[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่3 3

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 3

 

ทำการส่งคำร้องขอพบชาวเลฟที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิเสร็จแล้ว ผมเขียนชื่อของเอ็มม่าซังที่เป็นลูกสาวของตาแก่ฮินกาและหลานสาวของเขาลูลูช่าซังลงไป หลังจากนี้ พวกเขาจะติดต่อไปทางจักรวรรดิที่อยู่อีกฝั่ง แล้วถ้าลูลูช่าซังอยากจะพบ พวกเขาจะจัดวันเวลาเข้าพบให้ และถ้าเธอไม่ต้องการพบละก็ พวกเขาก็จะมาบอกเล่าแบบนั้น

 

ผลของคำร้องจะแปะเอาไว้บนกระดานข่าวในเวลา 7 โมงเช้า ดังนั้นผมจึงทำได้แค่รอเท่านั้น

 

ปรากฏว่าคนที่ประจำการตรงเคาน์เตอร์นั้นเป็นชาวเลฟ และดวงตาของพวกเขาที่อยู่หลังแว่นตานั้นจับจ้องมาที่ผมในขณะที่พยายามอ่านเนื้อหาคำร้องไปด้วย ถ้าคนนั้นคือชาวเลฟละก็ – บอกตามตรง ผมแยกชาวเลฟคนนึงจากอีกคนนึงไม่ได้เลย – ความประทับใจที่ได้จากพวกเขานั้นต่างจากมูเกะซังเล็กน้อย

 

พวกเราตั้งแคมป์กันที่ลานกว้างในคืนนั้น มีกองไฟขนานใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางลาน เหล่านักผจญภัยต่างมารวมตัวกันรอบๆมัน บ้างก็คลุมผ้าห่มแล้วหลับไป บ้างก็มากินเหล้ากัน มีโรงแรมเล็กๆอยู่ก็จริง แต่มันไม่สามารถรับคนจำนวนขนาดนี้ได้

 

ดันเต้ซังพูดถึงเรื่องของลีออนและกลุ่มโกลเด้นบริเกตส์พร้อมกับกินเนื้อตากแห้งที่ย่างไฟมาแล้ว

 

「อืม มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรหรอกนะ」

 

ชายหนุ่มที่เข้าเมืองมาเพราะไม่อาจทนใช้ชีวิตในชนบทต่อได้ หรือไม่ก็หวังรวยทางลัด อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นในเมืองก็ตาม ยังไงก็ต้องแย่งกันทำงานอยู่ดี และพวกที่มั่นใจในฝีมือของตัวเองก็จะกลายมาเป็นนักผจญภัยนั่นเอง

 

ในกรณีของดันเต้ซังนั้น เขาสูญเสียภรรยาไปด้วยโรคภัยและทิ้งลูกสาวของเขา น็อนซังให้กับโบสถ์ดูแล แล้วเลือกมาเป็นนักผจญภัยเพื่อให้ได้เงินเร็ว

 

「ข้ามักจะป้องกันด้านหลังในขณะที่ลีออนกับพวกที่สู้ระยะประชิดสู้อยู่แนวหน้าเสมอ」

 

「ตอนนั้นปาร์ตี้ก็ใช้ชื่อว่า “โกลเด้นบริเกตส์” ด้วยหรอครับ?」ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย

 

「ใช่… ลีออนนั้นเป็นหัวหน้า เขาอยากที่จะเป็นนักผจญภัยที่หาเงินได้เยอะๆ และอยู่ในบทกวีของนักกวีหลายๆคน จึงเป็นเหตุผลที่เขาตั้งชื่อว่า “โกลเด้นบริเกตส์” ไงละ เขาเป็นตัวตั้งตัวดีเลยละ」

 

「แค่ในหน้าตา ไม่ใช่ในทัศนคติ」มิมิโนะซังฮึดฮัด

 

พวกนั้นก็อาจจะอยู่ที่ในสักที่ในลานนี้ด้วยก็ได้ ทว่าอย่างน้อยก็ไม่เห็นพวกเขาจากที่ที่เราอยู่นี้ แถมผมเองก็ไม่ได้อยากจะไปหาพวกนั้นหรอก

 

「นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่จะทำได้เพียงเพราะแค่ตั้งเป้าด้วย อีกอย่าง มันก็มีนักผจญภัยไม่กี่คนที่มีความสามารถมากพอจะเป็นวีรบุรุษด้วย คนอย่างเรย์จิคุงหน่ะมีอยู่ไม่เยอะหรอกนะ」มิมิโนะซังพูด

 

「…ห่ะ?」

 

ทำไมชื่อของผมถึงถูกยกขึ้นมาละ?

