[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่2 50

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่2 50 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2 ตอนที่ 50

 

เมื่อผมกลับมาถึงที่คฤหาสน์ ท่านเอิร์ลก็กำลังทานอาหารเช้าสายอยู่ คุณหนูนั้นยังคงหลับอยู่ ดังนั้นผมเลยยังมีเวลาว่างสักพัก

 

ขนมปังที่พึ่งอบขึ้นมาในเช้านี้นั้นช่างหอมเนยและดูน่าอร่อย ท่านเอิร์ลทานมันพร้อมกับแยมลินกอนเบอร์รีและดื่มชาที่ใส่น้ำผึ้งเยอะมาก สงสัยจังว่าคนที่ใช้ความคิดเยอะๆจะต้องการน้ำตาลจริงๆหรือเปล่านะ?

 

ถึงท่านเอิร์ลจะไม่ดูอ้วนขึ้นเลยแม้จะกินน้ำตาลไปขนาดนั้น

 

「เจ้ายังอยู่อีกรึ เรย์จิซัง?」

 

ท่านเอิร์ลดูจะแปลกใจที่เห็นผมเข้ามาในห้องอาหาร

 

「ครับ พวกเราจะไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์ในบ่ายนี้ใช่ไหมละครับ?」

 

เมื่อผมตอบกลับไป ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นและมองไปยังพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆเขา พ่อบ้านเองก็ดูจะรู้สถานการณ์ไม่มากก็น้อยนะ

 

「แล้วท่านละครับ ท่านเอิร์ล? เป็นยังไงมั้งครับ?」

 

「ข้ายังห่างจากสภาพสมบูรณ์อยู่ แต่ข้าก็ไม่อาจนอนหลับสบายๆได้หรอกในสถานการณ์ตอนนี้」

 

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว ท่านเอิร์ลก็พร้อมจะออกไปแล้ว มีเวลาอีกแค่ 1 ชั่วโมงก่อนจะบ่าย

 

「เรย์จิ!」

 

เมื่อท่านเอิร์ลกับผมไปพบกันที่ทางเข้าคฤหาสน์ คุณหนูก็ปรากฏตัวขึ้นที่ระเบียงชั้นสอง เธอดูเหมือนกับพึ่งจะตื่นแต่เธอก็เปลี่ยนชุดพร้อมกับจัดทรงผมมาแล้ว ก็เธอเป็นขุนนางนี้นะ จะออกมาทั้งชุดนอนก็คงไม่ได้หรอก

 

「อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหนู」

 

「เรย์จิ นายจะไปไหนงั้นหรอ?」

 

คุณหนูวิ่งลงมาจากบันได แววตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล

 

「ผมจะไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์กับท่านเอิร์ลครับ ไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน」

 

「อา…」

 

「ผมเองก็ได้สู้กับงูยักษ์หลังจากนั้นด้วย ดังนั้นผมจึงต้องไปรายงานเรื่องนั้นด้วยเช่นกันครับ」

 

ผมพูดเพื่อให้เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เนตรเวทมนตร์ของเธอทำให้หลุยส์ตาย คุณหนูพยักหน้าเป็นการตอบกลับ

 

「นั่นก็… สำคัญสินะ」

 

「ครับ ดังนั้นวันนี้โปรดอยู่แต่ในคฤหาสน์นะครับ คุณหนู」

 

「อื้ม」

 

「อีวา ลูกไม่ต้องกังวลอะไรหรอก เพราะข้าจะไปทำหน้าที่ขุนนางและเรย์จิซังก็จะไปทำหน้าที่คนคุ้มกันของเขาเท่านั้น」

 

「…ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว」

 

「เด็กดี」ท่านเอิร์ลพูดพร้อมกับลูบหัวคุณหนูเบาๆ「ไปกันเถอะ」

 

「ครับ」

 

แล้วพวกเราก็ออกมาจากคฤหาสน์ เมื่อผมมองกลับไป คุณหนูยังคงยืนอยู่ที่ทางเข้าเพื่อส่งพวกเรา

 

「…ดูเหมือนลูกสาวของข้าจะชอบเจ้าจริงๆนะ เรย์จิซัง」ท่านเอิร์ลพูดขณะที่กำลังเข้าไปในรถม้า

 

…หัวหน้าพ่อบ้านยังยืนอยู่ข้างๆเราอยู่เลยนะครับ ดังนั้นโปรดหยุดพูดเรื่องนั้นเถอะนะครับ ท่านเอิร์ล

