[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 32 Invasion

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 32 Invasion at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามารถมองเห็นฝูงคนเถื่อนได้จากเมืองมังกร

พร้อมๆกับที่ทหารของเมืองฟอว์นคาเวนสังเกตเห็นพวกมันจากระยะไกล พวกคนเถื่อนเองก็กำลังสังเกตุการณ์เหยื่อของพวกมันในขณะที่แลบลิ้นออกมา

“เฟรย์ไมน์ เจ้าได้รับคำสั่งอะไรจากจอมมารบ้างหรือเปล่า?”

กองทัพขนาดใหญ่ของคนเถื่อน ประกอบไปด้วย ยักษ์ภูเขา ก๊อบลิน ออร์ค และมอนสเตอร์ดุร้ายอีกหลายชนิด

ท่ามกลางเหล่ามอนสเตอร์ ทันใดนั้นก้อนน้ำแข็งก็พูดขึ้นมา

ไม่สิ มันคือสิ่งมีชีวิต

ชายที่มีรูปร่างแปลกประหลาด ผู้ที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยก้อนน้ำแข็ง ร่างของเขามีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของผู้ชายทั่วไป และเขายังแบกขวานศึกขนาดใหญ่พอๆกันไว้บนบ่า

รูปลักษณ์อันแปลกประหลาดทำให้มันดูไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิต แต่ดูราวกับเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีชีวิตจิตใจซะมากกว่า

ชายผู้นี้ดูแตกต่างจากพวกคนเถื่อนที่เหลืออย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งเหนือคนอื่นๆ

ขณะที่มองไปยังเมืองมังกร เขาก็ถามชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“คิคิคิ ใช่แล้ว ไอซ์ร็อค เขาบอกว่าให้ทำเหมือนที่เคยทำนั่นแหละ”

ชายที่ตอบคำถามของเขาก็ดูโดดเด่นเช่นกัน

ไม่เหมือนกับชายที่มีรูปร่างเป็นก้อนน้ำแข็ง เขาสูงพอๆกับออร์ค อย่างไรก็ตาม ร่างของเขาบางอย่างผิดธรรมชาติ และมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ตามตัว

ชายติดไฟคนนี้คือปีศาจเพลิง เฟรไมน์

ทั่งคู่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในสี่ราชาสวรรค์ที่อยู่ใต้บัญชาของจอมมาร พวกเขาคือตัวละครบอสในเกม RPG ที่ทาคุโตะรู้จัก

ตัวละครที่ควรจะเป็นแค่เรื่องเล่าได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว

เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้กลายมาเป็นความจริง

ราชาน้ำแข็งไอซ์ร็อค ขยับร่างกายของเขา และเอ่ยขึ้น

“ที่นี่คือที่ที่กองทัพจอมมารของข้าถูกอัญเชิญมา เจ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้บ้างมั้ย?”

“หืม? อ่า มันก็ไม่ต่างจากโลกก่อนหน้านี้หรอก! คิคิคิ มันเป็นโลกที่มีมอนสเตอร์ เวทมนตร์ แล้วก็พวกมนุษย์ที่ขยายเผ่าพันธ์ุกันอยู่”

เฟรไมน์ หรือราชาเพลิงสวรรค์ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ดูโหดร้าย ในขณะที่มองไปยังไอซ์ร็อค

เฟรไมน์ได้ส่งหน่วยสอดแนมของเขาออกไปทำการสำรวจแล้ว เขารู้จักโลกใบนี้ดีกว่าทุกคนในกองทัพปีศาจ

พวกเขารู้สึกตัวกันเมื่อไม่กี่วันก่อน

ในโลกเดิมก่อนหน้านี้ พวกเขาคือศัตรูของผู้กล้า

ผู้กล้านั้นมีพลังที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพได้เพียงลำพัง เมื่อกองทัพจอมมารกำลังเข้าโจมตี พวกเขาทั้งคู่ต่างถูกผู้กล้าสังหาร

พวกเขาถูกจอมมารคืนชีพกลับมา ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องกำจัดผู้กล้าที่เป็นภัยคุกคามเจ้านายของพวกเขาให้ได้

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ครองตำแหน่งสำคัญในปราสาทจอมมาร พวกเขาจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อนำชัยชนะมาให้จอมมารที่พวกเขาเทิดทูน

การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น คมดาบที่เข้าฟาดฟันใส่กัน และเวทมนตร์ที่ถูกร่ายอย่างไม่สิ้นสุด

เสียงคำราม และกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นจะดังกังวาลทั่วสนามรบ

เหล่าสหายร่วมรบของพวกเขาต่างถูกสังหารโดยพลังอันท่วมท้นของมนุษย์ ตอนนี้ ถึงเวลาที่พวกเขาจะเอาคืนแล้ว

แต่ตอนนั้นกลับเกิดอะไรบางอย่างขึ้น?

ขณะที่กำลังมองดูเหล่ามอนสเตอร์ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ และเหล่ามอนสเตอร์ที่เหลือกำลังกรีดร้องออกมา

ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว พวกเขา และมอนสเตอร์ชั้นพิเศษตัวอื่นๆ ก็ยืนอยู่บนดินแดนอันว่างเปล่าพร้อมกับจอมมารที่เเป็นจ้านายของพวกเขา

พื้นที่รกร้างรอบตัว ซึ่งทอดยาวไปจนสุดขอบสายตา

สิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ใช่ชัยชนะอันรุ่งโรจน์ที่นำโลกไปสู่ความมืดมิดได้สำเร็จ ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ต่อแสงสว่างที่น่ารังเกียจ

มันไม่มีอะไรเลย

…และนั่นคือเรื่องราวเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

เหล่าปีศาจที่สับสนถูกจอมมารทำให้สงบลงอย่างรวดเร็ว จอมมารได้มอบคำสั่งให้พวกเขา

สำรวจดินแดน อัญเชิญลูกน้องด้วยเวทย์อัญเชิญ สร้างปราสาทจอมมาร และจากนั้นจึงจัดเตรียมกองทัพ

ถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่เป้าหมายของเขาไม่เคยเปลี่ยน

พวกเขาเตรียมการอย่างรวดเร็วเพื่อบรรลุเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว

และขั้นตอนจึงถูกจัดเตรียมอย่างรวดเร็วผิดปกติ

เหมือนตอนที่อยู่โลกใบเดิม ครั้งนี้ พวกเขาได้เริ่มปฏิบัติการยึดครองโลกอีกครั้ง

……… 

…… 

… 

“เป็นโลกที่งดงามจริงๆ”

ขณะที่เอ่ยพึมพำ ราชาน้ำแข็งไอซ์ร็อคค่อยๆมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ท้องฟ้าแจ่มใส เขาเห็นนกกำลังบินไปมาอย่างมีความสุข

ผืนดินที่กว้างใหญ่จนราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด และถึงแม้จะยังอยู่ในดินแดนรกร้าง เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิต

ไอซ์ร็อคไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

แล้วเขาควรจะทำอะไรกับโลกนี้ดี?

ปีศาจทั้งหมดต่างทำตามคำสั่งของจอมมาร

พวกเขาสะสมพลังอย่างเต็มที่ ด้วยสัญชาตญาณที่โหมกระหน่ำอยู่ภายใน ราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวอันโสมม

ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามความต้องการของจอมมาร ทำลายพวกมนุษย์ให้สิ้นซาก และสร้างโลกสำหรับปีศาจขึ้น

นั่นคือเหตุผลเดียวที่พวกเขาดำรงอยู่

“ภารกิจของพวกเราคือการพิชิตโลกใบนี้ ทำลายพวกมนุษย์ให้สิ้นซาก และสร้างสวงสวรรค์ของพวกเราขึ้นมา”

คำสั่งของจอมมารคือ “พิชิต”

ในโลกก่อนเป็นยังไง โลกนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

เขาคือสุนัขรับใช้ ตามที่จอมมารปรารถนา เขาเคยทำลายเมืองและสังหารมนุษย์มามากมาย

ถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่เขาต้องทำยังคงไม่เปลี่ยน

“…นั่นคือถ้วยรางวัลชิ้นแรกสินะ? เมืองของมนุษย์ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของพวกเรา”

“คิคิ! อาณาจักรนี้มีชื่อวาฟอว์นคาเวน พวกหน่วยสอดแนมมนุษย์ที่เราจับได้ก่อนหน้านี้อธิบายให้ฟังหมดแล้ว”

“หือ งานอดิเรกของเจ้านี่แย่จริงนะ”

ไม่เหมือนกับเฟรไมน์ และราชาสวรรค์คนอื่นๆ ไอซ์ร็อคมีความภาคภูมิใจของนักรบอยู่

เขาไม่ค่อยชอบการกระทำชั่วร้ายของเฟรไมน์นัก และคำบ่นก็ถูกพ่นออกมาจากปากของเขาเหมือนอย่างเคย

มันควรจะเป็นเมืองของมนุษย์ แต่กลับมีหน่วยสอดแนมเป็นมนุษย์สัตว์

ปกติแล้ว พวกมนุษย์สัตว์จะใกล้เคียงกับพวกปีศาจมากกว่า ถึงบางเผ่าจะไม่ชอบการต่อสู้ แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเขามักจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้

แล้วทำไมพวกเขาถึงมาเป็นหน่วยสอดแนมได้ล่ะ?

มีคำถามมากมายปรากฏขึ้นในหัวของไอซ์ร็อค แต่เขาก็สลัดมันออกไปทันที

เขาแทบจะไม่ต้องคิด เพียงแค่ทำตามคำสั่งของจอมมารเท่านั้น

นั่นคือหน้าที่ของราชาสวรรค์ทั้งสี่

ไม่สิ ปีศาจทั้งหมดที่อยู่ภายใต้จอมมารเองเก็เหมือนกัน

ไอซ์ร็อครู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่มีเวลามาวิเคราะห์รายละเอียดพวกนั้น

คำสั่งที่จอมมารสั่งมาก็คือ “ทำลายล้างโลกใบนี้”

พวกเขาต้องยึดถือคำสั่งนั้นมาเป็นอันดับแรก ไม่ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสภาพไหน หรือไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม

ภายในจิตใจของเขามีความกังวลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ แต่ไอซ์ร็อคก็ส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อสลัดมันออกไป

ในที่สุด ราวกับว่าเขาตัดสินใจได้แล้ว ดวงตาน้ำแข็งของเขาส่องประกาย และเขาได้ถามเฟรไมน์

“…บางทีนะ จอมมารได้พูดอะไรเกี่ยวกับการนึดเมืองรึเปล่า?”

