[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่3 18

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 18 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 18

 

มิมิโนะซังกับผมออกมาจากสำนักการต่างประเทศและตัดสินใจรีบตรงไปยังบริาัทโรโรโระ

 

อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางไปยังบริษัท มูเกะซังก็ได้เข้ามาหาจา่กด้านหน้า

 

「อีาก! รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น!」มูเกะซังร้องไห้ออกมา

 

ขณะที่ปลอบใจมูเกะซังที่กำลังร้องไห้ พวกเราก็กลับมาที่บริษัทของเขาแล้วพบกับดันเต้ซังและน็อนซังที่อยู่ที่นั่น

 

ทันทีที่พวกเรากลับมาถึง มูเกะซังก็ชี้ไปยังชุดช่างของเขา มันเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดง

 

「ตอนที่ข้าไปยังบริษัทโรโรโระก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! จู่ๆพวกนั้นก็ปามะเขือเทศใส่ข้า! พร้อมกับพูดว่า “พวกเราจะไม่จ่ายให้พวกนักต้มตุ๋นแม้แต่แดงเดียว!” พวกนั้นจะต้องแยกส่วนและศึกษาออโตมาตรอนก่อนจะจ่ายเงินแน่นอนเลย」

 

「แต่ผมก็ดีใจนะที่มันไม่ได้กลายเป็นการใช้กำลังไป」

 

「ทิ้งขว้างมะเขือเทศไปเปล่าๆก็เหมือนกับการใช้กำลังนั่นแหล่ะ!」

 

「เอ๊ะ?」

 

ตามที่มูเกะซังบอก เขาไม่ได้โกรธที่ชุดของเขาเปื้อน แต่เป็นเพราะเสียอาหารไปเปล่าๆปีๆ ในจักรวรรดินั้นมีอาหารอยู่จำกัด และถึงแม้จะมีเห็ดเป็นอาหารหลัก แต่พวกผักนั้นถือเป็นอาหารอย่างหรูเลยละ

 

คาราวานของมูเกะซังขายเนื้อแห้งและผักเป็นหลัก ดังนั้นดูเหมือนพวกนั้นจะใช้เรื่องนั้นมาล้อเลียนมูเกะซังโดยการปามะเขือเทศใส่เขา

 

「แต่การแยกส่วนสินค้าก่อนจ่ายเงินมันเป็นเรื่องไม่ดีไม่ใช่หรอ?」มิมิโนะซังถาม

 

มูเกะซังพยักหน้าเห็นด้วย

 

「ใช่แล้วละ นี้มันเกินกว่าการได้เปรียบเสียเปรียบในการค้าแล้ว ถ้าพวกนั้นตัดสินใจทำแบบนี้แล้วละก็ ข้าจะเอาคืนก็ถือว่าเสมอกันนะ… นุฟุฟุฟุ…」

 

เปลวไฟสีดำลุกโชนอยู่ภายในตาของมูเกะซัง

 

「เอาละ แล้วทางนั้นเป็นยังไงบ้างละ เรย์จิ?」

 

「เรื่องนั้น… ผมต้องการความช่วยเหลือจากดันเต้ซังครับ」

 

「ช่วย?」

 

ผมบอกเชาเรื่องที่ได้ยินมาจากอับบา ลูลูช่าซังนั้นถูกสงสัยว่าเป็นกบฏและต้องการหลักฐานว่าเธอไม่ได้ทำ

 

「ฮึมมม… มีกลิ่นแปลกๆ」

 

「ผมเองก็คิดงั้นครับ แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลาแล้ว พวกเราจะต้องรีบตามหาผู้ส่งสาร ผู้ส่งสารพวกนั้นคือหลักฐานที่ดีที่สุดครับ ผมต้องการจะเข้าไปยังเขาวงกตแห่งความกลัวอีกครั้ง」

 

มีความเป็นไปได้อยู่ 2 อย่าง ไม่ผู้ส่งสารพวกนั้นอยู่ด้านนอกเขาวงกต ก็อยู่ข้างในเขาวงกต

 

แต่ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาจะต้องอยู่ข้างในแน่

 

จากการที่มีคนอยู่เบื้องหลังพยายามใส่ร้ายลูลูช่าซัง พวกนั้นจะลำบากเรียกตัวผู้ส่งสารที่ออกมาจากเชาวงกตแล้วซ่อนตัวพวกเขาไปทำไมกัน? ต่อให้พวกนั้นทำแบบนั้นจริง มันก็อ้อมค้อมเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ควรจะเป็น “การสื่อสารไม่เพียงพอ” และไม่ถึงกับ “ทรยศชาติ” หรอก ถ้าลูลูช่าออกมาจากเขาวงกตพร้อมกับชัยชนะแล้วคืนกองทัพให้ประเทศ อะไรแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