 

เมื่อรถม้าของพวกเราเข้ามายังเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 1 อยู่ๆบรรยากาศก็เริ่มหนักอึ้ง

 

「ท่านกำลังจะไปที่ไหนหรือครับ ท่านใต้เท้าซิวลิซส์?」

 

ทันทีหลังจากที่เข้ามา รถม้าก็ถูกหยุดโดยภาคีอัศวิน มันมีแม้กระทั่งสิ่งกีดขวางพร้อมรั้วเพื่อกันไม่ให้รถม้าผ่านเลย

 

เอิร์ลซิวลิซส์น่าจะสามารถผ่านเข้าไปได้โดยใช้แค่หน้าของเขานี้นา—มันก็ปกติเพราะท่านเอิร์ลต้องเข้าไปที่ห้องทำงานในเขตนี้ทุกๆวันเพื่อทำงาน—แล้ววันนี้เขากลับถูกถามว่าเขาจะไปไหนซะงั้น

 

「ที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์ ฝ่าบาทเรียกตัว」

 

「…โปรดรอสักครู่นะครับ」

 

จากนั้นอัศวินคนนั้นก็ได้เริ่มตรวจดูอะไรบางอย่าง

 

มองออกไปจากหน้าต่างรถม้า มีอัศวินอยู่ทุกๆที่เลย เจ้าหน้าที่ที่ปกติจะมาทำงานนั้นไม่เห็นเลยสักคน

 

「กระผมยืนยันแล้ว โปรดกลับออกมาหลังจากท่านเสร็จงานที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์แล้วด้วยครับ」

 

รถม้าเคลื่อนต่อไปหลังจากได้รับอนุญาต

 

「…ท่านเอิร์ล สถานการณ์ของดยุคริเวียร์ทำให้เป็นแบบนี้หรอครับ?」

 

「ใช่ ทุกๆคน รวมถึงหัวหน้าตระกูลริเวียร์นั้นถูกสั่งให้อยู่รอในคฤหาสน์ในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 แต่ดูเหมือนว่าตระกูลที่เกี่ยวข้องกับตระกูลริเวียร์นั้นจะกำลังรวบรวมกำลังอยู่ ถึงพวกเขาจะประกาศว่าเพื่อป้องกันตัวเองก็เถอะ」

 

「นั่นไม่ทำให้พวกเขาน่าสงสัยมากขึ้นหรอครับ? แล้วทำไมพวกเขาถึงได้รับอนุญาตให้รวบรวมกำลังได้ตั้งแต่แรกละครับ?」

 

「มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าพวกเขาอ้างว่ามันเป็น “การป้องกันตัว” อีกอย่างตระกูลริเวียร์ก็เป็นตระกูลดยุคด้วย โชคดีที่เขตแดนของตระกูลริเวียร์นั้นอยู่ค่อนข้างไหลจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพวกเขาเลยแทบจะไม่มีกองทัพอยู่ที่นี่เลย ยิ่งไปกว่านั้น ขุนนางหลายคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาก็ยังถูกจับด้วย」

 

「เอ๊ะ?」

 

「โอ๊ะ ข้ายังไม่ได้บอกเจ้างั้นรึ? ฝ่ายตระกูลริเวียร์นั้นเกี่ยวข้องกับการค้าขายหินสกิลจากแท่นบูชาที่ 1 ในตลาดมืดหน่ะสิ」

 

นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ท่านเอิร์ลมีชื่อเสียงว่า “ลอร์ดเลือดเย็น” นี้นา ท่านเอิร์ลสงสัยว่าหินสกิลที่ปรากฏในตลาดมืดนั้นถูกขโมยมาจากแท่นบูชาที่ 1 เขาเลยตรวจสอบและส่งขุนนางหลายคนขึ้นแท่นประหาร

 

(ฝ่ายริเวียร์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้งั้นหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลริเวียร์ยังวางแผนที่จะลอบสังหารเจ้าชายคลูฟชราทด้วย?)

