งมายังโลกใบนี้

อาโทวจดจ่อกับศัตรูที่อยู่ด้านหน้า ในขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ได้ยินอะไรบางอย่าง

“ทำไมเจ้าต้องมาขัดขวางกันด้วย!? เจ้าเองก็เป็นปีศาจเหมือนกันไม่ใช่รึ? จงสวามิภักดิ์แด่จอมมาร แล้วพวกเราจะได้พิชิตโลกไปด้วยกัน!”

 

ขณะที่เหวี่ยงขวานศึกของเขา ไอซ์ร็อคก็พูดกับอาโทว

ในเมื่อมีพลังขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของอาโทว ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขา

คำพูดของเขาฟังดูเหมือนข้ออ้าง เพราะไอซ์ร็อคเริ่มที่จะคิดแล้วว่าเธออาจจะเอาชนะพวกเขาได้จริงๆ

แต่ฮีโร่แห่งโคลนเลนผู้นี้ ได้นำโลกเข้าสู่การล่มสลายมาจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเรื่องการพิชิตโลก

เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจ ราวกับจะถามว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไรกัน

 

“อ่า เขาคือคนที่จะพิชิตโลกหรอ?”

“ใช่แล้ว เราจะสร้างโลกของพวกเราเหล่าปีศาจ กำจัดพวกมนุษย์และสรรเสริญกู่ร้องชื่อของเราไปทั่วดินแดน ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ของความมืดมิดได้มาถึงแล้ว!”

ไอซ์ร็อคเอ่ยออกมาราวกับว่ากำลังปราศรัยอยู่

มันมีช่องว่างมากมาย และถ้าอาโทวโจมตีตอนนี้ เธอคิดว่ารยางค์ของเธอน่าจะเจาะทะลุกะโหลกน้ำแข็งนั่นได้

นั่นคือสิ่งที่อาโทวคิด แต่

(การโจมตีระหว่างแปลงร่าง หรือตอนที่กำลังพูดอยู่มันจะผิดกฏรึเปล่านะ? ตอบเขาสักหน่อยแล้วกัน)

“ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไง แต่หลังจากพิชิตโลกได้แล้ว นายจะทำอะไรต่อล่ะ?”

“หืม?”

ไอซ์ร็อคหยุดพูดและครุ่นคิดถึงคำถามที่เหนือความคาดหมาย

อาโทวถอนหายใจให้กับท่าทีนั้น และพ่นประโยคใส่ราวกับว่าเขาเป็นคนโง่

“มันมีงานให้ทำอีกเยอะเลยนะ! อย่างตอนนี้ ฉันต้องทำงานจนหัวหมุนจนไม่มีเวลาแม้แต่จะคุยกับนายท่าน นี่แค่อาณาจักรธรรมดาๆอาณาจักรเดียวเองนะ….นึกภาพออกมั้ยว่าถ้าเป็นทั้งโลกล่ะ? นี่แกอยากทำงานบริหารจัดการพวกนั้นมากขนาดนั้นเลยรึไงกัน?”

อาโทวยิงคำถามเพิ่มอีก

มันง่ายที่จะพูดว่าพิชิตโลก แต่มันต้องใช้สติปัญญาในการทำความเข้าใจอย่างแท้จริง

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องการสร้างโลกในอุดมคติของตนเองขึ้นมา หลังจากทำลายศัตรูทั้งหมดแล้ว มันเป็นยูโทเปียที่ผู้นำทั้งหลายต่างใฝ่ฝันถึง

อย่างไรก็ตาม การพิชิตโลกก็แค่ความหมาย ไม่ใช่จุดจบ

สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณจะทำอะไรหลังจากยึดครองโลกได้แล้วต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะเป็นการยากสำหรับไอซ์ร็อคที่จะตอบมัน

มีแต่คำพูดสวยหรูอย่างการยึดครองโลกปรากฏอยู่ในหัวของเขา

เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องที่จะต้องทำหลังจากนั้นเลย เขาครุ่นคิดว่าจะตอบกลับยังไง และในที่สุดก็รู้ตัวว่าเขาไม่สามารถตอบได้

ดังนั้น อาโทวจึงปล่อยคำถามออกมาอีกด้วยท่าทีเย้ยหยัน

“หืม? หรือเป็นเพราะตัวละครของนายถูกตั้งค่าโดยผิวเผิน ทำให้การกระทำและความคิดมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น? นั่นสินะ ใช่แล้ว พวกบอสระดับกลางในเกม RPG ส่วนใหญ่จัดการได้ง่าย และพวกมันก็จบอยู่แค่นั้น”

เกม RPG อย่าง “Brave Quest” จัดได้ว่าเป็นเกมแบบเก่า

มันมีประวัติมายาวนานและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเกม RPG แบบดั้งเดิม และได้รับการนำมาสร้างใหม่หลายครั้งเพื่อลงเครื่องเล่นเกมแต่ละรุ่น

แม้ว่าจะมีการตั้งค่าบางอย่างเพิ่มขึ้นมา แต่โดยพื้นฐานแล้วเรื่องราวมักจะดำเนินไปตามการตั้งค่าเดิม

