[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่3 5

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 5 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 5

 

มูเกะซังนั้นเป็นชาวเลฟที่ทำการค้าขายผ่านกองคาราวาน ต่อให้เป็นคนจากภายนอกจักรวรรดิก็ตาม เขาก็ยังแนะนำเราว่า–

 

「ผู้คนชาวเลฟนั้นได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขาวงกตที่แผนกยึดครองพวกนั้นเข้าไปได้นะ พวกนายอยากจะเข้าร่วมกับข้าไหมละ?」

 

มูเกะซังอาจจะได้อุปกรณ์เวทมนตร์บางอย่างที่หน่วยยึดครองพลาดไปก็ได้ และพวกเรา – ตรงๆเลยก็คือผม อาจจะสามารถพบกับลูลูช่าซังได้ก็ได้

 

ในแง่หนึ่ง การยึกครองเขาวงกตนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างอันตรายมาก ดังนั้นไม่มีใครรู้ได้เลยว่าลูลูช่าซังจะมีชีวิตรอดกลับมาหรือไม่ ถ้าผมพลาดโอกาสนี้ไปละก็ ผมจะต้องเสียใจแน่ๆ ดันเต้ซังกับคนอื่นๆเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

「ได้โปรดให้พวกเราร่วมด้วยครับ」ผมพูด

 

หลังจากนั้น มูเกะซังก็ไปยังเขาวงกตเพื่อยื่นเอกสาร ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจเก็บรวบรวมข้อมูลภายในจักรวรรดินี้จนกว่าจะได้รับอนุมัติ ก็ตั้งแต่แรกแล้ว ผมไม่รู้เลยนี้นาว่าเขาวงกตพวกนั้นมันเป็นยังไง

 

ในจักรวรรดิเองก็มีกิลด์นักผจญภัยสำหรับชาวเลฟอยู่ด้วยเช่นกัน มูเกะซังบอกว่าจะสามารถหาข้อมูลได้จากที่นั่น

 

「เอาละ งั้นเจอกันอีกทีตอนกลางคืนนะ~」

 

ดูเหมือนจะมีที่พักอำนวยความสะดวกอยู่น้อยนิดเพราะไม่ค่อยมีคนนอกได้เข้ามาในจักรวรรดิสักเท่าไหร่ ดังนั้น พวกเราจึงอาศัยอยู่ในโกดังในตอนกลางคืน

 

ประชากรในจักรวรรดิน่าจะมีมากกว่า 100,000 คน… แต่ การที่ปลีกวิเวกทั้งประเทศออกจากภายนอกได้ขนาดนี้นับว่าสุดยอดไปเลย

 

พวกเราไปยังกิลด์นักผจญภัยกันเป็นที่แรก มีเพียงแค่แผนกต้อนรับอยู่ที่ชั้นแรกเท่านั้น – ไม่เห็นกระดานคำร้องอยู่ที่ไหนเลย ด้วยการที่จำนวนนักผจญภัยชาวเลฟนั้นมีน้อย แถมดูเหมือนคำร้องทั้งหมดจะส่งผ่านทางประเทศ ก็เลยดูเหมือนว่าสำนักงานนี้จะใช่แค่ติดต่อกับกิลด์นอกประเทศเท่านั้น

 

เขาวงกตเองก็เป็นทรัพย์สินของประเทศ ไม่ใช่สำหรับให้พวกนักผจญภัยเข้าไป

 

「โอ้… พวกคุณเองก็จะเข้าร่วมการยึดครองดันเจี้ยนครั้งใหญ่ด้วยงั้นหรือคะ?」

 

พนักงานหญิงที่ประจำแผนกต้อนรับ—ที่ผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงก็เพราะขนตาของเธอนั้นบางยาว—ตอบกลับมาในตอนที่พวกเราถามข้อมูล

 

「มีบริษัทหลายรายลงชื่อเข้าร่วมค่ะ พวกนักผจญภัยที่มาร่วมตัวที่ “ด้านนอก” เองก็ถูกเรียกตัวมาจากกิลด์สาขาของประเทศอื่นและถูกจ้างวานโดยบริษัทพวกนั้นตามลำดับค่ะ ชั้นคิดว่ามันก็น่าจะได้เวลาแล้วที่พวกเขาจะเริ่มเข้ามาภายในจักรวรรดิค่ะ」

 

「พอจะมีเอกสารเกี่ยวกับเขาวงกตไหม?」ดันเต้ซังถาม

 

「แต่ชั้นได้มอบเอกสารพวกนั้นให้กับบริษัทต่างๆไปแล้วนะคะ」พนักงานส่ายหัวของเธอ

 