 

ทั้งหมดนั้นมันทำให้ผมปวดหัว มันรู้สึกเหมือนกับผมกำลังมองข้ามอะไรบางอย่างไปเลย

 

「พวกเรากำลังจะเข้าไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์แล้ว」

 

ผมรู้สึกตัวทันทีที่ท่านเอิร์ลพูดขึ้น เข้ามาได้ง่ายมากเลยเมื่อคิดดูจากจุดตรวจในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 1 แถมมีคนไม่มากที่จะเข้ามายังที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วด้วย ดังนั้นผมคิดว่าทุกคนคงรู้ถึงการมาของผมแล้ว

 

หลังจากที่ลงมาจากรถม้า มีเพียงแค่ผมกับท่านเอิร์ลเท่านั้นที่เข้าไปในพระราชวัง

 

พระราชวังที่ทำจากหินนั้นมีทางเดินน้ำอยู่ทั้งตรงนั้นตรงนี้ สามารถได้ยินเสียงน้ำไหลได้เหมือนกับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นสมัยก่อนเลย ประตูเข้าห้องต่างๆนั้นเป็นประตูเลื่อนไม้ และทั้งหมดก็ถูกทาสีด้วยสีฟ้าอ่อน—สีฟ้าศักดิ์สิทธิ์

 

โต๊ะขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้ถูกวางเอาไว้กลางห้องว่างๆที่ไม่มีการตกแต่งใดๆ

 

「ห้องดูธรรมดามากๆเลย คิดอย่างนั้นอยู่ใช่ไหม?」

 

「คะ-ครับ」

 

「ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นสืบทอดวิธีชีวิตเก่าๆมาหน่ะ」

 

「งั้นหรอครับ… ดูไม่ค่อยสะดวกสะบายเท่าไหร่เลยนะครับ」

 

「โคตรไม่สะดวกเลยละ」

 

ขนาดเกิดมาเป็นราชาก็ยังฟุ่มเฟือยไม่ได้หรอเนี่ย

 

หลังจากนั่งรอไม่กี่นาที ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับนักบวชชั้นสูงเอลซังและนักบวชคนอื่นๆ

 

「ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาแล้ว– โอ๊ะ ช่างเรื่องนั้นไปก่อน นั่งลงได้」

 

เมื่อผมกับท่านเอิร์ลยืนขึ้นตามมารยาท ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็รีบนั่งลงขณะที่บอกให้พวกเรานั่งได้ ดังนั้นผมก็เลยนั่งกลับลงไปยังที่นั่งของตัวเองแล้วรอให้อีกฝ่ายเริ่มก่อน

 

ราชันศักดิ์สิทธิ์นั้นดูเหี่ยวแห้งมากๆ เขาคงจะแก่ขึ้นหลายปีจากเหตุการณ์เมื่อวานแน่ๆ ถึงเขาจะยังดูพูดตรงไปตรงมาและมีศักดิ์ศรีของกษัตริย์อยู่ก็จริง แต่มันก็รู้สึกเหมือนกับเขากำลังฝืนทำ

 

ส่วนกระต่ายเอลซังกับนักบวชคนอื่นๆนั้นยืนอยู่ข้างหลังราชันศักดิ์สิทธิ์ ผมไม่สามารถบอกอะไรเกี่ยวกับเอลซังได้เลย เพราะผมอ่านสีหน้าของกระต่ายไม่ออก

 

「เอาละ ก่อนอื่นเลย คนคุ้มกันของตระกูลซิวลิซส์… เจ้าชื่อเรย์จิสินะ?」

 

「ครับ」

 

「ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับงานของเจ้า」

 

พูดออกมาตรงๆเลย ทว่า ผมไม่ได้ทำงานให้คนๆนี้ซะหน่อย

 

「ไม่ครับ ผมทำตามที่ตกลงกันไว้กับตระกูลซิวลิซส์เท่านั้นครับ」

 

「…เจ้าบอกว่าเจ้าแค่ทำงานให้กับเอิร์ลงั้นรึ?」

 

「ให้เจาะจงก็คือคุณหนูครับ ผมขอคืนสิ่งนี้ให้ครับ」

 

ผมเอามีดที่เก็บเอาไว้ตรงกระเป๋าหน้าอกออกมา ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่า มันไม่มีการค้นตัวที่จุดตรวจเลยนี้นา การป้องกันแบบนี้มันจะหวังพึ่งได้งั้นหรอ? หมายความว่าพวกเขาเชื่อใจท่านเอิร์ลถึงขนาดนั้นเลย?