เรียกได้ว่าเป็นเศษเสี้ยวของวันเวลาเก่าๆ

เรื่องราวของมันดำเนินเป็นเส้นตรง และปริมาณข้อมูลต่างๆก็น้อยมาก แตกต่างจาก Eternal Nations ที่มีเนื้อหาลึกลงไป และการตั้งค่าที่เยอะกว่ามาก

ดังนั้น ราชาสวรรค์ไอซ์ร็อค จึงถูกตั้งค่าให้เป็นเพียงแค่ “ศัตรูที่เด่นด้านพละกำลัง และให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนซามูไร” เท่านั้น

“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดมาเลยแม้แต่น้อย! เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา

เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องแหกปากออกมา

เขาไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าเลย

แต่เขาสัมผัสได้ว่าประโยคเหล่านั้นคือการล้อเลียนเขา

โทสะได้พลุ่งพล่านไปทั่วร่างของเขา

หัวใจที่เป็นน้ำแข็งของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นสัญญาณของการหมดความอดทน อากาศอันหนาวเหน็บถูกปล่อยออกมาจากร่างของเขาแทนเหงื่อ

อาโทวเห็นไอซ์ร็อคโมโห จึงถอนหายใจอีกครั้ง

“แกนี่มัน…โง่กว่าที่คิดอีกนะ”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?”

ขวานศึกขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงลงมาด้วยพละกำลังทั้งหมด

อาโทวเห็นการโจมตีที่รุนแรงนั้น เธอจึงฟันดาบขึ้นจากด้านล่าง และทำการตอบโต้การโจมตีนั้นซึ่งๆหน้า ทำให้เกิดสะเก็ดไฟ และเสียงของโลหะกระทบกัน

อย่างไรก็ตาม นี่คือการยืนยันครั้งสุดท้ายของเธอ

เธอรู้สึกความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้จากการฟันก่อนหน้านี้

ถ้านี่คือทั้งหมดของศัตรูแล้ว งั้นก็ง่ายที่จะจัดการมัน

อาโทวตัดสินว่าไอซ์ร็อคแข็งแกร่งกว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่เธอเคยสู้ด้วยก่อนหน้านี้ แต่มันยังไม่ใช่คู่มือของเธอในปัจจุบัน

 “[ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์] สิ่งนี้คือทักษะที่ถูกสร้างโดยควอเลีย เพื่อกำจัดปีศาจอย่างพวกแก ชอบมันรึเปล่าล่ะ? น่ากลัวใช่ไหม?”

“ฮึ่ม! ทำไมปีศาจอย่างเจ้าถึงมีสกิลแบบนั้น? นี่เจ้ากระดิกหางให้กับพวกเทพนั่นแล้วรึ??”

“ไม่ใช่หรอก ทักษะพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับเทพหรอกนะ มันก็แค่หนึ่งในสกิลที่ฉันมีเท่านั้นเอง”

ความคิดของอาโทวค่อนข้างแหวกแนว

อย่างแรกเลย สิ่งเดียวที่เธอสนใจก็คือทาคุโตะ อย่างอื่นนอกจากนั้นเธอคร้านจะชายตามองด้วยซ้ำไป

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือปีศาจ ถ้าสิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อทาคุโตะ เธอก็จะใช้มันโดยไม่ลังเล 

เพราะฉะนั้น เธอจึงติดต่อกับดาร์คเอลฟ์โดยไม่มีไร้ซึ่งความเกลียดชัง และใช้ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เพื่อทาคุโตะแล้ว เธอทำได้ทุกอย่าง

อย่างไรก็ตาม ท่าทีไม่แยแส และความเชื่ออันแรงกล้าของเธอทำให้ไอซ์ร็อคหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

แท่งน้ำแข็งอันแหลมคมถูกพ่นออกมาจากปากของอสูรน้ำแข็ง

อาโทวหลบมันได้สำเร็จ และรยางค์เส้นหนึ่งของเธอได้แทงเข้าไปในปากของอสูรน้ำแข็งตัวนั้น

เหรียญทองดรอปออกมา และเสียงกระทบของโลหะก็ดังไปทั่วสนามรบ

(ถ้าสู้กันนานกว่านี้ แมลงขายาวจะไม่ไหวเอา ฉันจะมัวเสียเวลาไม่ได้)

ดินแดนต้องสาป และความสามารถของอิสลาทำให้แมลงขายาวมีพลังเพิ่มขึ้น

ถึงแม้ว่าพวกมันจะรับมือกับพวกปลาซิวปลาสร้อยได้ แต่พวกมันก็เป็นแค่ยูนิตสำรวจ ถ้าการต่อสู้ดำเนินไปนานกว่านี้ ความเสี่ยงที่พวกมันจะได้รับความเสียหายและถูกทำลายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทหารของเมืองมังกรตกอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากกว่าหลายเท่า

ถึงแม้พวกเขาจะโจมตีจากระยะไกลเป็นหลัก แต่พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเข้าต่อสู้ในระยะประชิดอยู่ดี หากศัตรูบุกมาถึงเมืองได้

ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาจะต้องดิ้นรนต่อสู้กับเผ่าปีศาจที่มีพลังกำลังและความสามารถที่เหนือกว่า

