[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่3 9

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 9 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 9

 

อย่างไรก็ตาม ผู้คนชาวเลฟจัดการกับออโตมาตรอนแบบนั้นได้ยังไงกัน? ชาวเลฟใช้หินสกิลไม่ได้นี้นา คงจะใช้อาวุธหนักกันเอาละมั้ง

 

…ให้ตายเหอะ อยากจะเห็นอาวุธพวกนั้นจัง

 

「ดันเต้ซัง ข้างหน้าดูจะไม่มีอะไรนะครับ」

 

「โอเค งั้นไปกันเถอะ」

 

พวกเราผ่านถ้ำขนาดใหญ่แล้วตรงไปตามทางเดิน เส้นทางได้หักไปทางขวา

 

ออโตมาตรอนเมื่อกี้มาจากไหนกันหน่ะ? แผนกยึดครองเขาวงกตที่มาก่อนหน้าพลาดไปงั้นหรอ? ชิ้นส่วนของออโตมาตรอนตัวนั้นถูกแยกส่วนแล้วเก็บเอาไว้ที่ถาดรับน้ำหนักของเนโกะจัง—เพราะไม่ได้ต้องการชิ้นส่วนโลหะ ดังนั้นจึงมีแค่อุปกรณ์เวทยมนตร์ข้างใน ซึ่งก็มีไม่เยอะเท่าไหร่ ผมยังคิดว่ามันน้อยเกินไปเลย ทว่ามูเกะซังกลับเต็มเปลี่ยมไปด้วยความสุข สงสัยจังว่าทั้งหมดนั้นเป็นชิ้นส่วนหายากหรือเปล่านะ?

 

「…หืมมม?」เซอรี่ซังส่งเสียงออกมา

 

「มีอะไรหรอครับ?」ผมถาม

 

「ฮึมมม… เค้ารู้สึกเหมือนกับว่าอากาศมันเปลี่ยนไป บางทีอาจจะเป็นแค่เค้าก็ได้」

 

「งั้นเคลื่อนที่กันอย่างระมัดระวังกันดีกว่าครับ」

 

「ไปกันเถอะ」ดันเต้ซังพูดพร้อมพยักหน้า

 

พวกเราเคลื่อนตัวไปข้างหน้ากันอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และที่ข้างหน้าประมาณ 100 เมตร ห้องถัดไปก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา

 

「หะ-เห้ย นี้มัน…」

 

ผมเดินไปอยู่ข้างๆดันเต้ซังแล้วส่องไฟไป… มันเป็นทางกว้างๆ

 

「เหมือนกับที่ทางเข้าเลย ทางลาดลงไปข้างล่างพร้อมรูปปั้นหิน」

 

รูปปั้นหินพร้อมอาวุธมากมายเรียงรายกันทั้งซ้ายและขวา ทางลาดเอียงเหมือนกับที่ทางเข้าเด๊ะๆ

 

「มันดูเหมือนกันก็จริง แต่พวกมันมีอาวุธไม่เหมือนกันครับ」

 

「หมายความว่าไง?」

 

「ตรงทางเข้านั้นเรียงเป็นดาบ, โล่, คทา, ขวาน, หอก, ค้อน – แล้วก็วนไปครับ แต่ที่นี่นั้นเรียงเป็นดาบ, ดาบสั้นโค้ง(scimitar), ขวาน, มีด, หอก, กรรไกรยักษ์ครับ」

 

「โว้ว! นายจำของแบบนั้นได้ด้วยหรอเนี้ย」

 

ใช่ ผมยังไม่ได้บอกดันเต้ซังกับคนอื่นถึง【World Ruler】กับความสามารถจดจำสมบูรณ์แบบเลย

 

「เซอรี่ซัง คุณได้กลิ่นอะไรไหมครับ? หรือเสียงแปลกๆอะไรแบบนั้น?」ผมถาม

 

「เค้าได้กลิ่นน้ำมัน」เซอรี่ซังพูดขณะที่ดมฟุดฟิด ใบหน้าของเธอมีสมาธิผิดปกติ

 

「นี้คือน้ำมัน?」

 