 

ข้อหา “ทรยศชาติ” นั้นเป็นเพราะเรื่องที่พ่ายแพ้ต่อออโตมาตรอนและสูญเสียกองทัพไปเปล่าๆ มันจะสมเหตุสมผลถ้าคิดว่าพวกที่ไม่ชอบลูลูช่าซังใช้เหตุผลนี้ในการให้เธอรับผิดชอบและจัดการเธอไปพร้อมๆกัน

 

ถ้ายังงั้น– พวกผู้ส่งสารน่าจะยังอยู่ในเขาวงกตด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

「แต่พวกเราจะยังเข้าไปในเขาวงกตอีกครั้งได้ไหมครับ? มูเกะซัง?」

 

「ได้ จริงๆแล้ว บริษัทอื่นๆก็อาจจะยังสำรวจเขาวงกตกันอยู่เลย」

 

「อะ!」

 

มาคิดๆดูแล้ว พวกเราก็ยังไม่เห็นโกลเด้นบริเกดหลังจากนั้นเลยนี้นา พวกเขายังอยู่ในเขาวงกตงั้นหรอ?

 

พวกเราตกลงกันว่าจะสำรวจเขาวงกตแห่งความกลัวอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ …หืมมม ผมควรจะหยุดเซอรี่ซังไม่ให้ไปเล่นพนันในคืนนี้นะ

 

**

 

พวกเราลงมือกันในเช้าวันถัดไป

 

มูเกะซังดูจะโต้รุ่ง เขาจึงกำลังหลับอยู่บนถาดขนสำภาระของเนโกะจัง ผมจึงเป็นคนขับแทน มูเกะซังดูจะประกอบเวทมนตร์บางอย่างที่เขาเอาออกมาจากออโตมาตรอนใส่เข้าไปเนโกะจังด้วย

 

「ตอนนี้เธอกลายเป็น “ซูเปอร์เนโกะจัง” แล้ว!」เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ

 

นอกจากจะมีเครื่องจักรไอน้ำแล้ว ก็มีแรงกระตุ้นเสริมจากหินเวทย์เสริมเข้าไปด้วย ผลลัพธ์ก็คือแรงบิดที่ดีขึ้น – แต่จริงๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจความแตกต่างเท่าไหร่หรอก

 

การขับเนโกะจังนั้นสนุกแบบแปลกๆ ถึงเธอจะยังเคลื่อนที่ช้าเหมือนเดิมก็เถอะ

 

พวกเราใช้ลิฟท์ขึ้นไปยังหน้าผาทางเข้าเขาวงกตแห่งความกลัว มิมิโนะซังยังกลัวความสูงแล้วเกาะแขนผมเหมือนเดิม ครั้งนี้เธอไม่ได้ขอก่อนด้วยซ้ำ… ผมก็ไม่ได้รังเกลียดหรอกนะ

 

เมื่อพวกเรามาถึงทางเข้ารูปหน้าคน—ผมก็นึกขึ้นได้

 

「จริงด้วย… กลิ่นของเลือด」

 

「เป็นอะไรไป เรย์จิ?」ดันเต้ซังถาม

 

ตอนที่พวกเรามาครั้งที่แล้ว ผมจำได้ว่าผมได้กลิ่นของเลือดจากรูปปั้นหินข้างหน้าพวกเรา

 

「ได้กลิ่นไหมครับเซอรี่ซัง?」

 

「ฮึมมม〜 อืม แค่บางๆหน่ะ」

 

จังหวะที่เซอรี่ซังพูดแบบนั้น หูแมวของเธอก็จับบางอย่างได้

 

「…หนุ่มน้อย เค้าได้ยินบางอย่าง」

 

「!」

 

ผมเองก็รู้สึกตัวหลังจากที่เธอพูดแบบนั้น มันมีเสียงครางเบาๆมาจากอีกด้านของทางเข้า — ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ

 

「มูเกะซัง โปรดรออยู่ตรงนี้นะครับ!」

 

พวกเรารีบตรงไปยังทางเข้าแล้วกระโดดเข้าไปในปาก ที่สุดทางเดินรูปปั้นเรียงรายนั้นมีร่างของคนนอนอยู่

 