ในที่สุดอาโทวก็ตัดสินจัดการกับไอซ์ร็อคทันที

หากว่าเราสามารถอ่านสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายได้ เราก็จะไม่ได้รับอันตรายจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

อาโทวกุมด้ามดาบศักดิ์สิทธิ์ไว้แน่น และบรรยากาศของเธอก็ต่างไปจากก่อนหน้านี้

“แกบอกเอาไว้ว่ามีจอมมารอยู่สินะ”

เหล่าอสูรน้ำแข็งได้ถูกจัดการไปหมดแล้ว

มันเกิดขึ้นในขณะที่ไอซ์ร็อคพูดคุยกับอาโทว

สกิลอัญเชิญมักจะมีเวลาคูลดาวน์ที่นาน มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะอัญเชิญมันได้อีกครั้ง

หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ การใช้อสูรน้ำแข็งเป็นตัวล่อและถอยทัพไม่สามารถทำได้อีกต่อไป

ไอซ์ร็อคถูกหลอกโดยรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย และประเมินความสามารถของศัตรูต่ำไป

ในกรณีที่แย่ที่สุด เขาคงจะต้องขอความช่วยเหลือจากราชาสวรรค์คนอื่นๆ….ไม่สิ เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากจอมมารด้วยตัวเองเลย

ผู้กล้าที่ครั้งหนึ่งสามารถทำลายกองทัพจอมมารทั้งหมด และแทงดาบทะลุอกของจอมมารได้

อาโทว หญิงชาวปีศาจที่กำลังโจมตีพวกเขาอยู่

ทั้งสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ หรือคุณลักษณะต่างๆ… แต่ภาพของพวกเขาทั้งคู่ได้ซ้อนทับกันในสายตาของไอซ์ร็อค

“ทำไมแกถึงอยากจะครองโลกนัก? มันเป็นสัญชาตญาณงั้นหรอ? หรือเป็นความต้องการของตัวแกเอง? เคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงมีผู้กล้าโผล่ออกมาขัดขวางพวกแกอยู่ตลอดน่ะ?”

น้ำเสียงนั้นได้ดึงดูดจิตใจของไอซ์ร็อค

สัญชาตญาณของเขาร้องเตือนหลายครั้ง แต่ร่างกายเขากลับไม่ยอมเชื่อฟังมัน

“ผู้กล้าที่ปรากฏตัวออกมา และสังหารแกตั้งหลายครั้ง ทำแบบเดิม ซ้ำไป ซ้ำม–”

“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปากไปซะ!”

 

ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา

เขากรีดร้องออกมาอย่างน่าสงสาร

เขาดูน่าสงสารจริงๆ ไม่สมกับที่เป็นราชาสวรรค์ ผู้ซึ่งอยู่ภายใต้จอมมารโดยตรงแม้แต่น้อย แต่เป็นโชคดีหรือร้ายไม่รู้ ที่มันไม่มีลูกน้องหรือปีศาจตนอื่นๆอยู่รอบตัวเขาเลย

“รู้สึกตัวแล้วสินะ? คงยากที่จะไม่รู้สึกถึงมันล่ะนะ ถ้าแกเป็นเหมือนพวกเราก็คงจะจำมันได้ โอ๊ะ ดูสิ! น่ารักจังเลยนะ! ท่าทีแบบนั้นจากปีศาจอันโหดร้ายที่โจมตีมนุษยชาติและผู้กล้าเนี่ยนะ สิ้นหวังเลยใช่ไหมล่ะ?”

ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงไปด้วยความขมขื่น และโดนหญิงสาวที่มีขนาดตัวเล็กกว่าสองเท่าปัดทิ้งอย่างง่ายดาย

อาโทวหัวเราะ และทำการเยาะเย้ยศัตรูด้านหน้าเธอ

หญิงสาวตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าไอซ์ร็อคได้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง และราชาของเธอ…

“เจ้าต้องการพูดอะไรกันแน่!”

“สุดท้ายแล้ว แกก็เป็นแค่ตัวละครบอสในเรื่องราวเท่านั้นเอง”

ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว

เขาเป็นแค่ตัวหมาก เขาควรจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าพร้อมๆกับราชาสวรรค์คนอื่นๆ

เขาควรเผชิญหน้ากับผู้กล้าก่อนที่ผู้กล้าจะเพิ่มพลังได้ตั้งแต่แรก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตระหนักถึงเรื่องนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าในสถานที่เดิมๆเสมอ

แม้จะคิดแผนการได้มากมายแค่ไหน พวกมันทั้งหมดก็ไม่ถูกนำไปใช้

ไม่ว่าเขาจะทำมันอีกกี่ครั้ง

ไม่ว่าจะทำมันซ้ำไปซ้ำมามากแค่ไหน…

เขาก็ไม่เคยก้าวข้ามผู้กล้าได้ และในที่สุดเขาก็จบลงด้วยการถูกทำลาย

เขาเป็นค่หนึ่งในอุปสรรคที่มีตัวตนอยู่ในเรื่องราวที่ชื่อว่า “Brave Quest”

ตอนนี้ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว

“ฉันสัมผัสได้ถึงความกลัวของแกนะ คุณราชาสวรรค์ที่จอมมารภาคภูมิใจ”

“โอ้ววววววววว!!”

อาโทวมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างสนุกสนาน….

อาโทวแห่งโคลนเลน ทำการหัวเราะเยาะเย้ยศัตรูของเธอ

=========================================================

 

//ตอนนี้สงสารไอซ์ร็อคจังน้า พยายามเท่าไหร่ก็ไร้ความหมายอยู่ดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 34 Conflict between Evils 2

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 34 Conflict between Evils 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

–มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น

“โอ้ววววววววว!!”

ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงบนพื้น หินที่แตกกระจายได้กระเด็นเข้าใส่อาโทว

อาโทวหลบหลีกมันด้วยการเคลื่อนไหวแบบกายกรรม เธอมองไปที่ไอซ์ร็อคพร้อมกับยิ้มในขณะที่กวัดแกว่งดาบศักดิ์สิทธิ์

(เข้าใจแล้ว บางทีเขาคงเป็นราชาสวรรค์ประเภทที่ชอบใช้กำลังสินะ)

อาโทววิเคราะห์คู่ต่อสู้อย่างใจเย็น ขณะที่ขยับรยางค์ไปมาและคอยรักษาระยะห่าง

ศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหน?

อีกฝ่ายมาจากเกม RPG

พวกมันอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์คนละแบบ จึงมีความแตกต่างในด้านพลังอยู่

ถ้าเธอพลาด อาจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเป็นตัวละครในเกมที่เคยชินกับการสู้ตัวต่อตัว

ดูเหมือนพลังต่อสู้ของเขาจะแตกต่างจากอาโทวที่มักจะสู้กันในระดับกองทัพ

เมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลที่ทาคุโตะบอกเธอก็ค่อยๆได้รับพิสูจน์ว่าเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ

ดาบศักดิ์สิทธิ์หมุนไปมาเหมือนกังหันลม ราวกับเธอกำลังเต้นรำอยู่ อาโทวโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คอยหลบขวานศึกของไอซ์ร็อคไปด้วย

ขวานศึกพวกนั้นต่างก็ล้มเหลวในการฟันเธอ และได้แต่ทำลายพื้นแทน

“ย้ากก!”

“โอ้ร่าาา!”

“ฮึบ!”

ขณะที่ไอซ์ร็อคเหวี่ยงขวานไปมา และพยายามฟันใส่อาโทวที่กำลังเต้นรำอยู่นั้น รยางค์หลายเส้นได้โผล่ออกมาจากหลังเธอ

ไอซ์ร็อคเตรียมป้องกันการโจมตีจากรยางค์พวกนั้น แต่กลับกลายเป็นว่ารยางค์พวกนั้นเอาแต่โจมตีใส่ลูกน้องที่อยู่รอบๆตัวเขา

ไอซ์ร็อคพยายามที่จะหยุดการโจมตีของเธอโดยการตัดรยางค์พวกนั้น แต่อาโทวก็โจมตีไปยังช่องว่างของเขาด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขาต้องรีบดึงขวานศึกกลับมาป้องกันจุดตายพวกนั้น

(ชิ! เธอพยายามจะหยุดข้าเอาไว้!)

ไอซ์ร็อคโอดครวญอยู่ในใจ

เพราะเขารู้ดีว่าศัตรูกำลังคิดที่จะทำอะไร

ในกองกำลังที่เข้าจู่โจมฟอว์นคาเวน ไอซ์ร็อคเป็นเพียงคนเดียวที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุด

นอกจากไอซ์ร็อคและเหล่าปีศาจที่เป็นลูกน้องเขาแล้ว พวกปีศาจที่เหลือก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย

ดังนั้น หากอีกฝ่ายสามารถจัดการกับพวกเขาได้ พวกเขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน

ปีศาจที่ทำตามสัญชาตญาณของตนเองไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในกองทัพ พวกมันไม่มีสติปัญญาในการตัดสินใจและลงมือทำสิ่งต่างๆ กองทัพที่เต็มไปด้วยปีศาจโดยปราศจากแม่ทัพยังมีความสามารถด้อยกว่าฝูงสัตว์ซะอีก

ในการหยุดยั้งศัตรู ควรจะเล็งไปที่หัวหน้าก่อน

อย่างไรก็ตาม แค่พูดมันง่ายกว่าการลงมือทำ

ไอซ์ร็อคที่ภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองเกิดความสงสัยว่าทำไมอาโทวถึงกล้าลงมือทำเรื่องนี้เพียงลำพัง

“บัดซบ! อย่าเอาแต่หนีอย่างขี้ขลาด! เข้ามาสู้กับข้าอย่างยุติธรรมซะสิ!”