「โทษที พอดีพวกเราถูกจ้างวานโดยคนรู้จักหน่ะ บริษัทนี้เองก็พึ่งจะลงชื่อเข้าร่วมวันนี้เอง」

 

「โอ๊ะ บริษัทโกโรโกโส—」

 

「อะไรนะ?」

 

「…อะแฮ่ม ไม่มีอะไรค่ะ ชั้นมีสำเนาอยู่ พวกคุณสามารถเอาไปได้ค่ะ」

 

พวกเราได้รับเอกสารมาอย่างราบรื่น บางทีคงเพราะดันเต้ซังกดดันพนักงานที่หลุดปากออกมา

 

แต่อะไรคือ “บริษัทโกโรโกโส” ละนั่น?

 

มันก็จริงที่มูเกาะซังใช้รถจักรไอน้ำที่ดูโกโรโกโส และยังไม่เห็นคันอื่นนอกจากเนโกะจังในเมืองนี้ แต่มันก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้ใครนี้… ดันเต้ซังนั้นยิ้มอยู่ตลอด แต่พอเขาได้รับเอกสารจากพนักงานแล้ว เขาก็ส่งสายตาคมกลิบใส่จนพนักงานผงะร้อง “อิ๊ก!” ออกมา

 

พวกเราออกมาจากกิลด์แล้ว แต่ก็ยังได้ยินเกี่ยวกับ “บริษัทโกโรโกโส” จากรอบๆอยู่เลย

 

ขณะที่ทานข้าวกันอยู่ พวกเราก็ถูกถามว่า “พวกนายมาจากไหนกัน? พักอยู่กับใคร?” จากทางโรงอาหาร และเป็นที่รู้กันว่ามูเกะซังจ้างวานพวกเราเพียงแค่เดินในเมืองตอยขามาเท่านั้น คำที่ปรากฏแต่ละครั้งก็จะมี “บริษัทโกโรโกโส” ตลอด …ข่าวลือมันจะไม่แพร่เร็วไปหน่อยหรอ?

 

ให้ตายเหอะ… ในเวลาแบบนี้ผมรู้สึกไม่อยากจะมี【เสริมการได้ยิน】เลยจริงๆ

 

อนึ่ง อาหารของพวกเรานั้นเป็นเห็ดที่มีกลิ่นเครื่องเทศแรงๆ

 

「ที่นี่คือร้านอุปกรณ์เวทมนตร์งั้นหรอ?」

 

เนื่องจากซิวเวอร์บาลานซ์เคยมาที่จักรวรรดิแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาเลยพาผมมาที่ร้านที่มีหุ่นเหมือนกับหุ่นลองเสื้อวางเอาไว้หลังกระจกโชว์และสวมเกราะเอาไว้ มีทั้งเกราะทองพร้อมหนาม, เกราะทรงกลมแบบแอโรไดนามิก, และไอเทมยูนีคอื่นๆที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

 

เนื่องจากเป็นครั้งแรกของผมกับเซอรี่ซัง พวกเราจึงมองไปมองมารอบๆ

 

「ยินดีต้อนรับ–」

 

เจ้าของร้านร่างกายกำยำสวมแว่นขอบดำที่ดูจะกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ได้วางแว่นลงแล้วลุกขึ้นในตอนที่พวกเราเข้ามา

 

(ประเทศนี้มีเทคโนโลยีการพิมพ์ด้วย…)

 

หนังสือพิมพ์นั้นเป็นแบบเดียวกับเอกสารที่พวกเราได้รับมาก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ถูกพิมพ์โดยเครื่องจักร มีอุปกรณ์เวทมนตร์แบบนั้นถูกพบอยู่ในเขาวงกตด้วยงั้นหรอ?

 

「พวกนายเคยมาที่นี่มาก่อนสินะ?」

 

「โอ๊ะ จำพวกเราได้ด้วย」

 

「ฮ่ะห์ ไม่ค่อยมีคนอื่นนอกจากชาวเลฟอยู่แถวนี้แล้วนี้ ข้าเองก็มีสมองมากพอจะแยกออกนะ」

 

「ฟังดูถากถางจังนะที่บอกว่าชาวเลฟเองก็มีสมองเนี้ย พวกนายอาจถือได้ว่าเป็นที่สุดในโลกแล้วถ้าเป็นเรื่องอุปกรณ์เวทมนตร์นะ」ดันเต้ซังตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ

 

เจ้าของร้านดูจะเป็นคนดีนะ พวกเราเองก็มองดูอาวุธที่แสดงอยู่ในร้านพลางๆ

 