จมูกของผมเองก็จับกลิ่นอ่อนๆได้ ถึงจะอ่อนมากเลยก็ตาม

 

「ดูจะค่อนข้างเก่าเลยนะครับ」ผมพูด

 

「เป็นกับดักหรือเปล่า?」

 

ทั้งผมและเซอรี่ซังก็ไม่สามารถตอบคำถามของดันเต้ซังทันทีได้ ผมคิดไม่ออกเลยจริงๆ

 

「ดันเต้ซัง อยากจะให้ผมลองยิงด้วย【เวทย์ไฟ】ไหมครับ?」

 

「หืมม? ตรวจดูว่ามีแก๊สไหมสินะ หา?」

 

ในอดีต มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “นกขมิ้นในเหมืองถ่านหิน (canary in the coal mine)” อยู่ที่โลก เรื่องราวจริงๆของคนงานเหมืองที่เข้าไปในอุโมงค์พร้อมกับนกขมิ้นในกรง อุโมงค์ที่ไม่ได้ใช้นานๆนั้นอาจจะมีออกซิเจนน้อยหรือเต็มไปด้วยคาร์บอนมอนอกไซด์ไม่ก็แก๊สพิษ นกขมิ้นถูกใช้ในฐานะตัวตรวจจับเพราะมันจะตายด้วยแก๊สพิษก่อนมนุษย์

 

จริงๆแล้ว ขนาดในเหมืองที่ 6 เอง พวกนักผจญภัยที่จะเข้าไปสำรวจพื้นที่ลึกๆบางครั้งก็นำนกตัวเล็กๆไปกับพวกเขาด้วยเช่นกัน

 

「ข้าไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไรเนื่องจากออกซิเจนนั้นไหลเวียนอยู่ภายในดันเจี้ยนอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีพวกแผนกยึดครองเขาวงกตที่มาก่อนหน้าพวกเราด้วย」

 

「ครับ…」

 

จริงด้วย เนื่องจากมีคนอยู่ข้างหน้าพวกเราแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำมันเลย

 

แต่ว่าถึงยังนั้น ผมก็ยังรู้สึกว่าผมต้องทำมันอยู่ดี ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน? ไม่ใช้สัญญาณเตือนจาก【World Ruler】แต่เป็นแค่ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลเท่านั้นเอง

 

「ถ้าเธอมีมานาเหลือละก็ จะลองดูก็ได้นะ ให้ยิงไปทางนั้นนะ อย่างน้อยๆพวกเราก็จะได้เห็นข้างหน้าชัดขึ้นด้วย」มิมิโนะซังพูด

 

ผมพยักหน้าแล้วยิง【เวทย์ไฟ】ออกไป มันเป็นลูกไฟขนาดเท่าบาสเก็ตบอล มันบินผ่านรูปปั้นพร้อมกับเสียงฟลิ้ว บริเวณที่มันผ่านสว่างขึ้นแปปนึง

 

การเรียงตัวของรูปปั้นหินยังคงไปเรื่อยๆ… รูปแบบอาวุธเองก็เหมือนเดิม… ท่าทางเปลี่ยนไปเล็กน้อย? สีของอาวุธเองก็ด้วย?

 

ท้ายที่สุด ลูกไฟก็กระทบกับกำแพงทางออกที่อีกฝั่งแล้วหายไป

 

「ทุกอย่างดูเหมือนกันหมดเลย」

 

ดันเต้ซังพูด มิมิโนะซังเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

ไม่ครับ ไม่เหมือน ไม่เหมือนกันซะทีเดียวครับ มันมีความต่างอยู่เล็กน้อยจริงๆ

 

แต่อะไรกันละที่ผมเห็น?

 

ผมนึกถึงสิ่งที่ผมเห็นด้วย【World Ruler】ท่ายืนกับสีของอาวุธนั้นต่างกัน ที่ด้านหน้าของแถว รูปปั้นนั้นยืนตัวตรง ทว่าที่ด้านหลังของแุถว พวกมันอยู่ในท่าดาวน์สวิง(downswing) ด้วยอาวุธ และสีของอาวุธเองก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันมีความเงาวับเลยด้วย…

 

(ที่นี่คือเขาวงกตเห็นความกลัว… ความกลัว… อาวุธ… รูปปั้น… อ้าาาาา ไม่เข้าใจสักนิด!)