 

「…เข้าใจหล่ะ เฮ้ นำมันไปเก็บไว้ในห้องนิรภัยซะ」

 

นักบวชพยักหน้าก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับมีด

 

「ต่อให้การกระทำของเจ้าจะทำเพื่อตระกลูเอิร์ล ประเทศก็ยังได้ประโยชน์อยู่ดี มาพูดเรื่องรางวัลของเจ้ากันดีกว่า」

 

「ครับ」

 

「อย่างแรกเลย เพื่อสรรเสริญการกระทำอันกล้าหาญของเจ้าเมื่อวาน เจ้าจะได้รับ 1 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์」

 

1 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์นั้นมีค่าประมาณ 5 ล้านเยน สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของผมก็คือ “แค่นั้นหรอ?” เทียบกับเงินเดือนประจำปีที่ 3 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์ของผมแล้ว มันค่อนข้างน้อยเลยนะ

 

「…ทำหน้าอะไรของเจ้ากัน? มันน้อยไปงั้นรึ?」

 

「มะ-ไม่ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น…」

 

「นี้เจ้าจ่ายมากกว่านี้อีกงั้นรึ วิกเตอร์?」

 

「มันก็ปกติที่จะมอบรางวัลสูงๆให้กับคนที่มีความสามารถครับ ฝ่าบาท」

 

「ชิ ถึงได้บอกว่าให้เอาออกมามากกว่านี้ไง แต่เจ้าเหรัญญิกนั่นก็ขึ้เหนียวซะเหลือเกิน บอกว่า 1 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์ก็มากพอแล้วถ้ามองจากการมอบรางวัลในอดีต」

 

「ยังไงเรื่องใหญ่ขนาดนี้เองก็ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองศักดิ์สิทธิ์มาก่อนครับ ถ้าท่านทำสงครามอยู่มันก็เป็นอีกเรื่องนึงครับ ทว่า」

 

เมื่อท่านเอิร์ลพูดแบบนั้น สีหน้าของราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ขมขื่นขึ้น

 

ต่อให้ผมคิดว่าได้แค่นั้น แต่ในความเป็นจริง 1 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย หมายความว่าผมเริ่มโลภงั้นหรอเนี้ย?

 

「สำหรับตอนนี้ นี้คือรางวัลของเจ้า โปรดรับเอาไว้เถอะ」

 

「ครับ」

 

ผมไม่มีปัญหากับการได้เงินพิเศษเพิ่มหรอก

 

「เอาละตอนนี้ ข้าจะต้องไปเข้าร่วมการประชุมอื่น ข้าจะปล่อยที่เหลือให้กับเอลแล้วกัน」

 

「…งั้นหรือครับ ฝ่าบาท?」

 

เมื่อท่านเอิร์ลถามขึ้น ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็พยักหน้าด้วยสีหน้าขมขื่น

 

「ข้าจะต้องพูดเกี่ยวกับตระกูลริเวียร์, ลูกของข้า, ราชวงศ์, และดยุคคนอื่นๆก็มารวมตัวกันแล้วด้วย วิกเตอร์ เจ้ามากับข้า」

 

「แต่ว่า–」

 

「มากับข้า」

 

「ฮ่าา… เรย์จิซัง ข้าต้องขอโทษด้วย แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีปัญหากับการกลับคนเดียวหรอก」

 

「ไม่เป็นไรครับ」

 

คุยกับเอลซังง่ายกว่าที่จะคุยกับราชันศักดิ์สิทธิ์เล็กน้อย

 

หรือบางที ไม่ใช่ว่าราชันศักดิ์สิทธิ์ปล่อยปละผมมากเกินไปเล็กน้อยหรอ? หรือเขาคิดว่าผมจะอยู่ข้างเขาตราบใดที่เอิร์ลซิวลิซส์ยังอยู่ที่นี่งั้นหรอ?

 

เมื่อผมมองไปที่เอิร์ล เขาก็มีสีหน้าปั้นยากอยู่ มันเหมือนกับความกังวลที่เขาคาดการณ์ผิด คิดว่าเขาคงจะบอกราชันศักดิ์สิทธิ์ถึงเรื่องของผมอย่างถูกต้องเท่าไหร่นัก

 

「โอ๊ะ เรย์จิ นี้ก็เพื่อกันไว้ก่อน–」ราชันศักดิ์สิทธิ์พูดในขณะที่เขายืนขึ้น「พวกเราจะทำสัญญากันด้วยเวทย์พันธสัญญาจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย คิดซะว่าเป็นข้อผูกมัดในการรักษาความลับแล้วกัน」

 

มาตามที่คาดไว้เลยนะ เวทย์พันธสัญญา

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่2 50

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่2 50 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2 ตอนที่ 50