 

「มิมิโนะซัง พวกเราสัญญากันแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนั้นไม่ใช่หรอ?」

 

「อ่า จริงด้วย…」

 

「เรื่องอะไรกันหรอครับ น็อนซัง มิมิโนะซัง?」ผมถาม

 

ทว่ามิมิโนะซังก็เอาสองมือปิดปากตัวเองแล้วส่ายหน้า

 

「ฮ่าาห์… ข้าเป็นคนบอกให้ทั้งสองคนเก็บเงียบเอาไว้เองเพราะข้ารู้ว่ามันจะรบกวนนายยังไงละ เรย์จิ」

 

「ดันเต้ซัง พูดเรื่องอะไรหน่ะครับ?」

 

「จำตอนที่นายสู้กับงูยักษ์นั่นได้หรือเปล่าละ?」

 

「แน่นอนครับ」

 

ที่ผมสามารถเจอกับซิวเวอร์บาลานซ์ได้อีกครั้งก็เพราะเหตุการณ์นั้นเลย ไม่มีทางที่ผมจะลืมไปได้หรอก

 

「แล้วตอนที่นายจัดการมันได้ละ?」

 

ดันเต้ซังค้นกระเป๋าของเขาแล้วนำคอร์ของอูโรโบรอสออกมา – ในสภาพแยกออกเป็นสองซีก นี้เป็นส่วนเดียวที่พวกเราได้จากการกำจัดมัน ทว่ามันก็ได้สะสมมานาจำนวนมหาศาลเอาไว้ ดังนั้นบางทีมันคงสามารถเอาไปทำอะไรบางอย่างได้อยู่

 

「คุณหมายถึงตอนที่ผมปีนขึ้นไปบนหัวของมันแล้วฆ่ามันด้วยดาบสั้นของผมน่ะหรอครับ? ผมจำได้ครับ」

 

เพราะตอนนั้น ดาบสั้นของผมก็เลยพังเสียหายและขายมันให้กับช่างตีเหล็กในระหว่างการเดินทางไป อาวุธหลักของผมตอนนี้ก็คือมีดสั้นที่ผมได้จากเอิร์ลชายแดน (หรือก็คือเบอร์เซิร์กเกอร์คนนั้นแหล่ะ) ฝักมีดนั้นเด่นเกินไป ผมจึงพันมันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล

 

「ใช่แล้วละ ตอนนั้นนายมีแสงเปล่งประกายออกมาด้วย」ดันเต้ซังพูด

 

「มันเป็น【เวทย์แสง】ที่น็อนซังร่ายใส่ผมไม่ใช่หรอครับ?」

 

น็อนซังพยักหน้าตอบรับ ดูเหมือนมันจะมีผลใกล้เคียงกับเวทย์ซัพพอร์ตที่มีผลพิเศษกับสิ่งชั่วร้าย

 

「นั่นทำให้นายเด่นมากเกินไปหน่ะสิ… ราวกับว่าเป็น “วีรบุรุษผู้สังหารปีศาจ” ในเทพนิยายเลยละ」

 

「หา?」

 

「ตอนที่ข้าไปยังกิลด์นักผจญภัยในวันถัดมา ข้าได้พบกับนักกวีที่ดูเหมือนเขาจะเฝ้าดูเหตุการณ์มาตลอดจากที่ไกลๆ」

 

「นักกวีหรอครับ? ผมเริ่มจะรู้สึกไม่ดีแล้วสิครับ」

 

「เขากำลังกระตือรือร้นเรื่องที่อยากจะแต่งเพลงถึงวิธีที่นายจัดการกับอูโรโบรอสหน่ะสิ」

 

「…………」

 

ว่าไงนะครับ?