“ฟุฟุ หมารับใช้ของจอมมารอย่างแกมีสิทธิ์พูดอะไรแบบนั้นด้วยหรอ? อย่ามาทำให้ฉันขำหน่อยเลย เดี๋ยวดาบมันจะทื่อเอา”

อาโทวเพิกเฉยต่อคำยั่วยุของไอซ์ร็อค ในด้านพละกำลัง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

…มันมีปีศาจที่เป็นลูกน้องของไอซ์ร็อคอยู่ไม่มาก เธอจะต้องลดจำนวนของพวกมันลงให้ได้มากที่สุด

ไอซ์ร็อคเริ่มหมดความอดทน

ในทางกลับ อาโทวเข้าใจลักษณะนิสัยของกองทัพจอมมารว่าเป็นแบบไหน และให้ความสำคัญในการกำจัดพวกปีศาจที่คอยสั่งการอยู่

ตอนนี้สนามรบคือดินแดนต้องสาปที่เกิดจากเวทมนตร์ขนาดใหญ่

ถ้ากำจัดพวกปีศาจไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็แค่ต้องกำจัดมอนสเตอร์ท้องถิ่นที่อ่อนแอลงแล้ว ด้วยแมลงขายาวที่ได้รับการเสริมพลังมา กับผู้เฒ่ามอลทาร์คอยช่วยเหลือ เธอคิดว่ามันคงไม่เกินกำลัง

สิ่งเดียวที่น่ากังวลคือพวกปีศาจที่ได้รับการเสริมพลังโดยดินแดนต้องสาป แต่อาโทวก็ประสบผลสำเร็จในการฆ่าปีศาจพวกนั้นด้วยการชี้แนะจากทาคุโตะ

อาโทวหัวเราะอยู่ในใจ เธอยกย่องกลยุทธ์ของทาคุโตะที่ประสบผลสำเร็จอย่างมาก แม้จะขาดการเตรียมพร้อมก็ตาม

ถ้าพวกเขาทำแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็สามารถทำภารกิจให้เสร็จสิ้นได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ไอซ์ร็อคเป็นปีศาจชั้นสูงที่ได้รับฉายาราชาสวรรค์

เขาจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้แน่ๆ

“อสูรน้ำแข็ง! จงมา!”

เมื่อไอซ์ร็อคเรียกลูกน้องออกมา ทันใดนั้นหมาป่าน้ำแข็งที่มีขนสีเงินก็ปรากฏตัวขึ้น

ลิ้นที่ยืดยาวออกมาจากปากสีแดงสดของพวกมัน และฟันอันแหลมคมพร้อมกับกรงเล็บโลหะทำให้ดูโดดเด่นกว่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆ

(เข้าใจแล้ว สกิลอัญเชิญแบบไม่จำกัดสินะ…ถึงจะเป็นสกิลพื้นฐานในเกม RPG แต่ก็ยุ่งยากเอาเรื่อง)

อสูรน้ำแข็งที่ถูกอัญเชิญออกมา เข้าจู่โจมอาโทวพร้อมๆกัน

อาโทวที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ไล่ฆ่าปีศาจรอบๆตัว เหวี่ยงรยางค์ของเธอไปยังอสูรน้ำแข็งด้วยความใจเย็น

เลเวลของเหล่าฮีโร่ใน Eternal Nations จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาโทวเองก็ดูดกลืนสกิลมากมายจากศัตรูก่อนหน้านี้

อีกอย่าง รยางค์ของอาโทวได้รับการเสริมพลังจากสกิลดาบศักดิ์สิทธิ์ และไม่สามารถถูกทำลายได้ง่ายๆ

ไม่ว่าอสูรน้ำแข็งที่ถูกราชาสวรรค์น้ำแข็งอัญเชิญมาจะมากแค่ไหน สิ่งนี้เป็นการโจมตีที่หนักเกินไปสำหรับมัน สำหรับอาโทว พวกมันก็แค่มอนสเตอร์ตัวเล็กๆเท่านั้น

“โฮกก—กรั่ก!”

รยางค์ของอาโทวนั้นแข็งแกร่งกว่าเหล็กซะอีก รยางค์มากมายได้เจาะเข้าไปในผิวหนังของอสูรน้ำแข็งและสังหารมันอย่างง่ายดาย

ทันใดนั้นอาโทวก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ในขณะที่มองดูศพของมอนสเตอร์ร่วงลงบนพื้นและสลายหายไปเป็นเหรียญทอง

(…? เข้าโจมตีพร้อมกันได้แค่สองตัวเท่านั้น?)

ไอซ์ร็อคอัญเชิญอสูรน้ำแข็งออกมาห้าตัว เธอแทงไปหนึ่ง ดังนั้นจึงเหลืออีกสี่

อย่างไรก็ตาม มันแปลกมีอสูรน้ำแข็งแค่สองตัวเท่านั้นที่เข้าโจมตีอาโทว

เมื่อตัวหนึ่งถูกทำลาย อีกตัวก็จะเข้ามาแทนที่และเข้าร่วมการต่อสู้

(ระบบของเกมถูกตั้งค่าไว้แบบนี้สินะ)

เหมือนกับที่อาโทวและคนอื่นๆถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของ Eternal Nations อีกฝ่ายเองก็ถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของเกม RPG เช่นกัน

ตัวละครที่มาจากเกมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงถูกส่งมายังโลกใบนี้

อาโทวจดจ่อกับศัตรูที่อยู่ด้านหน้า ในขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ได้ยินอะไรบางอย่าง

“ทำไมเจ้าต้องมาขัดขวางกันด้วย!? เจ้าเองก็เป็นปีศาจเหมือนกันไม่ใช่รึ? จงสวามิภักดิ์แด่จอมมาร แล้วพวกเราจะได้พิชิตโลกไปด้วยกัน!”