“แล้วแต่เจ้าเลย! ไม่ว่าจะใช้มอนสเตอร์หรือกลยุทธ์อะไรก็เถอะ! เรามีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้!”

“ดีนะที่หัวไชเท้าพวกนั้นกับก๊อบลินยอมเข้าร่วมกองทัพจอมมาร ทำให้การพิชิตโลกของพวกเราง่ายขึ้นไปอีก”

เหตุผลที่กองทัพของพวกเขาใหญ่ขนาดนี้

ในตอนแรก พวกเขายังไม่สามารถอัญเชิญลูกน้องออกมาได้ และกองทัพก็ยังไม่ถูกจัดตั้งขึ้น แต่พวกเขาก็โชคดีอย่างคาดไม่ถึง

โชคที่หล่นทับพวกเขาก็คือปีศาจพื้นเมืองซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ พวกมันต้องการเข้าร่วมกองทัพจอมมาร

ถึงพวกมันจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่พวกมันก็ได้รับการต้อนรับในฐานะกำลังเสริม

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพวกมันส่วนใหญ่จะถูกสังหารไปตอนที่พวกเขาทำการสำรวจ

ถึงอย่างนั้น ถ้าพวกเขาสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ได้ เทียบกันแล้วมันก็แค่เล็กน้อย สำหรับพวกเขาที่ไม่รู้อะไรเลย

เฟรไมน์ที่ทำการตรวจสอบความแข็งแกร่งของฟอว์นคาเวน ตัดสินว่าพวกเขาได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะพวกเขาได้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพวกมนุษย์มา

“คิคิคิ! มันทำให้ข้าคิดถึงเรื่องบางอย่างเลย! การต่อสู้ที่โลกเดิมของพวกเรา! พวกเราเหล่าปีศาจเข้ารุกรานแผ่นดินของพวกมนุษย์ ถึงตอนนี้ข้าจะจำชื่ออาณาจักรนั้นไม่ได้แล้ว แต่แค่วันแรกที่เข้าโจมตี พวกเราก็สามารถทำลายอาณาจักรนั้นได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น!”

เฟรไมน์ส่งเสียงออกมาอย่างมีความสุข

ไอซ์ร็อคเองก็จดจำวันเวลาเหล่านั้นได้

วันที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น การต่อสู้กับมนุษย์ที่จะเป็นตัวตัดสินชะตากรรมของโลก

วันเวลาที่เขากัดแกว่งขวานศึกเพื่อจอมมาร

และการต่อสู้ที่ยากลำบากกับผู้กล้า

ด้วยความทรงที่แล่นผ่านราวกับม้าแข่ง ข้อมูลมากมายได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของไอซ์ร็อค

“เฟรไมน์ ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย…”

“อ่า? อะไรล่ะ?”

“เกิดอะไรขึ้นกับความปรารถนาของพวกเรา…”

“หือ? ทำไมเจ้าถึงถามอะไรอย่างนั้น…”

ไอซ์ร็อคไม่สามารถลบความกังวลที่เขาพยายามจะสลัดมันออกไปจากหัวได้ เขาจึงต้องถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ในช่วงเวลาสุดท้ายของเขา ไอซ์ร็อคจำได้ว่าเขาเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อตัดสินชะตากรรมของโลก

เขาพยายามจะป้องกันการโจมตีที่เป่าทั้งร่างของเขาทิ้งไป ดาบของศัตรูที่ทะลุหัวใจของเขา

เขาพ่ายแพ้และล้มลง ด้วยสติที่ค่อยๆเรือนลาง เขาเห็นจอมมารและผู้กล้ากำลังเผชิญหน้ากัน

และความทรงจำหลังจากนั้นก็ดูคลุมเครือ

ไอซ์ร็อคคิดว่าเขาถูกสังหารไปแล้ว ณ ตอนนั้น แต่จากความทรงจำที่คลุมเครือ เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นัก

หรือพวกเขาจะถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี้ ก่อนที่การต่อสู้กับผู้กล้าจะรู้ผลแพ้ชนะ?

….เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ

เป็นเพราะก่อนตายที่เขามีสติเรือนลางหรือเปล่า เขาเห็นดาบของผู้กล้าเสียบเข้าไปในร่างของจอมมาร

ดังนั้นไอซ์ร็อคจึงถามเฟรไมน์

เฟรไมน์เป็นพวกเจ้าเล่ห์

เขารู้ดีว่าเฟรไมน์กำลังวางแผนที่จะยึดอำนาจของราชาสวรรค์ทั้งสี่และกลายเป็นมือขวาของจอมมาร

เขาจึงเลือกที่จะอาศัยสติปัญญานั้น

เขาหวังว่าคำถามที่ติดอยู่ในใจจะได้รับคำตอบ

แต่…

“คิก! มันไม่สำคัญหรอก! ตอนนี้เราต้องจัดการกับเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าก่อนไม่ใช่รึไง ไอซ์ร็อค?”

“…ถูกของเจ้า”

คำตอบของเฟรไมน์ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้

ไม่สิ บางทีเฟรไมน์อาจจะแกล้งทำเป็นครุ่นคิด 

บางทีเขาเองก็คงเกิดคำถามแบบเดียวกัน

จู่ๆ พื้นที่บริเวณนั้นก็ส่งเสียงดัง

ความตื่นเต้นและกระหายเลือดของปีศาจได้พุ่งขึ้นจนถึงจุดที่ไม่อาจควบคุมได้

เสียงคำรามแปลกๆที่ไม่อาจจะหาเหตุผลได้ดังกังวาลไปทั่ว

พวกเขาไม่สามารถสนทนากันอย่างสบายๆได้อีกต่อไป

เขายังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ แต่ไอซ์ร็อครู้ว่าได้เวลาแล้ว

“สั่งให้มอนสเตอร์เคลื่อนพล ก่อนอื่นเลย จงเข้าทำลายเมืองมังกรซะ ทำให้พวกมนุษย์ได้ลิ้มรสความสิ้นหวัง และทุกข์ทรมาน เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการแด่จอมมาร!”

ผู้ช่วยที่อยู่ข้างเขา – ปีศาจที่แต่งกายด้วยชุดคลุมและถือคทาอยู่ – พยักหน้าด้วยความเคารพ

ปีศาจตนนั้นวาดอักขระบางอย่างลงบนอากาศ

ในขณะเดียวกัน พวกปีศาจที่ไร้สติปัญญา เริ่มก้าวออกไปด้านหน้าช้าๆ

“แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ เฟรไมน์?”

“โอ้ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งแล้ว เจ้าจัดการได้เลย ขอบคุณข้าซะล่ะ ไอซ์ร็อค!”

“เข้าใจแล้ว ขอบใจ”

เขาหยิบขวานศึกขนาดใหญ่ออกจากด้านหลัง และถือมันด้วยมือทั้งสองข้าง

อาวุธที่เขาภาคภูมิใจ ซึ่งสังหารศัตรูมามากมาย

นอกจากผู้กล้าแล้ว ไม่เคยมีใครรอดชีวิตเมื่อได้เผชิญหน้ากับขวานศึกของเขามาก่อน

ไอซ์ร็อคก้าวออกไปข้างหน้า

เกิดแผ่นดินไหวขึ้น และพื้นดินก็สั่นสะเทือนเพราะไม่สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลของเขาได้

เขามุ่งตรงไปยังเมืองมังกร และรู้สึกได้ถึงสายตาของเฟรไมน์ที่อยู่ด้านหลัง

เขาไม่อาจเชื่อใจเฟรไมน์ได้ ไอซ์ร็อคไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้

สิ่งเดียวที่สำคัญก็คือโลกนี้จะต้องตกอยู่ในกำมือของจอมมาร

และไอซ์ร็อคมีพลังที่จะทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง

เขาจะทำลายทุกๆคน

ความหยิ่งยโส และวิสัยทัศน์อันคับแคบของราชาสวรรค์แห่งกองทัพจอมมารได้นำไอซ์ร็อคมาสู่การตัดสินใจในครั้งนี้

 ………

 …… 

… 

ขณะที่มองดูไอซ์ร็อคและมอนสเตอร์ตัวอื่นๆมุ่งหน้าไปยังเมือง เฟรไมน์ก็ถ่มน้ำลายให้กับฉากที่น่าเบื่อ

อย่างไรก็ตาม จู่ๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนนกที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟ บอนลงมาเกาะอยู่ข้างๆเฟรไมน์และทำการรายงาน

เฟรไมน์เบนสายตาไปทางทิศเหนือ และแสดงรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวออกมา

เขามีนิสัยที่เห็นแก่ตัว เพิกเฉยต่อคำสั่ง และโหดร้ายทารุณ

ถ้าไอซ์ร็อคเปรียบเสมือนนักรบ ก็สามารถอธิบายลักษณะนิสัยเฟรไมน์ได้ว่าเป็นงูพิษ

เฟรไมน์เอ่ยอะไรบางอย่างกับปีศาจที่เพิ่งทำการรายงานเขา

ทันใดนั้น มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนนกที่ได้รับคำสั่งก็บินออกไปทำหน้าที่ของมันทันที

ราชาเพลิงสวรรค์หัวเราะคิกคัก ในขณะที่หันหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง

ดูจากรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยแย่ๆคนหนึ่ง มันคือรอยยิ้มของผู้ที่จะทำลายสิ่งมีชีวิตต่างๆในอนาคต

“คิคิคิ! สงสัยจัง..ว่าข้าควรจะไปยึดเมืองอื่นอีกดีมั้ยนะ!”