 

「มะ-ไม่ ข้าปฏิเสธไปแล้ว ข้าไม่ได้อยากเป็นนักผจญภัยเพราะอยากดังซะหน่อย แต่เขาก็ตื้อเหลือเกิน แถมบอกว่าเขาอยากจะบอกเมืองนี้ถึงเรื่องราวของวีรบุรุษที่ช่วยพวกเขาเอาไว้ แล้วเนื่องจากข้าเองก็ไม่ได้อยากให้มันมีเรื่องเกี่ยวกับข้าด้วย และก็เป็นนายเองที่เป็นคนปิดฉากมันไม่ใช่ใครอื่น ดังนั้น….」

 

「ว่าง่ายๆก็คือดันเต้ขายเธอโดยบอกข้อมูลให้กับนักกวีคนนั้นเพื่อที่เขาจะไม่ได้อยู่ในเพลงไงละ」

 

「ดันเต้ซัง!?」

 

「มิมิโนะ! เธอเองก็พูดว่าไม่อยากให้นักกวีร้องเพลงเกี่ยวกับเธอด้วยไม่ใช่หรอ!?」

 

「เรย์จิคุงก็รู้สึกแบบเดียวกันนี้ นักกวีคนนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรชั้นด้วย ชั้นเลยไม่ได้บอกเขาอะไรทั้งนั้น」

 

「เธอเองก็อยู่กับข้าในตอนนั้นด้วยนี้!」

 

ทั้งสองคนทะเลาะกัน ทว่าผมอยากจะบิดตัวไปมาด้วยความอายเหลือเกิน ไม่สิ ผมบิดตัวไปมาแล้วต่างหาก ผมได้เอาสองมือปิดหน้าของตัวเอง มันจะน่าอายเกินไปแล้ว!

 

ถึงต่อให้ผมออกจากเมืองศักดิ์สิทธิ์แบบท่าทีแย่ๆก็เถอะ ผมก็ยังอยู่ในเนื้อเพลงที่ร้องในเมืองอยู่ดี! แบบนี้มันจะต้องไปถึงหูของเอิร์ลซิวลิซส์ด้วยแน่นอนเลยไม่ใช่หรอ!? ถ้าสักวันพวกเราพบกันอีกครั้ง เขาจะต้องลากผมให้ไปฟังมันแน่ๆ!

 

「วีรบุรุษผู้ปกป้องเมือง …ปุ๊ปุ๊ปุ๊ ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊!」เซอรี่ซังเยาะเย้ยผม

 

「เซอรี่ซัง!?」

 

เมื่อผมเอามือลงจากหน้า มนุษย์สัตว์เผ่าแมวคนนั้นก็เข้ามาใกล้ๆหน้าของผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

 

「…เซอรี่ซัง อย่าให้ผมเอาเรื่องที่คุณเป็น–」

 

จังหวะที่ผมกำลังจะพูดว่า “หนี้” นั้น มีเหรียญหลายเหรียญเปล่งประกายสะท้อนแสงจากกองไฟหล่นลงมาที่ท้องของผม

 

「หว่ะ- หวา…….」

 

「อุปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ หนุ่มน้อย… คิดผิดแล้วที่คิดว่าจะทำอะไรเค้าก็ได้ในฐานะทาสหนี้ทั้งวันทั้งคืนหน่ะ」

 

「เจ้าแมวโง่นี้! ไปขโมยมาจากไหนเนี้ย?! เอาไปคืนเลยนะ!」

 

「—หาว่าเค้าขโมยมาเพียงแค่เอาเงินมาเนี้ยนะ!? ผิดแล้ว! เค้าชนะพนันมาต่างหาก!」

 

การพนันนั้นผิดกฏหมาย การพนันส่วนตัวในโลกนี้ก็ถือว่าผิดด้วยเช่นกัน

 

แล้วอะไรที่ว่า “ผมจะทำอะไรก็ได้ทั้งวันทั้งคืน” หน่ะ? มีนิสัยขี้โกหกหรือไง? ทำไมคุณแม่ชีถึงมองผมแบบนั้นละครับ? คุณก็รู้ว่ามันไม่จริงใช่ไหมละครับ? พวกเราก็อยู่ในกองคาราวานด้วยกันทุกคนทุกวันไม่ใช่หรอครับ?