การตกแต่งภายในร้านที่ใช้ตะเกียงเวทมนตร์ค่อนข้างเยอะนั้นสว่างไสวและสะอาดสะอ้าน อาวุธที่วางเอาไว้บนชั้นวางเหล็กนั้นไม่ใช่ดาบหรือขวานแต่อย่างใด—เป็นอุปกรณ์ประหลาดๆเต็มไปหมด

 

กงเล็บที่ติดอยู่บนถุงมือนั้นมีสปริงติดอยู่ดูจะสามารถดีดกงเล็บออกไปได้ แถมยังมีกระบองขนาดใหญ่ที่มีรูหลายอันที่ตรงปลาย – ซึ่งอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ที่สามารถสร้างเปลวไฟได้

 

แล้วก็ที่เหลือคือ… ไอเทมขยะ? กองชิ้นส่วนโลหะมากมายที่ไม่รู้เอาไปทำอะไรถูกวางกองรวมกันในกล่องไม้

 

「สนใจงั้นหรอ เจ้าหนู?」

 

เจ้าของร้านพูดกับผมขณะที่ผมตรวจสอบไอเทมพวกนั้นอย่างกระตือรือร้น

 

「ของพวกนั้นไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะหาได้จาก “ภายนอก” ใช่ไหมละ? ชิ้นส่วนพวกนี้และทั้ง ‘อาวุธ’ กับ ‘ชุดเกราะ’ เป็นของแหกคอกหน่ะ พวกมันไม่ได้รับผลจากหินสกิล」

 

หินสกิลนั้นบันดาลให้มนุษย์สามารถใช้พลังพิเศษได้ ทว่ากลับกัน พวกเขาจะไม่ได้รับผลอะไรนอกเหลือจากพลังนั้น การมี【ทักษะหอก】ไม่ได้ส่งผลอะไรกับการเหวี่ยงกระบองเลย

 

「-งั้นหรือครับ เพราะชาวเลฟไม่สามารถใช้หินสกิลได้สินะครับ」

 

「ใช่ ดังนั้นพวกเราเลยพึ่งพาอุปกรณ์เวทมนตร์ไงหล่ะ ในทางกลับกัน พวกเราก็มีอิสระในการสร้างสรรค์อาวุธและชุดเกราะ เจ้าอาวุธติดสปริงนี้เป็นอันที่เรียบง่ายที่สุดเลยหล่ะ ดูเหมือนสกิลเองก็จะตอบสนองอยู่แต่เป็นไปตามอาวุธ ถึงข้าจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องนี้เท่าไหร่ก็เถอะ ไอเทมพวกนี้ก็เลยถูกเรียกว่า “สตีลเกียร์ (Steel Gear)” ไงหล่ะ」เจ้าของร้านอธิบาย

 

ของอย่างต่อไปที่เจ้าของร้ายหยิบขึ้นมาก็คือโล่ที่ส่องแสงอ่อนๆ

 

「เจ้านี้ถูกร่ายเวทมนตร์เอาไว้หลายชั้น เมื่อถูกโจมตี มันจะสร้างแรงสะท้อนกลับออกมา ดังนั้นสกิลเลยไม่นับว่ามันเป็น “โล่” มันจึงถูกเรียกว่า “เมจิคเกียร์ (Magic Gear)”」

 

เจ้าของร้านวางโล่กลับลงไป ก่อนจะตบมือของเขา

 

「และก็อีกอย่างนึง… มันไม่มีอยู่ที่นี่ แต่มันก็มีอุปกรณ์บางอย่างที่พบใน “เขาวงกตแห่งอารมณ์ทั้ง 9” ที่ใช้เป็นแบบอ้างอิงสำหรับอุปกรณ์เวทมนตร์ประเภทอื่นๆอยู่ ของพวกนั้นหลายอันเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบก็จริง แต่สำหรับพวกเราช่างทำอุปกรณ์เวทมนตร์แล้ว มันเป็นเมล็ดแห่งความสร้างสรรค์เลยหล่ะ ของพวกนั้นถูกเรียกว่า “ฮีโรอิคเกียร์ (Heroic Gear)”」

 

「ฮีโรอิคเกียร์…」

 

「ถ้าเจ้าเจอของแบบนั้นละก็ มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่เลยละ มันอาจจะนำไปสู่สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆก็ได้ ดังนั้นฝ่าบาทจักรพรรดิจะซื้อมันโดยตรงจากเจ้าเลยหล่ะ ถ้าเจ้าหวังละก็ เจ้าจะสามารถครอบครองเรือเหาะเวทมนตร์ส่วนตัวได้เลยนะ」

 

เจ้าของร้านพูดแบบนั้นแล้วยิ้มให้กับผม

 