สายตาของเขาจับจ้องไปยังทิศทางของดินแดนต้องสาป

————————————————————————- 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 32 Invasion

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 32 Invasion at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามารถมองเห็นฝูงคนเถื่อนได้จากเมืองมังกร

พร้อมๆกับที่ทหารของเมืองฟอว์นคาเวนสังเกตเห็นพวกมันจากระยะไกล พวกคนเถื่อนเองก็กำลังสังเกตุการณ์เหยื่อของพวกมันในขณะที่แลบลิ้นออกมา

“เฟรย์ไมน์ เจ้าได้รับคำสั่งอะไรจากจอมมารบ้างหรือเปล่า?”

กองทัพขนาดใหญ่ของคนเถื่อน ประกอบไปด้วย ยักษ์ภูเขา ก๊อบลิน ออร์ค และมอนสเตอร์ดุร้ายอีกหลายชนิด

ท่ามกลางเหล่ามอนสเตอร์ ทันใดนั้นก้อนน้ำแข็งก็พูดขึ้นมา

ไม่สิ มันคือสิ่งมีชีวิต

ชายที่มีรูปร่างแปลกประหลาด ผู้ที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยก้อนน้ำแข็ง ร่างของเขามีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของผู้ชายทั่วไป และเขายังแบกขวานศึกขนาดใหญ่พอๆกันไว้บนบ่า

รูปลักษณ์อันแปลกประหลาดทำให้มันดูไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิต แต่ดูราวกับเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีชีวิตจิตใจซะมากกว่า

ชายผู้นี้ดูแตกต่างจากพวกคนเถื่อนที่เหลืออย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งเหนือคนอื่นๆ

ขณะที่มองไปยังเมืองมังกร เขาก็ถามชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“คิคิคิ ใช่แล้ว ไอซ์ร็อค เขาบอกว่าให้ทำเหมือนที่เคยทำนั่นแหละ”

ชายที่ตอบคำถามของเขาก็ดูโดดเด่นเช่นกัน

ไม่เหมือนกับชายที่มีรูปร่างเป็นก้อนน้ำแข็ง เขาสูงพอๆกับออร์ค อย่างไรก็ตาม ร่างของเขาบางอย่างผิดธรรมชาติ และมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ตามตัว

ชายติดไฟคนนี้คือปีศาจเพลิง เฟรไมน์

ทั่งคู่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในสี่ราชาสวรรค์ที่อยู่ใต้บัญชาของจอมมาร พวกเขาคือตัวละครบอสในเกม RPG ที่ทาคุโตะรู้จัก

ตัวละครที่ควรจะเป็นแค่เรื่องเล่าได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว

เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้กลายมาเป็นความจริง

ราชาน้ำแข็งไอซ์ร็อค ขยับร่างกายของเขา และเอ่ยขึ้น

“ที่นี่คือที่ที่กองทัพจอมมารของข้าถูกอัญเชิญมา เจ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้บ้างมั้ย?”

“หืม? อ่า มันก็ไม่ต่างจากโลกก่อนหน้านี้หรอก! คิคิคิ มันเป็นโลกที่มีมอนสเตอร์ เวทมนตร์ แล้วก็พวกมนุษย์ที่ขยายเผ่าพันธ์ุกันอยู่”

เฟรไมน์ หรือราชาเพลิงสวรรค์ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ดูโหดร้าย ในขณะที่มองไปยังไอซ์ร็อค

เฟรไมน์ได้ส่งหน่วยสอดแนมของเขาออกไปทำการสำรวจแล้ว เขารู้จักโลกใบนี้ดีกว่าทุกคนในกองทัพปีศาจ

พวกเขารู้สึกตัวกันเมื่อไม่กี่วันก่อน

ในโลกเดิมก่อนหน้านี้ พวกเขาคือศัตรูของผู้กล้า

ผู้กล้านั้นมีพลังที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพได้เพียงลำพัง เมื่อกองทัพจอมมารกำลังเข้าโจมตี พวกเขาทั้งคู่ต่างถูกผู้กล้าสังหาร

พวกเขาถูกจอมมารคืนชีพกลับมา ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องกำจัดผู้กล้าที่เป็นภัยคุกคามเจ้านายของพวกเขาให้ได้

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ครองตำแหน่งสำคัญในปราสาทจอมมาร พวกเขาจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อนำชัยชนะมาให้จอมมารที่พวกเขาเทิดทูน

การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น คมดาบที่เข้าฟาดฟันใส่กัน และเวทมนตร์ที่ถูกร่ายอย่างไม่สิ้นสุด

เสียงคำราม และกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นจะดังกังวาลทั่วสนามรบ

เหล่าสหายร่วมรบของพวกเขาต่างถูกสังหารโดยพลังอันท่วมท้นของมนุษย์ ตอนนี้ ถึงเวลาที่พวกเขาจะเอาคืนแล้ว

แต่ตอนนั้นกลับเกิดอะไรบางอย่างขึ้น?

ขณะที่กำลังมองดูเหล่ามอนสเตอร์ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ และเหล่ามอนสเตอร์ที่เหลือกำลังกรีดร้องออกมา

ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว พวกเขา และมอนสเตอร์ชั้นพิเศษตัวอื่นๆ ก็ยืนอยู่บนดินแดนอันว่างเปล่าพร้อมกับจอมมารที่เเป็นจ้านายของพวกเขา

พื้นที่รกร้างรอบตัว ซึ่งทอดยาวไปจนสุดขอบสายตา

สิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ใช่ชัยชนะอันรุ่งโรจน์ที่นำโลกไปสู่ความมืดมิดได้สำเร็จ ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ต่อแสงสว่างที่น่ารังเกียจ

มันไม่มีอะไรเลย

…และนั่นคือเรื่องราวเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

เหล่าปีศาจที่สับสนถูกจอมมารทำให้สงบลงอย่างรวดเร็ว จอมมารได้มอบคำสั่งให้พวกเขา

สำรวจดินแดน อัญเชิญลูกน้องด้วยเวทย์อัญเชิญ สร้างปราสาทจอมมาร และจากนั้นจึงจัดเตรียมกองทัพ

ถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่เป้าหมายของเขาไม่เคยเปลี่ยน

พวกเขาเตรียมการอย่างรวดเร็วเพื่อบรรลุเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว

และขั้นตอนจึงถูกจัดเตรียมอย่างรวดเร็วผิดปกติ

เหมือนตอนที่อยู่โลกใบเดิม ครั้งนี้ พวกเขาได้เริ่มปฏิบัติการยึดครองโลกอีกครั้ง

……… 

…… 

… 

“เป็นโลกที่งดงามจริงๆ”

ขณะที่เอ่ยพึมพำ ราชาน้ำแข็งไอซ์ร็อคค่อยๆมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ท้องฟ้าแจ่มใส เขาเห็นนกกำลังบินไปมาอย่างมีความสุข

ผืนดินที่กว้างใหญ่จนราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด และถึงแม้จะยังอยู่ในดินแดนรกร้าง เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิต

ไอซ์ร็อคไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

แล้วเขาควรจะทำอะไรกับโลกนี้ดี?

ปีศาจทั้งหมดต่างทำตามคำสั่งของจอมมาร

พวกเขาสะสมพลังอย่างเต็มที่ ด้วยสัญชาตญาณที่โหมกระหน่ำอยู่ภายใน ราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวอันโสมม

ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามความต้องการของจอมมาร ทำลายพวกมนุษย์ให้สิ้นซาก และสร้างโลกสำหรับปีศาจขึ้น

นั่นคือเหตุผลเดียวที่พวกเขาดำรงอยู่

“ภารกิจของพวกเราคือการพิชิตโลกใบนี้ ทำลายพวกมนุษย์ให้สิ้นซาก และสร้างสวงสวรรค์ของพวกเราขึ้นมา”

คำสั่งของจอมมารคือ “พิชิต”

ในโลกก่อนเป็นยังไง โลกนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

เขาคือสุนัขรับใช้ ตามที่จอมมารปรารถนา เขาเคยทำลายเมืองและสังหารมนุษย์มามากมาย

ถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่เขาต้องทำยังคงไม่เปลี่ยน

“…นั่นคือถ้วยรางวัลชิ้นแรกสินะ? เมืองของมนุษย์ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของพวกเรา”

“คิคิ! อาณาจักรนี้มีชื่อวาฟอว์นคาเวน พวกหน่วยสอดแนมมนุษย์ที่เราจับได้ก่อนหน้านี้อธิบายให้ฟังหมดแล้ว”

“หือ งานอดิเรกของเจ้านี่แย่จริงนะ”

ไม่เหมือนกับเฟรไมน์ และราชาสวรรค์คนอื่นๆ ไอซ์ร็อคมีความภาคภูมิใจของนักรบอยู่

เขาไม่ค่อยชอบการกระทำชั่วร้ายของเฟรไมน์นัก และคำบ่นก็ถูกพ่นออกมาจากปากของเขาเหมือนอย่างเคย

มันควรจะเป็นเมืองของมนุษย์ แต่กลับมีหน่วยสอดแนมเป็นมนุษย์สัตว์

ปกติแล้ว พวกมนุษย์สัตว์จะใกล้เคียงกับพวกปีศาจมากกว่า ถึงบางเผ่าจะไม่ชอบการต่อสู้ แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเขามักจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้

แล้วทำไมพวกเขาถึงมาเป็นหน่วยสอดแนมได้ล่ะ?

มีคำถามมากมายปรากฏขึ้นในหัวของไอซ์ร็อค แต่เขาก็สลัดมันออกไปทันที

เขาแทบจะไม่ต้องคิด เพียงแค่ทำตามคำสั่งของจอมมารเท่านั้น

นั่นคือหน้าที่ของราชาสวรรค์ทั้งสี่

ไม่สิ ปีศาจทั้งหมดที่อยู่ภายใต้จอมมารเองเก็เหมือนกัน

ไอซ์ร็อครู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่มีเวลามาวิเคราะห์รายละเอียดพวกนั้น

คำสั่งที่จอมมารสั่งมาก็คือ “ทำลายล้างโลกใบนี้”

พวกเขาต้องยึดถือคำสั่งนั้นมาเป็นอันดับแรก ไม่ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสภาพไหน หรือไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม

ภายในจิตใจของเขามีความกังวลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ แต่ไอซ์ร็อคก็ส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อสลัดมันออกไป

ในที่สุด ราวกับว่าเขาตัดสินใจได้แล้ว ดวงตาน้ำแข็งของเขาส่องประกาย และเขาได้ถามเฟรไมน์

“…บางทีนะ จอมมารได้พูดอะไรเกี่ยวกับการนึดเมืองรึเปล่า?”