 

「มีซ่องพนันของพวกนักผจญภัยอยู่ตรงนั้นหน่ะ แถมยังมีไอ้งี่เง่าชุดคลุมเหลืองผมสองสีอยู่ด้วย ดังนั้นเค้าก็เลยรีดเงินจากหมอนั้นมา」

 

「เซอรี่ซัง…」

 

ผมวางมือเอาไว้บนไหล่ของเซอรี่ซังแล้วเขย่าเธอ

 

「เอ๊ะ อะ-อ้า เค้าทำอะไรลงไปอีกแล้วงั้นหรอ!?」

 

「—ทำได้ดีมากเลยครับ」

 

เมื่อผมยกนิ้วโป้งให้ ทั้งดันเต้ซัง, มิมิโนะซัง, และน็อนซังต่างก็ยกนิ้วโป้งห้

 

อนึ่ง เซอรี่ซังเอามาแต่เหรียญเงิน ซึ่งจ่ายได้ไม่ถึงครึ่งนึงจากหนี้ทั้งหมดเลย

 

วันถัดมา—ผมตื่นขึ้นที่ลานกว้าง ใช้【สะดวกสบาย】สร้างน้ำแล้วล้างหน้าตัวเอง หลังจากนั้น ผมก็ทำอาหารกับมิมิโนะซัง ผมซื้อนมแพะจากร้านค้า และอบขนมปัง ถึงจะมีโรงแรมไม่เพียงพอ แต่อีกด้านของกำแพงก็เป็นจักรวรรดิแล้ว ดังนั้นมันจึงมีร้านค้าอยู่มากมายเลย

 

หลังจากที่ทานเสร็จ ผมก็ไปยังๆที่ที่ผมส่งคำร้องเข้าพบเอาไว้คนเดียว

 

「…เอ๊ะ?」

 

ผลลัพธ์ของคำร้องของผมถูกประกาศเอาไว้

 

『คุณเอ็มม่าได้จากไปแล้ว การเข้าพบเป็นไปไม่ได้ คุณลูลูช่า… ไม่สามารถเข้าพบได้เนื่องจากคำสั่งของเจ้าหน้าที่』

 

ผมนิ่งค้างไปสักพัก

 

ผมช็อคจากเรื่อง “จากไปแล้ว” ก็จริง แต่นั่นผมก็คิดแล้วว่ามันมีความเป็นไปได้

 

แต่ “คำสั่งของเจ้าหน้าที่” ละ?

 

นี้มันอะไรกัน…?

 

เมื่อผมถามเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานส่งคำร้องเข้าพบเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาก็บอกว่า “พวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน เนื่องจากแผนกรับคำร้องกับแผนกดูงานนั้นแยกจากกัน” พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าคำสั่งอันไหนที่ “คำสั่ง” นั้นหมายถึง

 

เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แถมผมเองก็เริ่มหงุดหงิดแล้วด้วย ทว่าดูเหมือนผมจะไม่ได้อะไรไปมากกว่านี้แล้ว ดังนั้นผมจึงกลับไปที่ลานกว้างก่อนในตอนนี้

 

ดูเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในตอนที่ผมกลับไปถึง

 

「จริงๆแล้วมูเกะซังที่กลับมาจากจักรวรรดิมอบหมายคำร้องให้กับพวกเราหน่ะ เนื้อหาของคำร้องก็คือให้ช่วยรวบรวมวัตถุดิบจากภายในจักรวรรดิ… เอาไงดี พวกเราจะรับมันไว้ไหม?」ดันเต้ซังที่กลับมาจากกิลด์นักผจญภัยพูดขึ้น

 

ต่อให้ผมอยู่ที่นี่ คำร้องขอเข้าพบของผมก็ไม่มีทางอนุมัติหรอก ผมคิดที่จะแสดง “หินฟอสฟอรัส” ที่ต่าแก่ฮินกาทิ้งเอาไว้แล้วหรอก แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่จะแสดงมันให้กับแผนกรับคำร้อง

 

ในกรณีนั้น ผมอาจจะได้ข้อมูลอะไรบางอย่างถ้าพวกเราเข้าไปข้างในก็ได้

 

「ทำกันเถอะครับ」ผมพูดโดยไม่ต้องคิดเลย

 

========================================================

TL: ว้าว ครบ 100 ตอนแล้ว ขอบคุณที่ติดตามกันมานะครับ 😀

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่3 3

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 3

 