「เป็นอะไรไหมครับ?!」

 

ถึงจะอยู่ไกล ผมก็สามารถเห็นเลือดจำนวนนึงไหลออกมา และผ้าคลุมที่คนๆนั้นสวมอยู่ก็เป็นสีเหลืองด้วย เป็นสมาชิกของโกลเด้นบริเกด

 

คนๆนั้นเงยหน้าขึ้นหลังรับรู้ถึงพวกเรา – เป็นหญิงสาวผอมเพรียวสวมฮูดที่มักจะขัดความตึงเครียดระหว่างปาร์ตี้พวกนั้นกับพวกเรา พร้อมกับสีหน้าเจ็บปวด เธอเปิดปากพูดขึ้นมาว่า “ข้างบน”

 

ข้างบน?

 

「ข้างบน!」

 

พวกเรามาถึงครึ่งทางกว่าจะถึงหญิงสาวคนนั้น ระหว่างทางทั้งสองข้างนั้นมีรูปปั้นหินเรียงรายกันพร้อมอาวุธ

 

พวกมันควรจะเป็นแค่รูปปั้นหินธรรมดาๆ แต่ดวงตาของพวกมันนั้นกลับจับจ้องมาที่พวกเรา

 

「ระวังการโจมตี!」

 

เนื่องจากตัวดันเจี้ยนเองคือกับดัก อะไรบ้าๆอย่าง “ปรับเปลี่ยนรูปแบบ” นั้นก็เป็นไปได้ อย่างการที่ตอนนี้รูปปั้นหินสามารถขยับได้แล้ว

 

ทั้งดาบ, หอก, และค้อนถูกตวัดลงมา ผมรีบหยุดในทันที

 

「มิมิโนะซัง เชือก!」

 

「นี้!」

 

มิมิโนะซังโยนเชือกที่ทำจากเถาวัลย์ในกระเป๋าของเธอ ผมใช้งาน 10 【เวทย์บุพพา】และแตกแขนงเชือกออกมาเป็น 10 อันเพื่อที่มันจะสามารถมัดแขนที่ถืออาวุธของรูปปั้นพวกนั้นได้ ทว่า ผมสามารถหยุดเอาไว้ได้แค่ 4 รูปปั้นเท่านั้น

 

「โฮ่!」

 

เซอรี่ซังที่นำอยู่ข้างหน้าหลบหอกและคทาที่พุ่งเข้ามาทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังหญิงสาวที่ล้มอยู่

 

「นุโอ้ววววววว!」

 

ที่ด้านหลังพวกเรา ขณะที่ปกป้องน็อนซังไปด้วย ดันเต้ซังก็ใช้โล่และคทาปัดป้องรูปปั้นหินที่พยายามจัดการพวกเขา

 

「ไปเลย เรย์จิ!」

 

「ครับ!」

 

ดันเต้ซังที่ใกล้กับทางเข้าหันหลังกลับไปพร้อมกับน็อนซัง และที่ปลายสายตาของผมก็เห็นเซอรี่ซังตรงไปยังทางเดินที่อีกด้านพร้อมกับลากหญิงสาวที่ล้มอยู่ไปด้วย

 

เสียงของอะไรบางอย่างตึงแน่นราวกับเชือกกำลังจะขาดดังขึ้น รูปปั้นหินพวกนั้นคงจะกำลังพยายามฉีกเชือกที่ผมมัดพวกมันเอาไว้ด้วยกำลัง

 

「ขอโทษนะครับ มิมิโนะซัง」

 

「หะ— หว่า!?」

 

ผมอุ้มมิมิโนะซังด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิงแล้วเริ่มออกวิ่ง ผมเสริมทักษะทางกายของผมด้วย【เวทย์ซัพพอร์ต】ดังนั้นน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจึงไม่เป็นปัญหาต่อความเร็วของผม

 

เมื่อผมเริ่มออกวิ่ง หอกกับคทาที่เซอรี่ซังหลบก่อนหน้านี้ก็ตวัดลงมาอีกครั้ง ทว่าผมก็เล็ดลอดผ่านพวกมันไป การฝึกเต้นรำที่ผมเรียนรู้มาตอนทำงานคุ้มกันได้เอามาใช้แล้วตอนนี้ แต่แน่นอนว่า ผมไม่เคยเต้นรำขณะอุ้มคนท่าเจ้าหญิงมาก่อนหรอกนะ

 

มิมิโนะซังกับผมลอดผ่านเข้าไปในทางเดินด้านใน

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่3 18

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 18 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 18