“แล้วแต่เจ้าเลย! ไม่ว่าจะใช้มอนสเตอร์หรือกลยุทธ์อะไรก็เถอะ! เรามีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้!”

“ดีนะที่หัวไชเท้าพวกนั้นกับก๊อบลินยอมเข้าร่วมกองทัพจอมมาร ทำให้การพิชิตโลกของพวกเราง่ายขึ้นไปอีก”

เหตุผลที่กองทัพของพวกเขาใหญ่ขนาดนี้

ในตอนแรก พวกเขายังไม่สามารถอัญเชิญลูกน้องออกมาได้ และกองทัพก็ยังไม่ถูกจัดตั้งขึ้น แต่พวกเขาก็โชคดีอย่างคาดไม่ถึง

โชคที่หล่นทับพวกเขาก็คือปีศาจพื้นเมืองซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ พวกมันต้องการเข้าร่วมกองทัพจอมมาร

ถึงพวกมันจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่พวกมันก็ได้รับการต้อนรับในฐานะกำลังเสริม

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพวกมันส่วนใหญ่จะถูกสังหารไปตอนที่พวกเขาทำการสำรวจ

ถึงอย่างนั้น ถ้าพวกเขาสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ได้ เทียบกันแล้วมันก็แค่เล็กน้อย สำหรับพวกเขาที่ไม่รู้อะไรเลย

เฟรไมน์ที่ทำการตรวจสอบความแข็งแกร่งของฟอว์นคาเวน ตัดสินว่าพวกเขาได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะพวกเขาได้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพวกมนุษย์มา

“คิคิคิ! มันทำให้ข้าคิดถึงเรื่องบางอย่างเลย! การต่อสู้ที่โลกเดิมของพวกเรา! พวกเราเหล่าปีศาจเข้ารุกรานแผ่นดินของพวกมนุษย์ ถึงตอนนี้ข้าจะจำชื่ออาณาจักรนั้นไม่ได้แล้ว แต่แค่วันแรกที่เข้าโจมตี พวกเราก็สามารถทำลายอาณาจักรนั้นได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น!”

เฟรไมน์ส่งเสียงออกมาอย่างมีความสุข

ไอซ์ร็อคเองก็จดจำวันเวลาเหล่านั้นได้

วันที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น การต่อสู้กับมนุษย์ที่จะเป็นตัวตัดสินชะตากรรมของโลก

วันเวลาที่เขากัดแกว่งขวานศึกเพื่อจอมมาร

และการต่อสู้ที่ยากลำบากกับผู้กล้า

ด้วยความทรงที่แล่นผ่านราวกับม้าแข่ง ข้อมูลมากมายได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของไอซ์ร็อค

“เฟรไมน์ ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย…”

“อ่า? อะไรล่ะ?”

“เกิดอะไรขึ้นกับความปรารถนาของพวกเรา…”

“หือ? ทำไมเจ้าถึงถามอะไรอย่างนั้น…”

ไอซ์ร็อคไม่สามารถลบความกังวลที่เขาพยายามจะสลัดมันออกไปจากหัวได้ เขาจึงต้องถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ในช่วงเวลาสุดท้ายของเขา ไอซ์ร็อคจำได้ว่าเขาเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อตัดสินชะตากรรมของโลก

เขาพยายามจะป้องกันการโจมตีที่เป่าทั้งร่างของเขาทิ้งไป ดาบของศัตรูที่ทะลุหัวใจของเขา

เขาพ่ายแพ้และล้มลง ด้วยสติที่ค่อยๆเรือนลาง เขาเห็นจอมมารและผู้กล้ากำลังเผชิญหน้ากัน

และความทรงจำหลังจากนั้นก็ดูคลุมเครือ

ไอซ์ร็อคคิดว่าเขาถูกสังหารไปแล้ว ณ ตอนนั้น แต่จากความทรงจำที่คลุมเครือ เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นัก

หรือพวกเขาจะถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี้ ก่อนที่การต่อสู้กับผู้กล้าจะรู้ผลแพ้ชนะ?

….เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ

เป็นเพราะก่อนตายที่เขามีสติเรือนลางหรือเปล่า เขาเห็นดาบของผู้กล้าเสียบเข้าไปในร่างของจอมมาร

ดังนั้นไอซ์ร็อคจึงถามเฟรไมน์

เฟรไมน์เป็นพวกเจ้าเล่ห์

เขารู้ดีว่าเฟรไมน์กำลังวางแผนที่จะยึดอำนาจของราชาสวรรค์ทั้งสี่และกลายเป็นมือขวาของจอมมาร

เขาจึงเลือกที่จะอาศัยสติปัญญานั้น

เขาหวังว่าคำถามที่ติดอยู่ในใจจะได้รับคำตอบ

แต่…

“คิก! มันไม่สำคัญหรอก! ตอนนี้เราต้องจัดการกับเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าก่อนไม่ใช่รึไง ไอซ์ร็อค?”

“…ถูกของเจ้า”

คำตอบของเฟรไมน์ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้

ไม่สิ บางทีเฟรไมน์อาจจะแกล้งทำเป็นครุ่นคิด 

บางทีเขาเองก็คงเกิดคำถามแบบเดียวกัน

จู่ๆ พื้นที่บริเวณนั้นก็ส่งเสียงดัง

ความตื่นเต้นและกระหายเลือดของปีศาจได้พุ่งขึ้นจนถึงจุดที่ไม่อาจควบคุมได้

เสียงคำรามแปลกๆที่ไม่อาจจะหาเหตุผลได้ดังกังวาลไปทั่ว

พวกเขาไม่สามารถสนทนากันอย่างสบายๆได้อีกต่อไป

เขายังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ แต่ไอซ์ร็อครู้ว่าได้เวลาแล้ว

“สั่งให้มอนสเตอร์เคลื่อนพล ก่อนอื่นเลย จงเข้าทำลายเมืองมังกรซะ ทำให้พวกมนุษย์ได้ลิ้มรสความสิ้นหวัง และทุกข์ทรมาน เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการแด่จอมมาร!”

ผู้ช่วยที่อยู่ข้างเขา – ปีศาจที่แต่งกายด้วยชุดคลุมและถือคทาอยู่ – พยักหน้าด้วยความเคารพ

ปีศาจตนนั้นวาดอักขระบางอย่างลงบนอากาศ

ในขณะเดียวกัน พวกปีศาจที่ไร้สติปัญญา เริ่มก้าวออกไปด้านหน้าช้าๆ

“แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ เฟรไมน์?”

“โอ้ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งแล้ว เจ้าจัดการได้เลย ขอบคุณข้าซะล่ะ ไอซ์ร็อค!”

“เข้าใจแล้ว ขอบใจ”

เขาหยิบขวานศึกขนาดใหญ่ออกจากด้านหลัง และถือมันด้วยมือทั้งสองข้าง

อาวุธที่เขาภาคภูมิใจ ซึ่งสังหารศัตรูมามากมาย

นอกจากผู้กล้าแล้ว ไม่เคยมีใครรอดชีวิตเมื่อได้เผชิญหน้ากับขวานศึกของเขามาก่อน

ไอซ์ร็อคก้าวออกไปข้างหน้า

เกิดแผ่นดินไหวขึ้น และพื้นดินก็สั่นสะเทือนเพราะไม่สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลของเขาได้

เขามุ่งตรงไปยังเมืองมังกร และรู้สึกได้ถึงสายตาของเฟรไมน์ที่อยู่ด้านหลัง

เขาไม่อาจเชื่อใจเฟรไมน์ได้ ไอซ์ร็อคไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้

สิ่งเดียวที่สำคัญก็คือโลกนี้จะต้องตกอยู่ในกำมือของจอมมาร

และไอซ์ร็อคมีพลังที่จะทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง

เขาจะทำลายทุกๆคน

ความหยิ่งยโส และวิสัยทัศน์อันคับแคบของราชาสวรรค์แห่งกองทัพจอมมารได้นำไอซ์ร็อคมาสู่การตัดสินใจในครั้งนี้

 ………

 …… 

… 

ขณะที่มองดูไอซ์ร็อคและมอนสเตอร์ตัวอื่นๆมุ่งหน้าไปยังเมือง เฟรไมน์ก็ถ่มน้ำลายให้กับฉากที่น่าเบื่อ

อย่างไรก็ตาม จู่ๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนนกที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟ บอนลงมาเกาะอยู่ข้างๆเฟรไมน์และทำการรายงาน

เฟรไมน์เบนสายตาไปทางทิศเหนือ และแสดงรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวออกมา

เขามีนิสัยที่เห็นแก่ตัว เพิกเฉยต่อคำสั่ง และโหดร้ายทารุณ

ถ้าไอซ์ร็อคเปรียบเสมือนนักรบ ก็สามารถอธิบายลักษณะนิสัยเฟรไมน์ได้ว่าเป็นงูพิษ

เฟรไมน์เอ่ยอะไรบางอย่างกับปีศาจที่เพิ่งทำการรายงานเขา

ทันใดนั้น มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนนกที่ได้รับคำสั่งก็บินออกไปทำหน้าที่ของมันทันที

ราชาเพลิงสวรรค์หัวเราะคิกคัก ในขณะที่หันหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง

ดูจากรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยแย่ๆคนหนึ่ง มันคือรอยยิ้มของผู้ที่จะทำลายสิ่งมีชีวิตต่างๆในอนาคต

“คิคิคิ! สงสัยจัง..ว่าข้าควรจะไปยึดเมืองอื่นอีกดีมั้ยนะ!”