ทำการส่งคำร้องขอพบชาวเลฟที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิเสร็จแล้ว ผมเขียนชื่อของเอ็มม่าซังที่เป็นลูกสาวของตาแก่ฮินกาและหลานสาวของเขาลูลูช่าซังลงไป หลังจากนี้ พวกเขาจะติดต่อไปทางจักรวรรดิที่อยู่อีกฝั่ง แล้วถ้าลูลูช่าซังอยากจะพบ พวกเขาจะจัดวันเวลาเข้าพบให้ และถ้าเธอไม่ต้องการพบละก็ พวกเขาก็จะมาบอกเล่าแบบนั้น

 

ผลของคำร้องจะแปะเอาไว้บนกระดานข่าวในเวลา 7 โมงเช้า ดังนั้นผมจึงทำได้แค่รอเท่านั้น

 

ปรากฏว่าคนที่ประจำการตรงเคาน์เตอร์นั้นเป็นชาวเลฟ และดวงตาของพวกเขาที่อยู่หลังแว่นตานั้นจับจ้องมาที่ผมในขณะที่พยายามอ่านเนื้อหาคำร้องไปด้วย ถ้าคนนั้นคือชาวเลฟละก็ – บอกตามตรง ผมแยกชาวเลฟคนนึงจากอีกคนนึงไม่ได้เลย – ความประทับใจที่ได้จากพวกเขานั้นต่างจากมูเกะซังเล็กน้อย

 

พวกเราตั้งแคมป์กันที่ลานกว้างในคืนนั้น มีกองไฟขนานใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางลาน เหล่านักผจญภัยต่างมารวมตัวกันรอบๆมัน บ้างก็คลุมผ้าห่มแล้วหลับไป บ้างก็มากินเหล้ากัน มีโรงแรมเล็กๆอยู่ก็จริง แต่มันไม่สามารถรับคนจำนวนขนาดนี้ได้

 

ดันเต้ซังพูดถึงเรื่องของลีออนและกลุ่มโกลเด้นบริเกตส์พร้อมกับกินเนื้อตากแห้งที่ย่างไฟมาแล้ว

 

「อืม มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรหรอกนะ」

 

ชายหนุ่มที่เข้าเมืองมาเพราะไม่อาจทนใช้ชีวิตในชนบทต่อได้ หรือไม่ก็หวังรวยทางลัด อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นในเมืองก็ตาม ยังไงก็ต้องแย่งกันทำงานอยู่ดี และพวกที่มั่นใจในฝีมือของตัวเองก็จะกลายมาเป็นนักผจญภัยนั่นเอง

 

ในกรณีของดันเต้ซังนั้น เขาสูญเสียภรรยาไปด้วยโรคภัยและทิ้งลูกสาวของเขา น็อนซังให้กับโบสถ์ดูแล แล้วเลือกมาเป็นนักผจญภัยเพื่อให้ได้เงินเร็ว

 

「ข้ามักจะป้องกันด้านหลังในขณะที่ลีออนกับพวกที่สู้ระยะประชิดสู้อยู่แนวหน้าเสมอ」

 

「ตอนนั้นปาร์ตี้ก็ใช้ชื่อว่า “โกลเด้นบริเกตส์” ด้วยหรอครับ?」ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย

 

「ใช่… ลีออนนั้นเป็นหัวหน้า เขาอยากที่จะเป็นนักผจญภัยที่หาเงินได้เยอะๆ และอยู่ในบทกวีของนักกวีหลายๆคน จึงเป็นเหตุผลที่เขาตั้งชื่อว่า “โกลเด้นบริเกตส์” ไงละ เขาเป็นตัวตั้งตัวดีเลยละ」

 

「แค่ในหน้าตา ไม่ใช่ในทัศนคติ」มิมิโนะซังฮึดฮัด

 

พวกนั้นก็อาจจะอยู่ที่ในสักที่ในลานนี้ด้วยก็ได้ ทว่าอย่างน้อยก็ไม่เห็นพวกเขาจากที่ที่เราอยู่นี้ แถมผมเองก็ไม่ได้อยากจะไปหาพวกนั้นหรอก

 

「นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่จะทำได้เพียงเพราะแค่ตั้งเป้าด้วย อีกอย่าง มันก็มีนักผจญภัยไม่กี่คนที่มีความสามารถมากพอจะเป็นวีรบุรุษด้วย คนอย่างเรย์จิคุงหน่ะมีอยู่ไม่เยอะหรอกนะ」มิมิโนะซังพูด

 

「…ห่ะ?」

 

ทำไมชื่อของผมถึงถูกยกขึ้นมาละ?