「…แต่เขาวงกตแห่งอารมณ์ทั้ง 9 ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอกนะ มีทีมยึดครองมากมายที่หวังโชคลาภต่างพากันมุ่งตรงเข้าไปนักต่อนักแล้ว และผลสุดท้ายก็มีศพมากมายหลายพันหลับไหลอยู่ภายในเขาวงกต」

 

มันเป็นรอยยิ้มที่ดุร้าย

 

เมื่อพวกเรากลับไปยังบริษัทของมูเกะซังในตอนบ่าย มูเกะซังก็ต้อนรับพวกเราด้วยรอยยิ้ม ปรากฏว่าเอกสารผ่านอย่างราบริ่นไม่มีสะดุดเลย และเป็นอันตกลงแล้วว่าพวกเราจะสามารถเข้าไปในเขาวงกตได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

 

「…คือ เมื่อพวกเราเข้าไปข้างในในวันพรุ่งนี้แล้ว ข้าคิดว่าพวกเพื่อนๆของข้าน่าจะอยู่ข้างในกันแล้วแน่ๆ พวกเขาอาจจะพูดเรื่องที่อาจจะทำให้พวกนายรู้สึกไม่ดีนิดหน่อย ดังนั้น…」

 

「ไม่เป็นไรหรอก พวกเราเป็นนักผจญภัยและนายเองก็เป็นผู้ว่าจ้าง ดังนั้น–」

 

「บริษัทโกโรโกโส…」

 

เมื่อผมพูดแบบนั้น ทั้งมูเกะซังกับดันเต้ซังต่างก็ตกใจออกมา

 

「เรย์จิ!」

 

「มะ-ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องจริงนี้นา…」

 

「ไม่ครับ มูเกะซัง มาเปลี่ยน “เรื่องจริง” นั้นให้เป็น “เรื่องไม่จริง” กันเถอะครับ」

 

ผมพลิกหน้าเอกสารที่พวกเราได้รับมาจากกิลด์นักผจญภัย

 

「เรย์จิ? เป็นอะไรไปหน่ะ? นายทำตัวแปลกไปนะ」

 

「ดันเต้ซัง, มิมิโนะซัง, น็อนซัง ผมติดหนี้มูเกะซังอยู่ครับ เขาอยู่กับเรามาตลอดการเดินทางจนถึงที่นี่ และแถมยังช่วยผมเรื่องของลูลูช่าซังด้วย ดังนั้นผมจึงอยากจะตอบแทนเขาครับ」

 

「เป็นงั้นเองหรอกหรอ」ดันเต้ซังยิ้ม มิมิโนะซังกับน็อนซังเองก็พยักหน้า

 

「ดังนั้น ทำไมเราไม่มาตั้งเป้าหมายในการสำรวจเขาวงกตครั้งนี้… เป็นการหาของที่มีค่าเทียบเท่ากับ “ฮีโรอิคเกียร์” เพื่อมูเกาะซังกันละครับ」

 

「เออออออ๋!? ปะ-เป็นไปไม่ได้หรอก!」

 

มีมูเกะซังคนเดียวเท่านั้นที่คัดค้าน ทว่า–

 

「ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็หงุดหงิดที่ได้ยินเรื่องเสียๆหายๆของมูเกะซังเช่นกัน」ดันเต้ซังเสริม

 

「ใช่แล้วละ พวกเราเป็นนักผจญภัยนี้นา พวกเราต้องฝันสูงเอาไว้ก่อนสิ」มิมิโนะซังพูด

 

「ถ้าคุณได้รางวัลใหญ่ละก็ คุณจะสร้างโบสถ์ในจักรวรรดิให้ได้ไหมคะ?」น็อนซังถาม

 

「หนุ่มน้อย แล้วเค้าล้าาา?!」

 

คนสุดท้ายดูจะไม่พอใจที่ผมไม่ได้เรียกชื่อเธอ ทว่าคนอื่นๆนั้นดูจะเห็นด้วย

 

「มูเกะซัง พวกเรากำลังจะไปสำรวจเขาวงกตกันนะครับ ดังนั้นสนุกไปกับมันกันเถอะครับ」

 

เมื่อผมยิ้มให้กับมูเกะซัง จังหวะนั้น เขาก็มีสีหน้าเหมือนกับเขารู้สีกเสียใจที่ว่าจ้างพวกเรายังไงยังงั้น

 

ส่วนแบ่งของที่ได้นั้น 50% จะเป็นของมูเกะซังที่เป็นผู้ว่าจ้างและคนที่ทำให้เราได้มีโอกาสเข้าไปในเขาวงกต และอีก 50% เป็นของพวกเรา ซิวเวอร์บาลานซ์

 

========================================================

TL: งานมหาลัยเต็มมือเลยหง่ะ T T

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit บทที่3 5

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 5 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 5