 

มิมิโนะซังกับผมออกมาจากสำนักการต่างประเทศและตัดสินใจรีบตรงไปยังบริาัทโรโรโระ

 

อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางไปยังบริษัท มูเกะซังก็ได้เข้ามาหาจา่กด้านหน้า

 

「อีาก! รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น!」มูเกะซังร้องไห้ออกมา

 

ขณะที่ปลอบใจมูเกะซังที่กำลังร้องไห้ พวกเราก็กลับมาที่บริษัทของเขาแล้วพบกับดันเต้ซังและน็อนซังที่อยู่ที่นั่น

 

ทันทีที่พวกเรากลับมาถึง มูเกะซังก็ชี้ไปยังชุดช่างของเขา มันเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดง

 

「ตอนที่ข้าไปยังบริษัทโรโรโระก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! จู่ๆพวกนั้นก็ปามะเขือเทศใส่ข้า! พร้อมกับพูดว่า “พวกเราจะไม่จ่ายให้พวกนักต้มตุ๋นแม้แต่แดงเดียว!” พวกนั้นจะต้องแยกส่วนและศึกษาออโตมาตรอนก่อนจะจ่ายเงินแน่นอนเลย」

 

「แต่ผมก็ดีใจนะที่มันไม่ได้กลายเป็นการใช้กำลังไป」

 

「ทิ้งขว้างมะเขือเทศไปเปล่าๆก็เหมือนกับการใช้กำลังนั่นแหล่ะ!」

 

「เอ๊ะ?」

 

ตามที่มูเกะซังบอก เขาไม่ได้โกรธที่ชุดของเขาเปื้อน แต่เป็นเพราะเสียอาหารไปเปล่าๆปีๆ ในจักรวรรดินั้นมีอาหารอยู่จำกัด และถึงแม้จะมีเห็ดเป็นอาหารหลัก แต่พวกผักนั้นถือเป็นอาหารอย่างหรูเลยละ

 

คาราวานของมูเกะซังขายเนื้อแห้งและผักเป็นหลัก ดังนั้นดูเหมือนพวกนั้นจะใช้เรื่องนั้นมาล้อเลียนมูเกะซังโดยการปามะเขือเทศใส่เขา

 

「แต่การแยกส่วนสินค้าก่อนจ่ายเงินมันเป็นเรื่องไม่ดีไม่ใช่หรอ?」มิมิโนะซังถาม

 

มูเกะซังพยักหน้าเห็นด้วย

 

「ใช่แล้วละ นี้มันเกินกว่าการได้เปรียบเสียเปรียบในการค้าแล้ว ถ้าพวกนั้นตัดสินใจทำแบบนี้แล้วละก็ ข้าจะเอาคืนก็ถือว่าเสมอกันนะ… นุฟุฟุฟุ…」

 

เปลวไฟสีดำลุกโชนอยู่ภายในตาของมูเกะซัง

 

「เอาละ แล้วทางนั้นเป็นยังไงบ้างละ เรย์จิ?」

 

「เรื่องนั้น… ผมต้องการความช่วยเหลือจากดันเต้ซังครับ」

 

「ช่วย?」

 

ผมบอกเชาเรื่องที่ได้ยินมาจากอับบา ลูลูช่าซังนั้นถูกสงสัยว่าเป็นกบฏและต้องการหลักฐานว่าเธอไม่ได้ทำ

 

「ฮึมมม… มีกลิ่นแปลกๆ」

 

「ผมเองก็คิดงั้นครับ แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลาแล้ว พวกเราจะต้องรีบตามหาผู้ส่งสาร ผู้ส่งสารพวกนั้นคือหลักฐานที่ดีที่สุดครับ ผมต้องการจะเข้าไปยังเขาวงกตแห่งความกลัวอีกครั้ง」

 

มีความเป็นไปได้อยู่ 2 อย่าง ไม่ผู้ส่งสารพวกนั้นอยู่ด้านนอกเขาวงกต ก็อยู่ข้างในเขาวงกต

 

แต่ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาจะต้องอยู่ข้างในแน่

 

จากการที่มีคนอยู่เบื้องหลังพยายามใส่ร้ายลูลูช่าซัง พวกนั้นจะลำบากเรียกตัวผู้ส่งสารที่ออกมาจากเชาวงกตแล้วซ่อนตัวพวกเขาไปทำไมกัน? ต่อให้พวกนั้นทำแบบนั้นจริง มันก็อ้อมค้อมเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ควรจะเป็น “การสื่อสารไม่เพียงพอ” และไม่ถึงกับ “ทรยศชาติ” หรอก ถ้าลูลูช่าออกมาจากเขาวงกตพร้อมกับชัยชนะแล้วคืนกองทัพให้ประเทศ อะไรแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