สายตาของเขาจับจ้องไปยังทิศทางของดินแดนต้องสาป

————————————————————————- 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 32 Invasion

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 32 Invasion at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามารถมองเห็นฝูงคนเถื่อนได้จากเมืองมังกร

พร้อมๆกับที่ทหารของเมืองฟอว์นคาเวนสังเกตเห็นพวกมันจากระยะไกล พวกคนเถื่อนเองก็กำลังสังเกตุการณ์เหยื่อของพวกมันในขณะที่แลบลิ้นออกมา

“เฟรย์ไมน์ เจ้าได้รับคำสั่งอะไรจากจอมมารบ้างหรือเปล่า?”

กองทัพขนาดใหญ่ของคนเถื่อน ประกอบไปด้วย ยักษ์ภูเขา ก๊อบลิน ออร์ค และมอนสเตอร์ดุร้ายอีกหลายชนิด

ท่ามกลางเหล่ามอนสเตอร์ ทันใดนั้นก้อนน้ำแข็งก็พูดขึ้นมา

ไม่สิ มันคือสิ่งมีชีวิต

ชายที่มีรูปร่างแปลกประหลาด ผู้ที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยก้อนน้ำแข็ง ร่างของเขามีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของผู้ชายทั่วไป และเขายังแบกขวานศึกขนาดใหญ่พอๆกันไว้บนบ่า

รูปลักษณ์อันแปลกประหลาดทำให้มันดูไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิต แต่ดูราวกับเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีชีวิตจิตใจซะมากกว่า

ชายผู้นี้ดูแตกต่างจากพวกคนเถื่อนที่เหลืออย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งเหนือคนอื่นๆ

ขณะที่มองไปยังเมืองมังกร เขาก็ถามชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“คิคิคิ ใช่แล้ว ไอซ์ร็อค เขาบอกว่าให้ทำเหมือนที่เคยทำนั่นแหละ”

ชายที่ตอบคำถามของเขาก็ดูโดดเด่นเช่นกัน

ไม่เหมือนกับชายที่มีรูปร่างเป็นก้อนน้ำแข็ง เขาสูงพอๆกับออร์ค อย่างไรก็ตาม ร่างของเขาบางอย่างผิดธรรมชาติ และมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ตามตัว

ชายติดไฟคนนี้คือปีศาจเพลิง เฟรไมน์

ทั่งคู่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในสี่ราชาสวรรค์ที่อยู่ใต้บัญชาของจอมมาร พวกเขาคือตัวละครบอสในเกม RPG ที่ทาคุโตะรู้จัก

ตัวละครที่ควรจะเป็นแค่เรื่องเล่าได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว

เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้กลายมาเป็นความจริง

ราชาน้ำแข็งไอซ์ร็อค ขยับร่างกายของเขา และเอ่ยขึ้น

“ที่นี่คือที่ที่กองทัพจอมมารของข้าถูกอัญเชิญมา เจ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้บ้างมั้ย?”

“หืม? อ่า มันก็ไม่ต่างจากโลกก่อนหน้านี้หรอก! คิคิคิ มันเป็นโลกที่มีมอนสเตอร์ เวทมนตร์ แล้วก็พวกมนุษย์ที่ขยายเผ่าพันธ์ุกันอยู่”

เฟรไมน์ หรือราชาเพลิงสวรรค์ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ดูโหดร้าย ในขณะที่มองไปยังไอซ์ร็อค

เฟรไมน์ได้ส่งหน่วยสอดแนมของเขาออกไปทำการสำรวจแล้ว เขารู้จักโลกใบนี้ดีกว่าทุกคนในกองทัพปีศาจ

พวกเขารู้สึกตัวกันเมื่อไม่กี่วันก่อน

ในโลกเดิมก่อนหน้านี้ พวกเขาคือศัตรูของผู้กล้า

ผู้กล้านั้นมีพลังที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพได้เพียงลำพัง เมื่อกองทัพจอมมารกำลังเข้าโจมตี พวกเขาทั้งคู่ต่างถูกผู้กล้าสังหาร

พวกเขาถูกจอมมารคืนชีพกลับมา ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องกำจัดผู้กล้าที่เป็นภัยคุกคามเจ้านายของพวกเขาให้ได้

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ครองตำแหน่งสำคัญในปราสาทจอมมาร พวกเขาจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อนำชัยชนะมาให้จอมมารที่พวกเขาเทิดทูน

การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น คมดาบที่เข้าฟาดฟันใส่กัน และเวทมนตร์ที่ถูกร่ายอย่างไม่สิ้นสุด

เสียงคำราม และกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นจะดังกังวาลทั่วสนามรบ

เหล่าสหายร่วมรบของพวกเขาต่างถูกสังหารโดยพลังอันท่วมท้นของมนุษย์ ตอนนี้ ถึงเวลาที่พวกเขาจะเอาคืนแล้ว

แต่ตอนนั้นกลับเกิดอะไรบางอย่างขึ้น?

ขณะที่กำลังมองดูเหล่ามอนสเตอร์ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ และเหล่ามอนสเตอร์ที่เหลือกำลังกรีดร้องออกมา

ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว พวกเขา และมอนสเตอร์ชั้นพิเศษตัวอื่นๆ ก็ยืนอยู่บนดินแดนอันว่างเปล่าพร้อมกับจอมมารที่เเป็นจ้านายของพวกเขา

พื้นที่รกร้างรอบตัว ซึ่งทอดยาวไปจนสุดขอบสายตา

สิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ใช่ชัยชนะอันรุ่งโรจน์ที่นำโลกไปสู่ความมืดมิดได้สำเร็จ ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ต่อแสงสว่างที่น่ารังเกียจ

มันไม่มีอะไรเลย

…และนั่นคือเรื่องราวเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

เหล่าปีศาจที่สับสนถูกจอมมารทำให้สงบลงอย่างรวดเร็ว จอมมารได้มอบคำสั่งให้พวกเขา

สำรวจดินแดน อัญเชิญลูกน้องด้วยเวทย์อัญเชิญ สร้างปราสาทจอมมาร และจากนั้นจึงจัดเตรียมกองทัพ

ถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่เป้าหมายของเขาไม่เคยเปลี่ยน

พวกเขาเตรียมการอย่างรวดเร็วเพื่อบรรลุเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว

และขั้นตอนจึงถูกจัดเตรียมอย่างรวดเร็วผิดปกติ

เหมือนตอนที่อยู่โลกใบเดิม ครั้งนี้ พวกเขาได้เริ่มปฏิบัติการยึดครองโลกอีกครั้ง

……… 

…… 

… 

“เป็นโลกที่งดงามจริงๆ”

ขณะที่เอ่ยพึมพำ ราชาน้ำแข็งไอซ์ร็อคค่อยๆมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ท้องฟ้าแจ่มใส เขาเห็นนกกำลังบินไปมาอย่างมีความสุข

ผืนดินที่กว้างใหญ่จนราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด และถึงแม้จะยังอยู่ในดินแดนรกร้าง เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิต

ไอซ์ร็อคไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

แล้วเขาควรจะทำอะไรกับโลกนี้ดี?

ปีศาจทั้งหมดต่างทำตามคำสั่งของจอมมาร

พวกเขาสะสมพลังอย่างเต็มที่ ด้วยสัญชาตญาณที่โหมกระหน่ำอยู่ภายใน ราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวอันโสมม

ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามความต้องการของจอมมาร ทำลายพวกมนุษย์ให้สิ้นซาก และสร้างโลกสำหรับปีศาจขึ้น

นั่นคือเหตุผลเดียวที่พวกเขาดำรงอยู่

“ภารกิจของพวกเราคือการพิชิตโลกใบนี้ ทำลายพวกมนุษย์ให้สิ้นซาก และสร้างสวงสวรรค์ของพวกเราขึ้นมา”

คำสั่งของจอมมารคือ “พิชิต”

ในโลกก่อนเป็นยังไง โลกนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

เขาคือสุนัขรับใช้ ตามที่จอมมารปรารถนา เขาเคยทำลายเมืองและสังหารมนุษย์มามากมาย

ถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่เขาต้องทำยังคงไม่เปลี่ยน

“…นั่นคือถ้วยรางวัลชิ้นแรกสินะ? เมืองของมนุษย์ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของพวกเรา”

“คิคิ! อาณาจักรนี้มีชื่อวาฟอว์นคาเวน พวกหน่วยสอดแนมมนุษย์ที่เราจับได้ก่อนหน้านี้อธิบายให้ฟังหมดแล้ว”

“หือ งานอดิเรกของเจ้านี่แย่จริงนะ”

ไม่เหมือนกับเฟรไมน์ และราชาสวรรค์คนอื่นๆ ไอซ์ร็อคมีความภาคภูมิใจของนักรบอยู่

เขาไม่ค่อยชอบการกระทำชั่วร้ายของเฟรไมน์นัก และคำบ่นก็ถูกพ่นออกมาจากปากของเขาเหมือนอย่างเคย

มันควรจะเป็นเมืองของมนุษย์ แต่กลับมีหน่วยสอดแนมเป็นมนุษย์สัตว์

ปกติแล้ว พวกมนุษย์สัตว์จะใกล้เคียงกับพวกปีศาจมากกว่า ถึงบางเผ่าจะไม่ชอบการต่อสู้ แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเขามักจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้

แล้วทำไมพวกเขาถึงมาเป็นหน่วยสอดแนมได้ล่ะ?

มีคำถามมากมายปรากฏขึ้นในหัวของไอซ์ร็อค แต่เขาก็สลัดมันออกไปทันที

เขาแทบจะไม่ต้องคิด เพียงแค่ทำตามคำสั่งของจอมมารเท่านั้น

นั่นคือหน้าที่ของราชาสวรรค์ทั้งสี่

ไม่สิ ปีศาจทั้งหมดที่อยู่ภายใต้จอมมารเองเก็เหมือนกัน

ไอซ์ร็อครู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่มีเวลามาวิเคราะห์รายละเอียดพวกนั้น

คำสั่งที่จอมมารสั่งมาก็คือ “ทำลายล้างโลกใบนี้”

พวกเขาต้องยึดถือคำสั่งนั้นมาเป็นอันดับแรก ไม่ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสภาพไหน หรือไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม

ภายในจิตใจของเขามีความกังวลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ แต่ไอซ์ร็อคก็ส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อสลัดมันออกไป

ในที่สุด ราวกับว่าเขาตัดสินใจได้แล้ว ดวงตาน้ำแข็งของเขาส่องประกาย และเขาได้ถามเฟรไมน์

“…บางทีนะ จอมมารได้พูดอะไรเกี่ยวกับการนึดเมืองรึเปล่า?”