 

ขณะที่เหวี่ยงขวานศึกของเขา ไอซ์ร็อคก็พูดกับอาโทว

ในเมื่อมีพลังขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของอาโทว ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขา

คำพูดของเขาฟังดูเหมือนข้ออ้าง เพราะไอซ์ร็อคเริ่มที่จะคิดแล้วว่าเธออาจจะเอาชนะพวกเขาได้จริงๆ

แต่ฮีโร่แห่งโคลนเลนผู้นี้ ได้นำโลกเข้าสู่การล่มสลายมาจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเรื่องการพิชิตโลก

เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจ ราวกับจะถามว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไรกัน

 

“อ่า เขาคือคนที่จะพิชิตโลกหรอ?”

“ใช่แล้ว เราจะสร้างโลกของพวกเราเหล่าปีศาจ กำจัดพวกมนุษย์และสรรเสริญกู่ร้องชื่อของเราไปทั่วดินแดน ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ของความมืดมิดได้มาถึงแล้ว!”

ไอซ์ร็อคเอ่ยออกมาราวกับว่ากำลังปราศรัยอยู่

มันมีช่องว่างมากมาย และถ้าอาโทวโจมตีตอนนี้ เธอคิดว่ารยางค์ของเธอน่าจะเจาะทะลุกะโหลกน้ำแข็งนั่นได้

นั่นคือสิ่งที่อาโทวคิด แต่

(การโจมตีระหว่างแปลงร่าง หรือตอนที่กำลังพูดอยู่มันจะผิดกฏรึเปล่านะ? ตอบเขาสักหน่อยแล้วกัน)

“ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไง แต่หลังจากพิชิตโลกได้แล้ว นายจะทำอะไรต่อล่ะ?”

“หืม?”

ไอซ์ร็อคหยุดพูดและครุ่นคิดถึงคำถามที่เหนือความคาดหมาย

อาโทวถอนหายใจให้กับท่าทีนั้น และพ่นประโยคใส่ราวกับว่าเขาเป็นคนโง่

“มันมีงานให้ทำอีกเยอะเลยนะ! อย่างตอนนี้ ฉันต้องทำงานจนหัวหมุนจนไม่มีเวลาแม้แต่จะคุยกับนายท่าน นี่แค่อาณาจักรธรรมดาๆอาณาจักรเดียวเองนะ….นึกภาพออกมั้ยว่าถ้าเป็นทั้งโลกล่ะ? นี่แกอยากทำงานบริหารจัดการพวกนั้นมากขนาดนั้นเลยรึไงกัน?”

อาโทวยิงคำถามเพิ่มอีก

มันง่ายที่จะพูดว่าพิชิตโลก แต่มันต้องใช้สติปัญญาในการทำความเข้าใจอย่างแท้จริง

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องการสร้างโลกในอุดมคติของตนเองขึ้นมา หลังจากทำลายศัตรูทั้งหมดแล้ว มันเป็นยูโทเปียที่ผู้นำทั้งหลายต่างใฝ่ฝันถึง

อย่างไรก็ตาม การพิชิตโลกก็แค่ความหมาย ไม่ใช่จุดจบ

สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณจะทำอะไรหลังจากยึดครองโลกได้แล้วต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะเป็นการยากสำหรับไอซ์ร็อคที่จะตอบมัน

มีแต่คำพูดสวยหรูอย่างการยึดครองโลกปรากฏอยู่ในหัวของเขา

เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องที่จะต้องทำหลังจากนั้นเลย เขาครุ่นคิดว่าจะตอบกลับยังไง และในที่สุดก็รู้ตัวว่าเขาไม่สามารถตอบได้

ดังนั้น อาโทวจึงปล่อยคำถามออกมาอีกด้วยท่าทีเย้ยหยัน

“หืม? หรือเป็นเพราะตัวละครของนายถูกตั้งค่าโดยผิวเผิน ทำให้การกระทำและความคิดมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น? นั่นสินะ ใช่แล้ว พวกบอสระดับกลางในเกม RPG ส่วนใหญ่จัดการได้ง่าย และพวกมันก็จบอยู่แค่นั้น”

เกม RPG อย่าง “Brave Quest” จัดได้ว่าเป็นเกมแบบเก่า

มันมีประวัติมายาวนานและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเกม RPG แบบดั้งเดิม และได้รับการนำมาสร้างใหม่หลายครั้งเพื่อลงเครื่องเล่นเกมแต่ละรุ่น

แม้ว่าจะมีการตั้งค่าบางอย่างเพิ่มขึ้นมา แต่โดยพื้นฐานแล้วเรื่องราวมักจะดำเนินไปตามการตั้งค่าเดิม

เรียกได้ว่าเป็นเศษเสี้ยวของวันเวลาเก่าๆ

เรื่องราวของมันดำเนินเป็นเส้นตรง และปริมาณข้อมูลต่างๆก็น้อยมาก แตกต่างจาก Eternal Nations ที่มีเนื้อหาลึกลงไป และการตั้งค่าที่เยอะกว่ามาก