 

ข้อหา “ทรยศชาติ” นั้นเป็นเพราะเรื่องที่พ่ายแพ้ต่อออโตมาตรอนและสูญเสียกองทัพไปเปล่าๆ มันจะสมเหตุสมผลถ้าคิดว่าพวกที่ไม่ชอบลูลูช่าซังใช้เหตุผลนี้ในการให้เธอรับผิดชอบและจัดการเธอไปพร้อมๆกัน

 

ถ้ายังงั้น– พวกผู้ส่งสารน่าจะยังอยู่ในเขาวงกตด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

「แต่พวกเราจะยังเข้าไปในเขาวงกตอีกครั้งได้ไหมครับ? มูเกะซัง?」

 

「ได้ จริงๆแล้ว บริษัทอื่นๆก็อาจจะยังสำรวจเขาวงกตกันอยู่เลย」

 

「อะ!」

 

มาคิดๆดูแล้ว พวกเราก็ยังไม่เห็นโกลเด้นบริเกดหลังจากนั้นเลยนี้นา พวกเขายังอยู่ในเขาวงกตงั้นหรอ?

 

พวกเราตกลงกันว่าจะสำรวจเขาวงกตแห่งความกลัวอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ …หืมมม ผมควรจะหยุดเซอรี่ซังไม่ให้ไปเล่นพนันในคืนนี้นะ

 

**

 

พวกเราลงมือกันในเช้าวันถัดไป

 

มูเกะซังดูจะโต้รุ่ง เขาจึงกำลังหลับอยู่บนถาดขนสำภาระของเนโกะจัง ผมจึงเป็นคนขับแทน มูเกะซังดูจะประกอบเวทมนตร์บางอย่างที่เขาเอาออกมาจากออโตมาตรอนใส่เข้าไปเนโกะจังด้วย

 

「ตอนนี้เธอกลายเป็น “ซูเปอร์เนโกะจัง” แล้ว!」เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ

 

นอกจากจะมีเครื่องจักรไอน้ำแล้ว ก็มีแรงกระตุ้นเสริมจากหินเวทย์เสริมเข้าไปด้วย ผลลัพธ์ก็คือแรงบิดที่ดีขึ้น – แต่จริงๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจความแตกต่างเท่าไหร่หรอก

 

การขับเนโกะจังนั้นสนุกแบบแปลกๆ ถึงเธอจะยังเคลื่อนที่ช้าเหมือนเดิมก็เถอะ

 

พวกเราใช้ลิฟท์ขึ้นไปยังหน้าผาทางเข้าเขาวงกตแห่งความกลัว มิมิโนะซังยังกลัวความสูงแล้วเกาะแขนผมเหมือนเดิม ครั้งนี้เธอไม่ได้ขอก่อนด้วยซ้ำ… ผมก็ไม่ได้รังเกลียดหรอกนะ

 

เมื่อพวกเรามาถึงทางเข้ารูปหน้าคน—ผมก็นึกขึ้นได้

 

「จริงด้วย… กลิ่นของเลือด」

 

「เป็นอะไรไป เรย์จิ?」ดันเต้ซังถาม

 

ตอนที่พวกเรามาครั้งที่แล้ว ผมจำได้ว่าผมได้กลิ่นของเลือดจากรูปปั้นหินข้างหน้าพวกเรา

 

「ได้กลิ่นไหมครับเซอรี่ซัง?」

 

「ฮึมมม〜 อืม แค่บางๆหน่ะ」

 

จังหวะที่เซอรี่ซังพูดแบบนั้น หูแมวของเธอก็จับบางอย่างได้

 

「…หนุ่มน้อย เค้าได้ยินบางอย่าง」

 

「!」

 

ผมเองก็รู้สึกตัวหลังจากที่เธอพูดแบบนั้น มันมีเสียงครางเบาๆมาจากอีกด้านของทางเข้า — ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ

 

「มูเกะซัง โปรดรออยู่ตรงนี้นะครับ!」

 

พวกเรารีบตรงไปยังทางเข้าแล้วกระโดดเข้าไปในปาก ที่สุดทางเดินรูปปั้นเรียงรายนั้นมีร่างของคนนอนอยู่

 