 

มูเกะซังนั้นเป็นชาวเลฟที่ทำการค้าขายผ่านกองคาราวาน ต่อให้เป็นคนจากภายนอกจักรวรรดิก็ตาม เขาก็ยังแนะนำเราว่า–

 

「ผู้คนชาวเลฟนั้นได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขาวงกตที่แผนกยึดครองพวกนั้นเข้าไปได้นะ พวกนายอยากจะเข้าร่วมกับข้าไหมละ?」

 

มูเกะซังอาจจะได้อุปกรณ์เวทมนตร์บางอย่างที่หน่วยยึดครองพลาดไปก็ได้ และพวกเรา – ตรงๆเลยก็คือผม อาจจะสามารถพบกับลูลูช่าซังได้ก็ได้

 

ในแง่หนึ่ง การยึกครองเขาวงกตนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างอันตรายมาก ดังนั้นไม่มีใครรู้ได้เลยว่าลูลูช่าซังจะมีชีวิตรอดกลับมาหรือไม่ ถ้าผมพลาดโอกาสนี้ไปละก็ ผมจะต้องเสียใจแน่ๆ ดันเต้ซังกับคนอื่นๆเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

「ได้โปรดให้พวกเราร่วมด้วยครับ」ผมพูด

 

หลังจากนั้น มูเกะซังก็ไปยังเขาวงกตเพื่อยื่นเอกสาร ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจเก็บรวบรวมข้อมูลภายในจักรวรรดินี้จนกว่าจะได้รับอนุมัติ ก็ตั้งแต่แรกแล้ว ผมไม่รู้เลยนี้นาว่าเขาวงกตพวกนั้นมันเป็นยังไง

 

ในจักรวรรดิเองก็มีกิลด์นักผจญภัยสำหรับชาวเลฟอยู่ด้วยเช่นกัน มูเกะซังบอกว่าจะสามารถหาข้อมูลได้จากที่นั่น

 

「เอาละ งั้นเจอกันอีกทีตอนกลางคืนนะ~」

 

ดูเหมือนจะมีที่พักอำนวยความสะดวกอยู่น้อยนิดเพราะไม่ค่อยมีคนนอกได้เข้ามาในจักรวรรดิสักเท่าไหร่ ดังนั้น พวกเราจึงอาศัยอยู่ในโกดังในตอนกลางคืน

 

ประชากรในจักรวรรดิน่าจะมีมากกว่า 100,000 คน… แต่ การที่ปลีกวิเวกทั้งประเทศออกจากภายนอกได้ขนาดนี้นับว่าสุดยอดไปเลย

 

พวกเราไปยังกิลด์นักผจญภัยกันเป็นที่แรก มีเพียงแค่แผนกต้อนรับอยู่ที่ชั้นแรกเท่านั้น – ไม่เห็นกระดานคำร้องอยู่ที่ไหนเลย ด้วยการที่จำนวนนักผจญภัยชาวเลฟนั้นมีน้อย แถมดูเหมือนคำร้องทั้งหมดจะส่งผ่านทางประเทศ ก็เลยดูเหมือนว่าสำนักงานนี้จะใช่แค่ติดต่อกับกิลด์นอกประเทศเท่านั้น

 

เขาวงกตเองก็เป็นทรัพย์สินของประเทศ ไม่ใช่สำหรับให้พวกนักผจญภัยเข้าไป

 

「โอ้… พวกคุณเองก็จะเข้าร่วมการยึดครองดันเจี้ยนครั้งใหญ่ด้วยงั้นหรือคะ?」

 

พนักงานหญิงที่ประจำแผนกต้อนรับ—ที่ผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงก็เพราะขนตาของเธอนั้นบางยาว—ตอบกลับมาในตอนที่พวกเราถามข้อมูล

 

「มีบริษัทหลายรายลงชื่อเข้าร่วมค่ะ พวกนักผจญภัยที่มาร่วมตัวที่ “ด้านนอก” เองก็ถูกเรียกตัวมาจากกิลด์สาขาของประเทศอื่นและถูกจ้างวานโดยบริษัทพวกนั้นตามลำดับค่ะ ชั้นคิดว่ามันก็น่าจะได้เวลาแล้วที่พวกเขาจะเริ่มเข้ามาภายในจักรวรรดิค่ะ」

 

「พอจะมีเอกสารเกี่ยวกับเขาวงกตไหม?」ดันเต้ซังถาม

 

「แต่ชั้นได้มอบเอกสารพวกนั้นให้กับบริษัทต่างๆไปแล้วนะคะ」พนักงานส่ายหัวของเธอ

 