 

「มิมิโนะซัง พวกเราสัญญากันแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนั้นไม่ใช่หรอ?」

 

「อ่า จริงด้วย…」

 

「เรื่องอะไรกันหรอครับ น็อนซัง มิมิโนะซัง?」ผมถาม

 

ทว่ามิมิโนะซังก็เอาสองมือปิดปากตัวเองแล้วส่ายหน้า

 

「ฮ่าาห์… ข้าเป็นคนบอกให้ทั้งสองคนเก็บเงียบเอาไว้เองเพราะข้ารู้ว่ามันจะรบกวนนายยังไงละ เรย์จิ」

 

「ดันเต้ซัง พูดเรื่องอะไรหน่ะครับ?」

 

「จำตอนที่นายสู้กับงูยักษ์นั่นได้หรือเปล่าละ?」

 

「แน่นอนครับ」

 

ที่ผมสามารถเจอกับซิวเวอร์บาลานซ์ได้อีกครั้งก็เพราะเหตุการณ์นั้นเลย ไม่มีทางที่ผมจะลืมไปได้หรอก

 

「แล้วตอนที่นายจัดการมันได้ละ?」

 

ดันเต้ซังค้นกระเป๋าของเขาแล้วนำคอร์ของอูโรโบรอสออกมา – ในสภาพแยกออกเป็นสองซีก นี้เป็นส่วนเดียวที่พวกเราได้จากการกำจัดมัน ทว่ามันก็ได้สะสมมานาจำนวนมหาศาลเอาไว้ ดังนั้นบางทีมันคงสามารถเอาไปทำอะไรบางอย่างได้อยู่

 

「คุณหมายถึงตอนที่ผมปีนขึ้นไปบนหัวของมันแล้วฆ่ามันด้วยดาบสั้นของผมน่ะหรอครับ? ผมจำได้ครับ」

 

เพราะตอนนั้น ดาบสั้นของผมก็เลยพังเสียหายและขายมันให้กับช่างตีเหล็กในระหว่างการเดินทางไป อาวุธหลักของผมตอนนี้ก็คือมีดสั้นที่ผมได้จากเอิร์ลชายแดน (หรือก็คือเบอร์เซิร์กเกอร์คนนั้นแหล่ะ) ฝักมีดนั้นเด่นเกินไป ผมจึงพันมันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล

 

「ใช่แล้วละ ตอนนั้นนายมีแสงเปล่งประกายออกมาด้วย」ดันเต้ซังพูด

 

「มันเป็น【เวทย์แสง】ที่น็อนซังร่ายใส่ผมไม่ใช่หรอครับ?」

 

น็อนซังพยักหน้าตอบรับ ดูเหมือนมันจะมีผลใกล้เคียงกับเวทย์ซัพพอร์ตที่มีผลพิเศษกับสิ่งชั่วร้าย

 

「นั่นทำให้นายเด่นมากเกินไปหน่ะสิ… ราวกับว่าเป็น “วีรบุรุษผู้สังหารปีศาจ” ในเทพนิยายเลยละ」

 

「หา?」

 

「ตอนที่ข้าไปยังกิลด์นักผจญภัยในวันถัดมา ข้าได้พบกับนักกวีที่ดูเหมือนเขาจะเฝ้าดูเหตุการณ์มาตลอดจากที่ไกลๆ」

 

「นักกวีหรอครับ? ผมเริ่มจะรู้สึกไม่ดีแล้วสิครับ」

 

「เขากำลังกระตือรือร้นเรื่องที่อยากจะแต่งเพลงถึงวิธีที่นายจัดการกับอูโรโบรอสหน่ะสิ」

 

「…………」

 

ว่าไงนะครับ?