 

เมื่อผมกลับมาถึงที่คฤหาสน์ ท่านเอิร์ลก็กำลังทานอาหารเช้าสายอยู่ คุณหนูนั้นยังคงหลับอยู่ ดังนั้นผมเลยยังมีเวลาว่างสักพัก

 

ขนมปังที่พึ่งอบขึ้นมาในเช้านี้นั้นช่างหอมเนยและดูน่าอร่อย ท่านเอิร์ลทานมันพร้อมกับแยมลินกอนเบอร์รีและดื่มชาที่ใส่น้ำผึ้งเยอะมาก สงสัยจังว่าคนที่ใช้ความคิดเยอะๆจะต้องการน้ำตาลจริงๆหรือเปล่านะ?

 

ถึงท่านเอิร์ลจะไม่ดูอ้วนขึ้นเลยแม้จะกินน้ำตาลไปขนาดนั้น

 

「เจ้ายังอยู่อีกรึ เรย์จิซัง?」

 

ท่านเอิร์ลดูจะแปลกใจที่เห็นผมเข้ามาในห้องอาหาร

 

「ครับ พวกเราจะไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์ในบ่ายนี้ใช่ไหมละครับ?」

 

เมื่อผมตอบกลับไป ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นและมองไปยังพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆเขา พ่อบ้านเองก็ดูจะรู้สถานการณ์ไม่มากก็น้อยนะ

 

「แล้วท่านละครับ ท่านเอิร์ล? เป็นยังไงมั้งครับ?」

 

「ข้ายังห่างจากสภาพสมบูรณ์อยู่ แต่ข้าก็ไม่อาจนอนหลับสบายๆได้หรอกในสถานการณ์ตอนนี้」

 

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว ท่านเอิร์ลก็พร้อมจะออกไปแล้ว มีเวลาอีกแค่ 1 ชั่วโมงก่อนจะบ่าย

 

「เรย์จิ!」

 

เมื่อท่านเอิร์ลกับผมไปพบกันที่ทางเข้าคฤหาสน์ คุณหนูก็ปรากฏตัวขึ้นที่ระเบียงชั้นสอง เธอดูเหมือนกับพึ่งจะตื่นแต่เธอก็เปลี่ยนชุดพร้อมกับจัดทรงผมมาแล้ว ก็เธอเป็นขุนนางนี้นะ จะออกมาทั้งชุดนอนก็คงไม่ได้หรอก

 

「อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหนู」

 

「เรย์จิ นายจะไปไหนงั้นหรอ?」

 

คุณหนูวิ่งลงมาจากบันได แววตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล

 

「ผมจะไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์กับท่านเอิร์ลครับ ไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน」

 

「อา…」

 

「ผมเองก็ได้สู้กับงูยักษ์หลังจากนั้นด้วย ดังนั้นผมจึงต้องไปรายงานเรื่องนั้นด้วยเช่นกันครับ」

 

ผมพูดเพื่อให้เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เนตรเวทมนตร์ของเธอทำให้หลุยส์ตาย คุณหนูพยักหน้าเป็นการตอบกลับ

 

「นั่นก็… สำคัญสินะ」

 

「ครับ ดังนั้นวันนี้โปรดอยู่แต่ในคฤหาสน์นะครับ คุณหนู」

 

「อื้ม」

 

「อีวา ลูกไม่ต้องกังวลอะไรหรอก เพราะข้าจะไปทำหน้าที่ขุนนางและเรย์จิซังก็จะไปทำหน้าที่คนคุ้มกันของเขาเท่านั้น」

 

「…ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว」

 

「เด็กดี」ท่านเอิร์ลพูดพร้อมกับลูบหัวคุณหนูเบาๆ「ไปกันเถอะ」

 

「ครับ」

 

แล้วพวกเราก็ออกมาจากคฤหาสน์ เมื่อผมมองกลับไป คุณหนูยังคงยืนอยู่ที่ทางเข้าเพื่อส่งพวกเรา

 

「…ดูเหมือนลูกสาวของข้าจะชอบเจ้าจริงๆนะ เรย์จิซัง」ท่านเอิร์ลพูดขณะที่กำลังเข้าไปในรถม้า

 

…หัวหน้าพ่อบ้านยังยืนอยู่ข้างๆเราอยู่เลยนะครับ ดังนั้นโปรดหยุดพูดเรื่องนั้นเถอะนะครับ ท่านเอิร์ล