「โทษที พอดีพวกเราถูกจ้างวานโดยคนรู้จักหน่ะ บริษัทนี้เองก็พึ่งจะลงชื่อเข้าร่วมวันนี้เอง」

 

「โอ๊ะ บริษัทโกโรโกโส—」

 

「อะไรนะ?」

 

「…อะแฮ่ม ไม่มีอะไรค่ะ ชั้นมีสำเนาอยู่ พวกคุณสามารถเอาไปได้ค่ะ」

 

พวกเราได้รับเอกสารมาอย่างราบรื่น บางทีคงเพราะดันเต้ซังกดดันพนักงานที่หลุดปากออกมา

 

แต่อะไรคือ “บริษัทโกโรโกโส” ละนั่น?

 

มันก็จริงที่มูเกาะซังใช้รถจักรไอน้ำที่ดูโกโรโกโส และยังไม่เห็นคันอื่นนอกจากเนโกะจังในเมืองนี้ แต่มันก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้ใครนี้… ดันเต้ซังนั้นยิ้มอยู่ตลอด แต่พอเขาได้รับเอกสารจากพนักงานแล้ว เขาก็ส่งสายตาคมกลิบใส่จนพนักงานผงะร้อง “อิ๊ก!” ออกมา

 

พวกเราออกมาจากกิลด์แล้ว แต่ก็ยังได้ยินเกี่ยวกับ “บริษัทโกโรโกโส” จากรอบๆอยู่เลย

 

ขณะที่ทานข้าวกันอยู่ พวกเราก็ถูกถามว่า “พวกนายมาจากไหนกัน? พักอยู่กับใคร?” จากทางโรงอาหาร และเป็นที่รู้กันว่ามูเกะซังจ้างวานพวกเราเพียงแค่เดินในเมืองตอยขามาเท่านั้น คำที่ปรากฏแต่ละครั้งก็จะมี “บริษัทโกโรโกโส” ตลอด …ข่าวลือมันจะไม่แพร่เร็วไปหน่อยหรอ?

 

ให้ตายเหอะ… ในเวลาแบบนี้ผมรู้สึกไม่อยากจะมี【เสริมการได้ยิน】เลยจริงๆ

 

อนึ่ง อาหารของพวกเรานั้นเป็นเห็ดที่มีกลิ่นเครื่องเทศแรงๆ

 

「ที่นี่คือร้านอุปกรณ์เวทมนตร์งั้นหรอ?」

 

เนื่องจากซิวเวอร์บาลานซ์เคยมาที่จักรวรรดิแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาเลยพาผมมาที่ร้านที่มีหุ่นเหมือนกับหุ่นลองเสื้อวางเอาไว้หลังกระจกโชว์และสวมเกราะเอาไว้ มีทั้งเกราะทองพร้อมหนาม, เกราะทรงกลมแบบแอโรไดนามิก, และไอเทมยูนีคอื่นๆที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

 

เนื่องจากเป็นครั้งแรกของผมกับเซอรี่ซัง พวกเราจึงมองไปมองมารอบๆ

 

「ยินดีต้อนรับ–」

 

เจ้าของร้านร่างกายกำยำสวมแว่นขอบดำที่ดูจะกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ได้วางแว่นลงแล้วลุกขึ้นในตอนที่พวกเราเข้ามา

 

(ประเทศนี้มีเทคโนโลยีการพิมพ์ด้วย…)

 

หนังสือพิมพ์นั้นเป็นแบบเดียวกับเอกสารที่พวกเราได้รับมาก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ถูกพิมพ์โดยเครื่องจักร มีอุปกรณ์เวทมนตร์แบบนั้นถูกพบอยู่ในเขาวงกตด้วยงั้นหรอ?

 

「พวกนายเคยมาที่นี่มาก่อนสินะ?」

 

「โอ๊ะ จำพวกเราได้ด้วย」

 

「ฮ่ะห์ ไม่ค่อยมีคนอื่นนอกจากชาวเลฟอยู่แถวนี้แล้วนี้ ข้าเองก็มีสมองมากพอจะแยกออกนะ」

 

「ฟังดูถากถางจังนะที่บอกว่าชาวเลฟเองก็มีสมองเนี้ย พวกนายอาจถือได้ว่าเป็นที่สุดในโลกแล้วถ้าเป็นเรื่องอุปกรณ์เวทมนตร์นะ」ดันเต้ซังตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ

 

เจ้าของร้านดูจะเป็นคนดีนะ พวกเราเองก็มองดูอาวุธที่แสดงอยู่ในร้านพลางๆ

 