 

「มะ-ไม่ ข้าปฏิเสธไปแล้ว ข้าไม่ได้อยากเป็นนักผจญภัยเพราะอยากดังซะหน่อย แต่เขาก็ตื้อเหลือเกิน แถมบอกว่าเขาอยากจะบอกเมืองนี้ถึงเรื่องราวของวีรบุรุษที่ช่วยพวกเขาเอาไว้ แล้วเนื่องจากข้าเองก็ไม่ได้อยากให้มันมีเรื่องเกี่ยวกับข้าด้วย และก็เป็นนายเองที่เป็นคนปิดฉากมันไม่ใช่ใครอื่น ดังนั้น….」

 

「ว่าง่ายๆก็คือดันเต้ขายเธอโดยบอกข้อมูลให้กับนักกวีคนนั้นเพื่อที่เขาจะไม่ได้อยู่ในเพลงไงละ」

 

「ดันเต้ซัง!?」

 

「มิมิโนะ! เธอเองก็พูดว่าไม่อยากให้นักกวีร้องเพลงเกี่ยวกับเธอด้วยไม่ใช่หรอ!?」

 

「เรย์จิคุงก็รู้สึกแบบเดียวกันนี้ นักกวีคนนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรชั้นด้วย ชั้นเลยไม่ได้บอกเขาอะไรทั้งนั้น」

 

「เธอเองก็อยู่กับข้าในตอนนั้นด้วยนี้!」

 

ทั้งสองคนทะเลาะกัน ทว่าผมอยากจะบิดตัวไปมาด้วยความอายเหลือเกิน ไม่สิ ผมบิดตัวไปมาแล้วต่างหาก ผมได้เอาสองมือปิดหน้าของตัวเอง มันจะน่าอายเกินไปแล้ว!

 

ถึงต่อให้ผมออกจากเมืองศักดิ์สิทธิ์แบบท่าทีแย่ๆก็เถอะ ผมก็ยังอยู่ในเนื้อเพลงที่ร้องในเมืองอยู่ดี! แบบนี้มันจะต้องไปถึงหูของเอิร์ลซิวลิซส์ด้วยแน่นอนเลยไม่ใช่หรอ!? ถ้าสักวันพวกเราพบกันอีกครั้ง เขาจะต้องลากผมให้ไปฟังมันแน่ๆ!

 

「วีรบุรุษผู้ปกป้องเมือง …ปุ๊ปุ๊ปุ๊ ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊!」เซอรี่ซังเยาะเย้ยผม

 

「เซอรี่ซัง!?」

 

เมื่อผมเอามือลงจากหน้า มนุษย์สัตว์เผ่าแมวคนนั้นก็เข้ามาใกล้ๆหน้าของผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

 

「…เซอรี่ซัง อย่าให้ผมเอาเรื่องที่คุณเป็น–」

 

จังหวะที่ผมกำลังจะพูดว่า “หนี้” นั้น มีเหรียญหลายเหรียญเปล่งประกายสะท้อนแสงจากกองไฟหล่นลงมาที่ท้องของผม

 

「หว่ะ- หวา…….」

 

「อุปุ๊ปุ๊ปุ๊ปุ๊ หนุ่มน้อย… คิดผิดแล้วที่คิดว่าจะทำอะไรเค้าก็ได้ในฐานะทาสหนี้ทั้งวันทั้งคืนหน่ะ」

 

「เจ้าแมวโง่นี้! ไปขโมยมาจากไหนเนี้ย?! เอาไปคืนเลยนะ!」

 

「—หาว่าเค้าขโมยมาเพียงแค่เอาเงินมาเนี้ยนะ!? ผิดแล้ว! เค้าชนะพนันมาต่างหาก!」

 

การพนันนั้นผิดกฏหมาย การพนันส่วนตัวในโลกนี้ก็ถือว่าผิดด้วยเช่นกัน

 

แล้วอะไรที่ว่า “ผมจะทำอะไรก็ได้ทั้งวันทั้งคืน” หน่ะ? มีนิสัยขี้โกหกหรือไง? ทำไมคุณแม่ชีถึงมองผมแบบนั้นละครับ? คุณก็รู้ว่ามันไม่จริงใช่ไหมละครับ? พวกเราก็อยู่ในกองคาราวานด้วยกันทุกคนทุกวันไม่ใช่หรอครับ?