“แล้วแต่เจ้าเลย! ไม่ว่าจะใช้มอนสเตอร์หรือกลยุทธ์อะไรก็เถอะ! เรามีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้!”

“ดีนะที่หัวไชเท้าพวกนั้นกับก๊อบลินยอมเข้าร่วมกองทัพจอมมาร ทำให้การพิชิตโลกของพวกเราง่ายขึ้นไปอีก”

เหตุผลที่กองทัพของพวกเขาใหญ่ขนาดนี้

ในตอนแรก พวกเขายังไม่สามารถอัญเชิญลูกน้องออกมาได้ และกองทัพก็ยังไม่ถูกจัดตั้งขึ้น แต่พวกเขาก็โชคดีอย่างคาดไม่ถึง

โชคที่หล่นทับพวกเขาก็คือปีศาจพื้นเมืองซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ พวกมันต้องการเข้าร่วมกองทัพจอมมาร

ถึงพวกมันจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่พวกมันก็ได้รับการต้อนรับในฐานะกำลังเสริม

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพวกมันส่วนใหญ่จะถูกสังหารไปตอนที่พวกเขาทำการสำรวจ

ถึงอย่างนั้น ถ้าพวกเขาสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ได้ เทียบกันแล้วมันก็แค่เล็กน้อย สำหรับพวกเขาที่ไม่รู้อะไรเลย

เฟรไมน์ที่ทำการตรวจสอบความแข็งแกร่งของฟอว์นคาเวน ตัดสินว่าพวกเขาได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะพวกเขาได้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพวกมนุษย์มา

“คิคิคิ! มันทำให้ข้าคิดถึงเรื่องบางอย่างเลย! การต่อสู้ที่โลกเดิมของพวกเรา! พวกเราเหล่าปีศาจเข้ารุกรานแผ่นดินของพวกมนุษย์ ถึงตอนนี้ข้าจะจำชื่ออาณาจักรนั้นไม่ได้แล้ว แต่แค่วันแรกที่เข้าโจมตี พวกเราก็สามารถทำลายอาณาจักรนั้นได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น!”

เฟรไมน์ส่งเสียงออกมาอย่างมีความสุข

ไอซ์ร็อคเองก็จดจำวันเวลาเหล่านั้นได้

วันที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น การต่อสู้กับมนุษย์ที่จะเป็นตัวตัดสินชะตากรรมของโลก

วันเวลาที่เขากัดแกว่งขวานศึกเพื่อจอมมาร

และการต่อสู้ที่ยากลำบากกับผู้กล้า

ด้วยความทรงที่แล่นผ่านราวกับม้าแข่ง ข้อมูลมากมายได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของไอซ์ร็อค

“เฟรไมน์ ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย…”

“อ่า? อะไรล่ะ?”

“เกิดอะไรขึ้นกับความปรารถนาของพวกเรา…”

“หือ? ทำไมเจ้าถึงถามอะไรอย่างนั้น…”

ไอซ์ร็อคไม่สามารถลบความกังวลที่เขาพยายามจะสลัดมันออกไปจากหัวได้ เขาจึงต้องถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ในช่วงเวลาสุดท้ายของเขา ไอซ์ร็อคจำได้ว่าเขาเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อตัดสินชะตากรรมของโลก

เขาพยายามจะป้องกันการโจมตีที่เป่าทั้งร่างของเขาทิ้งไป ดาบของศัตรูที่ทะลุหัวใจของเขา

เขาพ่ายแพ้และล้มลง ด้วยสติที่ค่อยๆเรือนลาง เขาเห็นจอมมารและผู้กล้ากำลังเผชิญหน้ากัน

และความทรงจำหลังจากนั้นก็ดูคลุมเครือ

ไอซ์ร็อคคิดว่าเขาถูกสังหารไปแล้ว ณ ตอนนั้น แต่จากความทรงจำที่คลุมเครือ เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นัก

หรือพวกเขาจะถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี้ ก่อนที่การต่อสู้กับผู้กล้าจะรู้ผลแพ้ชนะ?

….เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ

เป็นเพราะก่อนตายที่เขามีสติเรือนลางหรือเปล่า เขาเห็นดาบของผู้กล้าเสียบเข้าไปในร่างของจอมมาร

ดังนั้นไอซ์ร็อคจึงถามเฟรไมน์

เฟรไมน์เป็นพวกเจ้าเล่ห์

เขารู้ดีว่าเฟรไมน์กำลังวางแผนที่จะยึดอำนาจของราชาสวรรค์ทั้งสี่และกลายเป็นมือขวาของจอมมาร

เขาจึงเลือกที่จะอาศัยสติปัญญานั้น

เขาหวังว่าคำถามที่ติดอยู่ในใจจะได้รับคำตอบ

แต่…

“คิก! มันไม่สำคัญหรอก! ตอนนี้เราต้องจัดการกับเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าก่อนไม่ใช่รึไง ไอซ์ร็อค?”

“…ถูกของเจ้า”

คำตอบของเฟรไมน์ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้

ไม่สิ บางทีเฟรไมน์อาจจะแกล้งทำเป็นครุ่นคิด 

บางทีเขาเองก็คงเกิดคำถามแบบเดียวกัน

จู่ๆ พื้นที่บริเวณนั้นก็ส่งเสียงดัง

ความตื่นเต้นและกระหายเลือดของปีศาจได้พุ่งขึ้นจนถึงจุดที่ไม่อาจควบคุมได้

เสียงคำรามแปลกๆที่ไม่อาจจะหาเหตุผลได้ดังกังวาลไปทั่ว

พวกเขาไม่สามารถสนทนากันอย่างสบายๆได้อีกต่อไป

เขายังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ แต่ไอซ์ร็อครู้ว่าได้เวลาแล้ว

“สั่งให้มอนสเตอร์เคลื่อนพล ก่อนอื่นเลย จงเข้าทำลายเมืองมังกรซะ ทำให้พวกมนุษย์ได้ลิ้มรสความสิ้นหวัง และทุกข์ทรมาน เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการแด่จอมมาร!”

ผู้ช่วยที่อยู่ข้างเขา – ปีศาจที่แต่งกายด้วยชุดคลุมและถือคทาอยู่ – พยักหน้าด้วยความเคารพ

ปีศาจตนนั้นวาดอักขระบางอย่างลงบนอากาศ

ในขณะเดียวกัน พวกปีศาจที่ไร้สติปัญญา เริ่มก้าวออกไปด้านหน้าช้าๆ

“แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ เฟรไมน์?”

“โอ้ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งแล้ว เจ้าจัดการได้เลย ขอบคุณข้าซะล่ะ ไอซ์ร็อค!”

“เข้าใจแล้ว ขอบใจ”

เขาหยิบขวานศึกขนาดใหญ่ออกจากด้านหลัง และถือมันด้วยมือทั้งสองข้าง

อาวุธที่เขาภาคภูมิใจ ซึ่งสังหารศัตรูมามากมาย

นอกจากผู้กล้าแล้ว ไม่เคยมีใครรอดชีวิตเมื่อได้เผชิญหน้ากับขวานศึกของเขามาก่อน

ไอซ์ร็อคก้าวออกไปข้างหน้า

เกิดแผ่นดินไหวขึ้น และพื้นดินก็สั่นสะเทือนเพราะไม่สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลของเขาได้

เขามุ่งตรงไปยังเมืองมังกร และรู้สึกได้ถึงสายตาของเฟรไมน์ที่อยู่ด้านหลัง

เขาไม่อาจเชื่อใจเฟรไมน์ได้ ไอซ์ร็อคไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้

สิ่งเดียวที่สำคัญก็คือโลกนี้จะต้องตกอยู่ในกำมือของจอมมาร

และไอซ์ร็อคมีพลังที่จะทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง

เขาจะทำลายทุกๆคน

ความหยิ่งยโส และวิสัยทัศน์อันคับแคบของราชาสวรรค์แห่งกองทัพจอมมารได้นำไอซ์ร็อคมาสู่การตัดสินใจในครั้งนี้

 ………

 …… 

… 

ขณะที่มองดูไอซ์ร็อคและมอนสเตอร์ตัวอื่นๆมุ่งหน้าไปยังเมือง เฟรไมน์ก็ถ่มน้ำลายให้กับฉากที่น่าเบื่อ

อย่างไรก็ตาม จู่ๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนนกที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟ บอนลงมาเกาะอยู่ข้างๆเฟรไมน์และทำการรายงาน

เฟรไมน์เบนสายตาไปทางทิศเหนือ และแสดงรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวออกมา

เขามีนิสัยที่เห็นแก่ตัว เพิกเฉยต่อคำสั่ง และโหดร้ายทารุณ

ถ้าไอซ์ร็อคเปรียบเสมือนนักรบ ก็สามารถอธิบายลักษณะนิสัยเฟรไมน์ได้ว่าเป็นงูพิษ

เฟรไมน์เอ่ยอะไรบางอย่างกับปีศาจที่เพิ่งทำการรายงานเขา

ทันใดนั้น มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนนกที่ได้รับคำสั่งก็บินออกไปทำหน้าที่ของมันทันที

ราชาเพลิงสวรรค์หัวเราะคิกคัก ในขณะที่หันหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง

ดูจากรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยแย่ๆคนหนึ่ง มันคือรอยยิ้มของผู้ที่จะทำลายสิ่งมีชีวิตต่างๆในอนาคต

“คิคิคิ! สงสัยจัง..ว่าข้าควรจะไปยึดเมืองอื่นอีกดีมั้ยนะ!”