การตกแต่งภายในร้านที่ใช้ตะเกียงเวทมนตร์ค่อนข้างเยอะนั้นสว่างไสวและสะอาดสะอ้าน อาวุธที่วางเอาไว้บนชั้นวางเหล็กนั้นไม่ใช่ดาบหรือขวานแต่อย่างใด—เป็นอุปกรณ์ประหลาดๆเต็มไปหมด

 

กงเล็บที่ติดอยู่บนถุงมือนั้นมีสปริงติดอยู่ดูจะสามารถดีดกงเล็บออกไปได้ แถมยังมีกระบองขนาดใหญ่ที่มีรูหลายอันที่ตรงปลาย – ซึ่งอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ที่สามารถสร้างเปลวไฟได้

 

แล้วก็ที่เหลือคือ… ไอเทมขยะ? กองชิ้นส่วนโลหะมากมายที่ไม่รู้เอาไปทำอะไรถูกวางกองรวมกันในกล่องไม้

 

「สนใจงั้นหรอ เจ้าหนู?」

 

เจ้าของร้านพูดกับผมขณะที่ผมตรวจสอบไอเทมพวกนั้นอย่างกระตือรือร้น

 

「ของพวกนั้นไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะหาได้จาก “ภายนอก” ใช่ไหมละ? ชิ้นส่วนพวกนี้และทั้ง ‘อาวุธ’ กับ ‘ชุดเกราะ’ เป็นของแหกคอกหน่ะ พวกมันไม่ได้รับผลจากหินสกิล」

 

หินสกิลนั้นบันดาลให้มนุษย์สามารถใช้พลังพิเศษได้ ทว่ากลับกัน พวกเขาจะไม่ได้รับผลอะไรนอกเหลือจากพลังนั้น การมี【ทักษะหอก】ไม่ได้ส่งผลอะไรกับการเหวี่ยงกระบองเลย

 

「-งั้นหรือครับ เพราะชาวเลฟไม่สามารถใช้หินสกิลได้สินะครับ」

 

「ใช่ ดังนั้นพวกเราเลยพึ่งพาอุปกรณ์เวทมนตร์ไงหล่ะ ในทางกลับกัน พวกเราก็มีอิสระในการสร้างสรรค์อาวุธและชุดเกราะ เจ้าอาวุธติดสปริงนี้เป็นอันที่เรียบง่ายที่สุดเลยหล่ะ ดูเหมือนสกิลเองก็จะตอบสนองอยู่แต่เป็นไปตามอาวุธ ถึงข้าจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องนี้เท่าไหร่ก็เถอะ ไอเทมพวกนี้ก็เลยถูกเรียกว่า “สตีลเกียร์ (Steel Gear)” ไงหล่ะ」เจ้าของร้านอธิบาย

 

ของอย่างต่อไปที่เจ้าของร้ายหยิบขึ้นมาก็คือโล่ที่ส่องแสงอ่อนๆ

 

「เจ้านี้ถูกร่ายเวทมนตร์เอาไว้หลายชั้น เมื่อถูกโจมตี มันจะสร้างแรงสะท้อนกลับออกมา ดังนั้นสกิลเลยไม่นับว่ามันเป็น “โล่” มันจึงถูกเรียกว่า “เมจิคเกียร์ (Magic Gear)”」

 

เจ้าของร้านวางโล่กลับลงไป ก่อนจะตบมือของเขา

 

「และก็อีกอย่างนึง… มันไม่มีอยู่ที่นี่ แต่มันก็มีอุปกรณ์บางอย่างที่พบใน “เขาวงกตแห่งอารมณ์ทั้ง 9” ที่ใช้เป็นแบบอ้างอิงสำหรับอุปกรณ์เวทมนตร์ประเภทอื่นๆอยู่ ของพวกนั้นหลายอันเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบก็จริง แต่สำหรับพวกเราช่างทำอุปกรณ์เวทมนตร์แล้ว มันเป็นเมล็ดแห่งความสร้างสรรค์เลยหล่ะ ของพวกนั้นถูกเรียกว่า “ฮีโรอิคเกียร์ (Heroic Gear)”」

 

「ฮีโรอิคเกียร์…」

 

「ถ้าเจ้าเจอของแบบนั้นละก็ มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่เลยละ มันอาจจะนำไปสู่สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆก็ได้ ดังนั้นฝ่าบาทจักรพรรดิจะซื้อมันโดยตรงจากเจ้าเลยหล่ะ ถ้าเจ้าหวังละก็ เจ้าจะสามารถครอบครองเรือเหาะเวทมนตร์ส่วนตัวได้เลยนะ」

 

เจ้าของร้านพูดแบบนั้นแล้วยิ้มให้กับผม

 