 

เมื่อรถม้าของพวกเราเข้ามายังเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 1 อยู่ๆบรรยากาศก็เริ่มหนักอึ้ง

 

「ท่านกำลังจะไปที่ไหนหรือครับ ท่านใต้เท้าซิวลิซส์?」

 

ทันทีหลังจากที่เข้ามา รถม้าก็ถูกหยุดโดยภาคีอัศวิน มันมีแม้กระทั่งสิ่งกีดขวางพร้อมรั้วเพื่อกันไม่ให้รถม้าผ่านเลย

 

เอิร์ลซิวลิซส์น่าจะสามารถผ่านเข้าไปได้โดยใช้แค่หน้าของเขานี้นา—มันก็ปกติเพราะท่านเอิร์ลต้องเข้าไปที่ห้องทำงานในเขตนี้ทุกๆวันเพื่อทำงาน—แล้ววันนี้เขากลับถูกถามว่าเขาจะไปไหนซะงั้น

 

「ที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์ ฝ่าบาทเรียกตัว」

 

「…โปรดรอสักครู่นะครับ」

 

จากนั้นอัศวินคนนั้นก็ได้เริ่มตรวจดูอะไรบางอย่าง

 

มองออกไปจากหน้าต่างรถม้า มีอัศวินอยู่ทุกๆที่เลย เจ้าหน้าที่ที่ปกติจะมาทำงานนั้นไม่เห็นเลยสักคน

 

「กระผมยืนยันแล้ว โปรดกลับออกมาหลังจากท่านเสร็จงานที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์แล้วด้วยครับ」

 

รถม้าเคลื่อนต่อไปหลังจากได้รับอนุญาต

 

「…ท่านเอิร์ล สถานการณ์ของดยุคริเวียร์ทำให้เป็นแบบนี้หรอครับ?」

 

「ใช่ ทุกๆคน รวมถึงหัวหน้าตระกูลริเวียร์นั้นถูกสั่งให้อยู่รอในคฤหาสน์ในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 แต่ดูเหมือนว่าตระกูลที่เกี่ยวข้องกับตระกูลริเวียร์นั้นจะกำลังรวบรวมกำลังอยู่ ถึงพวกเขาจะประกาศว่าเพื่อป้องกันตัวเองก็เถอะ」

 

「นั่นไม่ทำให้พวกเขาน่าสงสัยมากขึ้นหรอครับ? แล้วทำไมพวกเขาถึงได้รับอนุญาตให้รวบรวมกำลังได้ตั้งแต่แรกละครับ?」

 

「มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าพวกเขาอ้างว่ามันเป็น “การป้องกันตัว” อีกอย่างตระกูลริเวียร์ก็เป็นตระกูลดยุคด้วย โชคดีที่เขตแดนของตระกูลริเวียร์นั้นอยู่ค่อนข้างไหลจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพวกเขาเลยแทบจะไม่มีกองทัพอยู่ที่นี่เลย ยิ่งไปกว่านั้น ขุนนางหลายคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาก็ยังถูกจับด้วย」

 

「เอ๊ะ?」

 

「โอ๊ะ ข้ายังไม่ได้บอกเจ้างั้นรึ? ฝ่ายตระกูลริเวียร์นั้นเกี่ยวข้องกับการค้าขายหินสกิลจากแท่นบูชาที่ 1 ในตลาดมืดหน่ะสิ」

 

นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ท่านเอิร์ลมีชื่อเสียงว่า “ลอร์ดเลือดเย็น” นี้นา ท่านเอิร์ลสงสัยว่าหินสกิลที่ปรากฏในตลาดมืดนั้นถูกขโมยมาจากแท่นบูชาที่ 1 เขาเลยตรวจสอบและส่งขุนนางหลายคนขึ้นแท่นประหาร

 

(ฝ่ายริเวียร์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้งั้นหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลริเวียร์ยังวางแผนที่จะลอบสังหารเจ้าชายคลูฟชราทด้วย?)