สายตาของเขาจับจ้องไปยังทิศทางของดินแดนต้องสาป

————————————————————————- 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ 32 Invasion

Now you are reading [นิยายแปล] Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ Chapter 32 Invasion at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามารถมองเห็นฝูงคนเถื่อนได้จากเมืองมังกร

พร้อมๆกับที่ทหารของเมืองฟอว์นคาเวนสังเกตเห็นพวกมันจากระยะไกล พวกคนเถื่อนเองก็กำลังสังเกตุการณ์เหยื่อของพวกมันในขณะที่แลบลิ้นออกมา

“เฟรย์ไมน์ เจ้าได้รับคำสั่งอะไรจากจอมมารบ้างหรือเปล่า?”

กองทัพขนาดใหญ่ของคนเถื่อน ประกอบไปด้วย ยักษ์ภูเขา ก๊อบลิน ออร์ค และมอนสเตอร์ดุร้ายอีกหลายชนิด

ท่ามกลางเหล่ามอนสเตอร์ ทันใดนั้นก้อนน้ำแข็งก็พูดขึ้นมา

ไม่สิ มันคือสิ่งมีชีวิต

ชายที่มีรูปร่างแปลกประหลาด ผู้ที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยก้อนน้ำแข็ง ร่างของเขามีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของผู้ชายทั่วไป และเขายังแบกขวานศึกขนาดใหญ่พอๆกันไว้บนบ่า

รูปลักษณ์อันแปลกประหลาดทำให้มันดูไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิต แต่ดูราวกับเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีชีวิตจิตใจซะมากกว่า

ชายผู้นี้ดูแตกต่างจากพวกคนเถื่อนที่เหลืออย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งเหนือคนอื่นๆ

ขณะที่มองไปยังเมืองมังกร เขาก็ถามชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“คิคิคิ ใช่แล้ว ไอซ์ร็อค เขาบอกว่าให้ทำเหมือนที่เคยทำนั่นแหละ”

ชายที่ตอบคำถามของเขาก็ดูโดดเด่นเช่นกัน

ไม่เหมือนกับชายที่มีรูปร่างเป็นก้อนน้ำแข็ง เขาสูงพอๆกับออร์ค อย่างไรก็ตาม ร่างของเขาบางอย่างผิดธรรมชาติ และมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ตามตัว

ชายติดไฟคนนี้คือปีศาจเพลิง เฟรไมน์

ทั่งคู่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในสี่ราชาสวรรค์ที่อยู่ใต้บัญชาของจอมมาร พวกเขาคือตัวละครบอสในเกม RPG ที่ทาคุโตะรู้จัก

ตัวละครที่ควรจะเป็นแค่เรื่องเล่าได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว

เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้กลายมาเป็นความจริง

ราชาน้ำแข็งไอซ์ร็อค ขยับร่างกายของเขา และเอ่ยขึ้น

“ที่นี่คือที่ที่กองทัพจอมมารของข้าถูกอัญเชิญมา เจ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้บ้างมั้ย?”

“หืม? อ่า มันก็ไม่ต่างจากโลกก่อนหน้านี้หรอก! คิคิคิ มันเป็นโลกที่มีมอนสเตอร์ เวทมนตร์ แล้วก็พวกมนุษย์ที่ขยายเผ่าพันธ์ุกันอยู่”

เฟรไมน์ หรือราชาเพลิงสวรรค์ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ดูโหดร้าย ในขณะที่มองไปยังไอซ์ร็อค

เฟรไมน์ได้ส่งหน่วยสอดแนมของเขาออกไปทำการสำรวจแล้ว เขารู้จักโลกใบนี้ดีกว่าทุกคนในกองทัพปีศาจ

พวกเขารู้สึกตัวกันเมื่อไม่กี่วันก่อน

ในโลกเดิมก่อนหน้านี้ พวกเขาคือศัตรูของผู้กล้า

ผู้กล้านั้นมีพลังที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพได้เพียงลำพัง เมื่อกองทัพจอมมารกำลังเข้าโจมตี พวกเขาทั้งคู่ต่างถูกผู้กล้าสังหาร

พวกเขาถูกจอมมารคืนชีพกลับมา ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องกำจัดผู้กล้าที่เป็นภัยคุกคามเจ้านายของพวกเขาให้ได้

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ครองตำแหน่งสำคัญในปราสาทจอมมาร พวกเขาจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อนำชัยชนะมาให้จอมมารที่พวกเขาเทิดทูน

การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น คมดาบที่เข้าฟาดฟันใส่กัน และเวทมนตร์ที่ถูกร่ายอย่างไม่สิ้นสุด

เสียงคำราม และกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นจะดังกังวาลทั่วสนามรบ

เหล่าสหายร่วมรบของพวกเขาต่างถูกสังหารโดยพลังอันท่วมท้นของมนุษย์ ตอนนี้ ถึงเวลาที่พวกเขาจะเอาคืนแล้ว

แต่ตอนนั้นกลับเกิดอะไรบางอย่างขึ้น?

ขณะที่กำลังมองดูเหล่ามอนสเตอร์ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ และเหล่ามอนสเตอร์ที่เหลือกำลังกรีดร้องออกมา

ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว พวกเขา และมอนสเตอร์ชั้นพิเศษตัวอื่นๆ ก็ยืนอยู่บนดินแดนอันว่างเปล่าพร้อมกับจอมมารที่เเป็นจ้านายของพวกเขา

พื้นที่รกร้างรอบตัว ซึ่งทอดยาวไปจนสุดขอบสายตา

สิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ใช่ชัยชนะอันรุ่งโรจน์ที่นำโลกไปสู่ความมืดมิดได้สำเร็จ ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ต่อแสงสว่างที่น่ารังเกียจ

มันไม่มีอะไรเลย

…และนั่นคือเรื่องราวเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

เหล่าปีศาจที่สับสนถูกจอมมารทำให้สงบลงอย่างรวดเร็ว จอมมารได้มอบคำสั่งให้พวกเขา

สำรวจดินแดน อัญเชิญลูกน้องด้วยเวทย์อัญเชิญ สร้างปราสาทจอมมาร และจากนั้นจึงจัดเตรียมกองทัพ

ถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่เป้าหมายของเขาไม่เคยเปลี่ยน

พวกเขาเตรียมการอย่างรวดเร็วเพื่อบรรลุเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว

และขั้นตอนจึงถูกจัดเตรียมอย่างรวดเร็วผิดปกติ

เหมือนตอนที่อยู่โลกใบเดิม ครั้งนี้ พวกเขาได้เริ่มปฏิบัติการยึดครองโลกอีกครั้ง

……… 

…… 

… 

“เป็นโลกที่งดงามจริงๆ”

ขณะที่เอ่ยพึมพำ ราชาน้ำแข็งไอซ์ร็อคค่อยๆมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ท้องฟ้าแจ่มใส เขาเห็นนกกำลังบินไปมาอย่างมีความสุข

ผืนดินที่กว้างใหญ่จนราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด และถึงแม้จะยังอยู่ในดินแดนรกร้าง เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิต

ไอซ์ร็อคไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

แล้วเขาควรจะทำอะไรกับโลกนี้ดี?

ปีศาจทั้งหมดต่างทำตามคำสั่งของจอมมาร

พวกเขาสะสมพลังอย่างเต็มที่ ด้วยสัญชาตญาณที่โหมกระหน่ำอยู่ภายใน ราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวอันโสมม

ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามความต้องการของจอมมาร ทำลายพวกมนุษย์ให้สิ้นซาก และสร้างโลกสำหรับปีศาจขึ้น

นั่นคือเหตุผลเดียวที่พวกเขาดำรงอยู่

“ภารกิจของพวกเราคือการพิชิตโลกใบนี้ ทำลายพวกมนุษย์ให้สิ้นซาก และสร้างสวงสวรรค์ของพวกเราขึ้นมา”

คำสั่งของจอมมารคือ “พิชิต”

ในโลกก่อนเป็นยังไง โลกนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

เขาคือสุนัขรับใช้ ตามที่จอมมารปรารถนา เขาเคยทำลายเมืองและสังหารมนุษย์มามากมาย

ถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่เขาต้องทำยังคงไม่เปลี่ยน

“…นั่นคือถ้วยรางวัลชิ้นแรกสินะ? เมืองของมนุษย์ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของพวกเรา”

“คิคิ! อาณาจักรนี้มีชื่อวาฟอว์นคาเวน พวกหน่วยสอดแนมมนุษย์ที่เราจับได้ก่อนหน้านี้อธิบายให้ฟังหมดแล้ว”

“หือ งานอดิเรกของเจ้านี่แย่จริงนะ”

ไม่เหมือนกับเฟรไมน์ และราชาสวรรค์คนอื่นๆ ไอซ์ร็อคมีความภาคภูมิใจของนักรบอยู่

เขาไม่ค่อยชอบการกระทำชั่วร้ายของเฟรไมน์นัก และคำบ่นก็ถูกพ่นออกมาจากปากของเขาเหมือนอย่างเคย

มันควรจะเป็นเมืองของมนุษย์ แต่กลับมีหน่วยสอดแนมเป็นมนุษย์สัตว์

ปกติแล้ว พวกมนุษย์สัตว์จะใกล้เคียงกับพวกปีศาจมากกว่า ถึงบางเผ่าจะไม่ชอบการต่อสู้ แต่โดยพื้นฐานแล้วพวกเขามักจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้

แล้วทำไมพวกเขาถึงมาเป็นหน่วยสอดแนมได้ล่ะ?

มีคำถามมากมายปรากฏขึ้นในหัวของไอซ์ร็อค แต่เขาก็สลัดมันออกไปทันที

เขาแทบจะไม่ต้องคิด เพียงแค่ทำตามคำสั่งของจอมมารเท่านั้น

นั่นคือหน้าที่ของราชาสวรรค์ทั้งสี่

ไม่สิ ปีศาจทั้งหมดที่อยู่ภายใต้จอมมารเองเก็เหมือนกัน

ไอซ์ร็อครู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่มีเวลามาวิเคราะห์รายละเอียดพวกนั้น

คำสั่งที่จอมมารสั่งมาก็คือ “ทำลายล้างโลกใบนี้”

พวกเขาต้องยึดถือคำสั่งนั้นมาเป็นอันดับแรก ไม่ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสภาพไหน หรือไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม

ภายในจิตใจของเขามีความกังวลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ แต่ไอซ์ร็อคก็ส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อสลัดมันออกไป

ในที่สุด ราวกับว่าเขาตัดสินใจได้แล้ว ดวงตาน้ำแข็งของเขาส่องประกาย และเขาได้ถามเฟรไมน์

“…บางทีนะ จอมมารได้พูดอะไรเกี่ยวกับการนึดเมืองรึเปล่า?”