「…แต่เขาวงกตแห่งอารมณ์ทั้ง 9 ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอกนะ มีทีมยึดครองมากมายที่หวังโชคลาภต่างพากันมุ่งตรงเข้าไปนักต่อนักแล้ว และผลสุดท้ายก็มีศพมากมายหลายพันหลับไหลอยู่ภายในเขาวงกต」

 

มันเป็นรอยยิ้มที่ดุร้าย

 

เมื่อพวกเรากลับไปยังบริษัทของมูเกะซังในตอนบ่าย มูเกะซังก็ต้อนรับพวกเราด้วยรอยยิ้ม ปรากฏว่าเอกสารผ่านอย่างราบริ่นไม่มีสะดุดเลย และเป็นอันตกลงแล้วว่าพวกเราจะสามารถเข้าไปในเขาวงกตได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

 

「…คือ เมื่อพวกเราเข้าไปข้างในในวันพรุ่งนี้แล้ว ข้าคิดว่าพวกเพื่อนๆของข้าน่าจะอยู่ข้างในกันแล้วแน่ๆ พวกเขาอาจจะพูดเรื่องที่อาจจะทำให้พวกนายรู้สึกไม่ดีนิดหน่อย ดังนั้น…」

 

「ไม่เป็นไรหรอก พวกเราเป็นนักผจญภัยและนายเองก็เป็นผู้ว่าจ้าง ดังนั้น–」

 

「บริษัทโกโรโกโส…」

 

เมื่อผมพูดแบบนั้น ทั้งมูเกะซังกับดันเต้ซังต่างก็ตกใจออกมา

 

「เรย์จิ!」

 

「มะ-ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องจริงนี้นา…」

 

「ไม่ครับ มูเกะซัง มาเปลี่ยน “เรื่องจริง” นั้นให้เป็น “เรื่องไม่จริง” กันเถอะครับ」

 

ผมพลิกหน้าเอกสารที่พวกเราได้รับมาจากกิลด์นักผจญภัย

 

「เรย์จิ? เป็นอะไรไปหน่ะ? นายทำตัวแปลกไปนะ」

 

「ดันเต้ซัง, มิมิโนะซัง, น็อนซัง ผมติดหนี้มูเกะซังอยู่ครับ เขาอยู่กับเรามาตลอดการเดินทางจนถึงที่นี่ และแถมยังช่วยผมเรื่องของลูลูช่าซังด้วย ดังนั้นผมจึงอยากจะตอบแทนเขาครับ」

 

「เป็นงั้นเองหรอกหรอ」ดันเต้ซังยิ้ม มิมิโนะซังกับน็อนซังเองก็พยักหน้า

 

「ดังนั้น ทำไมเราไม่มาตั้งเป้าหมายในการสำรวจเขาวงกตครั้งนี้… เป็นการหาของที่มีค่าเทียบเท่ากับ “ฮีโรอิคเกียร์” เพื่อมูเกาะซังกันละครับ」

 

「เออออออ๋!? ปะ-เป็นไปไม่ได้หรอก!」

 

มีมูเกะซังคนเดียวเท่านั้นที่คัดค้าน ทว่า–

 

「ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็หงุดหงิดที่ได้ยินเรื่องเสียๆหายๆของมูเกะซังเช่นกัน」ดันเต้ซังเสริม

 

「ใช่แล้วละ พวกเราเป็นนักผจญภัยนี้นา พวกเราต้องฝันสูงเอาไว้ก่อนสิ」มิมิโนะซังพูด

 

「ถ้าคุณได้รางวัลใหญ่ละก็ คุณจะสร้างโบสถ์ในจักรวรรดิให้ได้ไหมคะ?」น็อนซังถาม

 

「หนุ่มน้อย แล้วเค้าล้าาา?!」

 

คนสุดท้ายดูจะไม่พอใจที่ผมไม่ได้เรียกชื่อเธอ ทว่าคนอื่นๆนั้นดูจะเห็นด้วย

 

「มูเกะซัง พวกเรากำลังจะไปสำรวจเขาวงกตกันนะครับ ดังนั้นสนุกไปกับมันกันเถอะครับ」

 

เมื่อผมยิ้มให้กับมูเกะซัง จังหวะนั้น เขาก็มีสีหน้าเหมือนกับเขารู้สีกเสียใจที่ว่าจ้างพวกเรายังไงยังงั้น

 

ส่วนแบ่งของที่ได้นั้น 50% จะเป็นของมูเกะซังที่เป็นผู้ว่าจ้างและคนที่ทำให้เราได้มีโอกาสเข้าไปในเขาวงกต และอีก 50% เป็นของพวกเรา ซิวเวอร์บาลานซ์

 

========================================================

TL: งานมหาลัยเต็มมือเลยหง่ะ T T

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+