「เป็นอะไรไหมครับ?!」

 

ถึงจะอยู่ไกล ผมก็สามารถเห็นเลือดจำนวนนึงไหลออกมา และผ้าคลุมที่คนๆนั้นสวมอยู่ก็เป็นสีเหลืองด้วย เป็นสมาชิกของโกลเด้นบริเกด

 

คนๆนั้นเงยหน้าขึ้นหลังรับรู้ถึงพวกเรา – เป็นหญิงสาวผอมเพรียวสวมฮูดที่มักจะขัดความตึงเครียดระหว่างปาร์ตี้พวกนั้นกับพวกเรา พร้อมกับสีหน้าเจ็บปวด เธอเปิดปากพูดขึ้นมาว่า “ข้างบน”

 

ข้างบน?

 

「ข้างบน!」

 

พวกเรามาถึงครึ่งทางกว่าจะถึงหญิงสาวคนนั้น ระหว่างทางทั้งสองข้างนั้นมีรูปปั้นหินเรียงรายกันพร้อมอาวุธ

 

พวกมันควรจะเป็นแค่รูปปั้นหินธรรมดาๆ แต่ดวงตาของพวกมันนั้นกลับจับจ้องมาที่พวกเรา

 

「ระวังการโจมตี!」

 

เนื่องจากตัวดันเจี้ยนเองคือกับดัก อะไรบ้าๆอย่าง “ปรับเปลี่ยนรูปแบบ” นั้นก็เป็นไปได้ อย่างการที่ตอนนี้รูปปั้นหินสามารถขยับได้แล้ว

 

ทั้งดาบ, หอก, และค้อนถูกตวัดลงมา ผมรีบหยุดในทันที

 

「มิมิโนะซัง เชือก!」

 

「นี้!」

 

มิมิโนะซังโยนเชือกที่ทำจากเถาวัลย์ในกระเป๋าของเธอ ผมใช้งาน 10 【เวทย์บุพพา】และแตกแขนงเชือกออกมาเป็น 10 อันเพื่อที่มันจะสามารถมัดแขนที่ถืออาวุธของรูปปั้นพวกนั้นได้ ทว่า ผมสามารถหยุดเอาไว้ได้แค่ 4 รูปปั้นเท่านั้น

 

「โฮ่!」

 

เซอรี่ซังที่นำอยู่ข้างหน้าหลบหอกและคทาที่พุ่งเข้ามาทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังหญิงสาวที่ล้มอยู่

 

「นุโอ้ววววววว!」

 

ที่ด้านหลังพวกเรา ขณะที่ปกป้องน็อนซังไปด้วย ดันเต้ซังก็ใช้โล่และคทาปัดป้องรูปปั้นหินที่พยายามจัดการพวกเขา

 

「ไปเลย เรย์จิ!」

 

「ครับ!」

 

ดันเต้ซังที่ใกล้กับทางเข้าหันหลังกลับไปพร้อมกับน็อนซัง และที่ปลายสายตาของผมก็เห็นเซอรี่ซังตรงไปยังทางเดินที่อีกด้านพร้อมกับลากหญิงสาวที่ล้มอยู่ไปด้วย

 

เสียงของอะไรบางอย่างตึงแน่นราวกับเชือกกำลังจะขาดดังขึ้น รูปปั้นหินพวกนั้นคงจะกำลังพยายามฉีกเชือกที่ผมมัดพวกมันเอาไว้ด้วยกำลัง

 

「ขอโทษนะครับ มิมิโนะซัง」

 

「หะ— หว่า!?」

 

ผมอุ้มมิมิโนะซังด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิงแล้วเริ่มออกวิ่ง ผมเสริมทักษะทางกายของผมด้วย【เวทย์ซัพพอร์ต】ดังนั้นน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจึงไม่เป็นปัญหาต่อความเร็วของผม

 

เมื่อผมเริ่มออกวิ่ง หอกกับคทาที่เซอรี่ซังหลบก่อนหน้านี้ก็ตวัดลงมาอีกครั้ง ทว่าผมก็เล็ดลอดผ่านพวกมันไป การฝึกเต้นรำที่ผมเรียนรู้มาตอนทำงานคุ้มกันได้เอามาใช้แล้วตอนนี้ แต่แน่นอนว่า ผมไม่เคยเต้นรำขณะอุ้มคนท่าเจ้าหญิงมาก่อนหรอกนะ

 

มิมิโนะซังกับผมลอดผ่านเข้าไปในทางเดินด้านใน

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+