 

ทั้งหมดนั้นมันทำให้ผมปวดหัว มันรู้สึกเหมือนกับผมกำลังมองข้ามอะไรบางอย่างไปเลย

 

「พวกเรากำลังจะเข้าไปยังพระราชวังศักดิ์สิทธิ์แล้ว」

 

ผมรู้สึกตัวทันทีที่ท่านเอิร์ลพูดขึ้น เข้ามาได้ง่ายมากเลยเมื่อคิดดูจากจุดตรวจในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 1 แถมมีคนไม่มากที่จะเข้ามายังที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วด้วย ดังนั้นผมคิดว่าทุกคนคงรู้ถึงการมาของผมแล้ว

 

หลังจากที่ลงมาจากรถม้า มีเพียงแค่ผมกับท่านเอิร์ลเท่านั้นที่เข้าไปในพระราชวัง

 

พระราชวังที่ทำจากหินนั้นมีทางเดินน้ำอยู่ทั้งตรงนั้นตรงนี้ สามารถได้ยินเสียงน้ำไหลได้เหมือนกับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นสมัยก่อนเลย ประตูเข้าห้องต่างๆนั้นเป็นประตูเลื่อนไม้ และทั้งหมดก็ถูกทาสีด้วยสีฟ้าอ่อน—สีฟ้าศักดิ์สิทธิ์

 

โต๊ะขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้ถูกวางเอาไว้กลางห้องว่างๆที่ไม่มีการตกแต่งใดๆ

 

「ห้องดูธรรมดามากๆเลย คิดอย่างนั้นอยู่ใช่ไหม?」

 

「คะ-ครับ」

 

「ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นสืบทอดวิธีชีวิตเก่าๆมาหน่ะ」

 

「งั้นหรอครับ… ดูไม่ค่อยสะดวกสะบายเท่าไหร่เลยนะครับ」

 

「โคตรไม่สะดวกเลยละ」

 

ขนาดเกิดมาเป็นราชาก็ยังฟุ่มเฟือยไม่ได้หรอเนี่ย

 

หลังจากนั่งรอไม่กี่นาที ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับนักบวชชั้นสูงเอลซังและนักบวชคนอื่นๆ

 

「ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาแล้ว– โอ๊ะ ช่างเรื่องนั้นไปก่อน นั่งลงได้」

 

เมื่อผมกับท่านเอิร์ลยืนขึ้นตามมารยาท ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็รีบนั่งลงขณะที่บอกให้พวกเรานั่งได้ ดังนั้นผมก็เลยนั่งกลับลงไปยังที่นั่งของตัวเองแล้วรอให้อีกฝ่ายเริ่มก่อน

 

ราชันศักดิ์สิทธิ์นั้นดูเหี่ยวแห้งมากๆ เขาคงจะแก่ขึ้นหลายปีจากเหตุการณ์เมื่อวานแน่ๆ ถึงเขาจะยังดูพูดตรงไปตรงมาและมีศักดิ์ศรีของกษัตริย์อยู่ก็จริง แต่มันก็รู้สึกเหมือนกับเขากำลังฝืนทำ

 

ส่วนกระต่ายเอลซังกับนักบวชคนอื่นๆนั้นยืนอยู่ข้างหลังราชันศักดิ์สิทธิ์ ผมไม่สามารถบอกอะไรเกี่ยวกับเอลซังได้เลย เพราะผมอ่านสีหน้าของกระต่ายไม่ออก

 

「เอาละ ก่อนอื่นเลย คนคุ้มกันของตระกูลซิวลิซส์… เจ้าชื่อเรย์จิสินะ?」

 

「ครับ」

 

「ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับงานของเจ้า」

 

พูดออกมาตรงๆเลย ทว่า ผมไม่ได้ทำงานให้คนๆนี้ซะหน่อย

 

「ไม่ครับ ผมทำตามที่ตกลงกันไว้กับตระกูลซิวลิซส์เท่านั้นครับ」

 

「…เจ้าบอกว่าเจ้าแค่ทำงานให้กับเอิร์ลงั้นรึ?」

 

「ให้เจาะจงก็คือคุณหนูครับ ผมขอคืนสิ่งนี้ให้ครับ」

 

ผมเอามีดที่เก็บเอาไว้ตรงกระเป๋าหน้าอกออกมา ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่า มันไม่มีการค้นตัวที่จุดตรวจเลยนี้นา การป้องกันแบบนี้มันจะหวังพึ่งได้งั้นหรอ? หมายความว่าพวกเขาเชื่อใจท่านเอิร์ลถึงขนาดนั้นเลย?