 

「มีซ่องพนันของพวกนักผจญภัยอยู่ตรงนั้นหน่ะ แถมยังมีไอ้งี่เง่าชุดคลุมเหลืองผมสองสีอยู่ด้วย ดังนั้นเค้าก็เลยรีดเงินจากหมอนั้นมา」

 

「เซอรี่ซัง…」

 

ผมวางมือเอาไว้บนไหล่ของเซอรี่ซังแล้วเขย่าเธอ

 

「เอ๊ะ อะ-อ้า เค้าทำอะไรลงไปอีกแล้วงั้นหรอ!?」

 

「—ทำได้ดีมากเลยครับ」

 

เมื่อผมยกนิ้วโป้งให้ ทั้งดันเต้ซัง, มิมิโนะซัง, และน็อนซังต่างก็ยกนิ้วโป้งห้

 

อนึ่ง เซอรี่ซังเอามาแต่เหรียญเงิน ซึ่งจ่ายได้ไม่ถึงครึ่งนึงจากหนี้ทั้งหมดเลย

 

วันถัดมา—ผมตื่นขึ้นที่ลานกว้าง ใช้【สะดวกสบาย】สร้างน้ำแล้วล้างหน้าตัวเอง หลังจากนั้น ผมก็ทำอาหารกับมิมิโนะซัง ผมซื้อนมแพะจากร้านค้า และอบขนมปัง ถึงจะมีโรงแรมไม่เพียงพอ แต่อีกด้านของกำแพงก็เป็นจักรวรรดิแล้ว ดังนั้นมันจึงมีร้านค้าอยู่มากมายเลย

 

หลังจากที่ทานเสร็จ ผมก็ไปยังๆที่ที่ผมส่งคำร้องเข้าพบเอาไว้คนเดียว

 

「…เอ๊ะ?」

 

ผลลัพธ์ของคำร้องของผมถูกประกาศเอาไว้

 

『คุณเอ็มม่าได้จากไปแล้ว การเข้าพบเป็นไปไม่ได้ คุณลูลูช่า… ไม่สามารถเข้าพบได้เนื่องจากคำสั่งของเจ้าหน้าที่』

 

ผมนิ่งค้างไปสักพัก

 

ผมช็อคจากเรื่อง “จากไปแล้ว” ก็จริง แต่นั่นผมก็คิดแล้วว่ามันมีความเป็นไปได้

 

แต่ “คำสั่งของเจ้าหน้าที่” ละ?

 

นี้มันอะไรกัน…?

 

เมื่อผมถามเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานส่งคำร้องเข้าพบเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาก็บอกว่า “พวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน เนื่องจากแผนกรับคำร้องกับแผนกดูงานนั้นแยกจากกัน” พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าคำสั่งอันไหนที่ “คำสั่ง” นั้นหมายถึง

 

เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แถมผมเองก็เริ่มหงุดหงิดแล้วด้วย ทว่าดูเหมือนผมจะไม่ได้อะไรไปมากกว่านี้แล้ว ดังนั้นผมจึงกลับไปที่ลานกว้างก่อนในตอนนี้

 

ดูเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในตอนที่ผมกลับไปถึง

 

「จริงๆแล้วมูเกะซังที่กลับมาจากจักรวรรดิมอบหมายคำร้องให้กับพวกเราหน่ะ เนื้อหาของคำร้องก็คือให้ช่วยรวบรวมวัตถุดิบจากภายในจักรวรรดิ… เอาไงดี พวกเราจะรับมันไว้ไหม?」ดันเต้ซังที่กลับมาจากกิลด์นักผจญภัยพูดขึ้น

 

ต่อให้ผมอยู่ที่นี่ คำร้องขอเข้าพบของผมก็ไม่มีทางอนุมัติหรอก ผมคิดที่จะแสดง “หินฟอสฟอรัส” ที่ต่าแก่ฮินกาทิ้งเอาไว้แล้วหรอก แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่จะแสดงมันให้กับแผนกรับคำร้อง

 

ในกรณีนั้น ผมอาจจะได้ข้อมูลอะไรบางอย่างถ้าพวกเราเข้าไปข้างในก็ได้

 

「ทำกันเถอะครับ」ผมพูดโดยไม่ต้องคิดเลย

 

========================================================

TL: ว้าว ครบ 100 ตอนแล้ว ขอบคุณที่ติดตามกันมานะครับ 😀

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+