“แล้วแต่เจ้าเลย! ไม่ว่าจะใช้มอนสเตอร์หรือกลยุทธ์อะไรก็เถอะ! เรามีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้!”

“ดีนะที่หัวไชเท้าพวกนั้นกับก๊อบลินยอมเข้าร่วมกองทัพจอมมาร ทำให้การพิชิตโลกของพวกเราง่ายขึ้นไปอีก”

เหตุผลที่กองทัพของพวกเขาใหญ่ขนาดนี้

ในตอนแรก พวกเขายังไม่สามารถอัญเชิญลูกน้องออกมาได้ และกองทัพก็ยังไม่ถูกจัดตั้งขึ้น แต่พวกเขาก็โชคดีอย่างคาดไม่ถึง

โชคที่หล่นทับพวกเขาก็คือปีศาจพื้นเมืองซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ พวกมันต้องการเข้าร่วมกองทัพจอมมาร

ถึงพวกมันจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่พวกมันก็ได้รับการต้อนรับในฐานะกำลังเสริม

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพวกมันส่วนใหญ่จะถูกสังหารไปตอนที่พวกเขาทำการสำรวจ

ถึงอย่างนั้น ถ้าพวกเขาสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ได้ เทียบกันแล้วมันก็แค่เล็กน้อย สำหรับพวกเขาที่ไม่รู้อะไรเลย

เฟรไมน์ที่ทำการตรวจสอบความแข็งแกร่งของฟอว์นคาเวน ตัดสินว่าพวกเขาได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะพวกเขาได้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพวกมนุษย์มา

“คิคิคิ! มันทำให้ข้าคิดถึงเรื่องบางอย่างเลย! การต่อสู้ที่โลกเดิมของพวกเรา! พวกเราเหล่าปีศาจเข้ารุกรานแผ่นดินของพวกมนุษย์ ถึงตอนนี้ข้าจะจำชื่ออาณาจักรนั้นไม่ได้แล้ว แต่แค่วันแรกที่เข้าโจมตี พวกเราก็สามารถทำลายอาณาจักรนั้นได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น!”

เฟรไมน์ส่งเสียงออกมาอย่างมีความสุข

ไอซ์ร็อคเองก็จดจำวันเวลาเหล่านั้นได้

วันที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น การต่อสู้กับมนุษย์ที่จะเป็นตัวตัดสินชะตากรรมของโลก

วันเวลาที่เขากัดแกว่งขวานศึกเพื่อจอมมาร

และการต่อสู้ที่ยากลำบากกับผู้กล้า

ด้วยความทรงที่แล่นผ่านราวกับม้าแข่ง ข้อมูลมากมายได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของไอซ์ร็อค

“เฟรไมน์ ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย…”

“อ่า? อะไรล่ะ?”

“เกิดอะไรขึ้นกับความปรารถนาของพวกเรา…”

“หือ? ทำไมเจ้าถึงถามอะไรอย่างนั้น…”

ไอซ์ร็อคไม่สามารถลบความกังวลที่เขาพยายามจะสลัดมันออกไปจากหัวได้ เขาจึงต้องถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ในช่วงเวลาสุดท้ายของเขา ไอซ์ร็อคจำได้ว่าเขาเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อตัดสินชะตากรรมของโลก

เขาพยายามจะป้องกันการโจมตีที่เป่าทั้งร่างของเขาทิ้งไป ดาบของศัตรูที่ทะลุหัวใจของเขา

เขาพ่ายแพ้และล้มลง ด้วยสติที่ค่อยๆเรือนลาง เขาเห็นจอมมารและผู้กล้ากำลังเผชิญหน้ากัน

และความทรงจำหลังจากนั้นก็ดูคลุมเครือ

ไอซ์ร็อคคิดว่าเขาถูกสังหารไปแล้ว ณ ตอนนั้น แต่จากความทรงจำที่คลุมเครือ เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นัก

หรือพวกเขาจะถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี้ ก่อนที่การต่อสู้กับผู้กล้าจะรู้ผลแพ้ชนะ?

….เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ

เป็นเพราะก่อนตายที่เขามีสติเรือนลางหรือเปล่า เขาเห็นดาบของผู้กล้าเสียบเข้าไปในร่างของจอมมาร

ดังนั้นไอซ์ร็อคจึงถามเฟรไมน์

เฟรไมน์เป็นพวกเจ้าเล่ห์

เขารู้ดีว่าเฟรไมน์กำลังวางแผนที่จะยึดอำนาจของราชาสวรรค์ทั้งสี่และกลายเป็นมือขวาของจอมมาร

เขาจึงเลือกที่จะอาศัยสติปัญญานั้น

เขาหวังว่าคำถามที่ติดอยู่ในใจจะได้รับคำตอบ

แต่…

“คิก! มันไม่สำคัญหรอก! ตอนนี้เราต้องจัดการกับเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าก่อนไม่ใช่รึไง ไอซ์ร็อค?”

“…ถูกของเจ้า”

คำตอบของเฟรไมน์ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้

ไม่สิ บางทีเฟรไมน์อาจจะแกล้งทำเป็นครุ่นคิด 

บางทีเขาเองก็คงเกิดคำถามแบบเดียวกัน

จู่ๆ พื้นที่บริเวณนั้นก็ส่งเสียงดัง

ความตื่นเต้นและกระหายเลือดของปีศาจได้พุ่งขึ้นจนถึงจุดที่ไม่อาจควบคุมได้

เสียงคำรามแปลกๆที่ไม่อาจจะหาเหตุผลได้ดังกังวาลไปทั่ว

พวกเขาไม่สามารถสนทนากันอย่างสบายๆได้อีกต่อไป

เขายังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ แต่ไอซ์ร็อครู้ว่าได้เวลาแล้ว

“สั่งให้มอนสเตอร์เคลื่อนพล ก่อนอื่นเลย จงเข้าทำลายเมืองมังกรซะ ทำให้พวกมนุษย์ได้ลิ้มรสความสิ้นหวัง และทุกข์ทรมาน เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการแด่จอมมาร!”

ผู้ช่วยที่อยู่ข้างเขา – ปีศาจที่แต่งกายด้วยชุดคลุมและถือคทาอยู่ – พยักหน้าด้วยความเคารพ

ปีศาจตนนั้นวาดอักขระบางอย่างลงบนอากาศ

ในขณะเดียวกัน พวกปีศาจที่ไร้สติปัญญา เริ่มก้าวออกไปด้านหน้าช้าๆ

“แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ เฟรไมน์?”

“โอ้ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งแล้ว เจ้าจัดการได้เลย ขอบคุณข้าซะล่ะ ไอซ์ร็อค!”

“เข้าใจแล้ว ขอบใจ”

เขาหยิบขวานศึกขนาดใหญ่ออกจากด้านหลัง และถือมันด้วยมือทั้งสองข้าง

อาวุธที่เขาภาคภูมิใจ ซึ่งสังหารศัตรูมามากมาย

นอกจากผู้กล้าแล้ว ไม่เคยมีใครรอดชีวิตเมื่อได้เผชิญหน้ากับขวานศึกของเขามาก่อน

ไอซ์ร็อคก้าวออกไปข้างหน้า

เกิดแผ่นดินไหวขึ้น และพื้นดินก็สั่นสะเทือนเพราะไม่สามารถรองรับน้ำหนักมหาศาลของเขาได้

เขามุ่งตรงไปยังเมืองมังกร และรู้สึกได้ถึงสายตาของเฟรไมน์ที่อยู่ด้านหลัง

เขาไม่อาจเชื่อใจเฟรไมน์ได้ ไอซ์ร็อคไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้

สิ่งเดียวที่สำคัญก็คือโลกนี้จะต้องตกอยู่ในกำมือของจอมมาร

และไอซ์ร็อคมีพลังที่จะทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง

เขาจะทำลายทุกๆคน

ความหยิ่งยโส และวิสัยทัศน์อันคับแคบของราชาสวรรค์แห่งกองทัพจอมมารได้นำไอซ์ร็อคมาสู่การตัดสินใจในครั้งนี้

 ………

 …… 

… 

ขณะที่มองดูไอซ์ร็อคและมอนสเตอร์ตัวอื่นๆมุ่งหน้าไปยังเมือง เฟรไมน์ก็ถ่มน้ำลายให้กับฉากที่น่าเบื่อ

อย่างไรก็ตาม จู่ๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนนกที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟ บอนลงมาเกาะอยู่ข้างๆเฟรไมน์และทำการรายงาน

เฟรไมน์เบนสายตาไปทางทิศเหนือ และแสดงรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวออกมา

เขามีนิสัยที่เห็นแก่ตัว เพิกเฉยต่อคำสั่ง และโหดร้ายทารุณ

ถ้าไอซ์ร็อคเปรียบเสมือนนักรบ ก็สามารถอธิบายลักษณะนิสัยเฟรไมน์ได้ว่าเป็นงูพิษ

เฟรไมน์เอ่ยอะไรบางอย่างกับปีศาจที่เพิ่งทำการรายงานเขา

ทันใดนั้น มอนสเตอร์รูปร่างเหมือนนกที่ได้รับคำสั่งก็บินออกไปทำหน้าที่ของมันทันที

ราชาเพลิงสวรรค์หัวเราะคิกคัก ในขณะที่หันหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง

ดูจากรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยแย่ๆคนหนึ่ง มันคือรอยยิ้มของผู้ที่จะทำลายสิ่งมีชีวิตต่างๆในอนาคต

“คิคิคิ! สงสัยจัง..ว่าข้าควรจะไปยึดเมืองอื่นอีกดีมั้ยนะ!”

สายตาของเขาจับจ้องไปยังทิศทางของดินแดนต้องสาป

————————————————————————- 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+