 

「…เข้าใจหล่ะ เฮ้ นำมันไปเก็บไว้ในห้องนิรภัยซะ」

 

นักบวชพยักหน้าก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับมีด

 

「ต่อให้การกระทำของเจ้าจะทำเพื่อตระกลูเอิร์ล ประเทศก็ยังได้ประโยชน์อยู่ดี มาพูดเรื่องรางวัลของเจ้ากันดีกว่า」

 

「ครับ」

 

「อย่างแรกเลย เพื่อสรรเสริญการกระทำอันกล้าหาญของเจ้าเมื่อวาน เจ้าจะได้รับ 1 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์」

 

1 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์นั้นมีค่าประมาณ 5 ล้านเยน สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของผมก็คือ “แค่นั้นหรอ?” เทียบกับเงินเดือนประจำปีที่ 3 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์ของผมแล้ว มันค่อนข้างน้อยเลยนะ

 

「…ทำหน้าอะไรของเจ้ากัน? มันน้อยไปงั้นรึ?」

 

「มะ-ไม่ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น…」

 

「นี้เจ้าจ่ายมากกว่านี้อีกงั้นรึ วิกเตอร์?」

 

「มันก็ปกติที่จะมอบรางวัลสูงๆให้กับคนที่มีความสามารถครับ ฝ่าบาท」

 

「ชิ ถึงได้บอกว่าให้เอาออกมามากกว่านี้ไง แต่เจ้าเหรัญญิกนั่นก็ขึ้เหนียวซะเหลือเกิน บอกว่า 1 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์ก็มากพอแล้วถ้ามองจากการมอบรางวัลในอดีต」

 

「ยังไงเรื่องใหญ่ขนาดนี้เองก็ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองศักดิ์สิทธิ์มาก่อนครับ ถ้าท่านทำสงครามอยู่มันก็เป็นอีกเรื่องนึงครับ ทว่า」

 

เมื่อท่านเอิร์ลพูดแบบนั้น สีหน้าของราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ขมขื่นขึ้น

 

ต่อให้ผมคิดว่าได้แค่นั้น แต่ในความเป็นจริง 1 เหรียญทองศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย หมายความว่าผมเริ่มโลภงั้นหรอเนี้ย?

 

「สำหรับตอนนี้ นี้คือรางวัลของเจ้า โปรดรับเอาไว้เถอะ」

 

「ครับ」

 

ผมไม่มีปัญหากับการได้เงินพิเศษเพิ่มหรอก

 

「เอาละตอนนี้ ข้าจะต้องไปเข้าร่วมการประชุมอื่น ข้าจะปล่อยที่เหลือให้กับเอลแล้วกัน」

 

「…งั้นหรือครับ ฝ่าบาท?」

 

เมื่อท่านเอิร์ลถามขึ้น ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็พยักหน้าด้วยสีหน้าขมขื่น

 

「ข้าจะต้องพูดเกี่ยวกับตระกูลริเวียร์, ลูกของข้า, ราชวงศ์, และดยุคคนอื่นๆก็มารวมตัวกันแล้วด้วย วิกเตอร์ เจ้ามากับข้า」

 

「แต่ว่า–」

 

「มากับข้า」

 

「ฮ่าา… เรย์จิซัง ข้าต้องขอโทษด้วย แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีปัญหากับการกลับคนเดียวหรอก」

 

「ไม่เป็นไรครับ」

 

คุยกับเอลซังง่ายกว่าที่จะคุยกับราชันศักดิ์สิทธิ์เล็กน้อย

 

หรือบางที ไม่ใช่ว่าราชันศักดิ์สิทธิ์ปล่อยปละผมมากเกินไปเล็กน้อยหรอ? หรือเขาคิดว่าผมจะอยู่ข้างเขาตราบใดที่เอิร์ลซิวลิซส์ยังอยู่ที่นี่งั้นหรอ?

 

เมื่อผมมองไปที่เอิร์ล เขาก็มีสีหน้าปั้นยากอยู่ มันเหมือนกับความกังวลที่เขาคาดการณ์ผิด คิดว่าเขาคงจะบอกราชันศักดิ์สิทธิ์ถึงเรื่องของผมอย่างถูกต้องเท่าไหร่นัก

 

「โอ๊ะ เรย์จิ นี้ก็เพื่อกันไว้ก่อน–」ราชันศักดิ์สิทธิ์พูดในขณะที่เขายืนขึ้น「พวกเราจะทำสัญญากันด้วยเวทย์พันธสัญญาจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย คิดซะว่าเป็นข้อผูกมัดในการรักษาความลับแล้วกัน」

 

มาตามที่คาดไว้เลยนะ เวทย์พันธสัญญา

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+