ดังนั้น ราชาสวรรค์ไอซ์ร็อค จึงถูกตั้งค่าให้เป็นเพียงแค่ “ศัตรูที่เด่นด้านพละกำลัง และให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนซามูไร” เท่านั้น

“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดมาเลยแม้แต่น้อย! เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา

เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องแหกปากออกมา

เขาไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าเลย

แต่เขาสัมผัสได้ว่าประโยคเหล่านั้นคือการล้อเลียนเขา

โทสะได้พลุ่งพล่านไปทั่วร่างของเขา

หัวใจที่เป็นน้ำแข็งของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นสัญญาณของการหมดความอดทน อากาศอันหนาวเหน็บถูกปล่อยออกมาจากร่างของเขาแทนเหงื่อ

อาโทวเห็นไอซ์ร็อคโมโห จึงถอนหายใจอีกครั้ง

“แกนี่มัน…โง่กว่าที่คิดอีกนะ”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?”

ขวานศึกขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงลงมาด้วยพละกำลังทั้งหมด

อาโทวเห็นการโจมตีที่รุนแรงนั้น เธอจึงฟันดาบขึ้นจากด้านล่าง และทำการตอบโต้การโจมตีนั้นซึ่งๆหน้า ทำให้เกิดสะเก็ดไฟ และเสียงของโลหะกระทบกัน

อย่างไรก็ตาม นี่คือการยืนยันครั้งสุดท้ายของเธอ

เธอรู้สึกความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้จากการฟันก่อนหน้านี้

ถ้านี่คือทั้งหมดของศัตรูแล้ว งั้นก็ง่ายที่จะจัดการมัน

อาโทวตัดสินว่าไอซ์ร็อคแข็งแกร่งกว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่เธอเคยสู้ด้วยก่อนหน้านี้ แต่มันยังไม่ใช่คู่มือของเธอในปัจจุบัน

 “[ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์] สิ่งนี้คือทักษะที่ถูกสร้างโดยควอเลีย เพื่อกำจัดปีศาจอย่างพวกแก ชอบมันรึเปล่าล่ะ? น่ากลัวใช่ไหม?”

“ฮึ่ม! ทำไมปีศาจอย่างเจ้าถึงมีสกิลแบบนั้น? นี่เจ้ากระดิกหางให้กับพวกเทพนั่นแล้วรึ??”

“ไม่ใช่หรอก ทักษะพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับเทพหรอกนะ มันก็แค่หนึ่งในสกิลที่ฉันมีเท่านั้นเอง”

ความคิดของอาโทวค่อนข้างแหวกแนว

อย่างแรกเลย สิ่งเดียวที่เธอสนใจก็คือทาคุโตะ อย่างอื่นนอกจากนั้นเธอคร้านจะชายตามองด้วยซ้ำไป

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือปีศาจ ถ้าสิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อทาคุโตะ เธอก็จะใช้มันโดยไม่ลังเล 

เพราะฉะนั้น เธอจึงติดต่อกับดาร์คเอลฟ์โดยไม่มีไร้ซึ่งความเกลียดชัง และใช้ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เพื่อทาคุโตะแล้ว เธอทำได้ทุกอย่าง

อย่างไรก็ตาม ท่าทีไม่แยแส และความเชื่ออันแรงกล้าของเธอทำให้ไอซ์ร็อคหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

แท่งน้ำแข็งอันแหลมคมถูกพ่นออกมาจากปากของอสูรน้ำแข็ง

อาโทวหลบมันได้สำเร็จ และรยางค์เส้นหนึ่งของเธอได้แทงเข้าไปในปากของอสูรน้ำแข็งตัวนั้น

เหรียญทองดรอปออกมา และเสียงกระทบของโลหะก็ดังไปทั่วสนามรบ

(ถ้าสู้กันนานกว่านี้ แมลงขายาวจะไม่ไหวเอา ฉันจะมัวเสียเวลาไม่ได้)

ดินแดนต้องสาป และความสามารถของอิสลาทำให้แมลงขายาวมีพลังเพิ่มขึ้น

ถึงแม้ว่าพวกมันจะรับมือกับพวกปลาซิวปลาสร้อยได้ แต่พวกมันก็เป็นแค่ยูนิตสำรวจ ถ้าการต่อสู้ดำเนินไปนานกว่านี้ ความเสี่ยงที่พวกมันจะได้รับความเสียหายและถูกทำลายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทหารของเมืองมังกรตกอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากกว่าหลายเท่า

ถึงแม้พวกเขาจะโจมตีจากระยะไกลเป็นหลัก แต่พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเข้าต่อสู้ในระยะประชิดอยู่ดี หากศัตรูบุกมาถึงเมืองได้

ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาจะต้องดิ้นรนต่อสู้กับเผ่าปีศาจที่มีพลังกำลังและความสามารถที่เหนือกว่า

ในที่สุดอาโทวก็ตัดสินจัดการกับไอซ์ร็อคทันที

หากว่าเราสามารถอ่านสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายได้ เราก็จะไม่ได้รับอันตรายจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

อาโทวกุมด้ามดาบศักดิ์สิทธิ์ไว้แน่น และบรรยากาศของเธอก็ต่างไปจากก่อนหน้านี้

“แกบอกเอาไว้ว่ามีจอมมารอยู่สินะ”