 

ผมอาจจะสังเกตเห็นบางอย่างถ้าผมมีไหวพริบเหมือนกับเอิร์ลซิวลิซส์ แต่โชคไม่ดีที่ผมคิดอะไรไม่ออกเลย

 

「เอาละ ไปกันเถอะ」

 

ดันเต้ซังเดินนำหน้า แล้วพวกเราก็เดินตาม

 

พวกเราเดินไปตามทางเดินในขณะที่ถูกจ้องมองโดยรูปปั้น เป็นทางลาดลงอีกแล้ว ทำให้กลับมารู้สึกไม่ดีอีกครั้ง เมื่อพวกเราเดินลงเนิน คุณจะต้องเบรคพร้อมๆกับเดินลงไป และในทางกลับกัน คุณก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าถูกพลักดันให้ไปข้างหน้าเรื่อยๆ อะไรแบบ “เร็วกว่านี้! เร็วกว่านี้!”

 

เซอรี่ซังเองก็เดินเหมือนกับเธอยังคิดไม่ตกถึงความรู้สึกนี้ บางทีคงเพราะเซอรี่ซังกับผมนั้นเคร่งเครียดมาก เลยไม่มีใครพูดอะไรเลย – มีเพียงแค่เสียงเครื่องจักรไอน้ำของเนโกะจังดังออกมาเท่านั้น

 

(…ความกลัว… อาวุธ… รูปปั้น… อาวุธนั้นต่างจากตรงทางเข้า ทำไมกัน?)

 

ตอนแรกนั้นมีดาบ, โล่, คทา, ขวาน, หอก, ค้อน

 

ครั้งนี้มีดาบ, ดาบสั้นโค้ง, ขวาน, มีด, หอก, และ กรรไกรยักษ์

 

แล้วไอ้กรรไกรยักษ์นี้มันคืออาวุธอะไรกัน มีอาวุธ 3 อันเหมือนกันในขณะที่อีก 3 อันต่างกัน ทำไมถึงต่างกันละ…

 

(โอ๊ะ! พวกมันทั้งหมดเป็นใบมีดนี้นา)

 

อาวุธทั้ง 6 ประเภทในทางเดินนี้ล้วนแล้วแต่เป็น “ของมีคม”

 

แต่ แล้วมันหมายถึงอะไรกัน…?

 

(ใบมีด, ใบมีด, ใบมีด — น้ำมัน หมายความว่ามันมีกับดักงั้นหรอ…?)

 

ตรงนี้เป็นทางเดินลาดลง

 

「อ๊ะ-」

 

ผมรู้สึกตัวแล้วหันกลับไปมองด้านหลัง

 

มันไม่มีเสียง บางทีคงเพราะมันถูกทาด้วยน้ำมัน

 

อย่างไรก็ตาม… เสียงของอากาศที่ถูกตัดผ่านนั้นไม่สามารถลบออกไปได้

 

ทันทีพร้อมกันกับผม เซอรี่ซังเองก็หันกลับมามองด้านหลังด้วยเช่นกัน เนื่องจากเธอนั้นมีหูที่ดี เธอเลยได้ยินเสียงเหมือนกัน – เสียงของใบมีที่ตัดผ่านอากาศ

 

「หมอบลง!!」ผมตะโกน

 

พวกเรานั้นเอาแต่มองด้านบนอยู่ตลอด มันก็เป็นเรื่องปกตืเนื่องจากมีเพียงแค่รูปปั้นหินเท่านั้นที่ต่างจากตรงทางเข้า

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งพวกเราเดินผ่านมันไป – ช่องว่างที่สร้างอยู่ในทางลาดลง

 

ใบมีดหมุนยาวมากกว่า 1 เมตรถูกยิงมาทางพวกเรา

 

「คุ๊…」

 

มูเกะซังนั้นตอบสนองช้าไม่เหมือนกับพวกเรา ผมรีบกระโจนเข้าหาเขาแล้วลากเขาออกจากที่นั่งคนขับเนโกะจัง

 

「อุหว่าาา!」

 

เกือบไปแล้ว

 

ใบมีดนั้นพลาดไปไม่กี่มิลลิเมตร ตัดปลายผมของผมไปเล็กน้อย ขนาดต่อให้มันตัดปล่องไฟของเนโกะจังไปแล้วก็ตาม มันก็ไม่ได้หยุดลงเลย

 

ตอนที่ดันเต้ซังเห็นมัน เขาดูจะเหมือนกับพยายามจะบล็อคมันไว้ด้วยโล่ของเขา ทว่ารีบวางมันลงแล้วหมอบทันที ใบมีดนั้นถูกยิงด้วยแรงที่สามารถตัดผ่านโล่ให้เป็นสองซีกได้เลย

 

ใบมีดผ่านพวกเราแล้วหายราวกับถูกดูดเข้าไปในช่องว่างที่ถูกสร้างเอาไว้ตรงด้านบนของทางออก

 

เอาจริงดิ? ขนาดจุดปลายทางก็ยังคำนวนเอาไว้แล้วงั้นหรอ?

 

「ฟลิ้ว…」

 

ผมเหงื่อโชกตัว

 

「เดี๋ยวนะ! นี้มันเหมือนกับว่า…」

 

เนื่องจากพวกเราเคยประสบอะไรแบบนี้มาแล้ว ผมจึงรู้สึกตัวทันที พวกเรากำลังหมอบอยู่กับพื้น—ราวกับพบเจอใครสักคนที่สูงส่งกว่า หรือจะบอกว่า ราวกับพวกเรากำลังเผชิญกับตัวตนของสิ่งที่เหมือนกับ “พระเจ้า”

 

ใช่ พวกเราดูเหมือนกับกำลังหมอบกราบอยู่บนพื้น และถูกกลืนกินด้วยความกลัว

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limitบทที่3 9

Now you are reading [นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit Chapter บทที่3 9 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ตอนที่ 9

 

อย่างไรก็ตาม ผู้คนชาวเลฟจัดการกับออโตมาตรอนแบบนั้นได้ยังไงกัน? ชาวเลฟใช้หินสกิลไม่ได้นี้นา คงจะใช้อาวุธหนักกันเอาละมั้ง

 

…ให้ตายเหอะ อยากจะเห็นอาวุธพวกนั้นจัง

 

「ดันเต้ซัง ข้างหน้าดูจะไม่มีอะไรนะครับ」

 

「โอเค งั้นไปกันเถอะ」

 

พวกเราผ่านถ้ำขนาดใหญ่แล้วตรงไปตามทางเดิน เส้นทางได้หักไปทางขวา

 

ออโตมาตรอนเมื่อกี้มาจากไหนกันหน่ะ? แผนกยึดครองเขาวงกตที่มาก่อนหน้าพลาดไปงั้นหรอ? ชิ้นส่วนของออโตมาตรอนตัวนั้นถูกแยกส่วนแล้วเก็บเอาไว้ที่ถาดรับน้ำหนักของเนโกะจัง—เพราะไม่ได้ต้องการชิ้นส่วนโลหะ ดังนั้นจึงมีแค่อุปกรณ์เวทยมนตร์ข้างใน ซึ่งก็มีไม่เยอะเท่าไหร่ ผมยังคิดว่ามันน้อยเกินไปเลย ทว่ามูเกะซังกลับเต็มเปลี่ยมไปด้วยความสุข สงสัยจังว่าทั้งหมดนั้นเป็นชิ้นส่วนหายากหรือเปล่านะ?