เหล่าอสูรน้ำแข็งได้ถูกจัดการไปหมดแล้ว

มันเกิดขึ้นในขณะที่ไอซ์ร็อคพูดคุยกับอาโทว

สกิลอัญเชิญมักจะมีเวลาคูลดาวน์ที่นาน มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะอัญเชิญมันได้อีกครั้ง

หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ การใช้อสูรน้ำแข็งเป็นตัวล่อและถอยทัพไม่สามารถทำได้อีกต่อไป

ไอซ์ร็อคถูกหลอกโดยรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย และประเมินความสามารถของศัตรูต่ำไป

ในกรณีที่แย่ที่สุด เขาคงจะต้องขอความช่วยเหลือจากราชาสวรรค์คนอื่นๆ….ไม่สิ เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากจอมมารด้วยตัวเองเลย

ผู้กล้าที่ครั้งหนึ่งสามารถทำลายกองทัพจอมมารทั้งหมด และแทงดาบทะลุอกของจอมมารได้

อาโทว หญิงชาวปีศาจที่กำลังโจมตีพวกเขาอยู่

ทั้งสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ หรือคุณลักษณะต่างๆ… แต่ภาพของพวกเขาทั้งคู่ได้ซ้อนทับกันในสายตาของไอซ์ร็อค

“ทำไมแกถึงอยากจะครองโลกนัก? มันเป็นสัญชาตญาณงั้นหรอ? หรือเป็นความต้องการของตัวแกเอง? เคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงมีผู้กล้าโผล่ออกมาขัดขวางพวกแกอยู่ตลอดน่ะ?”

น้ำเสียงนั้นได้ดึงดูดจิตใจของไอซ์ร็อค

สัญชาตญาณของเขาร้องเตือนหลายครั้ง แต่ร่างกายเขากลับไม่ยอมเชื่อฟังมัน

“ผู้กล้าที่ปรากฏตัวออกมา และสังหารแกตั้งหลายครั้ง ทำแบบเดิม ซ้ำไป ซ้ำม–”

“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปากไปซะ!”

 

ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา

เขากรีดร้องออกมาอย่างน่าสงสาร

เขาดูน่าสงสารจริงๆ ไม่สมกับที่เป็นราชาสวรรค์ ผู้ซึ่งอยู่ภายใต้จอมมารโดยตรงแม้แต่น้อย แต่เป็นโชคดีหรือร้ายไม่รู้ ที่มันไม่มีลูกน้องหรือปีศาจตนอื่นๆอยู่รอบตัวเขาเลย

“รู้สึกตัวแล้วสินะ? คงยากที่จะไม่รู้สึกถึงมันล่ะนะ ถ้าแกเป็นเหมือนพวกเราก็คงจะจำมันได้ โอ๊ะ ดูสิ! น่ารักจังเลยนะ! ท่าทีแบบนั้นจากปีศาจอันโหดร้ายที่โจมตีมนุษยชาติและผู้กล้าเนี่ยนะ สิ้นหวังเลยใช่ไหมล่ะ?”

ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงไปด้วยความขมขื่น และโดนหญิงสาวที่มีขนาดตัวเล็กกว่าสองเท่าปัดทิ้งอย่างง่ายดาย

อาโทวหัวเราะ และทำการเยาะเย้ยศัตรูด้านหน้าเธอ

หญิงสาวตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าไอซ์ร็อคได้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง และราชาของเธอ…

“เจ้าต้องการพูดอะไรกันแน่!”

“สุดท้ายแล้ว แกก็เป็นแค่ตัวละครบอสในเรื่องราวเท่านั้นเอง”

ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว

เขาเป็นแค่ตัวหมาก เขาควรจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าพร้อมๆกับราชาสวรรค์คนอื่นๆ

เขาควรเผชิญหน้ากับผู้กล้าก่อนที่ผู้กล้าจะเพิ่มพลังได้ตั้งแต่แรก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตระหนักถึงเรื่องนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าในสถานที่เดิมๆเสมอ

แม้จะคิดแผนการได้มากมายแค่ไหน พวกมันทั้งหมดก็ไม่ถูกนำไปใช้

ไม่ว่าเขาจะทำมันอีกกี่ครั้ง

ไม่ว่าจะทำมันซ้ำไปซ้ำมามากแค่ไหน…

เขาก็ไม่เคยก้าวข้ามผู้กล้าได้ และในที่สุดเขาก็จบลงด้วยการถูกทำลาย

เขาเป็นค่หนึ่งในอุปสรรคที่มีตัวตนอยู่ในเรื่องราวที่ชื่อว่า “Brave Quest”

ตอนนี้ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว

“ฉันสัมผัสได้ถึงความกลัวของแกนะ คุณราชาสวรรค์ที่จอมมารภาคภูมิใจ”

“โอ้ววววววววว!!”

อาโทวมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างสนุกสนาน….

อาโทวแห่งโคลนเลน ทำการหัวเราะเยาะเย้ยศัตรูของเธอ

=========================================================

 

//ตอนนี้สงสารไอซ์ร็อคจังน้า พยายามเท่าไหร่ก็ไร้ความหมายอยู่ดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+