 

「…หืมมม?」เซอรี่ซังส่งเสียงออกมา

 

「มีอะไรหรอครับ?」ผมถาม

 

「ฮึมมม… เค้ารู้สึกเหมือนกับว่าอากาศมันเปลี่ยนไป บางทีอาจจะเป็นแค่เค้าก็ได้」

 

「งั้นเคลื่อนที่กันอย่างระมัดระวังกันดีกว่าครับ」

 

「ไปกันเถอะ」ดันเต้ซังพูดพร้อมพยักหน้า

 

พวกเราเคลื่อนตัวไปข้างหน้ากันอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และที่ข้างหน้าประมาณ 100 เมตร ห้องถัดไปก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา

 

「หะ-เห้ย นี้มัน…」

 

ผมเดินไปอยู่ข้างๆดันเต้ซังแล้วส่องไฟไป… มันเป็นทางกว้างๆ

 

「เหมือนกับที่ทางเข้าเลย ทางลาดลงไปข้างล่างพร้อมรูปปั้นหิน」

 

รูปปั้นหินพร้อมอาวุธมากมายเรียงรายกันทั้งซ้ายและขวา ทางลาดเอียงเหมือนกับที่ทางเข้าเด๊ะๆ

 

「มันดูเหมือนกันก็จริง แต่พวกมันมีอาวุธไม่เหมือนกันครับ」

 

「หมายความว่าไง?」

 

「ตรงทางเข้านั้นเรียงเป็นดาบ, โล่, คทา, ขวาน, หอก, ค้อน – แล้วก็วนไปครับ แต่ที่นี่นั้นเรียงเป็นดาบ, ดาบสั้นโค้ง(scimitar), ขวาน, มีด, หอก, กรรไกรยักษ์ครับ」

 

「โว้ว! นายจำของแบบนั้นได้ด้วยหรอเนี้ย」

 

ใช่ ผมยังไม่ได้บอกดันเต้ซังกับคนอื่นถึง【World Ruler】กับความสามารถจดจำสมบูรณ์แบบเลย

 

「เซอรี่ซัง คุณได้กลิ่นอะไรไหมครับ? หรือเสียงแปลกๆอะไรแบบนั้น?」ผมถาม

 

「เค้าได้กลิ่นน้ำมัน」เซอรี่ซังพูดขณะที่ดมฟุดฟิด ใบหน้าของเธอมีสมาธิผิดปกติ

 

「นี้คือน้ำมัน?」

 

จมูกของผมเองก็จับกลิ่นอ่อนๆได้ ถึงจะอ่อนมากเลยก็ตาม

 

「ดูจะค่อนข้างเก่าเลยนะครับ」ผมพูด

 

「เป็นกับดักหรือเปล่า?」

 

ทั้งผมและเซอรี่ซังก็ไม่สามารถตอบคำถามของดันเต้ซังทันทีได้ ผมคิดไม่ออกเลยจริงๆ

 

「ดันเต้ซัง อยากจะให้ผมลองยิงด้วย【เวทย์ไฟ】ไหมครับ?」

 

「หืมม? ตรวจดูว่ามีแก๊สไหมสินะ หา?」

 

ในอดีต มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “นกขมิ้นในเหมืองถ่านหิน (canary in the coal mine)” อยู่ที่โลก เรื่องราวจริงๆของคนงานเหมืองที่เข้าไปในอุโมงค์พร้อมกับนกขมิ้นในกรง อุโมงค์ที่ไม่ได้ใช้นานๆนั้นอาจจะมีออกซิเจนน้อยหรือเต็มไปด้วยคาร์บอนมอนอกไซด์ไม่ก็แก๊สพิษ นกขมิ้นถูกใช้ในฐานะตัวตรวจจับเพราะมันจะตายด้วยแก๊สพิษก่อนมนุษย์

 

จริงๆแล้ว ขนาดในเหมืองที่ 6 เอง พวกนักผจญภัยที่จะเข้าไปสำรวจพื้นที่ลึกๆบางครั้งก็นำนกตัวเล็กๆไปกับพวกเขาด้วยเช่นกัน

 

「ข้าไม่คิดว่ามันจะมีปัญหาอะไรเนื่องจากออกซิเจนนั้นไหลเวียนอยู่ภายในดันเจี้ยนอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีพวกแผนกยึดครองเขาวงกตที่มาก่อนหน้าพวกเราด้วย」

 

「ครับ…」

 

จริงด้วย เนื่องจากมีคนอยู่ข้างหน้าพวกเราแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำมันเลย

 

แต่ว่าถึงยังนั้น ผมก็ยังรู้สึกว่าผมต้องทำมันอยู่ดี ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน? ไม่ใช้สัญญาณเตือนจาก【World Ruler】แต่เป็นแค่ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลเท่านั้นเอง

 

「ถ้าเธอมีมานาเหลือละก็ จะลองดูก็ได้นะ ให้ยิงไปทางนั้นนะ อย่างน้อยๆพวกเราก็จะได้เห็นข้างหน้าชัดขึ้นด้วย」มิมิโนะซังพูด

 

ผมพยักหน้าแล้วยิง【เวทย์ไฟ】ออกไป มันเป็นลูกไฟขนาดเท่าบาสเก็ตบอล มันบินผ่านรูปปั้นพร้อมกับเสียงฟลิ้ว บริเวณที่มันผ่านสว่างขึ้นแปปนึง

 

การเรียงตัวของรูปปั้นหินยังคงไปเรื่อยๆ… รูปแบบอาวุธเองก็เหมือนเดิม… ท่าทางเปลี่ยนไปเล็กน้อย? สีของอาวุธเองก็ด้วย?

 

ท้ายที่สุด ลูกไฟก็กระทบกับกำแพงทางออกที่อีกฝั่งแล้วหายไป

 

「ทุกอย่างดูเหมือนกันหมดเลย」

 

ดันเต้ซังพูด มิมิโนะซังเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

ไม่ครับ ไม่เหมือน ไม่เหมือนกันซะทีเดียวครับ มันมีความต่างอยู่เล็กน้อยจริงๆ

 

แต่อะไรกันละที่ผมเห็น?

 

ผมนึกถึงสิ่งที่ผมเห็นด้วย【World Ruler】ท่ายืนกับสีของอาวุธนั้นต่างกัน ที่ด้านหน้าของแถว รูปปั้นนั้นยืนตัวตรง ทว่าที่ด้านหลังของแุถว พวกมันอยู่ในท่าดาวน์สวิง(downswing) ด้วยอาวุธ และสีของอาวุธเองก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันมีความเงาวับเลยด้วย…

 

(ที่นี่คือเขาวงกตเห็นความกลัว… ความกลัว… อาวุธ… รูปปั้น… อ้าาาาา ไม่เข้าใจสักนิด!)

 

ผมอาจจะสังเกตเห็นบางอย่างถ้าผมมีไหวพริบเหมือนกับเอิร์ลซิวลิซส์ แต่โชคไม่ดีที่ผมคิดอะไรไม่ออกเลย

 

「เอาละ ไปกันเถอะ」

 

ดันเต้ซังเดินนำหน้า แล้วพวกเราก็เดินตาม

 

พวกเราเดินไปตามทางเดินในขณะที่ถูกจ้องมองโดยรูปปั้น เป็นทางลาดลงอีกแล้ว ทำให้กลับมารู้สึกไม่ดีอีกครั้ง เมื่อพวกเราเดินลงเนิน คุณจะต้องเบรคพร้อมๆกับเดินลงไป และในทางกลับกัน คุณก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าถูกพลักดันให้ไปข้างหน้าเรื่อยๆ อะไรแบบ “เร็วกว่านี้! เร็วกว่านี้!”

 

เซอรี่ซังเองก็เดินเหมือนกับเธอยังคิดไม่ตกถึงความรู้สึกนี้ บางทีคงเพราะเซอรี่ซังกับผมนั้นเคร่งเครียดมาก เลยไม่มีใครพูดอะไรเลย – มีเพียงแค่เสียงเครื่องจักรไอน้ำของเนโกะจังดังออกมาเท่านั้น

 

(…ความกลัว… อาวุธ… รูปปั้น… อาวุธนั้นต่างจากตรงทางเข้า ทำไมกัน?)

 

ตอนแรกนั้นมีดาบ, โล่, คทา, ขวาน, หอก, ค้อน

 

ครั้งนี้มีดาบ, ดาบสั้นโค้ง, ขวาน, มีด, หอก, และ กรรไกรยักษ์

 

แล้วไอ้กรรไกรยักษ์นี้มันคืออาวุธอะไรกัน มีอาวุธ 3 อันเหมือนกันในขณะที่อีก 3 อันต่างกัน ทำไมถึงต่างกันละ…

 

(โอ๊ะ! พวกมันทั้งหมดเป็นใบมีดนี้นา)

 

อาวุธทั้ง 6 ประเภทในทางเดินนี้ล้วนแล้วแต่เป็น “ของมีคม”

 

แต่ แล้วมันหมายถึงอะไรกัน…?

 

(ใบมีด, ใบมีด, ใบมีด — น้ำมัน หมายความว่ามันมีกับดักงั้นหรอ…?)

 

ตรงนี้เป็นทางเดินลาดลง

 

「อ๊ะ-」

 

ผมรู้สึกตัวแล้วหันกลับไปมองด้านหลัง

 

มันไม่มีเสียง บางทีคงเพราะมันถูกทาด้วยน้ำมัน

 

อย่างไรก็ตาม… เสียงของอากาศที่ถูกตัดผ่านนั้นไม่สามารถลบออกไปได้

 

ทันทีพร้อมกันกับผม เซอรี่ซังเองก็หันกลับมามองด้านหลังด้วยเช่นกัน เนื่องจากเธอนั้นมีหูที่ดี เธอเลยได้ยินเสียงเหมือนกัน – เสียงของใบมีที่ตัดผ่านอากาศ

 

「หมอบลง!!」ผมตะโกน

 

พวกเรานั้นเอาแต่มองด้านบนอยู่ตลอด มันก็เป็นเรื่องปกตืเนื่องจากมีเพียงแค่รูปปั้นหินเท่านั้นที่ต่างจากตรงทางเข้า

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งพวกเราเดินผ่านมันไป – ช่องว่างที่สร้างอยู่ในทางลาดลง

 

ใบมีดหมุนยาวมากกว่า 1 เมตรถูกยิงมาทางพวกเรา

 

「คุ๊…」

 

มูเกะซังนั้นตอบสนองช้าไม่เหมือนกับพวกเรา ผมรีบกระโจนเข้าหาเขาแล้วลากเขาออกจากที่นั่งคนขับเนโกะจัง

 

「อุหว่าาา!」

 

เกือบไปแล้ว

 

ใบมีดนั้นพลาดไปไม่กี่มิลลิเมตร ตัดปลายผมของผมไปเล็กน้อย ขนาดต่อให้มันตัดปล่องไฟของเนโกะจังไปแล้วก็ตาม มันก็ไม่ได้หยุดลงเลย

 

ตอนที่ดันเต้ซังเห็นมัน เขาดูจะเหมือนกับพยายามจะบล็อคมันไว้ด้วยโล่ของเขา ทว่ารีบวางมันลงแล้วหมอบทันที ใบมีดนั้นถูกยิงด้วยแรงที่สามารถตัดผ่านโล่ให้เป็นสองซีกได้เลย

 

ใบมีดผ่านพวกเราแล้วหายราวกับถูกดูดเข้าไปในช่องว่างที่ถูกสร้างเอาไว้ตรงด้านบนของทางออก

 

เอาจริงดิ? ขนาดจุดปลายทางก็ยังคำนวนเอาไว้แล้วงั้นหรอ?

 

「ฟลิ้ว…」

 

ผมเหงื่อโชกตัว

 

「เดี๋ยวนะ! นี้มันเหมือนกับว่า…」

 

เนื่องจากพวกเราเคยประสบอะไรแบบนี้มาแล้ว ผมจึงรู้สึกตัวทันที พวกเรากำลังหมอบอยู่กับพื้น—ราวกับพบเจอใครสักคนที่สูงส่งกว่า หรือจะบอกว่า ราวกับพวกเรากำลังเผชิญกับตัวตนของสิ่งที่เหมือนกับ “พระเจ้า”

 

ใช่ พวกเราดูเหมือนกับกำลังหมอบกราบอยู่บนพื้น และถูกกลืนกินด้วยความกลัว

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+